เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย – ตอนที่ 43 การแข่งปราบปราม (7)

“ เฮ้ยครอส นี่แก ตั้งแต่ที่เขาประกาศยกคลาสแล้วหายหัวไปอยู่ที่ไหนมาน่ะ ”

 

หลังจากที่แยกกับคุณเอลิเซีย

พอรีบวิ่งแจ้นมายังห้องสนทนาที่กลุ่มเด็กกำพร้ายึดครองเอาไว้แล้ว ไม่รู้ทำไมจิเซลถึงเข้ามากระทุ้งไหล่ผมด้วยท่าทางหงุดหงิดเฉยเลย

เป็นเพราะมาสายเกินเวลาที่นัดเอาไว้เหรอ แต่กลุ่มเด็กกำพร้าที่เข้ามาทีหลังผมกลับไม่เห็นจะโดนต่อว่าอะไรเลยซะงั้น…….มันยังไงกันน่ะ?

 

“ ชิ อุตส่าห์คิดกะจะแนะนำให้รู้จักร้านเหล้าที่ทั้งราคาถูกทั้งอร่อยซะหน่อยแท้ๆ ดันทะลึ่งหายหัวไปก่อนจะทันได้ชวนซะงั้น…… เอ้อช่างมันเหอะ เอ้า อย่ามัวโอ้เอ้อยู่มาเริ่มฝึกกันได้แล้วเว้ย ”

 

เหมือนจิเซลจะพึมพำอะไรไม่รู้อุบอิบๆอยู่เหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้กล่าวโทษหาเรื่องอะไรผมไปมากกว่านั้น จิเซลเดินนำพากลุ่มที่จะลงประกวดในการแข่งปราบปรามตรงดิ่งไปยังสนามฝึกซ้อม

ที่นั่นก็คือสนามฝึกซ้อมที่มีความกว้างขนาดกลาง อยู่ภายในโรงเรียนนักผจญภัยซึ่งครอบครองพื้นที่อันกว้างใหญ่ไพศาล

เพราะตั้งอยู่ติดกับสถานกำพร้าที่ถูกบริหารอยู่โดยกิลด์ สนามฝึกซ้อมที่มีคุณภาพอยู่ในระดับปานกลางแห่งนี้จึงกลายเป็นคล้ายๆหนึ่งในอาณาเขตของกลุ่มเด็กกำพร้ามาหลายยุคสมัยน่ะนะ

เนื่องจากมีความกว้างพอสมควร จึงสามารถยิงปลดปล่อยเวทมนตร์ระดับกลางได้อย่างจุใจไม่ต้องพะวง แน่นอนว่าจะใช้ทำการฝึกซ้อมเป็นกลุ่มก็ไม่มีปัญหา

ที่อยู่ภายในสนามฝึกซ้อมนั้นไม่ได้มีเพียงสมาชิกที่จะเข้าร่วมในการแข่งปราบปรามเพียงอย่างเดียว กลุ่มเด็กกำพร้าคนอื่นๆก็มีฝึกปรือตนเองให้เห็นได้อยู่ประปราย  

 

“ งั้นก็มาเริ่มต้นกันเลย ”

 

และการฝึกที่เปิดฉากขึ้นตามสัญญาณของจิเซล ก็คือกลยุทธ์แบบแผนอันแสนจะเข้าใจง่ายที่ถูกออกแบบไว้เพื่อใช้รับมือกับสไลม์ปุกปุย

ให้กลุ่มเด็กกำพร้าที่ไม่ได้เข้าร่วมในการแข่งปราบปรามเหวี่ยงหินจำนวนมากที่ถูกพันผ้าเอาไว้เข้ามา แล้วให้อาชีพแนวหน้ามุ่งเน้นสมาธิจดจ่ออยู่กับการฟาดหินทั้งหมดลงกับพื้นเพื่อมุ่งเสริมสร้างความแข็งแกร่งและเป็นระบบให้กับแนวป้องกัน อาชีพเวทมนตร์เองก็ใช่ว่าจะจ้องมองดูอยู่เฉยๆ ต้องทำการกล่าวคำร่ายไปพลางแสดงท่วงท่าหลบหลีกหินซ้ำไปซ้ำมา ฝึกฝนท่วงท่าลีลาการเคลื่อนไหวโดยมีเป้าหมายเพื่อลดหลั่นภาระของอาชีพแนวหน้า  

และในระหว่างที่ทุกคนต่างก็มุ่งเน้นฝึกฝนอยู่กับบทบาทเพียงหนึ่งเดียวของแต่ละคนอยู่นั่น

 

“ อุ….คุ่ก!? ”

 

ตัวผมที่ทำได้ทั้งสู้ระยะประชิดและใช้เวทมนตร์นั้น ก็ทำการฟาดหินลงมากับพื้นไปพลางเอ่ยคำร่ายไปด้วย แถมยังต้องประสานงานกับคนอื่นที่ไม่คุ้นชินอีกต่างหาก เรียกได้ว่ายุ่งหัวหมุนสุดๆ หนำซ้ำยังพลาดรัวๆ สุดท้ายเลยโดนจิเซลตวาดใส่หน้าว่า “แกน่ะหัดมองภาพรวมให้ดีๆกว่านี้สิวะ!” เข้าจนได้

แต่ก็

 

(รู้สึกดีจังเลยแฮะ อะไรแบบนี้)

 

เป็นผลตอบกลับจากการที่ตลอดจนถึงตอนนี้ไม่เคยได้เข้ามาร่วมวงฝึกด้วยกันกับคนอื่น ทำได้แค่เพียงเฝ้ามองดูอยู่ห่างๆละมั้ง

ทำให้การฝึกร่วมกับพวกจิเซลมันชวนให้รู้สึกดีเหลือเกิน แม้จะโดนกระแทกด้วยก้อนหินไม่รู้กี่ครั้ง ล้มหน้าคว่ำลงกับพื้นไม่รู้กี่รอบ บาดแผลเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆไม่รู้จบเลยก็เถอะ แต่สถานการณ์ที่สมกับเป็นโรงเรียนนักผจญภัยนี่ก็ยิ่งทำให้อารมณ์ความรู้สึกของผมค่อยๆพุ่งสูงตื่นตัวมากยิ่งขึ้น

 

(ได้ฝึกซ้อมพร้อมหน้ากับทุกคนแบบนี้มันก็สนุกไม่เลวเลยเหมือนกันนะ……เพื่อที่จะสร้างผลลัพธ์ดีๆร่วมกับทุกคนให้ได้ในการแข่งปราบปรามแล้ว ต้องพยายามให้เต็มที่เลย)

 

และแล้ว ตัวผมที่ใจมันอุ่นไปหมดเนื่องจากสัมผัสที่ไม่เคยมีโอกาสได้รู้จักมาก่อน ก็ทุ่มเททั้งกายใจลงไปในการฝึกซ้อมร่วมกันกับพวกจิเซล……..ทว่า เป็นในฉับพลันนั้นนั่นเอง

 

 

“ แหม่ตายจริง! มีสนามฝึกซ้อมดีๆอยู่ตรงนี้ด้วยเหมือนกันนี่นา! ”

 

 

ที่เสียงอันแสนสดใสซะจนไม่เกรงใจผู้อื่น พลันดังกังวานขึ้นมาในสนามฝึกซ้อมอย่างกะทันหัน  

เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย

เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย

เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย
Status: Ongoing
อ่านนิยายเหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ยกาลครั้งนึงแต่ไม่ทราบแน่ชัดว่าเมื่อไหร่ ได้มีวีรสตรี 3 คนที่ถูกกล่าวขานล่ำลือกันว่าเป็นตัวตนผู้แข็งแกร่งทรงพลังมากที่สุดในโลกอยู่ครับ ความแข็งแกร่งของพวกเธอนั้นเรียกได้ว่าเป็นระดับเหนือมนุษย์เลยเชียว คนนึงสามารถต่อยขุนเขาให้แหลกกระจุยได้ด้วยหมัดเปล่า คนนึงสามารถเป่าร่างของพลทหารนับหมื่นนายให้ลอยปลิวหายไปได้ด้วยการโจมตีจากเวทมนตร์เพียงครั้งเดียว ส่วนอีกคนก็เป็นหญิงพิลึกพิลั่นที่เอาเวทฟื้นฟูกับเวทสนับสนุนมาใช้ฆ่าคนได้ เลยกลายเป็นตัวตนที่ถูกหวาดกลัวไปตามระเบียบ แค่เพียงคนเดียวก็โหดพอจะทำให้ประเทศหนึ่งถึงการล่มสลายได้อย่างง่ายดายแล้ว ยิ่งถ้าเหล่าวีรสตรี 3 คนนั้นมาสุมหัวรวมตัวไปไหนมาไหนด้วยกันแล้วนี่คงอาจต้องเรียกว่าเป็นภัยพิบัติเดินได้ การหวนคืนชีพของเทพมาร หรือในบางพื้นที่ก็อาจจะระบุตัวตนของพวกเธอเป็นเทพผู้ชั่วร้ายกันเลยก็เป็นได้…..หากอาศัยใช้งานความแข็งแกร่งนั่นซะอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอะไรต่อมิอะไรก็คงบันดาลให้เป็นดั่งที่ใจพวกเธอต้องการได้เกือบทั้งหมดเลยกระมัง แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังมีสิ่งที่แม้แต่สามคนนั้นเอง ก็ยังไม่อาจได้มาครอบครองอยู่ครับ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset