เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย – ตอนที่ 47 อยากหาเรื่องก็พร้อมรบ (4)

เพื่อเตรียมรับการประลองกับพวกคุณแคทลียาที่ย่างกรายเข้ามาเหลืออีกไม่กี่วัน การฝึกวิชาก็เลยยิ่งดำเนินไปอย่างรวดเร็วมากขึ้นอีก

ยกระดับของสกิลที่มีอยู่แล้วให้สูงมากขึ้น แล้วจึงเน้นฝึกให้สกิลที่ปรากฎขึ้นมาใหม่ไปถึงระดับ Lv ที่สามารถใช้ในศึกจริงได้

แต่ภายในวันๆที่ถูกทุ่มเทให้กับการฝึกวิชานั่น ก็มีช่วงเวลาที่จะทำเป็นไม่สนใจใยดีไม่ได้เด็ดขาดอยู่ด้วยเหมือนกัน

กล่าวคือช่วงพักผ่อนหย่อนใจในวันหยุดน่ะเอง

 

“ สิ่งที่สานขึ้นมาจะฝังลึกเข้าไปในร่างอย่างแท้จริงก็ในระหว่างยามพักผ่อนหย่อนใจนี่ล่ะ ผู้ที่เมินเฉยไม่สนใจใยดีต่อการพักผ่อนนั้นไม่มีทางจะขึ้นเป็นผู้แข็งแกร่งอย่างแท้จริงได้ และต่อให้จะครอบครองสกิลฟื้นฟูหรือโพชั่นที่ทรงอำนาจมากถึงเพียงใด แต่มันก็ไม่อาจรักษาไปถึงความเหนื่อยล้าที่เกิดขึ้นภายใต้จิตใจของมนุษย์ที่เกร็งตัวตึงเครียดอยู่ตลอดเวลาได้หรอก ”

 

คุณลูด์มิร่าเค้ากล่าวเอาไว้แบบนั้น

และตอนนี้คุณลูด์มิร่าคนนั้น เค้าก็ได้พาตัวผมายังป่าที่แผ่กระจายกว้างขวางอยู่ทางตะวันออกของบัสเคิลเบียร์

 

“ ว้าวว ”

 

วิวทิวทัศน์ที่แผ่กระจายอยู่เบื้องหน้านั่น ทำเอาผมถึงกับเผลอตัวส่งเสียงออกมาอย่างตื่นตาตื่นใจเลย

นั่นก็คือพื้นที่เปิดกว้างภายในป่าลึก ที่มีแสงตะวันอุ่นๆสาดส่องเข้ามาทั่วถึง

เป็นสถานที่แสนเร้นลับที่มีสายน้ำอันสดใสงดงามเอ่อล้นขึ้นมาจนน่าตกตะลึง

ราวกับเป็นป่าของเหล่าเอลฟ์ที่เคยได้ยินในเรื่องเล่าขานเลยแน่ะ

 

“ สะ สุดยอดไปเลยนะครับ……มีที่แบบนี้อยู่ใกล้ๆกับบัสเคิลเบียร์ด้วยเหรอเนี่ย ”

“ อืม ฉันหามาเพื่อที่จะได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันกับเธอเพียงสองคนน่ะ ”

“ เอ๊ะ ”

 

ได้ยินคุณลูด์มิร่าพูดแบบนั้นแล้วผมก็ถึงกับตกใจหันขวับไป

คุณลูด์มิร่าที่แย้มยิ้มอย่างอ่อนโยนโดยมีผืนป่าอันบริสุทธิ์อยู่เป็นพื้นหลังนั้นช่างงดงามมากซะเหลือเกิน ทำเอาผมถึงกับใจเต้นเผลอเหม่อมองตาค้างไปเฉยเลย

 

“ เอาล่ะ ทำแต่การฝึกวิชาอย่างต่อเนื่องเพื่อมุ่งหมายโค่นล้มศัตรูที่แกร่งยิ่งกว่าแบบนั้นมันก็คงจะทำให้เครียดมากพอดูเลยใช่ไหม ฉันยืมหนังสือที่น่าจะตรงกับความชอบของเธอมาให้อยู่นี่แล้ว ดังที่เคยถามเอาไว้เมื่อก่อนหน้านี้น่ะนะ ”

 

แต่เป็นตอนนั้นเองที่คุณลูด์มิร่าพลันส่งหนังสือจำนวนนึงมาให้กับผมที่เหม่อลอยตาค้างอยู่

หนังสือตำนานการผจญภัยปกอ่อน หนังสือรวมข้อมูลมอนสเตอร์ที่ถูกเขียนเรียบเรียงให้เป็นเรื่องราว แล้วก็มีพวกบทละครด้วย  ดูจากท่าทางแล้วน่าจะยืมมาจากหอสมุดของบัสเคิลเบียร์ละมั้ง จะเล่มไหนๆก็ดูน่าสนุกมากพอสมควรเลย

ผมมีความสนใจในหนังสือมาตั้งแต่เมื่อก่อนแล้วล่ะ แต่เพราะต้องทุ่มเทตัวเองอยู่กับการฝึกปรือเพื่อไล่ตามคนอื่นๆให้ทัน ก็เลยไม่มีเวลาไปหาหนังสือเล่มที่ชอบเลยน่ะ ฉะนั้นหากให้พูดตามจริงแล้วก็คือรู้สึกซาบซึ้งสุดๆไปเลย

 

“ ดูเหมือนว่าลีโอเน่กับเทโลเมียร์มันจะไม่มีสติปัญญามากพอจะสนุกสนานชื่นชมงานศิลป์และหนังสือมากเท่าไหร่น่ะนะ ก็เลยอยากได้คนที่จะเล่าแบ่งปันความรู้สึกร่วมกันได้น่ะ หนำซ้ำหนังสือนั้นยังมีอำนาจในการผ่อนคลายความตึงเครียดได้ โดยการทำให้เราลืมเลือนเหตุการณ์ในโลกแห่งความจริงผ่านการดำดิ่งลงไปในเนื้อเรื่องอีกด้วยนะ ฉะนั้นตลอดวันนี้ทั้งวัน เรามาพักผ่อนสบายๆอยู่ที่นี่กันเถอะ ”

“ ครับ! ”

 

ผมเลือกตำนานการผจญภัยขึ้นมาจากหมู่หนังสือ

พอนั่งลงใต้ต้นไม้ต้นใหญ่เคียงข้างกันกับคุณลูด์มิร่าแล้ว ก็ทำการพลิกหน้าปกไปอย่างตื่นเต้น

ตำนานการผจญภัยที่คุณลูด์มิร่าเลือกมาให้มีเนื้อหาที่แม้แต่คนที่ไม่ชินกับการอ่านหนังสืออย่างผมก็สามารถทำความเข้าใจได้ง่าย ถึงกับอ่านเพลินติดลมไปในทันทีเลย

ในระหว่างที่ถูกเยียวยาทั้งกายใจอยู่ภายในพื้นที่อันเงียบสงบซึ่งมีเพียงเสียงน้ำไหลและใบไม้เสียดสีดังกังวาน ผมก็ทำการพลิกหน้ากระดาษไปเรื่อยๆด้วย

เป็นเนื้อหาที่ดึงดูดให้อินตามไปกับเนื้อเรื่องได้อย่างรุนแรงเลย

อ่านไปได้ไม่นานแต่ก็เจอจุดที่อยากจะคุยแลกเปลี่ยนความเห็นกับคุณลูด์มิร่าหลายที่แล้ว ความรู้สึกที่อยากจะรีบอ่านให้จบไวๆ กับความรู้สึกที่อยากจะอ่านต่อไปเรื่อยๆเลยมันกระแทกกระทั้นชนกันอยู่ในใจ

แต่ว่า……

 

“ เป็นอะไรไปหรือครอส อยู่ไม่สุขหรือ? ”

 

พอผ่านไปได้ซักพัก คุณลูด์มิร่าก็พลันเอ่ยเสียงเข้ามาทักผมที่เงยหน้าขึ้นจากหนังสือ

 

“ อ๊ะ……..ครับ ขอโทษครับ ว่าแล้วเชียวทำยังไงก็สงบใจไม่ได้เลยจริงๆด้วย ”

 

ผมเพลิดเพลินติดลมไปกับหนังสือจริง

หากเป็นในตอนปกติ คงจะใช้ผ่อนคลายได้อย่างดีเยี่ยมสุดๆไปเลยแน่ๆ

แต่ในตอนนี้ ต่อให้ทำยังไงหัวมันก็ดันคิดไปถึงแต่เรื่องการประลองที่ย่างกรายเข้ามาเหลืออีกไม่กี่วัน พออ่านไปได้ระยะนึงหัวมันก็คิดถึงเรื่องการฝึกวิชาขึ้นมาจนไม่เป็นอันอ่าน

ทั้งที่คุณลูด์มิร่าอุตส่าห์ตระเตรียมพื้นที่กับหนังสือที่แสนวิเศษขนาดนี้มาให้แท้ๆ…….แม้จะรู้สึกผิดแบบนั้น แต่ไม่ว่ายังไงก็บังคับอารมณ์ให้นิ่งเฉยไม่ได้เลย

จะท้าชนกับพวกคุณแคทลียาอยู่แล้วแท้ๆ มามัวเอ้อระเหยลอยชายอยู่ที่นี่มันจะดีจริงๆน่ะเหรอ

และคุณลูด์มิร่าที่ได้ยินคำพูดเช่นนั้นของผม ก็พลันกล่าว “ ฮื่ม ” พลางพยักหน้าให้

 

“ ดูเหมือนเธอจะมีสำนึกในความรับผิดชอบรุนแรงกว่าคนทั่วไปนะ เป็นเสน่ห์อันน่าหลงใหลอย่างยิ่งเลย แต่หากมองในระยะยาวแล้วก็ถือเป็นข้อดีที่มีโอกาสจะนำพาผลเสียมาสู่ตัวเธอเองสูงมากเช่นกัน ”

 

คุณลูด์มิร่ายกมือขึ้นมาแตะคาง พลางกล่าวราวกับสอนบทเรียน

 

“ หากเอาแต่คิดถึงเป้าหมายอย่างตึงเครียดอยู่เสมอ ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งจากที่ไหนก็คงไม่แคล้วเหนื่อยล้าหมดสภาพกันทุกรายไป ในยามที่สมควรต้องพักก็จงลืมเลือนภารกิจที่ถูกมอบหมายมาของตน แล้วพักผ่อนให้อิ่มเอมใจเต็มที่เสีย การเปลี่ยนอารมณ์โดยชาญฉลาดเช่นนี้ก็ถือเป็นคุณสมบัติอันสำคัญต่อการฝึกปรือพัฒนาตนเองให้ก้าวหน้าเช่นเดียวกัน ”

 

นั่นก็คือความสำคัญของการพักผ่อน ที่คุณลูด์มิร่าทำการพูดซ้ำไปซ้ำมาให้ผมฟังมาตลอดตั้งแต่ช่วงที่เก็บผมมาเลี้ยงดูได้แรกๆแล้ว

 

“ นั่นสินะครับ……. ”

 

แต่เหมือนว่าต่อให้เวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ผมก็ยังไม่อาจทำตามแบบนั้นได้ซักที เห็นตัวเองที่ขนาดพักผ่อนก็ยังทำดีๆไม่ได้แบบนี้แล้วก็ถึงกับเหนื่อยหน่ายใจ

 

“ แต่ถึงอย่างนั้น ”

 

ทว่า คุณลูด์มิร่าที่ได้ยินคำพูดของผม กลับทำการกระแอมไอดัง “อะแฮ่ม”

แล้วพอเอามือขึ้นมาวางไว้เหนือหัวผม เค้าก็ทำการปิดหนังสือที่ผมอ่านค้างอยู่ก่อนจะเริ่มต้นพูดออกมาว่า

 

“ นั่นก็คือในกรณีที่เป็นการฝึกวิชาแบบระยะยาว บีบให้เธอผ่อนคลายในสถานการณ์ที่จะมีการประลองขึ้นในอีกไม่กี่วันให้หลังนี่เห็นทีจะเป็นข้อเรียกร้องที่ไม่รอบคอบเกินไปหน่อยจริงๆนั่นล่ะ เมื่ออยู่ต่อหน้าการต่อสู้อันสำคัญยิ่งแล้ว ผู้ที่จะสามารถนิ่งเฉยสบายใจอยู่ได้ก็คงมีเพียงระดับปรมาจารย์มือฉมังเพียงเท่านั้น เป็นระดับที่จำต้องฝ่าฟันข้ามเหตุวุ่นวายมากมายเลยกว่าจะไปถึงขั้นนั้นได้ในที่สุด ”

 

และแล้วคุณลูด์มิร่าก็พลันกล่าวออกมาราวกับว่าสำนึกผิด

 

“ ฉันเองก็ดูจะหัวรั้นเกินไปหน่อยเช่นกัน ที่ว่าพักผ่อนเสียมันจะดีต่อตัวเธอมากกว่านั่นคือเรื่องจริงแท้แน่นอนเลยหรอก แต่หากคำนึงถึงสภาพจิตของเธอแล้ว ถ้าเลือกการพักผ่อนหย่อนใจที่สามารถนำไปใช้ต่อยอดในการฝึกวิชาได้เล็กน้อยแบบนั้นมันน่าจะได้ผลลัพธ์เยี่ยมยิ่งกว่ามากเลยแท้ๆ อภัยให้อาจารย์ที่ไม่ได้ความคนนี้ทีเถอะ ”

“ เอ๊ะ มะ ไม่ครับไม่ครับไม่เลยซักนิดครับ! ฝั่งผมต่างหากครับที่เอาแต่พูดจาเห็นแก่ตัว……. ”

 

เหม่อลอยคิดอยากจะฝึกวิชาต่อกลางช่วงพักผ่อนหย่อนใจที่คุณลูด์มิร่าอุตส่าห์ลำบากจัดเตรียมเอาไว้ให้นี่ พูดแล้วมันก็ถือเป็นการเห็นแก่ตัวแบบนึงแหละ

ฝั่งที่ต้องขอโทษมันสมควรเป็นผมแท้ๆ แต่กลับถูกคุณลูด์มิร่าขอโทษซะแทน ผมนี่คืออับอายขายขี้หน้าซะเหลือเกิน

แต่คุณลูด์มิร่ากลับยกมือขึ้นปรามผมที่แสนจะน่าสมเพชแบบนั้น พลางกล่าวว่า “ไม่หรอก ไม่จำเป็นต้องอดทนอดกลั้นไปหรอก”

 

“ ลีโอเน่ก็เคยพูดกับเธอไปเมื่อก่อนหน้านี้แล้วไม่ใช่หรือ ว่าการฝึกวิชาน่ะควรจะต้องสังเกตความถนัดและสภาวะของลูกศิษย์ก่อนจึงจะดัดแปลงให้สอดคล้องเข้าคู่กันอย่างยืดหยุ่น การสั่งสอนของพวกฉันก็ใช่ว่าจะถูกต้องอย่างแน่นอนเสมอไป ฉะนั้นหากต่อไปนี้เกิดมีข้อคิดเห็นที่อยากเสนอก็จงกล่าวขึ้นโดยไม่ต้องกลัวเสียเถอะนะ ”

 

แล้วจากนั้นคุณลูด์มิร่าก็ทำสีหน้าขี้เล่นเล็กๆ ก่อนจะ

 

“ เพราะหากไม่ทำเช่นนั้น ก็คงจะไม่ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้สึกของผลงานร่วมกันกับเธอเสียทีน่ะสิ ”

 

ช่วยพูดออกมาเช่นนั้น ราวกับให้กำลังใจตัวผมที่อับอายในตัวเอง

 

(ผม โชคดีจริงๆนั่นแหละที่ถูกพวกเค้าเหล่านี้เก็บมาเลี้ยงดู………)

 

แล้วผม ก็รู้สึกแบบนั้นอย่างรุนแรงขึ้นมาอีกครั้ง

 

 

และในระหว่างเดินทางกลับไปยังคฤหาสน์ พอคุยแลกเปลี่ยนความรู้สึกที่ได้จากหนังสือซึ่งอ่านได้ไปถึงกลางเล่ม คุณลูด์มิร่าที่เอาแต่พูด “ถ้าเผามันให้มอดไหม้หมดสิ้นซึ่งทุกสิ่งอย่างไปตั้งแต่ตอนนั้นก็คงสบายไปแล้วแท้ๆนะ” หยั่งกับอาฆาตแค้นอยากเปลี่ยนสภาพเมืองและตัวละครภายในเรื่องให้หวนคืนกลับไปเป็นปุ๋ยเต็มที่นั่น เค้าก็ดูน่ากลัวอยู่นิดๆเลยนะนั่น……..

 

 

พอยกเลิกการพักผ่อนแล้วหวนกลับมายังคฤหาสน์ พวกผมก็เริ่มต้นทำการฝึกควบคุมเวทลมในระดับอ่อนๆกันในทันที

หากให้อธิบายอย่างละเอียดว่าทำอะไรก็ ใช้เวทลมทำความสะอาดรอบคฤหาสน์นั่นแหละนะ

 

“ เธอพูดอยู่เสมอเลยไม่ใช่หรือ ว่าอยากจะตอบแทนบุญคุณในส่วนที่มาให้พวกฉันคอยเลี้ยงดูน่ะ การทำความสะอาดบริเวณภายในห้องด้วยเวทลมนั้น ถือว่าเป็นวิธีที่เหมาะต่อการศึกษาขั้นตอนควบคุมเวทให้ได้อย่างประณีตเลยทีเดียว น่าจะใช้พักผ่อนหย่อนใจได้ในระดับนึง แล้วก็จะไม่เหนื่อยล้ามากเท่าซ้อมรบของจริงด้วย มีแต่ข้อดีทั้งนั้นเลย……อื้ม แต่ถึงว่าอย่างนั้น มันก็ยังถือเป็นการฝึกเวทมนตร์ไม่ผิดแน่ ฉะนั้นอย่าได้หักโหมฝึกมากจนเกินไปล่ะ เอาเป็นว่าค่อยๆทำไปจนกว่าจะถึงเวลามื้ออาหารเย็นก็แล้วกัน ”

 

และแล้วการฝึกก็เริ่มต้นขึ้นอย่างรวดเร็ว ภายใต้การควบคุมของคุณลูด์มิร่า

 

“ อุ……ขุ่ก…….! ”

 

แต่ไอ้เจ้านี่ก็เป็นอะไรที่ยากลำบากใช่เล่นเลย

ต่างกับเวทโจมตีที่ขอแค่อัดพลังเวทเข้าไปเต็มที่แล้วยิงปลดปล่อยซะก็พอ การจะดูดเอาเฉพาะฝุ่นหรือเศษทรายออกไปข้างนอกนี่มันจำเป็นต้องใช้เคล็ดพอสมควร

แถมถ้าต้องระวังไม่ให้ไปทำลายข้าวของโดยรอบด้วยแล้วก็ยิ่งยากหนักไปใหญ่

แต่ที่โชคดีก็คือ เพราะระดับความชำนาญของ <<ควบคุมพลังเวทนอกร่าง>> มันเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากการฝึกวิชาตลอดมานี้ ก็เลยทำให้ผมสามารถควบคุมสายลมได้ดีในระดับนึงตั้งแต่แรกเริ่ม

คิดว่า คุณลูด์มิร่าเองก็คงจะคาดการณ์แบบนั้นเอาไว้แล้วเหมือนกันละมั้ง

 

“ ดีล่ะ ยอดเยี่ยมมากครอส ไม่จำเป็นต้องคิดหนักกับการควบคุมพลังเวทหรอก หากเธอทดลองใช้งานเวทมนตร์ภายในสถานการณ์หลากหลายรูปแบบเสีย ความสามารถในการควบคุมมันก็จะยิ่งพัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆเอง ฉะนั้นเพ่งสมาธิจดจ่ออยู่กับการรับรู้ถึงสัมผัสของเวทมนตร์ แล้วตั้งมั่นเก็บสั่งสมประสบการณ์สุดตัวไปก่อน ”

“ ครับ! ”

 

คราวนี้ไม่มีตัวเสริมแสนน่าอายคือการส่งสัมผัสการควบคุมพลังเวทเข้ามาภายในร่างด้วย ผมก็เลยมุ่งมั่นเอาแต่ใช้เวทลมทำความสะอาดอย่างต่อเนื่องสุดตัว

 

 

แล้วพอทำการฝึกซ้อมซ้ำๆจนพอใจ หลังกินข้าวเย็นเสร็จก็เข้ารับการนวดด้วยฝีมือของคุณลูด์มิร่าเหมือนเคย

ที่เหลือก็แค่รอให้คุณเทโลเมียร์มาใช้ <<เมจิคเดรน>> ใส่แล้วนอนหลับเท่านั้น……..เท่านั้นก็จริงหรอก

 

“ ………ฝึกต่ออีกนิดได้มั้ยนะ ”

 

ผมแอบย่องออกไปจากห้องนอนเงียบๆ

ต่างจากการฝึกวิชาแบบปกติ การทำความสะอาดด้วยเวทลมเนี่ยสามารถฝึกปรือตัวเองได้ที่ไหนเมื่อไหร่ก็ได้เลย

แม้จะดูดกำลังใจไปพอควร แต่หากเทียบกับเวทโจมตีแล้วก็ถือว่าผลาญพลังเวทน้อยมาก แถมถ้ายังไงก็จะต้องโดนคุณเทโลเมียร์ดูดอยู่แล้ว งั้นก็อยากจะผลาญให้หมดๆไปในการฝึกก่อนน่ะนะ

 

(คุณเทโลเมียร์เค้าก็บอกให้ชินชากับ “เรื่องไม่ควร” อยู่ด้วยนี่นะ………ถ้าแค่นิดเดียวละก็ได้อยู่แล้วเนอะ)

 

แค่ตลอดช่วงไม่กี่วันก่อนจะถึงการประลองกับพวกคุณแคทลียาก็พอ ขอเวลาให้ได้ฝึกปรือตัวเองซักหน่อยเถอะ

ผมพูดกับตัวเองแบบนั้น ก่อนจะเดินไปรอบคฤหาสน์เพื่อมองหาว่ามีอะไรที่จะใช้ทำความสะอาดได้บ้างมั้ย

 

“ โอ๊ะ? ”

 

และสิ่งที่พบอยู่ตรงนั้น ก็คือเครื่องแต่งกายและผ้าปูที่นอนจำนวนมากที่ถูกยัดไว้อยู่ในตะกร้าซักผ้า

ผมมองตรงไปยังสิ่งนั้นที่หากเป็นช่วงกลางวันคงจะไม่ได้ใส่ใจเป็นพิเศษ ก่อนจะทำดวงตาเป็นประกายราวกับว่าพบเจอขุมสมบัติ

 

(ซักเจ้าพวกนี้ไงล่ะ ต้องเป็นการฝึกที่เยี่ยมเลยแน่ๆ!)

 

ผมลงมือตามที่ทำจนคุ้นชินสมัยตอนอยู่สถานกำพร้า โยนเสื้อผ้าที่จะซักลงไปในถังที่ใส่น้ำเอาไว้แล้วรวดเดียวพร้อมกัน

เอาเท้าเหยียบๆเพื่อลบคราบออก แล้วพอบีบน้ำออกเบาๆแล้วก็เหลือแค่เอาไปตากรอให้แห้ง…….ทว่าเป็นตรงนี้เองที่ผมทำการเปิดใช้เวทลม

 

“ ก่อนหน้านี้เคยเห็นคุณลูด์มิร่าทำอยู่เหมือนกัน เหมือนว่าถ้าทำแบบนี้แล้วมันจะแห้งเร็วขึ้นงั้นสินะ ”

 

เสื้อผ้าถูกห้วงแห่่งลมที่ผมสร้างขึ้นมากลางอากาศดูดจนปลิวขึ้นสู่ท้องฟ้า

เนื่องจากผ้าที่ซับน้ำเข้าไปนั้นหนักพอสมควร การจะเปิดใช้เวทมนตร์จึงจำเป็นต้องมีความประณีตในการควบคุมและอานุภาพในระดับนึงเลยด้วย

 

(อืม เป็นการฝึกที่ดีจริงอย่างที่คิดไว้เลย!)

 

แต่ เป็นในจังหวะที่ผมมุ่งเน้นสมาธิไปยังการควบคุมเวทลมนั่นเอง

 

“ เหวอ!? อ๊ะแย่แล้ว!? ”

 

คงเป็นเพราะร่างกายยังล้าจากตอนกลางวันอยู่ละมั้ง

ผมก็เลยควบคุมเวทมนตร์พลาด ทำให้เสื้อผ้าจำนวนนึงลอยปลิวไปคนละทิศคนละทาง

และก็มีตัวนึงที่หล่นแหมะลงมาคลุมหัวพอดี ผมนี่คือแตกตื่นรีบหยิบมันออกในทันใด

 

“ ……….อื๋อ? นี่มันอะไรกันน่ะ…….. ”

 

ตอนที่ซักด้วยการใช้เท้าเหยียบนั่นไม่ทันสังเกต เป็นสัมผัสอันแสนนุ่มลื่นที่ตลอดมาจนถึงตอนนี้ไม่เคยได้จับมาก่อนเลย

แถมยังมีขนาดเล็กพอสมควร แตกต่างไปจากเครื่องแต่งกายและผ้าปูที่นอนตัวอื่นๆอย่างชัดเจน

คิดแล้วผมที่โดนกระตุ้นต่อมอยากรู้ ก็ลองแผ่เนื้อผ้าสีดำนั่นออกดู

 

“ ………? ผ้าทรงสามเหลี่ยม……? มันอะไรกันหว่าไม่เห็นจะเข้าจะ……!? ”

 

มันคืออะไรแน่นี่ พอลองแผ่ออกดูแล้วก็ยังไม่รู้ในทันที

ทำไมน่ะเหรอ ก็เพราะถึงจะรู้จักว่ามันมีอยู่ แต่ตลอดจนถึงตอนนี้ผมไม่เคยมีโอกาสได้พบเห็นของจริงๆเลยซักครั้งเดียวยังไงล่ะ ใช่เลย ถูกต้องแล้วล่ะ

 

 

นั่นก็คือ เครื่องแต่งกายแบบพิเศษที่ผู้หญิงเค้าจะสวมใส่เอาไว้อยู่ใต้เสื้อ……..กล่าวคือเป็นสิ่งที่ถูกเรียกขานว่าชุดชั้นในน่ะเอง

 

 

“ วะ…….หวา……..!? ”

 

พริบตานั้น ตัวผมที่แดงแจ๋ไปยันคอก็ถึงกับแข็งทื่อก้าวขาไปจากที่นั่นไม่ได้เลย

หัวมันกลายเป็นสีขาวโพลน งุนงงสับสนไม่รู้เลยว่าควรจะต้องทำยังไงดี

——-เป็นในฉับพลันนั้น

 

 

“ อ๊าา~ ”

 

 

“ ขึก!? ”

 

เสียงที่ดังก้องขึ้นมาจากข้างหลังนั่น ทำเอาผมสะดุ้งโหยงกระโดดตัวลอยหัวใจจะวายตายเลย

เค้าคงจะออกมาตามหาผมเพื่อทำการใช้ <<เมจิคเดรน>> ให้ละมั้งนะ

กี๊กกี๊กกี๊ก…..พอผมหันคอไปพลางลั่นเสียงเช่นนั้นไปด้วยแล้ว ก็พบคุณเทโลเมียร์ที่กำลังจับจ้องมองผมอยู่จากซอกหลืบ แถมดวงตาเค้านี่คือกำลังเหลือกด้วยความตกใจสุดขีดเลยอีกตะหาก

แต่คุณเทโลเมียร์เค้าก็ทำการปั้นรอยยิ้มหน้าบานในทันที ก่อนจะพูดขึ้นด้วยใบหน้าอันแดงเรื่อ

 

“ ทะ โธ่~ ถ้าสนใจอยากรู้อยากเห็นก็บอกกันซักคำก็ได้นี่นาาอ้าาา ❤❤ ”

 

ฟู่มมตู้มมมมมมม!

เค้าพุ่งตรงดิ่งเข้ามากอดผมด้วยด้วยความเร็วสูงสุดกู่เฉยเลย!?

 

“ เป็นเพราะถูกฉันพาไปร้านแบบนั้นเข้าละสิน้าา? ขอโทษน้าา แต่ถ้าครอสคุงเกิดสนใจอยากรู้อยากเห็นในเรื่องพวกนี้ขึ้นมา ฉันก็จะรับผิดชอบจัดการดูแลให้เองจ้าา สบายใจได้เลยน้าา ❤ ”

“ เดี๋ยว คุณเทโลเมี…..มันไม่ใช่นะก๊าบบบ!? ”

 

แม้สัมผัสอันนุ่มนิ่มของคุณเทโลเมียร์ กับความอับอายที่ถูกเค้าเข้าใจผิดอย่างมหันต์มันจะทำให้หน้าแดงแจ๋ไปหมด แต่ผมก็แผดเสียงกรีดร้องดังสนั่นลั่นออกมาว่าอย่างงั้น

เท่านั้นแหละ เสียงโหวกเหวกโวยวายของพวกผมมันคงดังไปเข้าหูละมั้ง

 

“ เฮ้ยนังเทโลแมี๊ย! นี่หล่อนในที่สุดก็สติแตกบุกปลุกปล้ำครอสเข้าจนได้แล้วสินะ!? วันนี้แหละจะฆ่าแกไปจนกว่าจะยอมตายคามะ…….ขะ ครอส? นี่แกนั่นมัน ชุดชั้นในเรอะ……? นะ นี่หรือว่า แกเริ่มสนใจเรื่องพวกนั้นขึ้นมาแล้วเรอะ…….!? ถะ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องชิงลงมือก่อนที่จะถูกนังเทโลเมียร์มันนำหน้าไปได้……เฮ้ยไม่ได้สิอะไรพรรค์นั้นมันต้องให้เป็นคนรักกันอย่างทางการแล้วก่อน…..! ”

“ ว๊าาากกกก!? คุณลีโอเน่! ไม่ใช่นะครับ! ไม่ใช่ครับ! ขอโทษครับ! เรื่องมันเกิดเพราะผมแหกกฎข้อบังคับดอดมาทำการฝึกซ้อมเองคนเดี……คือว่าเข้าใจผิดแล้วคร้าบบบ! ”

 

——-และด้วยเหตุนี้เอง เหตุปั่นป่วนชุดชั้นในที่เกิดขึ้นโดยมีการฝึกปรือตนของผมเป็นชนวน มันก็เลยลากเอากระทั่งคุณลีโอเน่เข้ามาร่วมวงไปด้วยยิ่งทวีความวายป่วงไปยกใหญ่…….จนตัวผมในวันนี้ ได้รู้ซึ้งอย่างแรงกล้าเลย

ว่าการฝึกที่หนักหน่วงเกินควรเนี่ย มันไม่เหมาะไม่ควรในหลายๆความหมายเลยเชียวล่ะพวกคุณเอ๊ย

 

 

และ เบื้องหลังของเหตุวายป่วงครั้งยิ่งใหญ่นั่น

 

“ อืมๆ เป็นไปดั่งกลอุบาย แทนที่จะพูดกำชับให้ปากเปียกปากแฉะ ให้สัมผัสรับรู้ด้วยตนเองโดยตรงเลยนี่แหละได้ผลดีและรวดเร็วมากกว่าจริงๆเสียด้วย…….ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ เพราะไม่อยากจะใช้ของพวกลีโอเน่ ก็เลยจำต้องเอาชุดชั้นในของฉันเองใส่ปนลงในพวกผ้าที่ต้องซักเข้า…….แต่ว่านี่มัน น่าอับอายมากผิดคาดเลยนี่นา…… ”

 

ก็มีคุณลูด์มิร่ากำลังเอามือโอบใบหน้าที่แดงแจ๋ไปหมดอยู่……แต่ผมก็ไม่มีทางรู้ได้หรอกนะ  

 

เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย

เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย

เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย
Status: Ongoing
อ่านนิยายเหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ยกาลครั้งนึงแต่ไม่ทราบแน่ชัดว่าเมื่อไหร่ ได้มีวีรสตรี 3 คนที่ถูกกล่าวขานล่ำลือกันว่าเป็นตัวตนผู้แข็งแกร่งทรงพลังมากที่สุดในโลกอยู่ครับ ความแข็งแกร่งของพวกเธอนั้นเรียกได้ว่าเป็นระดับเหนือมนุษย์เลยเชียว คนนึงสามารถต่อยขุนเขาให้แหลกกระจุยได้ด้วยหมัดเปล่า คนนึงสามารถเป่าร่างของพลทหารนับหมื่นนายให้ลอยปลิวหายไปได้ด้วยการโจมตีจากเวทมนตร์เพียงครั้งเดียว ส่วนอีกคนก็เป็นหญิงพิลึกพิลั่นที่เอาเวทฟื้นฟูกับเวทสนับสนุนมาใช้ฆ่าคนได้ เลยกลายเป็นตัวตนที่ถูกหวาดกลัวไปตามระเบียบ แค่เพียงคนเดียวก็โหดพอจะทำให้ประเทศหนึ่งถึงการล่มสลายได้อย่างง่ายดายแล้ว ยิ่งถ้าเหล่าวีรสตรี 3 คนนั้นมาสุมหัวรวมตัวไปไหนมาไหนด้วยกันแล้วนี่คงอาจต้องเรียกว่าเป็นภัยพิบัติเดินได้ การหวนคืนชีพของเทพมาร หรือในบางพื้นที่ก็อาจจะระบุตัวตนของพวกเธอเป็นเทพผู้ชั่วร้ายกันเลยก็เป็นได้…..หากอาศัยใช้งานความแข็งแกร่งนั่นซะอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอะไรต่อมิอะไรก็คงบันดาลให้เป็นดั่งที่ใจพวกเธอต้องการได้เกือบทั้งหมดเลยกระมัง แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังมีสิ่งที่แม้แต่สามคนนั้นเอง ก็ยังไม่อาจได้มาครอบครองอยู่ครับ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset