เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย – ตอนที่ 51 นักดาบเวทมนตร์ (3)

เปรี้ยงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง!!

 

 

“ เอาเว้ย! ไปเล่นมันเลยครอส! ”

“ อือ! ”

 

ในฉับพลันที่เวทมนตร์ที่ถูกจิเซลสะท้อนกลับไปตกลงกระทบพื้น

ครอสก็ทำการใช้ <<บัฟสมรรถภาพร่างกาย (กลาง)>> กับตัวเอง แล้วจึงทะยานดิ่งตรงเข้าไปหาทัพศัตรูดังที่นัดกันเอาไว้กับพวกจิเซลก่อนล่วงหน้า  

และเป้าหมายนั่นก็แน่นอน เพื่อไล่ต้อนกดดันปาร์ตี้ศัตรูที่กำลังปั่นป่วนชุลมุนเนื่องจาก <<ลอบรี่เมจิค>> ของจิเซลนั่นเอง

ทว่า แม้จะวิ่งทะยานไปในป่าจนตรวจพบกองกำลังฝั่งศัตรูแล้ว แต่ครอสก็ไม่ได้พุ่งเข้าไปจู่โจมในทันทีแต่อย่างใด

ทำการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องโดยรักษาระยะห่างจากทัพศัตรูที่แผดเสียงร้องอย่างพิโรธซักระยะ และในระหว่างที่สร้างภาพลักษณ์ให้อีกฝั่งเชื่อฝังลึกว่าตนคืออาชีพระยะประชิด ครอสก็ทำการกล่าวขับขานคำร่ายพร้อมไปด้วย

 

“ หมู่มวลอากาศที่ห่อหุ้มปกคลุมอยู่ทั่วเอ๋ยเชื่อฟังเราเสีย จงก่อตัวสร้างเป็นหอกพิฆาตอยู่ในมือข้างนี้ นามนั้นก็คือวายุคลั่ง วาโยหนึ่งดอกเอยเจ้าจงปรากฎ วาโยหนึ่งดอกเอยเจ้าจงปรากฎ วาโยหนึ่งดอกเอยเจ้าจงปรากฎ ห้วงแห่งพายุหมุนเอ๋ยจงรวมตัวอย่างคลุ้มคลั่ง ภายใต้ท้องนภาที่มังกรสามหัวผงาดอาละวาด จักกุมบังเหียนเหนืออำนาจอันท่วมท้นให้กลายมาเป็นกระสุนปืนใหญ่แห่งเราแล้วปัดเป่ามารศัตรูให้หมดไป—–<<ทริปเปิลวินด์แลนซ์>> ! ”

 

และสิ่งที่พลันถูกปลดปล่อยออกไปจากฝ่ามือของครอส ก็คือหอกสายลมที่แล่นทะยานออกไปราวกับว่าเป็นทอร์นาโดสามลูกที่ขย้ำกลืนกินกันและกันจนกลั่นตัวแข็งเป็นก้อน

นี่ล่ะคือเวทลมระดับกลางแสนทรงพลัง ซึ่งแตกแขนงออกมาจาก <<วินด์ชู๊ต>> ที่ขึ้นมาถึง Lv10

หอกวายุที่ถูกยกระดับกลายเป็น Lv2 ไปแล้วพลันสำแดงอานุภาพอันคลุ้มคลั่ง พุ่งทะลวงแหวกแมกไม้ขย้ำเข้าไปกลางทัพศัตรู

 

“ เฮ้ย…..ว๊าาาาากกกกกกกกกกก!? ”

 

มีเสียงกรีดร้องดังสนั่นขึ้นมาจากอีกฝั่ง เห็นได้ชัดเจนว่าความแตกตื่นชุลมุนนั้นยิ่งทวีความรุนแรงมากไปอีกระดับแล้ว

 

“ เยี่ยม! ”

 

พอตรวจสอบแท็กแทนตัวแล้วพบว่าศัตรูหมดสภาพไปหนึ่งราย ครอสก็พลันกำหมัดอย่างยินดี

แล้วจากนั้นก็วิ่งทะยานวนไปมาอยู่ภายในป่าเพื่อหาจังหวะตอดลดทอนกำลังฝั่งศัตรูให้ได้มากยิ่งขึ้นอีกไปพลาง เริ่มต้นทำการตระเตรียมเพื่อให้พร้อมยิง <<ทริปเปิลวินด์แลนซ์>> นัดถัดไปอีกครั้ง——แต่ก็จำต้องหยุดการเอ่ยคำร่ายนั่นในทันที

 

“ ……..มากันแล้ว ”

 

ฝั่งศัตรูที่เปลี่ยนความคิดหันมาเชื่อว่าตนคืออาชีพเวทมนตร์ ได้ทำการส่งคนมาไล่ล่าแล้ว ตอบสนองได้เร็วมากกว่าที่คิดไว้เยอะเลย

แต่นั่นก็ยังเป็นไปดังที่เล็งเอาไว้อยู่ดี

เผลอๆแล้วช่วยทำแบบนี้ให้นี่คือยิ่งเข้าทางเลยด้วยซ้ำ

ครอสแสดงท่าทีเหมือนว่าจะถอยหนีจากผู้ที่ไล่ตามมาไปพลาง ทำการขับขานคำร่ายอีกครา

นั่นก็คือสกิลไพ่ตายซึ่งมีอำนาจทำลายล้างเป็น 0 ที่เขาได้รับมาจากจอมขมังเวทที่แกร่งสุดในโลก

 

“ สวมใส่อาภรณ์แห่งนภา สานห้วงแห่งความว่างเปล่า ให้เห็นราวกับฉกฉวยกลีบดอกที่ปลิวไสว ให้เป็นราวกับเอ่ยอ้างถึงวิหคที่สยายปีกกว้างไกล ผู้ขนส่งแสงยามเช้าอันเลือนหายนั้นไซร้คือตัวเรา——เวทลมระดับกลาง Lv1—— <<ทะยานหุ้มวายุ>> ! ”

 

พริบตาที่ทำการเอ่ยคำร่ายที่สั้นกว่าเวทโจมตีอย่างมากจบ ร่างของครอสก็พลันถูกห่อหุ้มเอาไว้ด้วยสายลม

อำนาจทำลายล้างเป็น 0 ……แต่สายลมที่โหมกระหน่ำสุดขั้วนั่นก็ทำการดันหลัง ส่งร่างเขาที่กระโจนไปด้วยอำนาจของ <<บัฟสมรรถภาพร่างกาย (กลาง)>> ให้พุ่งขึ้นไปยังท้องฟ้าที่อยู่สูงมากยิ่งขึ้นไปอีก

ทะลวงผ่านแมกไม้ของป่า ดิ่งตรงไปสู่ความสูงในระดับที่อาชีพระยะประชิดธรรมดาๆไม่มีวันไปถึงได้เป็นอันขาด

เวทลมระดับกลาง <<ทะยานหุ้มวายุ>>

นั่นก็คือการใช้อำนาจของสายลมเพื่อสนับสนุนการเคลื่อนไหวและการกระโดดไกลของตัวผู้ใช้งาน เป็นเวทลมแบบพิเศษที่มีอยู่เพียงเพื่อใช้เสริมบัฟสมรรถภาพของการเคลื่อนไหว

ไม่ใช่โบยบิน เป็นได้เพียงแค่กระโดดทะยาน

ระหว่างที่อยู่บนฟ้า จะสามารถทำได้แค่ควบคุมสายลมเพื่อเปลี่ยนทิศทางเพียงเล็กน้อย กับปรับตำแหน่งจุดที่จะทำการลงจอดเหยียบพื้นได้นิดๆเท่านั้น ไม่อาจประคองตัวเองให้อยู่กลางอากาศนานๆได้——แต่ภายในการประลองเป็นกลุ่มเช่นนี้ การบัฟสมรรถภาพการเคลื่อนไหวอันเรียบง่ายนั่นล่ะจะเป็นตัวสำแดงอานุภาพที่มากล้นเกินพอจะใช้ตัดสินสถานการณ์รบได้เลยทีเดียว

 

“ ——–เจอตัวแล้ว ”

 

ครอสที่ทะยานขึ้นมายังท้องฟ้า ตรวจพบกลุ่มศัตรูที่วางแนวป้องกันอยู่เหนือที่โล่งซึ่งเกิดจากเวททิ้งระเบิด  

ตรวจพบว่ามีบุคคลที่จำต้องเด็ดหัวให้ได้มากที่สุดปะปนอยู่ภายในหมู่นั้นด้วย

แคทลียา ริชมอนด์ ผู้เป็นตัวหัวหน้าของฝั่งศัตรูนั่นเอง

สำหรับปาร์ตี้ขุนนางแล้ว ความปลอดภัยของผู้เป็นนายถือเป็นเงื่อนไขอันสำคัญยิ่งที่สุด

ฉะนั้นหากกำจัดแคทลียาซึ่งเป็นหัวหน้าของฝั่งศัตรูลงได้ ก็จะถือเป็นการโจมตีครั้งเผด็จศึกที่จะทำการหักหาญใจคิดสู้ของศัตรูให้แหลกเป็นเสี่ยงๆได้เลย

 

 

แซ่กแซ่กแซ่กแซ่กแซ่กแซ่กแซ่กแซ่กแซ่กแซ่กแซ่กแซ่ก! ตุบ!

 

 

และแล้วครอสที่ใช้งานอำนาจการเคลื่อนไหวอันท่วมท้นเหนือล้น ก็แหวกทะลวงผ่านแมกไม้ ทะยานข้ามผ่านได้แม้กระทั่งแนวป้องกันอันหนาแน่นของเหล่าอัศวินระดับกลาง ก่อนจะลงมาเหยียบพื้นเบื้องหน้าแคทลียาแบบพอดิบพอดี

 

“ เอ๊ะ……..? ”

 

โดนลอบจู่โจมเข้าไปโดยสมบูรณ์ แคทลียาได้แต่อ้าปากค้างราวกับจับต้นชนปลายไม่ถูกว่าเกิดอะไรขึ้นท่าเดียว

 

(เสร็จล่ะ…….!)

 

ครอสเหวี่ยงดาบสั้นไปพร้อมกับความมั่นใจเต็มเปี่ยม——ทว่า

แกร๊งงง!

การโจมตีนั่น ก็พลันถูกดาบสองมือหยุดเอาไว้ในระยะห่างแบบมีกระดาษแผ่นเดียวคั่นกลาง  

 

 

 

เสียงคมดาบกระทบกันเพิ่งจะดังก้องขึ้นมาในหลายวินาทีให้หลัง แคทลียาที่เพิ่งจะเข้าใจว่าตัวเองเกือบๆจะเสียหัวไปแล้วเมื่อกี้ พลันแผดเสียงกรีดร้องออกมาดังลั่น

กรี๊กกรี๊กกรี๊ก…..เห็นการปะทะแลกดาบที่ดำเนินต่อเนื่องอยู่ตรงหน้าแล้วเหมือนกับถูกกดดันจนขวัญเสีย แคทลียาที่เข่าอ่อนทรุดลงรีบทำการคลานไปตามพื้นดินสุดชีวิต พยายามจะถอยเว้นระยะห่างออกจากตรงนั้นสุดกำลัง

แม้จะเป็นการกระทำอันน่าสมเพชไม่คู่ควรต่อฉายาคุณหนูผู้ดีของตระกูลขุนนางเอาซะเลย แต่ก็ไม่มีปัญญามากพอจะหันหน้าไปดูได้ ครอสพลันแผดเสียงออกมาอย่างเจ็บใจ

 

“ ขึ่ก…….ไปได้ไม่สวยขนาดนั้นจริงๆด้วยเหรอ…….! ”

 

ไม่อยากเชื่อเลยว่าการลอบจู่โจมเมื่อกี้นี้จะถูกป้องกันเอาไว้ได้………ครอสคิดพลางบิดเบี้ยวใบหน้าอย่างตื่นตระหนก

แต่ผู้ที่ทำการรับดาบของเด็กหนุ่มเอาไว้ด้วยความตื่นตระหนกที่เหนือล้ำมากยิ่งกว่า ก็คือผู้ติดตามที่เป็น <<อัศวินทำลายล้าง>> ดาเรียสนั่นเอง

 

“ ทะยานเข้ามาด้วยเวทลม……!? ถ้าอย่างนั้น อย่าบอกนะว่า เวทโจมตีธาตุลมเมื่อครู่นี้ก็เป็นฝีมือของแกด้วยอย่างนั้นรึ…….!? ”

 

ถึงดาเรียสจะเป็นคนโพล่งออกมาจากปากเอง แต่มันก็ช่างเป็นคำถามที่ดูไร้มูลความจริงสุดๆไปเลยเช่นกัน

แน่นอนว่าไม่มีคำตอบกลับมาจากครอสที่เป็นศัตรู

แต่ภายในระยะเวลาเพียงชั่วครู่ที่จับจ้องมองดวงตาอันเปี่ยมล้นไปด้วยกำลังทั้งสองข้างของ <<ไร้อาชีพ>> ที่อยู่ตรงหน้า ดาเรียสก็เข้าใจทุกสิ่งอย่างโดยสมบูรณ์

ไม่ผิดแน่ๆ มันผู้นี้แหละ

 

(พลาดไปถนัด…….! พลาดไปถนัดโดยแท้เลย! เป็นชายผู้นี้ต่างหาก เป็นชายที่สามารถโค่น จิเซล สตริงก์ ลงได้ทั้งๆที่ตนเป็น <<ไร้อาชีพ>> คนนี้ต่างหาก ที่พวกเราสมควรต้องเฝ้าระแวงให้มากเป็นที่สุด! มันผู้นี้ล่ะคือคนที่พวกเราสมควรจะต้องเฝ้าระแวงให้มากเป็นที่สุด!)

 

ดาเรียสทำการทุ่มสมาธิไปยังความคิด ราวกับพยายามจะสงบตนเองจากความแตกตื่นอันเป็นผลมาจากปรากฎการณ์อันยากจะเชื่อ

 

(สกิลเวทมนตร์ที่นอกจากจะประณีตแล้วยังมีอานุภาพมากล้น กับพละกำลังที่ไม่น่าเป็นอื่นใดไปได้นอกจากอาชีพระยะประชิด……..ไม่อาจเข้าใจได้เลยก็จริงว่าทำยังไง <<ไร้อาชีพ>> ซึ่งเป็นคลาสที่สุดกากสุดกระจอกที่สุดจึงสามารถพัฒนาสกิลขึ้นมาได้ระดับนี้ แต่ที่เรากำลังถูกคุกคามอยู่ในตอนนี้ก็ถือเป็นความจริงที่ไม่อาจปฎิเสธ ถือเป็นความผิดพลาดของตัวเราเองโดยแท้เลย ตัวเราที่เอาแต่ปรามเตือนให้ท่านแคทลียาระวัง แต่ในใจลึกๆเองก็แอบมีคิดดูหมิ่นเขาผู้นี้อยู่เช่นกันน่ะ!)

 

ดาเรียสหายใจเข้าออกลึกๆ

ก่อนจะปลดปล่อยกำลังแขนของ <<อัศวินทำลายล้าง>> ทั้งหมดในทีเดียว ราวกับเป็นการสะบั้นความสับสนให้เลือนหายไป

 

 

“ ฮึก! อุ้ก!? ”

 

ครอสที่น่าจะถูกยกระดับพลังขึ้นมาด้วยสกิลเสริมกับ <<บัฟสมรรถภาพร่างกาย (กลาง)>> กลับถูกฟาดปลิวกระเด็นห่างออกไป

และเมื่อเห็นว่าการลอบจู่โจมของครอสล้มเหลวโดยสมบูรณ์แล้ว ดาเรียสก็แผดเสียงร้องออกมาอย่างดังลั่น

 

“ พาฟลอฟ! ทุ่มสุดกำลังปกป้องท่านแคทลียาเอาไว้ให้ได้! ไอ้พวกที่เข้าไปในป่าก็รีบกลับมาบัดเดี๋ยวนี้เลย! ช่วยกันล้อมตัวชายคนนี้เอาไว้แล้วเน้นขยี้มันให้ได้ก่อน! ”

 

เสียงดังกระหึ่มระดับทำให้แมกไม้ของป่าสั่นสะเทือน

<<อัศวิน>> สองคนกับ <<เรนเจอร์ระดับกลาง>> ที่ยังถลำเข้าป่าไปได้ไม่ลึกมากพลันตอบรับต่อเสียงนั่นทันที พวกเขาวิ่งกลับมาล้อมครอสเอาไว้จากทั่วทิศ

ทว่า

 

“ ………ขึก! <<บัฟสมรรถภาพร่างกาย>> ! <<หลบหลีกฉุกเฉิน>> ! ”

“ หนอยแน่…….! เอาแต่หลบอยู่ได้…..! ”

“ ไอ้เวรนี่มันอะไรกันน่ะ!? มันเป็น <<ไร้อาชีพ>> จริงๆน่ะเรอะ!? ”

 

ไม่มีใครสามารถเล่นงานฟาดโดนตัวครอสที่เอาแต่เพ่งเน้นไปยังการหลบหลีกได้เลย

เผลอๆแล้ว เจอะกับการเคลื่อนไหวที่ราวผสานการเต้นรำร่วมกับสกิลหลบหลีกเพื่อหลบการโจมตีอย่างต่อเนื่องของครอสเข้าไป ก็เป็นฝั่งพวกดาเรียสนี่แหละที่ถูกปั่นหัวจนสติแตกซะเอง

และสิ่งที่แล่นเข้ามาในหัวของครอสที่หลบพ้นการโจมตีได้อย่างลื่นไหลจับต้องตัวไม่ได้ ก็คือคำสอนของอาจารย์ผู้แกร่งสุดในโลกด้านศึกระยะประชิด

 

(เยี่ยม เป็นไปอย่างที่คุณลีโอเน่พูดเอาไว้เป๊ะเลย! อาชีพ <<อัศวิน>> ที่เป็นเลิศในด้านป้องกันจะไม่ถนัดการไล่ล่าศัตรูที่หนีอย่างเดียว! ยิ่งถ้าอยู่ท่ามกลางความปั่นป่วนชุลมุนก็ยิ่งไม่ชินเข้าไปใหญ่…….!)

 

แม้ว่าครอสจะทำการลอบจู่โจมล้มเหลว แต่กลับไม่คิดที่จะถอยไปตั้งหลักมาใหม่เลย แล้วก็ไม่ได้คิดจะเล็งเล่นงานแคทลียาอีกด้วย เอาแต่หลบหลีกอย่างต่อเนื่องท่าเดียว

 

“ ขุ่ก เอาแต่หลบอยู่อย่างเดียวนี่แกคิดอะไรอยู่กันแน่น่ะ………! ”

 

และเป็นในฉับพลัน ที่ดาเรียสจับความรู้สึกประหลาดได้จากตัวครอสนั่นเลย

 

“ ฮึก! ท่านพาฟลอฟครับ! ท่านดาเรียสครับ! ”

 

ที่ <<เรนเจอร์ระดับกลาง>> ซึ่งเฝ้าระวังบริเวณโดยรอบอยู่ พลันส่งเสียงกรีดร้องออกมา

 

“ 8 คน…9 คน…….ไอ้พวกเด็กกำพร้าทุกคนนอกเหนือจากเจ้า <<ไร้อาชีพ>> นั่นมันกำลังมุ่งหน้าตรงมาทางนี้ครับ! ”

“ ว่าอะไรนะ!? ”

 

เป็นตรงนี้เองที่ดาเรียสพลันรับรู้ได้ถึงเป้าหมายของครอส

<<ไร้อาชีพ>> ที่ลอบจู่โจมล้มเหลวผู้นี้ ได้ทำการหันไปดำเนินแผนสอง——นั่นก็คือคอยถ่วงเวลาเอาไว้จนกว่าทัพหลักจะตามมาสมทบนั่นเอง

 

“ แย่แล้ว……..! ”

 

แม้ส่วนมากจะเป็นอาชีพระดับต่ำ แต่ถ้าปล่อยให้มันได้สมทบกับกลุ่มศัตรูที่ใช้เวทมนตร์ได้ขึ้นมาละก็อันตรายอย่างยิ่งยวดเลย

ฝั่งนี้นอกจากจะโดนเวททิ้งระเบิดและเวทลมเล่นงานจนแบกรับความเสียหายขั้นหนักแล้วไม่พอ ยังถูกผนึกสกิลเวทมนตร์อันเป็นกำลังรบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเอาไว้อีก

แถมตัวตนของครอสที่ปรากฎขึ้นมากลางแนวรบ ก็ยังเป็นตัวขัดขวางให้การตั้งหลักใหม่เป็นไปได้อย่างยากยิ่ง เนื่องจากแนวป้องกันกำแพงเหล็กแทบจะไม่เคยถูกถล่มทำลายลงมาก่อน ทำให้พวกดาเรียสไม่ถนัดกับการรับมือในกรณีที่ถูกศัตรูแหวกฝ่าเข้ามาได้ถึงภายในเลย

หากถูกทัพฝั่งศัตรูที่มีจิเซล สตริงก์อยู่ด้วย รุมถล่มโจมตีภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ก็มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดเหตุอันจะยอมให้เกิดไม่ได้อยู่เช่นกัน

ดาเรียสที่รับรู้ได้ถึงสถานการณ์ที่เป็นต่อขั้นหนักหน่วง พลันตะโกนกร้าวออกมาราวกับตะคอก

 

“ รีบหนีไปเร็วเข้าครับท่านแคทลียา! ถอยกลับไปตั้งหลักมาใหม่ก่อน! กระผมจะต้านชายผู้ที่เป็นกำลังรบหลักของฝั่งศัตรูคนนี้เอาไว้เอง! ขอแค่ตั้งหลักใหม่ได้ กองกำลังที่หลงเหลือของพวกเราก็จะรับมือกับพวกจิเซล สตริงก์ได้อย่างไร้ปัญหาแน่นอนครับ! พาฟลอฟ! แกพาทุกคนไปก่อนเลย! แล้วจะไล่ตามไปทีหลังแน่นอน! ”

“ ……….ขึก! บัดซบ! บัดซบ! บัดซบโว้ย! เป็นแค่ไอ้พวกเด็กกำพร้าริอาจมาได้ใจ! ”

 

พาฟลอฟที่ได้ยินคำพูดของดาเรียสเข้าไป พลันสบถออกมาอย่างเคียดแค้น

แต่ตัวเขาที่ถึงอย่างนั้นก็ยังยอมรับสถานการณ์ได้อย่างเยือกเย็น ก็ได้เริ่มต้นทำการชักนำพาแคทลียาและผู้ติดตามคนอื่นๆที่เหมือนจะยังไม่สร่างจากความสับสน ถอยหนีออกไปจากที่แห่งนี้ทันที

 

“ ฮึก! เดี๋ยวสิ! ”

 

ครอสใช้วิถีการโค้งตัวที่ทำได้ผ่านการประยุกต์ใช้ <<หลบหลีกฉุกเฉิน II>> เลี้ยวหลบดาเรียส พยายามจะไล่ตามพวกแคทลียาไป ทว่า

 

“ ขอโทษด้วยแต่จะยอมให้แกผ่านตรงนี้ไปไม่ได้!  <<ออบสทาเคิลชาร์จ>> ! ”

“ ขึก! ”

 

ถูกดาเรียสอ้อมเข้ามาดักด้วยความเร็วระดับที่ไม่อยากเชื่อเลยว่าร่างใหญ่ที่ห่อหุ้มไปด้วยเกราะโลหะทั้งตัวแบบนั้นจะปลดปล่อยออกมาได้ ครอสถึงกับหงุดชะงัก

สกิลที่ในความหมายนึงแล้วอาจถือเป็นขั้วตรงข้ามของ <<หลบหลีกฉุกเฉิน>> ——สกิลอัศวินสายเคลื่อนไหวที่มีไว้เพื่อใช้รับการโจมตีทั้งหมดของศัตรู การลอบจู่โจมของครอสเมื่อซักครู่นี้ก็คงจะถูกป้องกันเอาไว้ได้แบบฉิวเฉียดด้วยสกิลนี้นี่แหละ

แรงกดดันที่ดาเรียสปลดปล่อยออกมามันเกินเลยระดับปกติไปไกล ดูเหมือนว่าจะไม่ยอมให้ผ่านไปได้ง่ายๆแน่

หากไม่โค่นเขาลงตรงนี้ก็จะไม่อาจไปต่อได้

แต่แบบนั้นก็ไม่เลว สำหรับครอสแล้วแบบนี้แหละเข้าทางเลย

 

(ถึงยังไงถ้าไม่โค่นให้ได้หมดทุกคน พวกผมก็จะไม่มีทางชนะอยู่ดี………!)

 

ครอสฝากฝังหน้าที่ไล่บี้พวกแคทลียาที่เผ่นหนีไปให้กับพวกจิเซล ก่อนจะจ้องหน้าเขม่นชายร่างใหญ่ที่ขวางอยู่เบื้องหน้า

เข้าเผชิญกับเลเวล 26 , <<อัศวินทำลายล้าง>> ผู้เป็นเลิศในด้านโจมตีและป้องกันที่แข็งแกร่งทรงพลังมากยิ่งกว่า

 

““ ………..ขึก ””

 

และหลังจากเฝ้าจับจ้องดูท่าทีการเคลื่อนไหวของกันและกันอยู่หลายวินาที——–ฝ่ายที่ทำการเปิดฉากชิงโจมตีก่อน ก็คือครอสที่ต้องสู้โดยแข่งกับเวลา

 

“ <<ฟันแหวก>> ! ”

 

เปิดใช้สกิลที่จะเสริมอำนาจของคมดาบแล้วสะบั้นฟาดฟันเข้าใส่

แต่การโจมตีนั่นก็ถูกปัดป้องไปได้อย่างแสนง่ายดาย

 

“ สกิลระดับกลาง——– <<บัฟกำลังแขน>> ! <<กายาเหล็กไหล>> ! <<ห่อหุ้มเคลือบแข็ง>> ! ”

 

ดาเรียสทำการยกระดับกำลังและป้องกันของ <<อัศวินทำลายล้าง>> ที่แต่เดิมก็สูงลิ่วอยู่แล้วให้ขึ้นมาอีก หนำซ้ำยังใช้สกิลระดับกลางที่ฉุดพลังป้องกันกายภาพเสริมไปจนถึงชุดเกราะที่หุ้มกายอยู่ด้วย

เพราะอำนาจเหล่านี้เองทำให้ดาเรียสยืนใช้ร่างกายรับคมดาบของครอสได้อย่างสบาย แล้วยังทำการพุ่งทะยานอัดเข้ามาใส่ราวกับจะแทงให้ร่างทะลุด้วยปลายดาบหรือไม่ก็เอาหัวโหม่งให้กระจุยเลยยังไงยังงั้น

 

“ ขุ่ก…อ๊าาาาาาาาาาาาาาาา! ”

 

แม้ครอสจะทำการกวัดแกว่งดาบเข้ามาอย่างต่อเนื่อง แต่ต่อให้โดนแทงเข้าไปซักกี่รอบก็ไม่สน

กี๊ดกี๊ดกี๊ดกี๊ดแกร๊งงง!

ดาเรียสไม่จำเป็นต้องใช้ดาบเพื่อป้องกันตัวเลย

เขาใช้ร่างกายที่หุ้มไปด้วยเกราะนั่นรับการโจมตีของครอสได้โดยสมบูรณ์ พุ่งกระชั้นชิดเข้ามาใกล้อย่างบ้าระห่ำก่อนจะยกดาบขึ้นสูง

พริบตานั้น ร่างของครอสก็พลันขนลุกซู่

——เจ้าพวก <<นักรบหนัก>> เนี่ยตามหลักแล้ว มันมักจะเน้นฝึกสกิลสายป้องกันเป็นส่วนใหญ่แหละ แต่พวกมันก็ไม่ลืมที่จะขัดเกลาสกิลโจมตีเพื่อใช้ต่อยกลางหน้าศัตรูแบบจังๆเพียงทีเดียวเอาไว้ด้วยเหมือนกัน  

นึกถึงคำพูดของลีโอเน่ที่แล่นเข้ามาอยู่ในหัว แล้วจึงเตรียมตัวพร้อมรับมือในทันใด

เสี้ยววินาทีนั้น

 

 

 

ตู้มมมมมมมมมมมมมมม!

 

 

ดาบสองมือที่ดาเรียสฟาดลงมาพลันเป่าผืนดินแหลกกระจุย

 

“ ขุ่ก!? <<หลบหลีกฉุกเฉิน>> ! ”

 

แม้จะได้คำสอนของอาจารย์ช่วยให้หลบพ้นหวุดหวิด แต่ฝุ่นทรายที่ถูกซัดปลิวว่อนก็เข้าถาโถมใส่ครอส

ฝุ่นทรายที่ระเบิดมันก็กระเด็นอัดใส่ดาเรียสด้วยเช่นกัน แต่พลังป้องกันอันสูงส่งนั่นก็ทำให้ไม่จำเป็นต้องใส่ใจต่อเศษหินเล็กๆที่เกิดจากคลื่นกระแทกเลยแม้แต่น้อยนิด

 

 

ดาเรียสทำการพุ่งอัดเข้าหาครอสที่ผงะไป ก่อนจะฟาดการโจมตีอันแสนหนักหน่วงตรงเข้าใส่ซ้ำใหม่อีกครั้ง

แม้จะเป็นการโจมตีเน้นอานุภาพที่มีช่องโหว่อยู่เต็มไปหมด แต่แรงกดดันจากการพุ่งทะยานที่เชื่อมั่นในพลังป้องกันอันสูงส่งของตนสุดขีดนั่นก็ไม่เปิดจังหวะให้โจมตีสวนกลับได้เลยแม้แต่นิด ไม่สิ ต่อให้โจมตีกลับไปได้สำเร็จ แต่ก็คงจะสร้างความเสียหายจังๆให้ไม่ได้อยู่ดี นี่แหละคือความน่าหวาดผวาของ <<อัศวิน>> ที่เป็นเลิศในด้านป้องกันล่ะ

ใช้พลังป้องกันอันหนาแน่นบดขยี้การโจมตีของอีกฝั่ง แล้วจึงฉุดให้เชื่อมต่อเข้ากับการฟาดเต็มกำลังอันแสนบ้าระห่ำ

สไตล์การต่อสู้แบบนั้นมันราวกับว่าเป็นร็อกลิซาร์ด วอริเออร์ที่มีสติปัญญาเลยก็มิปาน

การโจมตีที่เหมือนบ้าระห่ำนั่นแท้จริงแล้วถูกสานขึ้นมาผ่านประสบการณ์การฝึกฝน กลลวง และการอ่านเกมอันเด็ดขาด และมันก็กำลังถล่มถาโถมไล่ต้อนครอสด้วยระดับความแม่นยำที่เหนือล้ำไปคนละระดับกับการโจมตีที่เข้าใจง่ายของมอนสเตอร์

 

“ ขุ่ก อุก……. ”

 

สไตล์การต่อสู้ที่เน้นความหนักหน่วงนั่น สำหรับตัวครอสในตอนนี้ที่ถูกฝึกฝนโดยเพ่งเน้นไปยังด้านการเคลื่อนไหวแล้ว ถือว่าแพ้ทางขั้นหนักเลย

เช่นเดียวกับศึกร็อกลิซาร์ด วอริเออร์ ….ยิ่งการต่อสู้ลากยาวออกไปเท่าไหร่ โอกาสที่จะโดนอัดด้วยการโจมตีก็จะยิ่งเพิ่มสูงมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งนานเข้าก็จะยิ่งเสียเปรียบอย่างแน่นอน

ฉะนั้นครอส จึงได้ทำการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ในทันที  

 

“ หมู่มวลอากาศที่ห่อหุ้มปกคลุมอยู่ทั่วเอ๋ยเชื่อฟังเราเสีย จงก่อตัวสร้างเป็นหอกพิฆาตอยู่ในมือข้างนี้ นามนั้นก็คือวายุคลั่ง——- ”

 

ครอสถอยเว้นระยะห่างออกจากดาเรียส แล้วจึงทำการเริ่มต้นเอ่ยคำร่ายของ <<ทริปเปิลวินด์แลนซ์>> —–อันเป็นเครื่องมือเพียงหนึ่งเดียวที่จะใช้โค่นศัตรูลงได้

ทว่า

 

“ …….ขึก! ไม่ยอมให้ทำได้หรอก! <<ออบสทาเคิลชาร์จ>> ! ”

 

ประยุกต์ใช้สกิลอัศวินที่มีผลช่วยให้อ้อมเข้ามาดักได้  ทำให้ดาเรียสย่นระยะห่างเข้ามาในทันที

 

“ อย่าดูถูกกันนะ…..! อยู่ตัวคนเดียวโดยไม่มีอาชีพระยะประชิดคอยคุ้มกันแบบนี้ แกอย่าได้คิดเชียวว่าจะสามารถกล่าวคำร่ายอันแสนยาวเหยียดนั่นได้น่ะ! ”

 

เวทระดับกลางที่ถูกทำให้รู้ซึ้งตั้งแต่เมื่อกี้นี้แล้วว่ามีอานุภาพที่มหาศาลมากพอจะตัดสินผลแพ้ชนะได้เลย

ฉะนั้นจึงจะไม่ยอมให้เปิดใช้งานได้ง่ายๆเป็นอันขาด…….ดาเรียสคิดพลางเหวี่ยงดาบสองมือออกไป เป้าหมายก็คือลิ้นปี่ของครอส

หากการโจมตีเฉี่ยวบริเวณนั้นไปแม้เพียงน้อยนิด ร่างกายของครอสก็จะหยุดหายใจ ทำให้การร่ายเวทถูกยุติตามลงไปด้วย

ถูกถาโถมเข้าใส่ด้วยการรุกรับอันซับซ้อน ผนวกเข้าไปกับแรงกดดันมหาศาล ทำให้การจะเอ่ยคำร่ายให้เสร็จสมบูรณ์เป็นอะไรที่ยากยิ่งสุดขั้ว

——–หากเป็นกรณีปกติละก็นะ

แต่ในฉับพลันนั้น——ไม่รู้ว่าได้รับอิทธิพลมาจากใคร——ตัวครอสที่ถูกดาเรียสขัดขวางการเอ่ยคำร่าย กลับยกมุมปากขึ้นมาแสยะยิ้มอย่างกระหายการต่อสู้ซะอย่างนั้น

 

(เป็นจริงอย่างที่คุณลูด์มิร่าพูดเอาไว้เลย………!)

 

——ฟังให้ดีนะครอส หากอาชีพเวทมนตร์ที่ถูกล่วงรู้ว่ามีเวทมนตร์อันทรงพลังอยู่กับตัวเริ่มทำการกล่าวคำร่ายให้เห็นต่อหน้า ไม่ว่าใครก็คงจะเคลื่อนไหวเพื่อหยุดยั้งกันทั้งนั้น โดยจุดที่คนเรามักจะทำการเล็งไปเองเพื่อหยุดคำร่ายนั่นก็คือ ใบหน้า คอ หรือไม่ก็ลิ้นปี่…..และหากเรารู้ก่อนล่วงหน้าว่าการโจมตีของศัตรูมันถูกเล็งไปยังจุดใด ต่อให้เป็นการโจมตีจากคนที่แกร่งมากยิ่งกว่าก็ตาม แต่เราก็จะสามารถอ่านวิถีดาบได้อย่างง่ายดายเลย กล่าวคือ—–

 

 

“ <<ครอสเคาน์เตอร์>> ! ”

 

 

กล่าวคือ จะหลบหรือป้องกัน หรือจะใช้เคาน์เตอร์โต้กลับไปก็ได้เหมือนกันนั่นเอง!

ครอสทุ่มการโจมตีที่ก่อนหน้านี้ทำไม่ได้เนื่องจากถูกล้อมรอบอยู่โดยอาชีพระดับกลางหลายคน อัดเข้าไปด้วยแรงเต็มเหนี่ยว

เป็นการโจมตีที่ใช้ประโยชน์จากแม้กระทั่งกำลังของดาเรียสที่เป็น <<อัศวินทำลายล้าง>> ก่อให้เกิดเป็นการจู่โจมที่ทรงอานุภาพไร้ใครเทียม

 

“ ห้ะ—–อ๊าาาากกกกกกกกกก!? ”

 

โดนด้ามของดาบสั้นอัดเข้าไปจังๆกลางหน้า ส่งร่างอันมหึมาของดาเรียสให้ปลิวกระเด็นไปไกลลิบ

แม้จะกลิ้งเกลือกไปตามพื้นไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบพลางสำรอกเลือดออกมาไม่หยุด แต่ดาเรียสก็ยังฝืนตัวยกเอาร่างกายท่อนบนกลับขึ้นมา

 

“ นี่แก…….อย่าบอกนะว่าใช้คำร่ายเป็นนกต่อ……..!? ไม่สิที่สำคัญกว่านั้น ครอสเคาน์เตอร์อย่างนั้นรึ!? ”

 

เจอะเข้ากับการโจมตีที่เหนือล้ำเกินความคาดหมายเช่นนี้ สีหน้าของดาเรียสก็ถึงกับบิดเบี้ยวอย่างใหญ่หลวง

เคาน์เตอร์มันมีอีกนามนึงคือ <<สกิลเฉพาะของคนรวย>>

เนื่องจากคุณสมบัติที่ต้องใช้ประโยชน์จากการโจมตีของอีกฝั่ง ทำให้จำเป็นต้องบุกเข้ารับการโจมตีซ้ำๆหลายต่อหลายครั้งจนกว่าจะเรียนได้ ฉะนั้นจึงถูกกล่าวขานกันว่ามีเพียงผู้ที่สามารถจ้าง <<พรีส>> ตั้งแต่ระดับกลางขึ้นไปเป็นระยะยาวได้เท่านั้นจึงจะมีอยู่ภายในครอบครอง

ทว่า ถึงแม้จะเป็นผู้ที่มีกำลังทรัพย์มากพอจะทำได้ แต่ก็มีผู้ที่ตัดสินใจล้มเลิกแผนการเรียนเนื่องจากความเจ็บปวดและความหวาดกลัวต่อความล้มเหลวที่บังเกิดขึ้นในระหว่างขั้นตอนการเรียนอยู่มากมายเลยทีเดียว ต่อให้เป็นอาชีพระยะประชิดที่มาจากตระกูลขุนนางแต่ก็มีคนที่ถือครองสกิลสายเคาน์เตอร์อยู่ไม่มากนักหรอก

เป็นแบบนั้นแท้ๆ…….

 

“ ยังไม่นับที่สามารถใช้ควบคู่ได้ทั้งสกิลเวทมนตร์และสกิลระยะประชิดอีก…..เด็กกำพร้าที่เพิ่งจะได้รับ <<คลาส>> มาหมาดๆทำอย่างไรถึงเป็นได้ระดับนี้……..!? ”

 

ผสานเข้ากับการที่ตนเองเพิ่งจะได้รับการโจมตีอันแสนเจ็บแสบเข้าไปจังๆ ทำให้ดาเรียสถึงกับสับสนขั้นหนักเลย

แต่ตอนนี้หาใช่เวลาที่จะถูกรั้งอยู่โดยข้อสงสัยเช่นนั้นไม่

เคาน์เตอร์มันรุนแรงอย่างยิ่งก็จริง แต่ก็ไม่ได้มีอานุภาพมากพอขนาดที่จะใช้โค่นตนซึ่งเป็น <<อัศวินทำลายล้าง>> ลงได้หรอก

ยังไม่ได้ถูกตัดสินว่าแพ้ซะหน่อย

โอกาสชนะยังมีอยู่เหลือเฟือ

เคาน์เตอร์น่ะหากระวังซะอย่างก็ไม่ใช่สกิลที่น่ากลัวมากมายอะไรหรอก

พอทำการจูนหัวใหม่อีกรอบแล้ว ดาเรียสก็พยายามฮึดแรงจะลุกกลับมาเพื่อเตรียมตีโต้——ทว่าเป็นในฉับพลันนั้นเอง  

ที่เขาเพิ่งจะรู้สึกตัวได้ซะที

 

“ ห้ะ……….!? ”

 

ว่าแม้กระทั่งสกิลเคาน์เตอร์อันแสนทรงพลังนั่น ก็ยังเป็นแค่เพียงการหว่านทางเพื่อเชื่อมต่อไปถึงการโจมตีของจริงเท่านั้นเอง  

 

 

“ ——–จักกุมบังเหียนเหนืออำนาจอันท่วมท้นให้กลายมาเป็นกระสุนปืนใหญ่แห่งเราแล้วปัดเป่ามารศัตรูให้หมดไป——– ”

 

 

“ คำร่ายมัน……ไม่ได้ขาดห้วงแต่ยังคงดำเนินอยู่…….!? ”

 

 

นั่นคือสถานการณ์ประหลาด ที่ดาเรียสซึ่งไม่เคยมีประสบการณ์ได้ท้าชนกับตัวตนสุดจะบ้าบอที่สามารถใช้งานสกิลระยะประชิดและสกิลเวทมนตร์ได้ควบคู่กันทั้งสองอย่างมาก่อน ไม่มีทางจะคาดการณ์ได้

การเล่นทีเผลอโดยสมบูรณ์ที่ไม่อาจจะหวาดระแวงล่วงหน้าได้

เช่นเดียวกับที่อาชีพระยะประชิดสามารถอยู่ในสภาวะเปิดใช้ <<บัฟสมรรถภาพร่างกาย>> อย่างต่อเนื่องแล้วปลดปล่อยสกิลโจมตีแบบอื่นได้อย่างเป็นเรื่องปกติสามัญ ครอสเองก็สามารถเปิดใช้ครอสเคาน์เตอร์ไปพลาง กล่าวคำร่ายอย่างต่อเนื่องไปด้วยได้เหมือนกัน

 

“ ——-ขุ่ก! ”

 

ตกตะลึงอยู่ชั่วครู่

เจอะเข้ากับไอ้สัตว์ประหลาดที่เป็นปริศนาอย่างยิ่งยวดแล้วหวาดหวั่นขวัญผวาจนตัวแข็งทื่อไปชั่วพริบตา

แต่แล้วดาเรียสก็ยกร่างกลับขึ้นมาในทันที ก่อนจะพุ่งดิ่งอัดเข้าไปสุดกำลัง พยายามจะย่นระยะห่างด้วยสีหน้าที่เอาเป็นเอาตายสุดขีด

ทว่า——ช่วงเวลาไม่กี่วินาทีอันร้ายแรงถึงชีวิตที่เกิดจาก <<ครอสเคาน์เตอร์>> นั่น มันก็ทำให้คำร่ายเวทมนตร์ที่ยืดยาวไม่จบไม่สิ้นซักทีภายในศึกจริง พลันเสร็จสมบูรณ์อย่างง่ายดาย

 

“ ——– <<ทริปเปิลวินด์แลนซ์>> ! ”

 

 

“ ขั่ก!? อ๊าาาาาาาากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!? ”

 

หอกวายุที่ถาโถมคุกคามเข้ามาใส่จากเบื้องหน้าโดยตรง

อานุภาพนั้นต่อให้เป็น <<อัศวินทำลายล้าง>> เลเวล 26 ที่สวมเกราะห่อหุ้มไว้ทั่วร่างก็ยังไม่อาจที่จะทานทนได้——–ร่างกายอันกำยำหนาแน่นของดาเรียสถูกกลืนกินหายเข้าไปในสายลมในบัดดล

แคร๊งงงงงงงงงง!

แซะทำลายผืนดินป่นบดขยี้แมกไม้….หลังจากที่หอกวายุทั้งสามเล่มหายลับไปโดยทิ้งคราบการทำลายล้างอย่างหมดสิ้นเอาไว้

ดาเรียสที่ถูกลมขย้ำจนเกราะเบี้ยวผิดรูปก็ถูกโยนลงมาหมอบหมดสภาพอยู่กับพื้น ไม่กระดุกกระดิกอีกเลย

 

“ สะ สำเร็จแล้ว……..? ”

 

ครอสที่ตรวจสอบว่าดาเรียสหมดสติไปแล้วจากแท็กแทนตัว พลันเค้นเสียงพูดออกมา

 

 

ต่างกับศึกร็อกลิซาร์ด วอริเออร์ที่ต้องให้จิเซลช่วยด้วย

ความปลื้มปีติที่สามารถโค่นคู่มืออาชีพระดับกลางลงได้ในการดวลแบบ 1 ต่อ 1 ….บีบให้ครอสแผดเสียงร้องเรียกชื่อของอาจารย์ออกมาพลางคำรามเฉลิมฉลองกับชัยชนะ  

เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย

เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย

เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย
Status: Ongoing
อ่านนิยายเหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ยกาลครั้งนึงแต่ไม่ทราบแน่ชัดว่าเมื่อไหร่ ได้มีวีรสตรี 3 คนที่ถูกกล่าวขานล่ำลือกันว่าเป็นตัวตนผู้แข็งแกร่งทรงพลังมากที่สุดในโลกอยู่ครับ ความแข็งแกร่งของพวกเธอนั้นเรียกได้ว่าเป็นระดับเหนือมนุษย์เลยเชียว คนนึงสามารถต่อยขุนเขาให้แหลกกระจุยได้ด้วยหมัดเปล่า คนนึงสามารถเป่าร่างของพลทหารนับหมื่นนายให้ลอยปลิวหายไปได้ด้วยการโจมตีจากเวทมนตร์เพียงครั้งเดียว ส่วนอีกคนก็เป็นหญิงพิลึกพิลั่นที่เอาเวทฟื้นฟูกับเวทสนับสนุนมาใช้ฆ่าคนได้ เลยกลายเป็นตัวตนที่ถูกหวาดกลัวไปตามระเบียบ แค่เพียงคนเดียวก็โหดพอจะทำให้ประเทศหนึ่งถึงการล่มสลายได้อย่างง่ายดายแล้ว ยิ่งถ้าเหล่าวีรสตรี 3 คนนั้นมาสุมหัวรวมตัวไปไหนมาไหนด้วยกันแล้วนี่คงอาจต้องเรียกว่าเป็นภัยพิบัติเดินได้ การหวนคืนชีพของเทพมาร หรือในบางพื้นที่ก็อาจจะระบุตัวตนของพวกเธอเป็นเทพผู้ชั่วร้ายกันเลยก็เป็นได้…..หากอาศัยใช้งานความแข็งแกร่งนั่นซะอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอะไรต่อมิอะไรก็คงบันดาลให้เป็นดั่งที่ใจพวกเธอต้องการได้เกือบทั้งหมดเลยกระมัง แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังมีสิ่งที่แม้แต่สามคนนั้นเอง ก็ยังไม่อาจได้มาครอบครองอยู่ครับ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset