เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย – ตอนที่ 67 ทิฐิของลูกผู้ชาย (4)

——ก็ ตอนที่ทำเป็นเก๊กหล่อเดินทางจากโรงเรียนกลับมายังคฤหาสน์นี่ก็ยังดีอยู่หรอก

แต่พอเวลาผ่านไป ตัวผมที่ทวงคืนได้ความเยือกเย็นกลับมาก็สังเกตรับรู้ได้ถึงจุดที่มีปัญหาหลายอย่างเลย

นั่นก็คือ——

 

“ เพราะอารมณ์พาไปก็เลยเผลอป่าวประกาศว่า [ถ้าแพ้ในการประลองแล้วจะทำตามที่พูดทุกอย่าง] ออกไปก็จริงหรอก แต่จะว่าไปแล้วตัวผมที่มีจุดยืนเป็นลูกศิษย์เค้าอยู่แบบนี้สมควรจะตัดสินใจมั่วซั่วเอาเองแบบนั้นจริงๆน่ะเหรอ!? ”

 

ผมถูกเหล่าอาจารย์ซึ่งเป็นนักผจญภัยระดับ S เก็บมาเลี้ยงดูฝึกฝนด้วยใจเมตตาปรารถนาดี

แม้จะไม่ถึงกับว่าเป็นสิ่งของ แต่ก็คงเป็นการยากที่จะพูดว่าร่างกายนี้ของผมเป็นเพียงของผมคนเดียวล่ะ

 

“ เป็นแบบนั้นแท้ๆแต่กลับมั่วพูดเอาเองว่า [จะทำทุกอย่าง] ไปได้ยังไง……ถึงจำต้องทำเพื่อให้การประลองเกิดขึ้นได้ก็เถอะ แต่แบบนี้ไม่สะเพร่าเกินไปหน่อยเหรอเนี่ย……!? ”

 

หนำซ้ำ จุดที่ชวนให้แดดิ้นก็ยังไม่ได้หมดอยู่แค่นั้น

 

“ ว่ากันแต่แรกเริ่มเดิมทีแล้วตัวผมเองก็ไม่ได้มีแผนมาตรการรับมือกับอาชีพระดับสูงอะไรซะหน่อยแถมเรื่องการฝึกก็ก็ต้องขอพึ่งพาพวกอาจารย์อีกต่างหาก แต่กลับดันมาทำเป็นเก๊กหล่อต่อหน้าจิเซลถึงขนาดนั้น……แบบว่านี่มัน โคตรจะดูน่าอายสุดๆไปเลยไม่ใช่เหรอ!? ”

 

อะ อื้มถ้าเพื่อที่ <<ไร้อาชีพ>> อย่างผมจะแข็งแกร่งขึ้นแล้วก็จำเป็นต้องขอพึ่งพากำลังของพวกอาจารย์สถานเดียวเท่านั้นก็จริงหรอก ตัวสถานการณ์ดังว่านี้มันเป็นอะไรที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้เลยก็จริงหรอก……แต่พอย้อนนึกถึงคำพูดการกระทำของตัวเองอย่างเยือกเย็นดูแล้วจู่ๆก็ชักจะรู้สึกอับอายขึ้นมาน่ะนะ

กระนั้นแล้วก็จะมัวแดดิ้นไปตลอดไม่ได้

 

“ อะ เอาเป็นว่าต้องรีบรายงานอะไรต่อมิอะไรให้พวกอาจารย์รู้…… ”

 

ราวกับว่าความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวตลอดมาจนถึงเมื่อกี้เป็นเรื่องโกหก ผมก้าวเท้าย่องเข้าไปในคฤหาสน์อย่างแผ่วเบาแบบกล้าๆกลัวๆ

 

 

 

ด้วยเหตุนั้น พอกลัดกลุ้มกับความสะเพร่าและความน่าอับอายของตนเองไปพลางเล่าอธิบายเรื่องราวความเป็นมาให้พวกอาจารย์ฟังปุ๊บ

 

“ ก็คงพูดได้เพียงแค่เธอคิดน้อยไปเท่านั้นจริงๆนั่นล่ะ ”

“ อ๊าวว!? ”

 

ดังฉึก

คำพูดของคุณลูด์มิร่าที่เอามือกอดอกนั่นมันทิ่มแทงเข้ามาในใจจนทำให้เผลอเปล่งเสียงแปลกๆหลุดออกมา

แถมการแจกแจงของคุณลูด์มิร่าก็ยังคงดำเนินต่อ

 

“ เรื่องที่เอาสิทธิเป็นเจ้าชีวิตกำหนดจะอยู่หรือตายไปเป็นตัวเริ่มต้นการประลองนั่นก็ใช่ แต่ไม่นึกเลยว่าจะทะยานเข้าไปท้าทายขุนนางลำดับสูงก่อนหน้าที่จะมาปรึกษากับพวกฉันก่อน หนำซ้ำพอรู้ว่าอีกฝั่งเป็นอาชีพระดับสูงแล้วก็ยังจะไม่ยอมถอยอีกหรือนี่ จะคราวพ๊อยซั่นสไลม์ฮีโดร่าก็ดี, คราว ริสก์ 4 ก็ดี, เธอนี่คอยคิดแต่จะช่วยเหลือผู้อื่นโดยไม่สนตัวเองมากเกินไปแล้ว หากเป็นนักผจญภัยแล้วก็จงยอมรับสถานการณ์ให้ได้อย่างเยือกเย็น แล้วค้นหาวิถีทางเพื่อเอาตัวรอดให้ได้อย่างมุ่งมั่นนั่นสิถึงจะเป็นท่วงท่าพื้นฐานที่สมควร ”

“ ขะ ขอโทษครับ ”

 

คำพูดที่ถูกต้องอย่างไม่อาจโต้แย้งนั่นทำเอาผมห่อเหี่ยว

 

“ ……แต่กระนั้นแล้ว ”

 

และ คุณลูด์มิร่าที่เห็นผมทำท่าทางแบบนั้นก็พลันกล่าวต่อออกมาเหมือนกับแตกตื่น

 

“ ก็เป็นจุดนี้ของเธอนี่แหละที่พวกฉันหลงรัก——อะแฮ่ม! ที่พวกฉันชื่นชมแล้วตัดสินใจรับมาเป็นลูกศิษย์ ต้องจำเอาไว้เป็นบทเรียนก็จริง แต่ไม่มีเหตุจำเป็นให้ต้องรู้สึกต่ำต้อยด้อยค่าตนเองไปเลย ”

“ โอ้วใช่แล้วละนะ! ครอส การตัดสินใจของแกมันไม่ได้ผิดไปเลยซักนิดเดียวล่ะ ”

 

คุณลีโอเน่แผดเสียงดังลั่นราวกับเป็นการผลักคุณลูด์มิร่าให้ออกไปห่าง

 

“ ลูด์มิร่ามันอาจจะพูดอะไรอุบอิบๆอยู่ก็จริง แต่เข้าไปท้าหาเรื่องภายใต้สถานการณ์แบบนั้นแหละถึงจะสมเป็นลูกศิษย์ของฉันล่ะ ทำเอานึกถึงความหลังขึ้นมาเลยนะเนี่ย……ตอนสมัยฉันยังเป็นอาชีพระดับกลางก็เคยถูกปาร์ตี้อาชีพระดับสูงมันมาพูดจาเสียๆหายๆใส่อยู่เหมือนกันแหละ ก็เลยพุ่งเข้าไปซัดแบบเตรียมใจพร้อมที่จะตายเอาไว้เลยไง ”

“ เอ๊ะ เตรียมใจพร้อมตายนี่ สุดท้ายแล้วได้ผลลัพธ์ออกมาเป็นยังไงเหรอครับนั่น ”

“ พอลอบเล่นฟาดหัวทีเผลอใส่โดยไม่เลือกวิธีการซ้ำเข้าหลายๆครั้งแล้ว รู้ตัวอีกทีก็กลายเป็นอาชีพระดับสูงไป แล้วหลังจากนั้นก็ไล่กระทืบยับเรียงตัวแบบส่งๆเลยอะนะ (ฮา) ”

“ มันอะไรกันครับน่ะ!? ”

 

ลองถามออกไปเพราะคิดว่าอาจจะได้คำใบ้สำหรับใช้เป็นมาตรการรับมือกับผู้ที่เหนือกว่า แต่กลับได้คำตอบที่สุดแสนจะพิลึกพิลั่นกลับมาซะได้นี่ ให้ว่าแล้วถึงแม้จะเล่นทีเผลอก็เถอะ แต่ไหงอาชีพระดับกลางถึงเอาชนะอาชีพระดับสูงได้เฉยเลยละนั่น……?

 

“ อื้มม~ ต่อให้ยังไงแต่ก็ไม่จำเป็นต้องเศร้าหมองไปหรอกน้าา ครอสคุง ”

 

คุณเทโลเมียร์ส่งเสียงอย่างอ่อนโยนมาให้กับผมที่กำลังอึ้งค้างอยู่กับความหลังอันสุดจะพิลึกสิ้นดีของนักผจญภัยระดับ S

 

“ จะให้ต่อกรกับอาชีพระดับสูงได้ในสิบวันนี่อาจจะยากพอตัวเลยก็จริงหรอก แต่ก็มีมาตรการรับมืออยู่เหมือนกันแหละน้าา~ มาพยายามเพื่อเอาชนะ <<นักดาบประกายแสงระดับสูง>> ให้ได้กันเถอะเน้ออ~ ”

“ ช่ายๆ จะเป็นนักผจญภัยที่ปกป้องใครอื่นได้ใช่มั้ยอะ? งั้นก็ไม่มีความจำเป็นต้องเสียใจเรื่องการตัดสินใจในวันนี้หรอกน่า พวกฉันเนี่ยแหละจะช่วยให้แกแข็งแกร่งขึ้นมาเหมือนกับก่อนๆหน้านี้เอง ทำใจให้สบายแล้วเพ่งสมาธิจดจ่ออยู่กับการฝึกไปเหอะ ”

“ ทุกคน…… ”

 

แม้จะว่ากล่าวการตัดสินใจอย่างสะเพร่าของผม แต่ก็ยอมรับนับถือและยินดีจะร่วมมือช่วยเหลือ

ตัวผมยังคงอ่อนหัดไม่ได้เรื่องไม่ได้ราวอยู่ก็จริงหรอก……แต่อย่างน้อยที่สุดก็อยากจะขอตอบรับต่อความเมตตาของพวกเค้าเหล่านี้ให้ได้เต็มที่

 

“ ขอบพระคุณมากเลยนะครับ! ขอฝากตัวด้วยครับ! ”

 

ผลักทั้งความรู้สึกละอายที่มีต่อตัวเองซึ่งผลีผลามไม่ทันระวัง ทั้งแรงผลักดันให้อยากจะชักแดดิ้นมันตรงนี้ไปเก็บไว้ลึกๆภายในใจก่อนชั่วคราว

ผมก้มหัวให้กับพวกอาจารย์ด้วยความรู้สึกที่ซื่อตรงจากใจจริงเลย

 

 

 

 

——คืนวันนั้น

หลังจากตรวจสอบว่าครอสเข้านอนไปแล้ว ลีโอเน่ ลูด์มิร่า และเทโลเมียร์ทั้งสามคนก็ได้มานั่งหันหน้าเข้าหากันอยู่ภายในโรงอาหาร

หัวข้อการประชุมก็แน่นอน เกี่ยวกับแนวทางฝึกฝนครอสให้พร้อมรับการประลองที่จะมาถึงนั่นเอง

แต่บรรยากาศนั้นกลับดูเคร่งเครียดร้ายแรงจนเทียบชั้นไม่ได้เลยกับในตอนที่พูดว่า ‘เชื่อมือเถอะ’ ให้ครอสฟัง

 

“ ชิ เพราะสถานการณ์ที่ถูกขุนนางหมายหัวนี่จะเชื่อมโยงไปสู่การเติบโตของครอสได้ ก็เลยคิดว่าเหมาะเหม็งดีเลยอยู่หรอก แต่ไม่คิดฝันเล้ยว่าเริ่มมาปุ๊บก็เจอการท้าดวลอย่างซึ่งหน้ากับขุนนางลำดับสูงแบบนี้ปั๊บ เร็วมากเกินไปจริงๆนั่นแหละ ”

 

ว่าแล้ว ลีโอเน่ก็หันมองไปทางเทโลเมียร์

 

“ ว่าไงเฮ้ย ท่าจะยากจริงๆด้วยงั้นเรอะ? ”

“ นั่นสิน้าา~ เพราะอยากให้ครอสคุงอุ่นใจก็เลยพูดออกไปแบบนั้นหรอกก…… ”

 

เทโลเมียร์ที่ถูกรบให้พูดนั้นทำการกลั่นกรองคำพูด แล้วจึงหยิบสเตตัสเพลทของครอสที่ก๊อปปี้เอาไว้ออกมา มีสกิลของเด็กหนุ่มที่เติบโตตลอดหลายวันมานี้ผ่านเทศกาลวิวาทและการฝึกดังปกติถูกแสดงไว้อยู่ตรงนั้น

 

 

ประวัติการเติบโตของสกิลในระยะนี้  

<<เสริมกำลัง II Lv1 (+88)>>   ——->   <<เสริมกำลัง II Lv2 (+97)>>  

<<เสริมความว่องไว II Lv4  (+116)>>  ——->  <<เสริมความว่องไว II Lv5  (+124)>>

<<เสริมพลังเวทพิเศษ Lv5  (+41)  ——->  <<เสริมพลังเวทพิเศษ Lv7  (+57)>>  

<<บัฟกำลังดาบระดับกลาง Lv1>>   ——->   <<บัฟกำลังดาบระดับกลาง Lv2>>

<<บัฟสมรรถภาพร่างกาย (กลาง) Lv4>>  ——->  <<บัฟสมรรถภาพร่างกาย (กลาง) Lv5>>

<<หลบหลีกฉุกเฉิน II Lv2>>   ——->   <<หลบหลีกฉุกเฉิน II Lv3>>

<<ครอสเคาน์เตอร์ระดับกลาง Lv1>>   ——->   <<ครอสเคาน์เตอร์ระดับกลาง Lv2>>

<<แคร์ฮีล Lv1>>  ——->  <<แคร์ฮีล Lv2>>

 

 

สกิลที่ถือครอง

<<เสริมป้องกัน II Lv1 (+94)>>  <<เสริมพลังเวทแปรรูป Lv1  (+5)>>

<<เสริมป้องกันเวท Lv2  (+15)>>  <<เสริมพลังเวทโจมตี II Lv4  (+116)>>

<<ทริปเปิลวินด์แลนซ์ Lv5>>  <<ทะยานหุ้มวายุ Lv3>>

<<ควบคุมพลังเวทนอกร่าง Lv7>>  <<ตรวจจับพลังเวทนอกร่าง Lv7>>

<<ควบคุมพลังเวทในร่าง Lv6>>  <<ตรวจจับพลังเวทในร่าง Lv6>>

<<การ์ดเอาท์ Lv5>>  <<ขัดเกลาพื้นฐาน Lv1>>

<<เคลือบแข็งร่างกาย (เล็ก) Lv9>>  <<อีจิสช็อต Lv1>>

 

 

มีเพียงสกิลระดับต่ำเท่านั้นที่มี สกิล Lv สูงสุดอยู่แค่ 10

สกิลอื่นที่นอกเหนือจากพวกสายเสริมสเตตัสนั้น พอยิ่งเติบโตขึ้นไปเป็นระดับกลางระดับสูงแล้วก็จะมีระดับสูงสุดของ Lv เพิ่มเป็น 20, 40 ขึ้นไปเรื่อยๆ และความเร็วการเติบโตของสกิลก็จะหน่วงช้าลงอย่างสอดคล้องกัน

เนื่องจากอัตราส่วนการเพิ่มขึ้นของอานุภาพและความเร็วในช่วงแถว Lv1 ได้น้อยลงมานิดหน่อย แม้ความเร็วการเพิ่มขึ้นของ Lv จะยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แต่ก็ทำให้พลังการต่อสู้เติบโตได้ช้ามากยิ่งขึ้นจริงๆ

ครอสเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ความเร็วการเติบโตเริ่มที่จะหน่วงช้าขึ้นมาพอสมควรเลยเหมือนกัน

แต่ถึงอย่างนั้น ตัวเลขที่ถูกแสดงอยู่เหนือสเตตัสเพลทก็ยังคงผิดแปลกพิสดารมากเหลือเกิน

Lv (ระดับความชำนาญ) ที่มีสกิลระยะประชิดเป็นศูนย์กลางนั้นเพิ่มสูงขึ้นมาพอตัว แข็งแกร่งขึ้นมามากยิ่งกว่าตัวเด็กหนุ่มเมื่อหลายวันก่อนอย่างแน่นอนเลย นี่แหละคือหลักฐานว่าการทำศึกสู้ต่อเนื่องในเทศกาลวิวาทได้ช่วยทำให้เกิดผลอย่างเห็นได้ชัด

แถมยังไปเรียนได้สกิลตีอาวุธมาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ศักยภาพนั้นช่างมากล้นขนาดที่แม้แต่นักผจญภัยระดับ S ก็ยังไม่อาจจะวัดได้

แต่ภายในปัจจุบันนี้——

ลูด์มิร่าที่จ้องมองสเตตัสเพลทของครอสอย่างเงียบเชียบพลันหรี่ตา

 

“ ศัตรูคือเลเวล 50, ถึงแม้จะเป็นเลเวลที่ถือว่ายังอ่อนในฐานะอาชีพระดับสูง แต่ก็เป็น <<นักดาบประกายแสง>> ที่โดดเด่นในด้านความเร็ว ในอีกฝั่งหนึ่ง ความสามารถของครอสในปัจจุบันนี้อยู่ในช่วงกลางๆของอาชีพระดับกลาง จะฝึกให้ชนะได้ภายในสิบวันนี่ต่อให้พยายามอย่างไรแต่ก็เป็นไปไม่ได้หรอก อำนาจเสริมความเร็วการเติบโตของ <<ซินเดอเรลล่าเกรย์>> ก็มีขีดจำกัดเหมือนกัน ต่อให้คิดอย่างไรแต่ก็มีเวลาไม่มากพอ ”

“ นั่นสิเน้ออ~ ก็พอจะมีมาตรการรับมือกับผู้เหนือกว่าอยู่จริงๆเหมือนกันหรอก แต่จะให้ทำได้ภายในสิบวันนี่ก็คงจะไม่ไหว ถ้าอย่างน้อยมีเวลาซักหนึ่งเดือนก็คงต่างออกไปหรอกน้าา~ ”

“ แต่รายละเอียดของการประลองอันแสนตื่นตาตื่นใจครั้งนี้ได้ถูกแพร่สะพัดไปทั่วเมืองเรียบร้อยแล้ว หากใช้ลูกไม้ตุกติกเพื่อยืดขยายเวลาออกไปอย่างผิดธรรมชาติ ผู้คนก็คงจะเริ่มคิดสงสัยในความชอบธรรมของการประลองครั้งนี้เป็นแน่แท้ อยากจะเลี่ยงการกระทำที่จะเป็นตัวขัดขวางการท้าดวลอย่างซึ่งหน้าของครอสน่ะ ”

“ อื้อ~ งั้น จะเอายังไงกันดีล่าา ”

 

ลีโอเน่ ลูด์มิร่า และเทโลเมียร์ทั้งสามคนต่างก็เงียบกริบไป

เป็นคำถามที่แสนโหดหินจนนึกว่าต่อให้ใช้เวลาเท่าไหร่ก็คงไม่น่าหาคำตอบได้หรอก……แต่ในท้ายที่สุดแล้วใครซักคนก็แย้มยิ้ม “ฮี่”  ก่อนจะกล่าวแผนคลี่คลายปัญหาออกมา

 

“ อยากได้เวลาฝึกอย่างน้อยซักหนึ่งเดือน แต่ถ้าอยากจะเลี่ยงการเปลี่ยนวันจัดงานอย่างผิดธรรมชาติแล้วด้วยนี่……งั้นก็คงได้แต่ต้องภาวนาขอให้ บังเอิญ มีอุบัติเหตุครั้งใหญ่ที่จะทำให้การประลองต้องถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่อาจเลี่ยงเกิดขึ้นมาสถานเดียวแล้วอะม้าง ”

“ อืม จริงอย่างที่ลีโอเน่ว่านั่นล่ะ การรอคอยให้เกิด อุบัติเหตุครั้งใหญ่โดยบังเอิญ นี่ดูจะมีประสิทธิภาพดีมากที่สุดแล้ว ”

“ นั่นสิเน้ออ เอ้อเมืองนี้ก็ตั้งอยู่ใกล้กับ <<ผืนป่าเบื้องลึก>> ด้วยนี่นะ ถ้าจะบังเอิญแบบเหมาะเจาะ เกิดเป็นอุบัติเหตุครั้งใหญ่แบบนั้นขึ้นมาก็คงไม่น่าแปลกอะไรด้วยย มาภาวนาด้วยกันดีกว่าน้าา~ ”

 

ว่าแล้ว ทั้งสามก็ยิ้มหัวเราะ “หุฮิฮิ” “อะฮะฮะ” ให้แก่กันและกันอย่างเริงร่าแจ่มใส

 

 

 

 

เหลืออีกเพียงแค่สิบวัน ก่อนจะถึงการประลองกับกิมเล็ต

ลำพังแค่นี้ก็ไม่มีเวลาอยู่แล้ว ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเลือกและตัดสิ่งที่ต้องทำให้ได้มากที่สุด

 

“ อุตส่าห์กลับมาเข้าเรียนได้ทั้งที รู้สึกเสียดายอยู่เหมือนกันหรอก แต่ต้องไปขอลาหยุดที่โรงเรียนนักผจญภัยซักระยะแล้วเพ่งเน้นอยู่กับการฝึก…… ”

 

ก็แบบนั้นแหละ ในวันรุ่งขึ้นหลังจากที่ท้ากิมเล็ตเข้าสู่การประลอง

ผมได้เดินทางมายังโรงเรียนเพื่อจะทำเรื่องขอลาหยุดซักระยะหรอก……แต่ท่าทางกลับดูแปลกๆไป

ทั้งโรงเรียน ไม่สิถ้าจะให้ถูกคือทั้งเมืองต่างก็ดูอยู่ไม่สุข ได้ยินเป็นเสียงเอะอะดังเซ็งแซ่ยังไงชอบกล

 

“ ? มีอะไรกันนะ……เกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นรึเปล่า? ”

 

เป็นในฉับพลันที่เอียงหัวพร้อมเดินผ่านกระดานข่าวที่มีคนมาเฝ้ามุงกันเต็มไปหมดนั่นเอง

 

“ ครอส อาราเกาท์ ”

“ เอ๊ะ? ฮึก!? ขะ คุณมัน……!? ”

 

หันไปยังทิศที่ได้ยินเสียง แล้วจึงถึงกับสะดุ้ง

เพราะที่ยืนอยู่ตรงนั้นก็คือคนสนิทของกิมเล็ตน่ะเอง แถมยังเป็นผู้หญิงผมดำที่ว่าพามอนสเตอร์เข้ามาทำร้ายทุกคน รวมทั้งยังเป็นคนที่เล่นทีเผลอเข้าใส่จิเซลด้วย

เนื่องจากความตกใจที่ถูกเรียกชื่ออย่างกะทันหัน ผสานเข้ากับความโกรธที่ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้ผมเกือบจะขยับมือไปคว้าด้ามดาบอยู่ชั่วขณะ

แต่แล้วความโกรธเกรี้ยวก็ได้ถูกแทนที่โดยความรู้สึกอื่นในฉับพลัน ความงุนงงนั่นเอง

เพราะผู้หญิงผมดำพูดแบบนี้ออกมา ด้วยท่วงท่าที่ดูสับสนจนถึงขีดสุดเลยยังไงล่ะ

 

“ ครอส อาราเกาท์ มีเรื่องจะแจ้งให้คุณทราบค่ะ ”

“ ……อะไรเหรอครับ? ”  

“ จะขอเลื่อนการประลองค่ะ อย่างน้อยที่สุดก็คงจัดไม่ได้ไปซักหนึ่งเดือนเลย ”

“ เอ๊ะ!? ”

“ จะแจ้งวันจัดการประลองอย่างเป็นทางการให้ทราบในภายหลัง เนื่องจากจะแปรผันช้าเร็วตามความเร็วการฟื้นฟูบูรณะก็เลยไม่อาจประมาณได้เลยก็จริง……แต่มีกำหนดจะแจ้งให้ทราบในหลายวันก่อนหน้าจะจัดงานค่ะดังนั้นได้โปรดจำเอาไว้ด้วย ถ้าอย่างนั้นแล้วก็ ได้ชี้แจงให้ทราบไปแล้วนะคะ ”

“ เอ๊ะ เดี๋ยวก่อนสิ มันหมายความว่ายังไงกันครับ!? ”

“ ดิฉันกำลังรีบ ฉะนั้นช่วยเช็ครายละเอียดเพิ่มเติมจากกระดานข่าวเอาแทนก็แล้วกันค่ะ ถ้าอย่างนั้นก็ขอตัว ”

 

ว่าแล้ว ผู้หญิงผมดำก็หายตัวไปในหมู่ผู้คนด้วยท่วงท่าการเคลื่อนใจที่ดูน่าประหลาดใจ

 

“ เอ๊ะ เดี๋ยวนะ มันยังไงกันแน่น่ะ!? ”

 

ผมที่ถูกเหวี่ยงเข้าสู่ห้วงแห่งความสับสนสุดขั้ว ได้พุ่งทะยานเข้าไปใส่กระดานข่าวตามที่เค้าว่า

สงสัยเรื่องการประลองจะถูกแพร่สะพัดไปแล้วงั้นเหรอ สายตาของผู้คนโดยรอบก็เลยจดจ่อมาหาผมกันแบบสุดยอดไปเลยหรอก แต่ก็แสร้งทำเป็นไม่ทันสังเกตแล้วส่องตาไปยังกระดานข่าว ในพริบตาถัดมา คำชี้แจงที่ชวนให้ฉงนสงสัยในตาตัวเองก็ได้ลอยเข้ามาในการมองเห็น

 

 

ประกาศหยุดเรียนและขอความร่วมมือในการฟื้นฟูบูรณะ

ยามค่ำของเมื่อวาน ถนนหลวงศูนย์กลางซึ่งเป็นทางเชื่อมบัสเคิลเบียร์เข้ากับเมืองหลวงแห่งอื่นๆได้พังถล่มเป็นระยะกว้าง ต้องการกำลังพลเป็นจำนวนมากในการก่อสร้างฟื้นฟูบูรณะและปราบปรามมอนสเตอร์ในบริเวณโดยรอบ ทางโรงเรียนจะทำการหยุดการเรียนการสอนเป็นเวลาซักระยะ รวมทั้งขอให้ช่วยงดจัดงานทุกๆประเภท ผู้ใดที่ว่างจากภาระหน้าที่ได้โปรดให้ความร่วมมือเท่าที่จะเป็นไปได้ด้วย

 

 

“ อะ อะไรกันเนี่ย……!? เกิดอุบัติเหตุครั้งใหญ่ขึ้นในเวลาแบบนี้เนี่ยน่ะ……!? ”

 

แม้จะเข้าใจเหตุผลที่ทำให้การประลองถูกเลื่อน แต่ความสับสนกลับยิ่งยกระดับหนักเข้าไปใหญ่

ไม่เข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร ผมจึงเลือกที่จะวิ่งหน้าตั้งกลับไปยังคฤหาสน์ก่อนเลย

 

 

 

“ อะ อาจารย์ครับ——! เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับ! ”

 

ในทันทีที่กลับมาถึงคฤหาสน์ ผมก็รีบทำการรายงานเรื่องต่างๆนาๆให้กับพวกคุณลีโอเน่อย่างตาลีตาเหลือก

 

“ ก็ไม่ค่อยจะเข้าใจเท่าไหร่หรอกครับ แต่เหมือนว่าจะเกิดอุบัติเหตุถนนหลวงถล่มเป็นระยะกว้างจนการประลองถูกเลื่อนออกไปหรือไงนี่……โรงเรียนก็หยุดสอนด้วย ดูท่าจะมีเวลาให้ได้ฝึกเต็มที่เลยครับ! ”

 

เพราะเป็นเหตุร้ายแรงก็เลยดีใจอย่างซื่อตรงไม่ได้ แต่ก็รู้สึกว่าควรจะบอกเรื่องมีเวลาฝึกเพิ่มขึ้นให้พวกอาจารย์ฟังเป็นอย่างแรกสุด……ผมรู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังสับสนแตกตื่นสุดขั้วไปพลางร่ายคำพูดยาวออกมาเป็นชุด

แล้วทีนี้เหล่าอาจารย์ซึ่งเป็นนักผจญภัยระดับ S ก็ไม่รู้ทำไมถึงแย้มยิ้มดัง ‘ฮี่’ ขึ้นมาด้วยใบหน้าเบิกบานยังไงชอบกล——

 

“ โฮ่ เพิ่งจะถูกพ๊อยซั่นสไลม์ฮีโดร่าเข้าโจมตีมาได้เมื่อไม่นานเองแท้ๆ ความโชคร้ายมันช่างเกิดซ้ำเกิดซ้อนเสียจริงเลยนะ สมกับเป็นเมืองของนักผจญภัยที่ตั้งอยู่ใกล้กับ <<ผืนป่าเบื้องลึก>> ช่างอันตรายเสียเหลือเกิน ”

“ เนาะ แต่เอ้อ ก็ดีแล้วไม่ใช่เรอะเฮ้ย เท่านี้ก็มีเวลาฝึกวิชาละ ”

“ เน้ออ~ คงเป็นเพราะครอสคุงทำบุญมาเยอะจนสวรรค์เป็นใจแน่ๆเลยล่าา~ ”

 

อะ อ้าว? ชักแปลกๆยังไงชอบกลนะ?

พวกอาจารย์เป็นถึงนักผจญภัยระดับ S ฉะนั้นกะอีแค่ถนนหลวงถล่มแค่นี้จะไม่ตื่นตกใจก็คงไม่แปลก

แต่ก็เป็นอุบัติเหตุที่เข้าทางเรามากถึงขนาดนี้เลยนะ ต่อให้ยังไงปฎิกิริยาตอบสนองก็ดูจะเบามากเกินไป——และเป็นในฉับพลัน ที่เกิดความรู้สึกแหม่งๆขึ้นมานั่นเอง

 

“ เดี๋ยวเถ้ออออออออออ! ออกมาเดี๋ยวนี้เลยนะพวกหล่อนนนนนนนนนนนนนนนนนนน! ”

 

ปึงปึงปึงปึง!

ได้ยินเสียงร้องอย่างโมโหที่คุ้นหู ดังมาจากใกล้บริเวณประตูทางเข้าคฤหาสน์

เสียงนี่——หรือว่าจะเป็นท่านอธิการบดีซาริเอล่า!?

 

“ ไอ้การถล่มเป็นระยะกว้างแบบนั้นมันจะเกิดขึ้นโดยบังเอิญได้ซะที่ไหนก๊านนนน! ถึงยังไงก็คงเป็นฝีมือพวกหล่อนอีกใช่ไหมล่ะ! อืมก็จริงอยู่หรอก ฝั่งกิลด์อย่างพวกฉันก็มีส่วนผิดที่รับรู้ถึงการใช้อำนาจในทางมิชอบอันรุนแรงเกินควรของขุนนางล่าช้าไปเหมือนกัน! มีส่วนผิดด้วยเหมือนกันหรอกแต่ก็หัดรู้จักมีขอบเขตที่สมควรเสียบางเซ่ไอ้พวกสัตว์ประหลาดเอ๊ยยยยยยยยยยยยยยย! ”

“ ชิ ตัวน่ารำคาญโผล่มาซะได้แฮะ ”

 

ในทันทีที่เสียงร้องอุดอู้แทบฟังไม่ได้ศัพท์ของท่านอธิการบดีซาริเอล่าดังกังวานขึ้นมา พวกคุณลีโอเน่ก็พลันเคลื่อนไหวในทันใด

 

“ เหวอ!? ”

 

คุณลีโอเน่อุ้มผมขึ้นมา ก่อนจะกระโจนขึ้นไปสู่ท้องฟ้าสูงเหนือคฤหาสน์ดั่งกับว่าหนีจากท่านอธิการบดีซาริเอล่า

 

“ ถึงถนนหลวงจะพังไปแต่ก็ยังมีทางอ้อมอยู่อีกไง ใช่ว่าช่องทางการกระจายสินค้าจะถูกตัดขาดซะหน่อยเอ้อ แถมสำหรับไอ้พวกที่เล่นแก่งแย่งชิงอำนาจกันอยู่นี่แล้ว ก็ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้ทุ่มคนและทรัพย์สินไปกับการฟื้นฟูบูรณะเพื่อเก็บคะแนนนิยมด้วยไม่ใช่เรอะ ”

“ นั่นสิเน้ออ~ พวกฉันก็โชคดีมีเวลาได้ฝึกด้วย เป็นอุบัติเหตุแสนดีที่ทุกคนมีแต่จะได้ประโยชน์จริงๆเลยน้า~ อะไรแบบนี้มันเกิดขึ้นได้ด้วยเหรอเนี่ยยย ”

“ ก็อย่างที่ว่านั่นล่ะครอส เคราะห์ดีมีเวลาฝึกขึ้นมาแล้ว พูดตามตรงก็คือต่อให้มีเวลาระดับนี้แล้วก็ยังไม่อาจทราบได้เลยว่าจะเพียงพอไหม แต่เอาเป็นว่าเธอเพ่งเน้นกับการฝึกวิชาไปก่อนก็แล้วกัน ”

“ อ๊ะครับ ”

 

ยะ อย่าบอกนะว่าคนพวกนี้……

เกิดเป็นข้อสงสัยอันสุดจะบ้าบอขึ้นมาภายในหัวผมอยู่ชั่วขณะ

ตะ แต่ว่าไม่สิ ถึงยังไงก็คงไม่ทำถึงขนาดนั้นหรอกละมั้ง……

แต่สถานการณ์ตอนนี้มันก็……

 

(………………………………ให้มันเลือนรางไม่รู้แน่ชัดอยู่แบบนี้ดีกว่ามั้ง)

 

ด้วยเหตุนี้เอง ผมจึงผนึกข้อสงสัยที่ปรากฎขึ้นมาเอาไว้สุดกำลัง

แล้วจึงมุ่งหน้าไปยัง <<ผืนป่าเบื้องลึก>> อันเป็นสถานที่ฝึกวิชา โดยที่ถูกพวกอาจารย์คอยอุ้มตัวอยู่ทั้งอย่างนั้น

 

เพื่อไขว่คว้าให้ได้โอกาสตีโต้เอาคืนใส่ยอดฝีมือที่เหนือกว่าอย่างท่วมท้น และเพื่อโค่นล้มศัตรูที่บังอาจมาทำร้ายพวกพ้องลงให้จงได้  

เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย

เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย

เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย
Status: Ongoing
อ่านนิยายเหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ยกาลครั้งนึงแต่ไม่ทราบแน่ชัดว่าเมื่อไหร่ ได้มีวีรสตรี 3 คนที่ถูกกล่าวขานล่ำลือกันว่าเป็นตัวตนผู้แข็งแกร่งทรงพลังมากที่สุดในโลกอยู่ครับ ความแข็งแกร่งของพวกเธอนั้นเรียกได้ว่าเป็นระดับเหนือมนุษย์เลยเชียว คนนึงสามารถต่อยขุนเขาให้แหลกกระจุยได้ด้วยหมัดเปล่า คนนึงสามารถเป่าร่างของพลทหารนับหมื่นนายให้ลอยปลิวหายไปได้ด้วยการโจมตีจากเวทมนตร์เพียงครั้งเดียว ส่วนอีกคนก็เป็นหญิงพิลึกพิลั่นที่เอาเวทฟื้นฟูกับเวทสนับสนุนมาใช้ฆ่าคนได้ เลยกลายเป็นตัวตนที่ถูกหวาดกลัวไปตามระเบียบ แค่เพียงคนเดียวก็โหดพอจะทำให้ประเทศหนึ่งถึงการล่มสลายได้อย่างง่ายดายแล้ว ยิ่งถ้าเหล่าวีรสตรี 3 คนนั้นมาสุมหัวรวมตัวไปไหนมาไหนด้วยกันแล้วนี่คงอาจต้องเรียกว่าเป็นภัยพิบัติเดินได้ การหวนคืนชีพของเทพมาร หรือในบางพื้นที่ก็อาจจะระบุตัวตนของพวกเธอเป็นเทพผู้ชั่วร้ายกันเลยก็เป็นได้…..หากอาศัยใช้งานความแข็งแกร่งนั่นซะอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอะไรต่อมิอะไรก็คงบันดาลให้เป็นดั่งที่ใจพวกเธอต้องการได้เกือบทั้งหมดเลยกระมัง แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังมีสิ่งที่แม้แต่สามคนนั้นเอง ก็ยังไม่อาจได้มาครอบครองอยู่ครับ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset