เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย – ตอนที่ 46 อยากหาเรื่องก็พร้อมรบ (3)

และแล้วการฝึกวิชาเพื่อรับมือกับศึกแบบกลุ่ม ก็ได้เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่วันที่ผมเอาเรื่องมาปรึกษาพวกคุณลูด์มิร่านั่นเลย

พอเอาเรื่องนี้ไปแจ้งให้จิเซลทราบแล้ว

 

“ ถ้าเป็นแนวทางที่พวกอาจารย์สัตว์ประหลาดของแกกำหนดให้งั้นก็คงไม่มีผิดมีพลาดแน่ๆล่ะ กำลังรบหลักที่เอาแน่เอานอนได้จริงๆของฝั่งเราคือแกก็จริง แต่ก็ไม่จำเป็นจะต้องมาฝึกซ้อมร่วมกับเราจนโดนไอ้พวกขุนนางมันรู้ไต๋เอาหรอกนะ แกน่ะมุ่งเน้นอยู่กับการฝึกวิชาของตัวเอง แล้วยกระดับสกิลให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำไหวซะ ส่วนพวกฉันจะลองทำในสิ่งที่ทำได้ดู ”

 

ได้ความมาว่าอย่างนั้น ผมจึงต้องพยายามทำการฝึกซ้อมร่วมกันกับกลุ่มสถานกำพร้าให้ได้น้อยที่สุด

แล้วจึงเจียดเวลาไปยังการฝึกวิชากับเหล่าอาจารย์ให้มากยิ่งขึ้น

และสิ่งที่ทำก่อนเป็นอันดับแรกสุด ก็คือการยกระดับ Lv สกิลเวทมนตร์ที่ดำเนินต่อเนื่องมาตลอดหลายวันที่ผ่านมา ฝึกแบบนั้นต่อกันยาวๆ

 

“ ——–วินด์ชู๊ต! ”

 

ณ พื้นที่ซึ่งดูเหมือนกับลานประลองทรงกลมที่ถูกสร้างขึ้นอย่างฝืนๆในบริเวณส่วนตื้นของ <<ผืนป่าเบื้องลึก>>

ทำการยิงเวทมนตร์อัดใส่เหล่ามอนสเตอร์ที่ถูกล่อเข้ามาใกล้อย่างต่อเนื่องไม่มีหยุด

ถูกคุณลูด์มิร่าโอบกอดรอบตัวอยู่กลางอากาศ ดีดดิ้นตัวหงิกตัวงอกับความรู้สึกดีในตอนที่สัมผัสการควบคุมพลังเวทถูกส่งไหลเข้ามาภายในร่างไปพลางยิงเวทไปด้วย เป็นการฝึกวิชาที่น่าอายมากๆเลยล่ะ

แต่ก็ใช่ว่าการฝึกวิชานั่นจะดำเนินไปแบบเหมือนกับคราวก่อนเป๊ะเลยแต่อย่างใด

 

“ ถึงแม้จิเซล สตริงก์จะมีสกิลที่ใช้สะท้อนเวทมนตร์กลับไปได้ แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่ศัตรูจะหนีรอดพ้นแล้วยิงเวทมนตร์โต้กลับมาใส่อยู่พอสมควรเลยเช่นกัน ฉะนั้นเพื่อรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน เธอก็สมควรน่าจะต้องเริ่มยกระดับสเตตัสป้องกันเวทได้แล้ว ”

 

และสิ่งที่คุณลูด์มิร่าปลดปล่อยออกมาจากฝ่ามือหลังจากพูดจบเช่นนั้น ก็คือเวทโจมตีธาตุลมที่เบาหวิวเอามากๆ

แทบจะไม่รู้สึกเจ็บเลย หมู่มวลก้อนลมอันนุ่มนวลถูกบีบเข้ามาชนกับร่างกายของผมอย่างอ่อนโยน รู้สึกหยั่งกับว่าเป็นการนวดแบบใหม่เลยยังไงยังงั้น

 

“ เช่นเดียวกับที่มีสกิลเสริมสเตตัสด้านกำลังหรือป้องกันปรากฎขึ้นมาในการประลองฝีมือกับลีโอเน่ หากรับเวทโจมตีเข้าไปเธอก็จะต้องได้รับสกิลเสริมป้องกันเวทมาอย่างแน่นอน แถมถ้าหากจำกัดธาตุของเวทโจมตีให้มีเพียงลมเสีย ก็จะช่วยทำให้ทั้งร่างกายเข้าใจในสัมผัสของสายลมได้อีกด้วย จะต้องมีผลช่วยให้ยกระดับเวทลมได้ดีขึ้นแน่ นับว่าได้ประสิทธิภาพดีเยี่ยมโดยแท้ ”

 

เพราะแบบนี้คุณลูด์มิร่าเค้าก็เลยใช้เวทมนตร์ธาตุลมหลากแบบหลายสไตล์ที่ถูกลดหลั่นอานุภาพลงมาสุดขีด นวดลูบไล้ไปทั่วร่างกายของผมเลยน่ะนะ………

 

“ อะ เอ่อคุณลูด์มิร่าครับ!? เสื้อผ้าผมหลุดปลิวว่อนอีกแล้ว…….แล้วก็นี่คือว่า นี่จงใจเล็งตรงจุดที่อ่อนไหวเพียงอย่างเดียวมาตลอดตั้งแต่เมื่อกี้นี้แล้วรึเปล่าครับเนี่ย!? ”

“ หากทำแบบนั้นจะช่วยให้เข้าใจสัมผัสของสายลมได้ดีมากยิ่งขึ้นไงล่ะ ”

“ พูดจริงเหรอครับ!? ”

“ ใช่แล้วล่ะ ”

 

คุณลูด์มิร่าให้คำขาด

 

“ …….แต่ก็นะ พอเห็นการตอบสนองของครอสเข้าแล้ว มือมันก็ไวขยับไปเน้นเล็งตรงจุดที่อ่อนไหวเองเลยเสียอย่างนั้น ”

 

ก็ยังแอบมีใจฉงนสงสัยว่านั่นเค้าพูดจริงแท้แน่นอนเลยแน่เหรออยู่เหมือนกันแหละ……แต่ร่างกายของผมที่ได้รับเวทลมเข้าไปรัวๆมันก็ทำการยกระดับ Lv ของสกิลเวทมนตร์ขึ้นมาได้รวดเร็วยิ่งกว่าก่อนหน้านี้จริงๆซะด้วย ผมก็เลยต้องจำใจอดทนอดกลั้นยอมรับความอับอายฝึกวิชาต่อไป

 

“ โอเช้! ต่อไปก็ถึงตาของฉันแล้วสินะ! ”

 

พอทำการฝึกเวทลมเสร็จสิ้นลงไปได้ คุณลีโอเน่เค้าก็ยิ้มแย้มอย่างอารมณ์ดีพลางเอาดาบที่ถูกทำให้หมดคมพาดไหล่เอาไว้

ตัวผมที่ลงมาเหยียบพื้นของ <<ผืนป่าเบื้องลึก>> ที่ถูกแผดเผาแมกไม้จนหมดสิ้น พลันหันหน้าเข้าเผชิญกับคุณลีโอเน่พลางกำดาบสั้นเตรียมพร้อมเอาไว้อยู่ภายในกำมือ ก่อนจะเริ่มต้นทำศึกประลองฝีมือดังเช่นเคย

แต่การประลองฝีมือคราวนี้มีขั้นตอนที่แตกต่างไปจากคราวก่อนๆพอสมควร

นั่นก็คือหากไม่นับในกรณียกเว้นบางส่วนแล้ว ผมจะถูกห้ามให้ไม่อาจโจมตีสวนกลับเข้าใส่ได้เลย

 

“ ก็ไม่อยากยอมรับหรอก แต่ในศึกที่ชุลมุนนัวเนียซัดกันมั่วแล้ว สกิลเวทมนตร์มันก็ใช้ได้ผลดีต่อคู่ต่อสู้ที่แกร่งกว่าจริงๆนั่นแหละนะ จะยอมส่งการฝึกวิชาด้านโจมตีไปให้นังลูด์มิร่ามันจัดการก็ได้ ที่ฉันจะช่วยฝึกยกระดับให้แกในคราวนี้น่ะนะ มันก็คือท่วงท่าลีลาเพื่อใช้ปั่นหัวศัตรู แล้วก็การเสริมอำนาจการเคลื่อนไหวอย่างถ่องแท้ เพื่อยกระดับความสมบูรณ์ของสไตล์ <<นักดาบเวทมนตร์>> ที่ลูด์มิร่ามันว่าเอาไว้ให้ได้มากยิ่งขึ้นไงล่ะ ”

 

ว่าแล้วคุณลีโอเน่ก็ฟาดการโจมตีเข้ามาใส่ ส่วนผมก็ทำการหลบหลีกคมดาบพวกนั้นสุดตัว

ใช้ <<บัฟสมรรถภาพร่างกาย>> และ <<หลบหลีกฉุกเฉิน>> เพื่อยกระดับความเร็ว บางครั้งก็ใช้ <<เคลือบแข็งร่างกาย>> ผสมโรงร่วมไปด้วย…..เอาเป็นว่าใช้ทุกวิธีที่มีเพื่อให้รอดจากการโจมตีของอีกฝั่งให้ได้

 

“ อย่ามองไปที่ดาบของอีกฝั่งอย่างเดียวเพราะกลัวเด็ดขาด ตั้งสติให้มองเห็นทั่วทั้งร่างกายของอีกฝ่ายซะ! เอ้านั่นไงล่ะ เพราะมัวแต่มองดาบอยู่อย่างเดียวก็เลยติดกับโดนกลลวงเข้าจนได้! แถมไม่ใช่ว่าอีกฝั่งมันจะใช้ดาบโจมตีอย่างเดียวนะ ลูกเตะมันก็ใช้ได้! ดี ดีมากหลบได้สวย! ถ้าสังเกตเห็นลูกเล่นทีเผลอช้าเกินไปก็อย่าฝืนหลบเอง ใช้สกิลหลบหลีกไปเลย! เอ้อนั่นแหละอย่างงั้น มันต้องแบบนั้น! ”

 

เคลื่อนไหวประสานไปกับเสียงตะโกนของคุณลีโอเน่ที่ยิ้มอย่างดุดัน จมดิ่งลงไปสู่โลกของการทะเลาะวิวาทอันแสนสนุกสนานสะใจ

การประลองฝีมือที่ต้องเพ่งสมาธิจดจ่อไปยังการหลบหลีกและยกระดับความเร็ว แทบไม่มีโอกาสได้ฟาดดาบกลับคืนเลยแบบนี้มันยิ่งทำให้รู้สึกเหมือนกับว่าเป็นการเต้นหรือร่ายรำมากกว่าทุกที ช่วงเวลาอันแสนอิ่มเอมที่ได้ใช้ร่วมกันกับคุณลีโอเน่มันช่างชวนให้รู้สึกดีซะเหลือเกิน

แต่ในการฝึกวิชาคราวนี้ จะมามัวหลงระเริงเมามายไปกับสัมผัสอันแสนอ่อนหวานแบบนั้นอยู่ไม่ได้

ทำไมน่ะเหรอ ก็เพราะว่านอกจากจะต้องคอยหลบหลีกการโจมตีของคุณลีโอเน่สุดชีวิตแล้ว ผมยังต้องใช้งานปากและสมองอย่างสุดความสามารถด้วยยังไงล่ะ

 

“ ——ภูตแห่งสายลมเจ้าจงก่อตัว ภายในมือของเราผู้นี้ ”

 

คำร่ายเวท

ลองประกอบเวทมนตร์โดยทำการรุกรับแบบฉิวเฉียดเพียงกระดาษแผ่นเดียวคั่นซ้ำไปซ้ำมาแบบนั้นไปด้วย

ตอนที่ถูกจิเซลรุมล้อม กับตอนที่ปะทะกับร็อกลิซาร์ด วอริเออร์นั่นพอจะถูไถทำได้อยู่แท้ๆ แต่พอลองท้าทายซ้ำดูอีกครั้งแล้วก็พบว่าเป็นอะไรที่ยากใช่เล่นเลยทีเดียว

ให้ว่าแล้วคือ การรุกของคุณลีโอเน่มันดุเดือดแล้วก็หนักหน่วงมากยิ่งกว่าใครๆที่ผมเคยต่อสู้ประมือด้วยเลย ไม่มีสมาธิจะเจียดไปใช้เวทมนตร์ได้ด้วยซ้ำ

 

“ ครอส ได้ยินมาว่าในศึก ณ ป่าทิศตะวันตก เธอทำการต่อสู้ระยะประชิดไปพลางเปิดใช้งานเวทมนตร์ไปด้วยใช่ไหม นับว่าเป็นวีรกรรมที่เหมาะสมคู่ควรต่อคำยกย่องสรรเสริญอย่างยิ่งยวด เธอน่ะมีเซนส์ที่เยี่ยมมาก ทว่าคู่มือคราวนี้ของเธอนั้นคืออาชีพระยะประชิดระดับกลางที่แข็งแกร่งมากยิ่งกว่าและจะใช้ลูกไม้กลยุทธ์อันสลับซับซ้อนบุกโจมตีเข้ามา การจะรับมือไปพลางเอ่ยคำร่ายไปด้วยนั้น ไม่ใช่อะไรที่ง่ายดายเลย ”

 

จริงตามคำพูดของคุณลูด์มิร่าที่เฝ้ามองดูการประลองฝีมือของผมกับคุณลีโอเน่อยู่นั่นแหละ การประกอบเวทมนตร์ท่ามกลางการรุกรับอันหวาดเสียวและซับซ้อนแบบนี้มันยากมากพอสมควรเลย

 

“ แต่หากทุ่มตัวผ่านศึกสั่งสมประสบการณ์มากๆเข้าก็จะสามารถปรับตัวได้ ดั่งกับมนุษย์ที่ช่วงแรกเกิดไม่อาจยืนหยัดได้อย่างมีสมดุล ค่อยๆพัฒนาจนสามารถเดินโดยไม่ต้องเพ่งเน้นสมาธิฉันใด หากกล่าวคำร่ายซ้ำไปมากเข้าก็จะสามารถประกอบเวทมนตร์ได้ประหนึ่งหายใจฉันนั้น ”

 

แล้วพอผมทำการประลองฝีมือกับคุณลีโอเน่ซ้ำไปมากว่าหลายสิบครั้งแล้ว คุณลูด์มิร่าเค้าก็ควักเอาอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋า

นั่นก็คือสิ่งที่เห็นจนชินตาในการฝึกวิชาตลอดหลายวันมานี้ ถุงที่จะทำการส่งกลิ่นล่อเหล่ามอนสเตอร์เข้ามาใกล้นั่นเอง

 

“ เอาล่ะ การฝึกวิชาแบบเดิมซ้ำๆเพื่อให้ร่างกายจดจำได้นั่นมันก็สำคัญหรอก แต่ก็จำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมในระดับที่พอเหมาะด้วยเช่นกัน ลองประยุกต์ใช้สิ่งที่เธอได้ศึกษามาจากการประลองฝีมือแบบ 1 ต่อ 1 กับลีโอเน่ดูกันเถอะ ”

 

พอคุณลูด์มิร่าอ้าปากถุงออกแล้ว ก็พลันมีมอนสเตอร์กว่าหลายสิบตัวปรากฎออกมาจากป่าโดยรอบทันที

 

“ หลบหลีกเอาตัวรอดจากการโจมตีของเหล่ามอนสเตอร์ที่จะจู่โจมเข้ามาสารพัดรูปแบบ แล้วจึงใช้เพียงสกิลเวทมนตร์กำหราบมันให้ได้เสีย ”

“ ……….ขึก ”

 

นั่นก็คือการซ้อมสู้จริงที่คาดการณ์ถึงศึกเป็นกลุ่มเอาไว้โดยสมบูรณ์

พอผมกำลังเตรียมใจพร้อมท้าชนกับการฝึกวิชาที่ในที่สุดก็ยกระดับความยากลำบากขึ้นมาแล้วอยู่นั่นเอง

 

“ โธ่~ ครอสคุงจะเกร็งมากเกินไปแล้วน้าา ”

“ ฟุเอ๊!? ”

 

คุณเทโลเมียร์เค้าใช้สกิลฟื้นฟูสารพัดรูปแบบทำให้ผมกลับมามีสภาพสมบูรณ์พร้อมหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งไปพลาง เอานิ้วจิ้มๆแก้มของผมไปด้วย

 

“ ไม่ต้องกลัวไปหรอกจ้าา ช่วงแรกๆจะให้สู้แค่ 2 ตัวก่อน แล้วก็จะให้เริ่มสู้ในสภาพที่มันอ่อนแอแล้วด้วย มาค่อยๆชินไปกับศึกแบบ หนึ่งต่อหมู่ ทีละนิดๆกันน้าา ”

 

พลันมีหมอกประหลาดถูกปล่อยพุ่งพวยออกมาจากฝ่ามือของคุณเทโลเมียร์

พลั่กพลั่กพลั่ก!

เท่านั้นแหละ เหล่ามอนสเตอร์ที่ถูกกลืนเข้าไปภายในหมอกก็พลันล้มฟุบลงกับพื้นอย่างพร้อมเพรียง แถมยังถึงกับเริ่มชักแหง่กๆมีน้ำลายฟูมออกมาจากปากเลยอีกต่างหาก

ที่ยังหลงเหลือมีเพียงแบล็คกริซลี่สองตัวเท่านั้น แต่ก็อยู่ในสภาวะที่การเคลื่อนไหวเชื่องช้ามากแล้ว

ปะ เป็นสกิลดีบัฟระยะกว้างที่มีอานุภาพสูงส่งมากถึงขนาดไหนเลยเชียวน่ะ…….พอผมอึ้งตะลึงงันอยู่แบบนั้น คุณเทโลเมียร์เค้าก็เอาหน้าเข้ามาใกล้ๆ

 

“ ถึงจะบาดเจ็บยังไงแต่ก็จะรักษาให้ทั้งหมดเลย แล้วก็จะใช้ <<ลดทอนความเจ็บปวด>> ให้ไปจนกว่าจะชินกับศึกแบบชุลมุนด้วย จะกำลังกายจะกำลังใจหรือพลังเวทก็จะโอนถ่ายให้แบบไม่มีวันหมดเลย……ฉะนั้นไปฝึกวิชาให้เต้~มเหนี่ยวจุใจได้เลยน้าา ❤ ”

“ เหวอ!? ขะ คุณเทโลเมียร์ครับ!? ”

“ เฮ้ยเทโลเมียร์! ทุกเที่ยวเลยหล่อนจะตัวติดมากเกินไปแล้วยัยเพิ้ง! ”

 

แม้จะมีเหตุปั่นป่วนอย่างคุณเทโลเมียร์ที่เอาหน้าเข้ามาถูไถไซ้ผมถูกคุณลีโอเน่จับกระชากลากตัวออกไปห่างๆอะไรแบบนั้นอยู่บ้าง  

แต่ผมก็เอาแต่มุ่งมั่นทำการฝึกวิชาสั่งสมพัฒนาฝีมือเพื่อเตรียมรับศึกเป็นกลุ่มสุดชีวิต อยู่ภายใต้การสั่งสอนชี้แนะของเหล่าอาจารย์ที่แกร่งสุดในโลก  

เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย

เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย

เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย
Status: Ongoing
อ่านนิยายเหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ยกาลครั้งนึงแต่ไม่ทราบแน่ชัดว่าเมื่อไหร่ ได้มีวีรสตรี 3 คนที่ถูกกล่าวขานล่ำลือกันว่าเป็นตัวตนผู้แข็งแกร่งทรงพลังมากที่สุดในโลกอยู่ครับ ความแข็งแกร่งของพวกเธอนั้นเรียกได้ว่าเป็นระดับเหนือมนุษย์เลยเชียว คนนึงสามารถต่อยขุนเขาให้แหลกกระจุยได้ด้วยหมัดเปล่า คนนึงสามารถเป่าร่างของพลทหารนับหมื่นนายให้ลอยปลิวหายไปได้ด้วยการโจมตีจากเวทมนตร์เพียงครั้งเดียว ส่วนอีกคนก็เป็นหญิงพิลึกพิลั่นที่เอาเวทฟื้นฟูกับเวทสนับสนุนมาใช้ฆ่าคนได้ เลยกลายเป็นตัวตนที่ถูกหวาดกลัวไปตามระเบียบ แค่เพียงคนเดียวก็โหดพอจะทำให้ประเทศหนึ่งถึงการล่มสลายได้อย่างง่ายดายแล้ว ยิ่งถ้าเหล่าวีรสตรี 3 คนนั้นมาสุมหัวรวมตัวไปไหนมาไหนด้วยกันแล้วนี่คงอาจต้องเรียกว่าเป็นภัยพิบัติเดินได้ การหวนคืนชีพของเทพมาร หรือในบางพื้นที่ก็อาจจะระบุตัวตนของพวกเธอเป็นเทพผู้ชั่วร้ายกันเลยก็เป็นได้…..หากอาศัยใช้งานความแข็งแกร่งนั่นซะอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอะไรต่อมิอะไรก็คงบันดาลให้เป็นดั่งที่ใจพวกเธอต้องการได้เกือบทั้งหมดเลยกระมัง แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังมีสิ่งที่แม้แต่สามคนนั้นเอง ก็ยังไม่อาจได้มาครอบครองอยู่ครับ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset