เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย – ตอนที่ 45 อยากหาเรื่องก็พร้อมรบ (2)

“ ——ก็ ประมาณนี้แหละครับ กลายเป็นเรื่องใหญ่โตเพราะผมซะได้…… ”

 

พอก้าวออกจากสนามฝึกซ้อมแล้วกลับมาถึงคฤหาสน์ ครอสก็นำเอาเรื่องที่พวกตนถูกขุนนางหาเรื่องขึ้นมาปรึกษาเหล่าอาจารย์ทันที

หลังจากตอนนั้น ครอสก็พยายามเสนอกับจิเซลว่า [ลองไปขอร้องนักผจญภัยรุ่นพี่ของสถานกำพร้าให้มาช่วยด้วยมั้ย] บ้างล่ะ [ที่นี่คือเมืองของนักผจญภัยนะ ฉะนั้นถ้าไปแจ้งเรื่องกับทางกิลด์ซะไม่แน่เค้าอาจจะมาช่วยปรามให้ก็ได้] บ้างล่ะ……แต่ก็ถูกจิเซลตะคอกกลับว่า [ขืนทำอะไรเหมือนกับเด็กแจ้นไปร้องไห้ฟ้องพ่อแม่แบบนั้นก็ได้ถูกพวกมันดูหมิ่นหนักเข้าไปใหญ่กันพอดีสิวะ!] ปฎิเสธทั้งหมด แถมเพื่อนๆกลุ่มเด็กกำพร้าก็ยังเห็นพ้องตรงกันกับจิเซลเต็มที่เลยอีกต่างหาก

กล่าวคือกลายเป็นสถานการณ์ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงการปะทะกับกองกำลังของแคทลียาได้อีกแล้ว

เรื่องทั้งหมดนี้ไม่ใช่ความผิดของครอสเลยซักนิดก็จริง แต่ก็ไม่อาจปฎิเสธว่าการสอบชิงสิทธินั้นคือชนวนที่ก่อให้เกิดเหตุการณ์เช่นในตอนนี้ขึ้นมา ด้วยเหตุนี้เองเด็กหนุ่มจึงรู้สึกผิดอย่างยิ่งยวด กลัดกลุ้มอย่างหนักเลยว่าพอจะมีทางที่ตนจะช่วยเหลือเป็นกำลังให้พวกจิเซลสามารถคว้าเอาชัยมาได้หรือไม่

แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ จะให้ฝึกวิชาจนเอาชนะปาร์ตี้อาชีพระดับกลางได้ภายในสองอาทิตย์นี่มันก็ไม่น่าไหว……ครอสจึงไหล่ตกหมดเรี่ยวแรงตั้งแต่แรกเริ่ม ที่ยกเรื่องขึ้นมาปรึกษาพวกอาจารย์นั่นให้ว่าตามจริงแล้วก็คือถามไปแบบไม่ได้คาดหวังอะไรด้วย

 

“ งั้นหรือ เป็นสถานการณ์ที่น่าลำบากใจจริงๆนั่นล่ะ ”

 

แล้วก็ใช่จริงๆ ลูด์มิร่าที่นั่งรับฟังเรื่องราวอยู่กับโต๊ะโรงอาหาร พลันกล่าวเช่นนั้นออกมาพลางหลับตา

 

“ ลองมาจัดเรียงสถานการณ์ซักครั้งกันก่อนเถอะ ขุนนางที่เข้ามาป้วนเปี้ยนชวนทะเลาะกับพวกเธอนั่นเป็นปาร์ตี้ซึ่งมีศูนย์กลางคือ ผู้ใช้งานเวททิ้งระเบิดอันแสนทรงอำนาจ กับเหล่าอาชีพระดับกลางซึ่งทำหน้าที่สร้างแนวป้องกัน ถูกต้องไหม? ”

“ ชะ ใช่ครับ ในการประลองนี่อาจจะมีการนำอาชีพซัพพอร์ตอย่าง <<เรนเจอร์>> หรือ <<พรีส>> เข้ามาร่วมด้วยก็ได้ แต่ใจกลางของปาร์ตี้นั้นคือจอมขมังเวทระดับกลาง แล้วก็เหล่าอาชีพระยะประชิดระดับกลางที่คอยเฝ้าปกป้องพวกเค้าอยู่อย่างแน่นอนเลยครับ ”

“ ฮื่ม เป็นปาร์ตี้ปืนใหญ่ติดกับที่ตามสูตรสำเร็จเลยสินะ ใช้กำลังรบหลักที่มีอานุภาพทำให้ศัตรูแตกพ่ายย่อยยับได้อย่างแน่นอนเป็นแกนกลาง แล้วให้อาชีพระยะประชิดอันแสนแข็งแกร่งคอยเฝ้าปกป้องเอาไว้…..นับว่าเป็นแนวรบกำแพงเหล็กที่สามารถใช้ต่อกรรับมือกับมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งมากยิ่งกว่าได้ในระดับนึงเลย หากคิดเช่นนี้แล้ว <<คลาส>> ของผู้ติดตามทั้งสองคนที่ยืนประจำการอยู่เคียงข้างริชมอนด์นั่นก็คงไม่แคล้วเป็นสาย <<อัศวิน>> ซึ่งมีความเป็นเลิศในด้านป้องกันกระมัง ”

 

ทำการจัดเรียงข้อมูลที่ได้ฟังมาจากครอส แล้วจากนั้นลูด์มิร่าจึงกล่าวข้อสันนิษฐานของตนออกมา

 

“ ถึงแม้ว่าเด็กที่ชื่อจิเซลนั่นจะสามารถสะท้อนเวทมนตร์ไปใช้สร้างความปั่นป่วนแตกตื่นให้กับศัตรูได้ แต่การจะฉวยโอกาสฝ่าเหล่าอาชีพระดับกลางที่แกร่งเฉพาะทางในด้านป้องกันไปเด็ดหัวผู้นำของฝั่งศัตรูนั้น ก็ถือเป็นอะไรที่ยากยิ่งเป็นที่สุดเลยเชียวล่ะ ”

“ ว่าแล้วเชียว……..เป็นแบบนั้นจริงๆด้วยสินะครับ ”

 

อาชีพระดับกลางสองคนที่เป็นเลิศในด้านป้องกัน

หากให้เปรียบเปรยแบบเกินจริงนิดหน่อย ก็เหมือนกับว่ามีร็อกลิซาร์ด วอริเออร์ที่มีสติปัญญาสองตัว คอยรับหน้าที่เป็นกำแพงป้องกันให้อยู่นั่นแหละ แล้วก็จะลืมไม่ได้ ว่าอาชีพระยะประชิดระดับกลางของฝั่งศัตรู ไม่ได้มีเพียงแค่สองคนนั้นด้วย

พอถูกยัดเยียดความต่างชั้นในด้านกำลังรบมาให้เห็นได้อย่างชัดเจนจะๆอีกครั้งแล้ว ครอสก็ถึงกับไหล่ตกอย่างท้อแท้

แต่ในอีกด้าน ลูด์มิร่ากลับส่งยิ้มอย่างห้าวหาญไปให้กับศิษย์รักที่หมดสิ้นกำลังใจจะสู้

 

“ แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ กับอีแค่นี้ ไม่ใช่ปัญหาที่ยิ่งใหญ่อะไรเลยแม้แต่นิดเดียว ”

“ ……….เอ๊ะ ”

“ การฝึกเสริมความแข็งแกร่งของเวทลมในตลอดหลายวันมานี้นั่นยังไงล่ะ หากพัฒนาการฝึกให้เหนือล้ำไปยิ่งกว่านี้ แล้วชำนาญสไตล์ <<นักดาบเวทมนตร์>> ที่ฉันร่างภาพออกแบบเอาไว้ได้ เธอก็จะต้องสามารถรับมือกับปาร์ตี้ขุนนางนั่นได้พอสมควรเลยเหมือนกันนั่นล่ะ ”

“ จะ จริงเหรอครับ!? ”

 

คำตอบอันเหนือความคาดหมายที่หลุดออกมาจากปากของลูด์มิร่า ทำให้ครอสถึงกับลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ดันตัวเข้ามาใกล้ในทันที

 

“ อืม ถึงแม้เวทลมจะมีอานุภาพการทำลายต่ำเมื่อเทียบกับธาตุอื่นๆ แต่มันก็มีเอกลักษณ์จุดเด่นอันยิ่งยวดที่ธาตุอื่นใดไม่มีอยู่เช่นกัน กล่าวคือ การเคลื่อนที่ด้วยอำนาจของสายลมยังไงล่ะ ”

 

สิ่งที่พลันแล่นเข้ามาในหัวของครอสหลังจากได้ยินคำพูดของลูด์มิร่า ก็คือเวทลอยตัวที่ใช้ประโยชน์จากลม

การเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วสุดกู่ที่ได้สัมผัสในตอนที่ถูกพาตัวไปยัง <<ผืนป่าเบื้องลึก>>

 

“ ครอส ก็ดังที่ฉันเคยกล่าวไปแล้วในตอนที่เริ่มต้นฝึกด้านเวทมนตร์อย่างจริงจังนั่นล่ะ เธอน่ะคือตัวตนแสนหายากที่สามารถใช้ทั้งสกิลเวทมนตร์และสกิลระยะประชิดได้ทั้งสองอย่าง ต่างจากอาชีพเวทมนตร์ทั่วไป เธอน่ะมีข้อดีอย่างท่วมท้นตรงที่สามารถเคลื่อนไหวไปมาได้อย่างอิสระและใช้เวทมนตร์ได้โดยไม่ต้องให้คนอื่นช่วยปกป้อง ตัวเธอที่มีทั้งความเร็วเพื่อใช้ปั่นหัวและอานุภาพเพื่อใช้กำหราบศัตรูอยู่ครบครันนั้น สามารถกลายเป็นปัจจัยประหลาดที่จะช่วยพลิกความต่างชั้นด้านกำลังรบในศึกแบบกลุ่มได้เลย……ในความเป็นจริงแล้ว ในตอนที่ถูกกลุ่มเด็กกำพร้ารุมทำร้ายในป่าทิศตะวันตกนั่น หากไม่ได้ถูกผนึกเวทมนตร์เสียอย่าง เธอก็คงจะสามารถเอาตัวรอดข้ามผ่านอันตรายมาได้ด้วยตัวคนเดียวเลยด้วยซ้ำ ”

“ ……….! ”

“ หากยกระดับเวทลมไปเรื่อยๆ ข้อดีด้านนั้นมันก็จะยิ่งเด่นชัดมากยิ่งขึ้น เท่านั้นกับอีแค่ปาร์ตี้ระดับกลาง ก็จะไม่ใช่คู่มือของเธออีกต่อไปแล้ว ”

 

หลังจากนั้น ลูด์มิร่าก็ทำการบอกกล่าวกลยุทธ์ที่ใช้ประโยชน์จากเวทลมให้ครอสฟังอย่างละเอียด

แผนการเหล่านั้นต่างก็เปี่ยมล้นไปด้วยความน่าเชื่อถือที่มั่นใจได้ ทำให้ครอสที่ถูกกดดันบีบเร้าโดยความต่างชั้นด้านกำลังรบที่ชวนให้สิ้นหวังมาตลอดจนถึงเมื่อครู่ พลันได้แสงสว่างกลับคืนมาสู่ดวงตา

แถมสไตล์ <<นักดาบเวทมนตร์>> ที่ลูด์มิร่าชี้แจงให้ฟังอย่างละเอียดนั่นมันยังดูเท่สุดๆไปเลย ยิ่งทำให้ดวงตาของครอสประกายแสงเจิดจ้ามากเข้าไปใหญ่

 

“ ถ้าอย่างนั้นก็น่าจะมีโอกาสชนะจริงๆนั่นแหละ…….ก็ไม่รู้หรอกนะครับว่าผมจะสามารถทำตามคำสอนของคุณลูด์มิร่าได้ไปถึงขนาดไหน แต่ผม จะพยายามเต็มที่ครับ! ได้โปรดช่วยสอน <<นักดาบเวทมนตร์>> ให้กับผมทีเถอะครับ! ”

“ แน่นอนสิ เหลือเวลาอีกสองอาทิตย์ มาพักผ่อนให้พอเหมาะ แล้วมุ่งเน้นฝึกวิชาให้เต็มที่ด้วยกันกับฉันกันเถอะ ”

“ ครับ! ”

 

วางมาตรการรับมือกับขุนนางอันธพาลได้แล้ว ทั้งครอสกับลูด์มิร่าต่างก็พากันคึกคักมีกะใจพร้อมรบเต็มเปี่ยม

แต่ในอีกด้านนึง——

 

“ เช้~ การฝึกวิชาที่มีลูด์มิร่าจังเป็นศูนย์กลางยังจะยาวยืดต่อไปอีกซักพักเลยเหรอเนี่ยยย แล้วเมื่อไหร่จะถึงตาฉันซะทีง่าาา ”

“ ชิ ครอสอุตส่าห์โดนลูกหลงจากการแก่งแย่งอำนาจจริงอย่างที่หวังเอาไว้แล้วทั้งที แต่ไหงศัตรูตัวแรกสุดมันต้องเผอิญเป็นปาร์ตี้จอมขมังเวทพอดิบพอดีด้วยเนี่ยเฮ้ย เข้าทางอีนังลูด์มิร่ามันเลยนี่หว่า ซวยชะมัดยาด……. ”

 

เพราะถูกตัดสินว่าลูด์มิร่าจะได้เป็นศูนย์กลางของการฝึกวิชาต่อเนื่อง เหล่าอาจารย์ทั้งสองคนที่ถูกแย่งครอสไปก็เลยงอนตุ๊บป่องกันซะหยั่งกับเด็กๆ

โดยเฉพาะอาการไม่พอใจของลีโอเน่นี่คือหนักขั้นมากยิ่งกว่าเทโลเมียร์ซะอีก

สาเหตุนั่นก็เพราะว่า ที่ลีโอเน่จงใจเลือกให้จิเซลมาเป็นคู่มือของครอสในการสอบชิงสิทธิ แถมยังเปลี่ยนรูปแบบเป็นเปิดกว้างให้คนนอกเข้ามารับชมได้นั้น ก็เพื่อหวังให้ผลลัพธ์จากการที่ครอสโดดเด่นไปเข้าตาแล้วถูกพวกขุนนางจ้องเล่นงานนั่นเอง แล้วทีนี้ตนก็จะสามารถทำการฝึกวิชาให้ครอสโดยอ้างว่าเพื่อวางมาตรการรับมือได้อย่างเต็มปาก กล่าวคือคาดหวังว่าจะได้มีเวลาอยู่ด้วยกันกับครอสมากยิ่งขึ้นนั่นล่ะ

ใช่แล้ว เหตุผลที่ลีโอเน่ลงมือปรับแก้การสอบจนเปิดกว้างให้คนเข้ามาชมได้นั้น นอกจากจะเพื่อสร้างความมั่นใจในปริมาณที่เหมาะสมให้กับครอสแล้ว…….ยังมีเจตนาแอบแฝงเช่นนี้อยู่อีกด้วย

หากทำตัวเด่นขึ้นมาในบัสเคิลเบียร์ช่วงนี้ ก็อยู่ที่เวลาแล้วว่าจะถูกพวกขุนนางจับจ้องหมายหัวเมื่อไหร่

ถ้าถึงยังไงก็จะต้องโดนพวกขุนนางมันหาเรื่องเข้าซักวันแล้ว ก็ชิงเร่งขั้นตอนให้โดนเขม่นไวๆ เพื่อเพิ่มโอกาสที่จะได้ปะทะประมือกับศัตรูที่เหนือยิ่งกว่าซะ แถมถ้าเป็นศึกกับคนด้วยกันก็น่าจะมีความเสี่ยงถึงชีวิตต่ำด้วย

หากทำแบบนั้นแล้วการฝึกวิชาของครอสก็จะยิ่งได้ประสิทธิภาพมากขึ้น และถ้ามีโอกาสต้องสู้กับพวกขุนนางที่ต่างก็เป็นกลุ่มคนที่ชื่นชอบการท้าดวลแบบ 1 ต่อ 1 ซะส่วนมากบ่อยๆแล้วละก็ เวลาที่ตนซึ่งรับหน้าที่สอนวิชาด้านระยะประชิดจะได้อยู่ด้วยกันกับครอสก็จะยิ่งเพิ่มพูน คุ้มกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว! นั่นแหละคือที่ลีโอเน่คิดคาดการณ์เอาไว้

แต่ไม่รู้ว่ากรรมที่โยนครอสลงไปกลางศึกแก่งแย่งอำนาจด้วยเจตนาแอบแฝงนั่นมันย้อนกลับมาสนองเข้าตัวหรือไง ตำแหน่งศูนย์กลางของการฝึกวิชาจึงโดนลูด์มิร่าแย่งเอาไป ส่วนตัวเองก็ดันติดแหง่กอยู่กับงานหลังฉาก

สำหรับลีโอเน่แล้ว สถานการณ์ตอนนี้มันโคตรจะไม่น่าอภิรมย์เอาซะเลย

 

(หนอยแน่นังลูด์มิร่า บังอาจฉกเอาซีนดีๆไปครองอยู่คนเดียวซะได้…….!)

 

เนี่ยแหละ งอนแบบโมโหพาลไม่เข้าเรื่องอยู่แบบนี้

ด้วยเหตุนี้เองลีโอเน่จึงอารมณ์บ่จอย เทโลเมียร์เองก็ชักจะทำแก้มป่องพลางร้องอย่างไม่พอใจออกมาว่า “งื้อ~” เข้าอีกรอบ ทว่า

 

“ คุณลีโอเน่ครับ คุณเทโลเมียร์ครับ! ”

 

ครอสที่ประชุมวางแผนกับลูด์มิร่าเสร็จเรียบร้อยแล้ว พลันวิ่งตรงเข้ามาด้วยแก้มที่แดงระเรื่อ

ก่อนที่จะ

 

“ ทั้งสองคนน่าจะฟังอยู่เหมือนกันก็จริง…….แต่เพื่อให้ได้มาซึ่งสไตล์ <<นักดาบเวทมนตร์>> ที่เก่งพอจะต่อกรกับปาร์ตี้อาชีพระดับกลางได้แล้ว จำเป็นต้องได้รับการฝึกวิชาจากคุณลีโอเน่ด้วยครับ และหากอยากจะยกระดับพลังให้ได้ในระยะเวลาสั้นๆแล้วก็จะขาดความช่วยเหลือของคุณเทโลเมียร์ไม่ได้เด็ดขาดด้วย ให้ช่วยฝึกจนสามารถสู้กับอาชีพระดับกลางได้ภายในเวลาเพียงสองอาทิตย์นี่มันก็เป็นคำขอที่บ้าบอเกินเหตุจริงอยู่หรอก……..แต่ได้โปรด ช่วยสั่งสอนให้คำแนะนำผมทีเถอะนะครับ! ”

 

พูดดังเช่นนั้นออกมาอีกครั้ง

สิ่งที่ปรากฎขึ้นมาเหนือสีหน้านั้นก็คือความมุ่งมั่นอันเด็ดขาดที่มุ่งหมายจะปกป้องเพื่อนพ้องเอาไว้จากขุนนางที่แสนอันธพาลให้จงได้ หนำซ้ำยังเปี่ยมล้นไปด้วยความเชื่อใจและความชอบพลออันใสซื่อ 100% ที่มีต่อพวกลีโอเน่อีกต่างหาก——

 

“ โอะ โอ้ว! แหงอยู่แล้วล่ะนะ! ตั้งแต่วันนี้ไปจะสอนวิชาให้เต็มที่เลยนะ! ”

“ โธ่~ ต่อให้ไม่พูดแบบนั้นก็ยินยอมพร้อมจะช่วยเต็มที่เลยอยู่แล้วแหละน้าา จะถ่ายเทอะไรต่อมิอะไรให้เต็มที่เต็มกำลังเลยจ้าา ”

 

ลีโอเน่และเทโลเมียร์พลันยิ้มร่าได้ในพริบตาเดียว

ฮึบ!…เห็นครอสที่กระฉับกระเฉงตื่นตัวแบบนั้นแล้วเขว ในหัวคือนี่คือทำการประกอบสร้างเป็นแนวทางการฝึกอย่างละเอียดถี่ยิบขึ้นมาโดยพลันเลย

 

(อะ อ้าว……? แปลกจังแฮะ ก็ไม่ใช่ว่าแนวทางการฝึกห่วยๆที่มีนังลูด์มิร่าเป็นศูนย์กลางมันจะเปลี่ยนไปซะหน่อยแท้ๆ)

(แต่ตอนนี้กลับ ไม่ได้รู้สึกแย่ซะทีเดียวเฉยเลยย?)

 

ทั้งสองต่างก็สับสนกับตัวเองที่หายอารมณ์เสียได้ด้วยคำพูดเรื่อยเปื่อยเพียงคำเดียวของครอส ก่อนจะเอามือกดอกที่ร้อนรุ่มอบอุ่นขึ้นมานิดๆพลางเอียงหัว  

เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย

เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย

เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย
Status: Ongoing
อ่านนิยายเหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ยกาลครั้งนึงแต่ไม่ทราบแน่ชัดว่าเมื่อไหร่ ได้มีวีรสตรี 3 คนที่ถูกกล่าวขานล่ำลือกันว่าเป็นตัวตนผู้แข็งแกร่งทรงพลังมากที่สุดในโลกอยู่ครับ ความแข็งแกร่งของพวกเธอนั้นเรียกได้ว่าเป็นระดับเหนือมนุษย์เลยเชียว คนนึงสามารถต่อยขุนเขาให้แหลกกระจุยได้ด้วยหมัดเปล่า คนนึงสามารถเป่าร่างของพลทหารนับหมื่นนายให้ลอยปลิวหายไปได้ด้วยการโจมตีจากเวทมนตร์เพียงครั้งเดียว ส่วนอีกคนก็เป็นหญิงพิลึกพิลั่นที่เอาเวทฟื้นฟูกับเวทสนับสนุนมาใช้ฆ่าคนได้ เลยกลายเป็นตัวตนที่ถูกหวาดกลัวไปตามระเบียบ แค่เพียงคนเดียวก็โหดพอจะทำให้ประเทศหนึ่งถึงการล่มสลายได้อย่างง่ายดายแล้ว ยิ่งถ้าเหล่าวีรสตรี 3 คนนั้นมาสุมหัวรวมตัวไปไหนมาไหนด้วยกันแล้วนี่คงอาจต้องเรียกว่าเป็นภัยพิบัติเดินได้ การหวนคืนชีพของเทพมาร หรือในบางพื้นที่ก็อาจจะระบุตัวตนของพวกเธอเป็นเทพผู้ชั่วร้ายกันเลยก็เป็นได้…..หากอาศัยใช้งานความแข็งแกร่งนั่นซะอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอะไรต่อมิอะไรก็คงบันดาลให้เป็นดั่งที่ใจพวกเธอต้องการได้เกือบทั้งหมดเลยกระมัง แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังมีสิ่งที่แม้แต่สามคนนั้นเอง ก็ยังไม่อาจได้มาครอบครองอยู่ครับ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset