เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย – ตอนที่ 80 การประลองแห่งความวิบัติ (6)

“ เฮ่อ~ ไม่อยากเชื่อเลยจริงจริ๊งว่างานสุดท้ายภายในแดนศักสิทธิ์ของนักผจญภัย จะเป็นการตามล้างตามเช็ดก้นให้คุณหนูที่ร้องงอแงเอ็ดตะโรขี้มูกโป่งหยั่งเงี้ย หนำซ้ำยังจะเป็นงานสกปรกโคตรไร้เหตุผลที่เมินเฉยต่อผลลัพธ์การประลองด้วยอีกตะหากนะ ”

 

ยามดึก

มีกลุ่มคนกำลังเคลื่อนไหวอย่างไร้เสียง อยู่ภายในความมืดยามค่ำที่ไม่ว่าใครก็ผล็อยหลับกันหมดแล้ว

กลุ่ม <<แอสซาซิน>> ซึ่งมีฝีมือดีขนาดถูกว่าจ้างมาคุ้มกันภัยให้กับคนของตระกูลขุนนางเลยนั่นเอง

ผู้นำหน่วยลอบสังหารที่ประกอบไปด้วย <<แอสซาซินระดับสูง>> กว่าหลายสิบคน, ก็คือชายเผ่าฮิวแมนที่มีอายุราว 40 ปีได้

 

“ เอ้อ แต่เงินมัดจำกับรางวัลในยามที่ทำหน้าที่สำเร็จนั้นก็มากพอจะให้พวกเราอยู่แบบมั่งคั่งกินๆนอนๆได้ไปเป็นเวลานับหลายปีเลยเชียวนะ หากทำงานเสร็จเรียบร้อยก็แค่เผ่นจรลีหนีหายไปให้ไกลซะก็พอ แถมเป้าหมายก็แค่ปาร์ตี้อาชีพระดับสูง นับเป็นงานที่หมูสุดๆไปเลย ”

“ ฐานของเป้าหมายอยู่ทางนี้ค่ะ รีบไปกันเถอะ ”

 

และพวกเขาก็ได้ <<ธีฟระดับกลาง>> ผมดำซึ่งเป็นลูกน้องภายใต้บังคับบัญชาของกิมเล็ตช่วยนำทางให้ จนมาถึงหน้าอาคารที่เป็นจุดหมายในที่สุด

บ้านไม้สามชั้น ฐานของนักผจญภัยที่พวกปาร์ตี้ฐานะปานกลางมักจะซื้อกัน

แหล่งที่อยู่ของครอส อาราเกาท์ และกลุ่มปาร์ตี้ระดับสูงที่คอยเลี้ยงดูฟูมฟักเขาอยู่นั่นเอง

เหล่าแอสซาซินปลดกลอนกุญแจถูกๆที่ไม่ได้มีการวางมาตรการต่อกรสกิลใดๆลงอย่างไร้เสียง ก่อนจะประดังกันเข้าไปในอาคารอย่างพร้อมเพรียง ทว่า——

 

“ อะไรกันน่ะ……? ทำไมไม่มีใครเลยล่ะ…… ”

 

เกิดเป็นความแตกตื่นแผ่กระจายอยู่ภายในหมู่แอสซาซิน

เพราะสภาพภายในอาคารมันอ้างว้างและวังเวงสุดกู่ไปเลยนั่นเอง ไม่มีกระทั่งกลิ่นอายการดำเนินชีวิตของผู้คนเลยด้วยซ้ำ

<<ธีฟระดับกลาง>> ซึ่งเป็นคนนำทางนั้นรู้สึกฉงนคิดว่าตนมาผิดที่รึเปล่า……แต่ตู้รับจดหมายตรงทางเข้าก็มีชื่อ ครอส อาราเกาท์ ถูกสลักเอาไว้เล็กๆอย่างชัดเจนเลย

แม้จะรู้สึกผิดธรรมชาติตรงที่ไม่มีชื่อของกลุ่มปาร์ตี้นักผจญภัยซึ่งเลี้ยงดูเขาอยู่ด้วย แต่เอาเป็นว่านี่แหละคือที่หมายไม่ผิดแน่

และ เป็นในจังหวะที่เหล่าแอสซาซินทำการตระเวนค้นหาภายในห้องด้วยความสับสนนั้นเอง

 

“ มุ? ”

 

พอเค้นพลังไปยังสกิลตรวจจับกับดักและสกิลบัฟการมองเห็นในความมืดมากๆเข้า ดวงตาของลีดเดอร์ก็พลันเบิกโพลงขึ้นมา

 

“ นี่มัน……ทางเดินใต้ดิน……? ”

 

ที่ปรากฎออกมาในภายหลังจากที่เลิ่กพื้นขึ้น, ก็คือทางเดินลับน่าสงสัย

แถมยังเห็นร่องรอยคนเดินทางเข้าออกแบบถี่ๆได้อย่างชัดเจนเลย แม้จะไม่เข้าใจความหมาย แต่ก็มีความเป็นไปได้สูงมากที่เป้าหมายจะอยู่ลึกเข้าไปข้างในนี้

ถึงจะรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมาอย่างประหลาด แต่พวกเขาก็เลือกจะก้าวลึกไปข้างหน้าตามความตระหนักในฐานะมืออาชีพ

พอเปิดใช้สกิลตรวจจับกับดักไว้กันเหนียวและก้าวลึกเข้าไปเป็นระยะทางพอสมควรแล้ว ก็เจอทางขึ้นมาสู่ผืนดินได้อีกครั้งอย่างราบรื่น……ทว่าเป็นตรงนั้นแหละที่พวกเขาถึงกับต้องอึ้งค้างอับจนคำพูด

 

“ ทะ ที่นี่มันอะไรกันน่ะ……!? คฤหาสน์!? ”

 

แล้วก็ไม่ใช่แค่คฤหาสน์ธรรมดาด้วย

เรือนหรูใหญ่โตโอฬารที่ตั้งตระหง่านอยู่ในความมืดยามค่ำนั่น มันมีขนาดความใหญ่โตและหรูหราในระดับเดียวกันหรือไม่ก็เหนือมากยิ่งกว่าคฤหาสน์ของกิมเล็ต, บุตรคนโตของตระกูลดยุคซึ่งเป็นผู้ว่าจ้างซะอีก ต่อให้คิดยังไงก็ไม่มีทางเป็นสินทรัพย์ของกลุ่มปาร์ตี้นักผจญภัยฐานะปานกลางชัดๆแล้ว

หรือว่าเจ้าพวกที่เก็บ <<ไร้อาชีพ>> มาเลี้ยงดูนั่นจะเป็นพ่อค้าฐานะมั่งคั่งหรือขุนนางที่ปกปิดฐานะหรือไง……แม้จะสับสนอลหม่านเช่นนั้น แต่ลีดเดอร์ที่มีความเป็นมืออาชีพก็สามารถทวงคืนความเยือกเย็นกลับมาได้ในทันทีเลย เพราะการลอบสังหารนี่มันต้องเผชิญกับสถานการณ์อันไม่คาดคิดเป็นปกติอยู่แล้วนั่นเอง

 

“ ก็ไม่รู้หรอกนะว่าอะไรเป็นยังไง……แต่เอาเป็นว่ามีเป้าหมายของเราอยู่ภายในนี้ไม่ผิดแน่ๆล่ะ ”

 

พอใช้สกิลตรวจจับอันทรงพลังของ <<แอสซาซินระดับสูง>> อยู่หน้าคฤหาสน์อันกว้างใหญ่ ก็พบว่ามีกลิ่นอายลอยปรากฎขึ้นมาอยู่ 4 จุด

จุดนึงคือกลิ่นอายของเด็กน้อยที่แสนอ่อนแอซะจนไม่อยากจะเชื่อ

และที่เหลืออีกสามจุดก็คือกลิ่นอายที่มีความแข็งแกร่งประมาณอาชีพระดับสูง

ถึงจะอึ้งกับขนาดและความหรูหราของคฤหาสน์ แต่ข้อมูลของเป้าหมายนั้นตรงตามที่ได้ยินมาล่วงหน้า คงจะไม่มีอุปสรรคใดที่จะส่งผลให้เกิดเหตุติดขัดต่อหน้าที่หรอก จะต้องทำงานเสร็จสิ้นได้ในชั่วพริบตาเลยเป็นแน่

 

“ ดีละ ถ้าอย่างงั้นก็จะแบ่งกันไปเป็นสามทีม เริ่มจากทำให้อาชีพระดับสูงทั้งสามคนหมดพิษสงก่อน แล้วจากนั้นค่อยไปเก็บตัวเป้าหมายหลัก ”

 

ลีดเดอร์ให้คำสั่งอย่างเงียบเชียบ

แม้จะมีความรู้สึกแหม่งๆที่ไม่อาจเมินเฉยเกิดขึ้นมาตรงไหนซักแห่งภายในอก……แต่ก็ตัดใจทิ้งรางวัลมหาศาลในยามที่ทำสำเร็จไม่ได้ พวกเขาจึงก้าวล้ำเข้าไปภายในคฤหาสน์โดยฝากความเชื่อมั่นไว้กับสกิลตรวจจับของพวกตน

 

 

 

“ คฤหาสน์นี่มันอะไรกันน่ะ…… ”

 

กลุ่มลอบสังหารได้แบ่งออกเป็นสามทีม และซับลีดเดอร์เพศชายที่ชักนำอยู่เหนือหนึ่งในทีมนั้น ก็กำลังก้าวขาอยู่ภายในคฤหาสน์อย่างไร้เสียงพลางเผลอตัวหลุดพึมพำออกมา

ที่ลงทุนทำการอำพรางทางเข้าคฤหาสน์แบบนั้นมันก็แปลกอยู่เหมือนกันหรอก แต่ที่ผิดธรรมชาติมากยิ่งกว่าก็คือบริเวณภายในคฤหาสน์นี่แหละ

มีเฟอร์นิเจอร์และเครื่องประดับประดาน้อยเกินกว่าจะเป็นคฤหาสน์ของขุนนางหรือพ่อค้ามั่งคั่ง ไม่มีคนใช้หรือยามรักษาความปลอดภัยเลยซักรายเดียว เป็นแบบนั้นแท้ๆแต่ภายในกลับถูกทำความสะอาดดูแลอย่างทั่วถึง ความไม่ลงรอยนี่มันชวนให้รู้สึกขนลุกขึ้นมายังไงชอบกล

ก็ไม่ได้เพิ่งจะเคยบุกรุกเข้ามาในเรือนหรูเป็นครั้งแรกซะหน่อยแท้ๆ แต่ไม่รู้ทำไมหัวใจมันถึงสั่นไปหมด

 

“ ไม่ดิ จะมัววอกแวกอยู่กับอะไรพรรค์นั้นไม่ได้ อีกฝั่งคืออาชีพระดับสูง ถ้าทำให้สิ้นท่าในเปรี้ยงเดียวไม่ได้แล้วเกิดบานปลายเป็นการต่อสู้ขึ้นมาละก็ตึงมือแน่ ต้องเพ่งสมาธิเข้าไว้ ”

 

ซับลีดเดอร์กรองคำพูดอยู่ในปากดั่งกับกล่าวเตือนตนเอง แล้วจึงเปิดประตูที่เดินมาจนถึงอย่างไร้เสียง

ห้องนอนที่มีกลิ่นอายของอาชีพระดับสูง

มีเงาคนอยู่เหนือเตียงหรู กำลังปล่อยลมหายใจหลับใหลอยู่อย่างอ่อนละมุน

 

“ …… ”

 

ซับลีดเดอร์สบตากับลูกน้องที่มีหลายคน ก่อนจะกระจายตัวกันไปล้อมรอบเตียง

เป้าหมายไม่มีวี่แววว่าจะสังเกตเห็นพวกตนเลย ไม่มีท่าทางเหมือนจะลืมตาตื่นขึ้นมาด้วย

เห็นเหยื่อที่เผยสภาพอย่างไร้การป้องกันอยู่ภายในห้องอันมืดสลัวแล้ว เหล่าแอสซาซินที่เปิดใช้ <<กำจัดกลิ่นอาย>> ก็พลันตั้งดาบขึ้นมาโดยไม่มีกระทั่งเสียงชายเสื้อเสียดสี แล้วจึง

ได้แล้วหนึ่ง——!

แทงดาบคมกริบมากมายหลายเล่มลงไปยังเตียง——มันเป็นในฉับพลันนั้นเอง

 

 

“ โธ่~ ตั้งแต่ตะกี้นี้แล้ว ตึงตังตึงตังกันอยู่ได้น่ารำคาญจังเลย น้าา~ ”

 

 

“““““ เอ๊ะ? ”””””

 

มีเสียงหลุดออกมาจากปากของเหล่าแอสซาซิน

แต่ไม่ใช่เพราะได้ยินคำพูดอันเป็นไปไม่ได้ที่ดังว่า “รำคาญ” ออกมาจากภายในเตียง

ที่สำคัญคือพวกเขาไม่มีสติสตางค์มากพอจะรับฟังได้ยินเสียงนั่นซะด้วยซ้ำ

ทำไมน่ะหรือ ก็เพราะว่าแขนของพวกเขาที่ตั้งท่าพยายามจะแทงดาบลงไป มันได้เริ่มหลอมละลายขึ้นมาอย่างกะทันหันยังไงล่ะ

 

“““““ อึ้ก!? บย๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา!? ”””””

 

ความเจ็บปวดรวดร้าวที่ทรมานแสนสาหัสมากเกินไปมันทำให้มีเสียงโหยหวนที่ยากจะบรรยายทะลักทะล้นออกมาจากปากของเหล่าแอสซาซิน

ถึงกับล้มลงดิ้นพล่านโดยลืมกระทั่งจะปกปิดกลิ่นอายและเก็บเสียง กรีดร้องร่ำไห้เสียงดังลั่นโดยไม่มีสติจะคิดว่าเกิดอะไรขึ้นเลยด้วยซ้ำ ท่ามกลางแบบนั้น

 

“ เฮ้ออ~ กะอีแค่ความเจ็บปวดจากพิษร้ายแรงแค่นี้ทำเป็นร้องกันใหญ่โตไปด้ายย~ เอ้าจ้ะ <<พาวเวอร์เอาท์ : เบรค>> ~ ”

“““““ อึ้ก!? ”””””

 

ทันใดนั้น เสียงกรีดร้องและเสียงดิ้นพล่านทุรนทุรายของเหล่าแอสซาซินก็พลันหยุดกึก

แต่ไม่ใช่เพราะว่าความเจ็บปวดของพวกเขาหายไป

โดนคำสาปลดกำลังที่ทรงอำนาจมากเกินไปเล่นงานให้กล้ามเนื้อทั่วร่างสิ้นเรี่ยวแรงตายสนิท อย่าว่าแต่ดิ้นพล่านทุรนทุรายเลย ขนาดจะแผดเสียงกรีดร้องออกมาก็ยังจะไม่มีแรง

ดีไม่ดีแล้ว เนื่องจากถูกผนึกการเคลื่อนไหวเพื่อผ่อนระบายความเจ็บปวดทุกรูปแบบ ความเจ็บแสบที่แขนสองข้างหลอมละลายก็เลยถาโถมคุกคามเข้าใส่สภาพจิตของเหล่าแอสซาซินเพิ่มเป็นหลายต่อหลายเท่า

หนำซ้ำกะบังลมยังหยุดทำงานไปด้วย จะหายใจให้เต็มปอดก็ยังไม่มีปัญญา

กลายเป็นทำได้แค่ลืมตาโตสั่นหงึกๆอยู่กับพื้น และผู้ที่จับจ้องมองลงมาหาพวกเขาเหล่านั้นจากเหนือเตียง ก็คือบุคคลปริศนาแสนน่าหวาดผวาที่กำลังแสยะปากขึ้นมายิ้มเป็นทรงจันทร์เสี้ยว

 

“ หื~ม  <<แอสซาซินระดับสูง>> โผล่มาอยู่ในคฤหาสน์ 18 คนเหรออ~ ถ้าจะจ้องเอาชีวิตของพวกฉัน ก็ต้องไปเตรียมจำนวนคนมาเพิ่มอีกซัก 4-5 หลักน้าา~ ”

“ เกอะ……เกิดอะไร……!? ”

 

นี่มันบ้าอะไรกัน……!?

แม้ซับลีดเดอร์จะเค้นเสียงกล่าวออกมาได้แบบเกือบๆ……แต่แล้วสติของเขาก็ขาดห้วงดับวูบไปด้วยพิษของความเจ็บปวดรวดร้าวและสภาวะหายใจไม่ออก

 

 

 

 

“““““ ……อึ้ก!? ”””””

 

การเคลื่อนไหวของหน่วยลอบสังหารทีมที่สองซึ่งมีซับลีดเดอร์อีกคนเป็นผู้นำได้หยุดกึกแน่นิ่งโดยสมบูรณ์อยู่กับที่

ทำไมน่ะหรือ ก็เพราะว่าทางเดินคฤหาสน์ที่พวกเขากำลังย่ำเท้าก้าวตามไปโดยเชื่อมั่นสุดใจว่าปลอดภัยแห่งนั้น มันได้ก่อตัวกลายเป็นน้ำแข็งขึ้นมาอย่างกะทันหันเลยยังไงล่ะ

บรรยากาศหนาวเย็นยะเยือกสุดขั้วได้โถมเข้ากลืนกินเหล่าแอสซาซินเข้าไปในชั่วอึดใจ คอที่ถูกแช่แข็งนั้นไม่อาจจะแผดเสียงกรีดร้องออกมาได้เลยด้วยซ้ำ

 

(เวทน้ำแข็งจองจำที่ทรงพลังเป็นบ้าเป็นหลังนี่มันอะไรกันน่ะ!? มะ ไม่สิที่สำคัญกว่านั้น……ทำไมถึงรู้ตำแหน่งของพวกเราได้……!?)

 

ตำแหน่งของเป้าหมายที่เหมือนจะเป็นอาชีพเวทมนตร์มันน่าจะยังอยู่ห่างออกไปมากเลยนี่นา

การตรวจจับกลิ่นอายของ <<แอสซาซินระดับสูง>> ได้จากระยะห่างนี้ ต่อให้เป็นมือสังหารที่มีความเป็นเลิศในด้านตรวจจับเหมือนกันก็ไม่มีทางทำได้หรอก เป็นแบบนั้นแท้ๆแต่ทำไมถึง!?

และ ในระหว่างที่ซับลีดเดอร์ของทีมที่สองกำลังสับสนอลหม่าน

 

“ ฮื่ม ไม่จำเป็นต้องถามให้มากความก็พอจะเดาได้อยู่หรอก แต่ก็จะถามเผื่อเอาไว้แล้วกัน ใครส่งพวกแกมา? ”

“ อึ้ก!? ”

 

มันเกิดขึ้นเร็วมาก

สาวงามล่มเมืองลอดตัวผ่านการตรวจจับกลิ่นอายของ <<แอสซาซินระดับสูง>> ได้ราวกับเป็นเรื่องปกติสมควร แล้วจึงปรากฎเผยโฉมออกมาให้เห็นเด่นอยู่เบื้องหน้า

ภาพเหตุการณ์มันสุดจะเหลือเชื่อมากซะจนเหล่าแอสซาซินไม่อาจตอบสนองใดๆได้ทั้งสิ้น และแล้ว

 

“ ปิดปากเงียบหรือ แต่ถ้าเป็นกลุ่มลอบสังหารมืออาชีพแล้วก็สมควรละนะ ถ้าอย่างนั้นลองเจอแบบนี้ดูหน่อยเป็นไร ”

 

เป๊าะ!

 

“ ——เห๊ะ? ”

 

เสียงที่จู่ๆก็ดังขึ้นมาจากร่างกายตนเอง บีบให้เหล่าแอสซาซินต้องเปล่งเสียงแหบแห้งออกมา

หันมองไปแล้วก็พบว่า แขนที่ถูกแช่แข็งของพวกเขาได้แตกกระจายประหนึ่งเป็นลูกกวาดที่เปราะบางเลยก็มิปาน

 

“““““ ~~~~~อึ้ก!? ”””””

 

แขนที่ถูกแช่แข็งไปถึงแก่นนั้นไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด

แต่ความช็อคจากการที่สูญเสียแขนของตนไปก็มหาศาลท่วมท้นอย่างมากยิ่ง บีบให้ต้องแผดร้องโหยหวนที่ไม่กลายเป็นเสียงออกมาจากลำคอที่โดนแช่แข็ง

หญิงงามผมทองจับจ้องมองพวกเขาเหล่านั้นด้วยแววตาที่ปราศจากไร้ซึ่งอารมณ์ ก่อนจะปั้นรอยยิ้มเริงร่าขึ้นมา

 

“ วางใจเถอะ ฮีลเลอร์ของพวกเราเก่งกาจมากเสียจนน่าชิงชังเลยเชียวล่ะ บาดแผลเล็กๆกะอีแค่แขนกระจุย นี่สบายมาก ต่อให้ถูกบดขยี้ทำลายทั้งทางกายและใจมากมายซักเท่าไหร่ก็สามารถรักษาให้หายขาดได้อย่างไร้ปัญหา หากทิฐิในฐานะมืออาชีพมันค้ำคอมากเสียจนไม่อยากจะคายข้อมูลของผู้ว่าจ้างออกมาก็ย่อมได้ เชิญอุบเงียบปิดปากไปจนกว่าจะพอใจได้เลย พวกแกจะไม่ตายหรอก แต่นอกเหนือจากนั้นนี่ก็ไม่รู้นะ ”

“““““ ……อึ้ก!? ”””””

 

ดะ เดี๋ยวก่อน! พูดแล้ว! ยอมพูดแล้ว!

เหล่าแอสซาซินพยายามจะเปล่งเสียงกรีดร้องลั่นออกมาแบบนั้นตามสัญชาติญาณหรอก……แต่ที่หลุดออกมาจากลำคอที่ถูกแช่แข็งก็มีเพียงลมหายใจสีขาวเท่านั้นเอง——

การแผดร้องที่ไม่ดังออกมาเป็นเสียงได้กังวานต่อเนื่องไม่หยุดยั้ง อยู่ภายในทางเดินเย็นยะเยือกสุดกู่

 

 

 

“ อะไรน่ะ? เสียงกรีดร้อง? ”

 

เมื่อได้ยินเสียงประหลาดนั่นแล้ว ลีดเดอร์ของหน่วยลอบสังหารที่กำลังก้าวไปตามทางเดินคฤหาสน์ก็พลันหยุดกึกอยู่กับที่

รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงกรีดร้องของพวกลูกน้องดังมาจากทิศทางต่างๆของคฤหาสน์

แต่หลังจากนั้นต่อให้พยายามเงี่ยหูฟังเท่าไหร่คฤหาสน์ก็เงียบกริบอยู่ทั้งอย่างนั้น ไม่มีกลิ่นอายของการต่อสู้เลย

 

“ คิดไปเองเหรอ……? ”

 

ว่าแล้ว ลีดเดอร์ก็กำลังจะก้าวเดินไปต่อโดยที่เปิดใช้ตรวจจับกลิ่นอายอยู่ทั้งอย่างนั้น……แต่เป็นตรงนั้นเองที่เขาสังเกตได้ถึงความแปลกประหลาดอย่างหนักหน่วง

กลิ่นอายของพวกลูกน้องที่เจอตัวเป้าหมาย มันไม่ได้ขยับไปจากจุดนั้นเลยแม้แต่ก้าวเดียว

นอกจากจะไม่มีกลิ่นอายของการต่อสู้แล้ว ก็ยังไม่มีท่าทีจะถอยทัพกลับหลังจากทำงานเสร็จสิ้นอีกด้วย

ได้แต่หยุดนิ่งไม่ไหวติงอยู่กับที่ ดั่งกับว่าตายไปแล้วเลยยังไงยังงั้น

เห็นได้ชัดเจนแจ่มแจ้งเลยว่าแปลก

 

“ ……!? มันยังไงกัน!? ”

 

หน่วยรบหัวกะทิที่ประกอบไปด้วย <<แอสซาซินระดับสูง>> ไม่มีทางจะย่อยยับตายหมดทั้งกลุ่มอย่างไร้เสียงหรอก

แต่ก็เห็นชัดเจนว่าเจอะกับอุปสรรคอันยิ่งใหญ่ที่ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ และเป็นในนาทีที่ลีดเดอร์เคลื่อนไหวตามสัญชาติญาณเพื่อพยายามจะทำความเข้าใจสถานการณ์นั่นเอง

ที่ ‘อุปสรรคอันยิ่งใหญ่’ ได้เป็นฝ่ายโผล่หน้าถล่มเข้ามาหาพวกเขาด้วยตนเองเลย

 

 

“ มาตึงตังตึงตังอะไรกันตอนกลางค่ำกลางคืนฟะมันหนกขูนะเฟ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยย! ”

 

 

ตู้มมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม!

 

“ ……ห้ะ? ”

 

เกิดเสียงสุดเซ่อซ่าที่ไม่น่าเชื่อว่าเป็นแอสซาซินมือฉมังหลุดรั่วออกมาจากปากของลีดเดอร์

เพราะอะไรน่ะหรือ ก็เนื่องจากกำแพงที่อยู่ข้างหลังเขาได้ระเบิดกระจุยอย่างไม่มีวี่แววบอกกล่าวล่วงหน้า

เหล่าลูกน้องที่ติดตามมาได้ถูกเป่าลอยปลิวกระเด็นออกไปนอกคฤหาสน์ด้วยความเร็วระดับตาไล่มองตามไม่ทัน แล้วจึงแน่นิ่งไม่ดุกดิกอีกเลยยังไงล่ะ

และที่ไม่เข้าใจความหมายมากที่สุดเลยก็คือ……การที่เป้าหมาย (อาชีพระดับสูง) ซึ่งคิดว่าน่าจะอยู่ห่างออกไปอีกไกล ได้ปรากฎตัวออกมาต่อหน้าต่อตาโดยที่สกิลตรวจจับไม่ได้เลยซักนิดนี่แหละ

 

“ อ๊า……เผลอทำกำแพงพังซะได้ มีหวังถูกนังลูด์มิร่าบ่นจู้จี้จุกจิกไม่เลิกแหงเลยแฮะอีหยั่งเงี้ย โธ่เว้ย เป็นเพราะพวกแกนั่นแหละทะลึ่งบุกเข้ามากันตอนกลางค่ำกลางคืนจนฉันสะกดอารมณ์ไม่อยู่ ถ้าจะมาก็มาตอนกลางวันดิเฮ้ยเดี๋ยวปั๊ดฆ่าทิ้งซะหรอกเอ้อไอ้นี่ ”

“ ห้ะ……!? กะ……!? แกมันเป็นตัวอะไรกันน่ะ……!? ”

 

เจอกับผู้หญิงผมแดงที่รัวคำพูดเหมือนข้ออ้างที่โคตรไม่มีเหตุผลออกมาแล้ว ใบหน้าของลีดเดอร์ก็ซีดเผือดขึ้นมาทันตาเห็น

เพราะสามารถถล่มทางเดินกระจุยด้วยความเร็วสูงมากขนาดที่ตรวจจับกลิ่นอายของ <<แอสซาซินระดับสูง>> ใช้ไม่ได้ผล และที่สำคัญสุดเลยก็คือ ผู้หญิงซึ่งห่อหุ้มร่างกายไว้ด้วยความน่าเกรงขามที่มากล้นผิดปกติซะจนลีดเดอร์ที่เป็นอาชีพระดับสูงแค่จะประคองตัวให้ยืนอยู่ได้ก็ยังแทบเต็มกลืนคนนั้น มันไม่มีทางจะเป็นแค่อาชีพระดับสูงเฉยๆเด็ดขาดเลยยังไงล่ะ

ความน่าเกรงขามที่มากล้นผิดปกตินี่ พลังเวทมหาศาลที่ไม่น่าจะเป็นเผ่ามานพไปได้นี่

และตัวตนที่นอกจากจะหลอกสกิลตรวจจับกลิ่นอายของ <<แอสซาซินระดับสูง>> ได้แล้วไม่พอ ยังจะสามารถแอบแฝงให้เห็นเหมือนกับว่าตนเป็นอาชีพระดับสูงได้อีกด้วยนี่ มันก็มีที่คิดออกเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น

 

(เดี๋ยว……ก่อนสิ……ถ้างั้นตัวตนแท้จริงของไอ้เจ้าคฤหาสน์ที่ใหญ่บักเอ๊บนี่…… ‘เป้าหมายทั้งสามคนที่คาดว่าเป็นอาชีพระดับสูง’ นี่ก็คือ……!?)

 

เหงื่อเหนียวไหลหลั่งท่วมออกมาจากทั่วร่าง

เป็นไปไม่ได้

ไม่มีทางเป็นไปได้เด็ดขาด

ผู้ที่เก็บ <<ไร้อาชีพ>> มาเลี้ยงดูก็คือแก๊งสัตว์ประหลาดที่แข็งแกร่งสุดในโลกพรรค์นั้น มันโคตรจะบ้าซะจนต่อให้เป็นเรื่องแต่งก็ยังเป็นไปไม่ได้ แต่กลิ่นอายของเจ้าอสูรร้ายที่ตระหง่านอยู่เบื้องหน้านี่ต่อให้คิดยังไงก็เป็นของแท้แน่นอน——

 

“ ……อุ อุว๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา!? ”

 

ลีดเดอร์สละละทิ้งทั้งศักดิ์ศรีและหลักเหตุผล เอาแต่วิ่งทะยานหนีเพื่อเอาชีวิตรอดไม่ยั้งเพียงอย่างเดียว

ทอดทิ้งลูกน้อง แฝงตัวเข้าไปในเงามืดสุดกำลัง วิ่งพล่านตีนระเบิดซะจนขาแทบจะหลุดออกจากร่าง

ทว่า——ตู้มมมมมมมมมมมม!

 

“ อ๊ะ? ฉิบหาย ตายโหงไปแล้วเรอะ? ……เอ้อ ช่างแม่ง แค่ตายนิดหน่อยเดี๋ยวนังเทโลเมียร์มันก็จัดการให้เองแหละ ”

 

ผ่านไปไม่กี่นาทีหลังจากบุกเข้ามา

เหล่าแอสซาซินมือฉมังทุกคนที่ย่างกรายเข้าไปภายในคฤหาสน์ซึ่งอันตรายมากที่สุดภายในโลก ก็ได้รับแผลใจที่หนักหนาสาหัสซะจนทำให้กลับไปทำงานไม่ได้อีกเลยเป็นครั้งที่สอง

 

 

 

 

“ นะ นี่มันอะไรกันเนี่ย……!? ”

 

ครอสที่สะดุ้งตื่นเพราะเสียงกระหึ่มที่ดังอยู่ในคฤหาสน์ พลันกระโจนออกไปยังสวนที่มีแสงไฟสว่างไสว แล้วจึงพบภาพอันสุดจะเชื่อแผ่ขยายอยู่ตรงนั้น

กลุ่มชุดดำกำลังถูกบีบให้นั่งคุกเข่าตัวสั่นกักๆอย่างเงียบกริบอยู่ภายในสวน  

ลูด์มิร่าสร้างเปลวเพลิงขนาดใหญ่ยักษ์ขึ้นมาฉายส่องแสงประหนึ่งจะสื่อว่า ‘สามารถเผาพวกเขาทิ้งได้ทุกเมื่อ’

หนำซ้ำยังมีเทโลเมียร์ที่ทำท่าทางใช้เวทฟื้นฟูดั่งกับบอกว่า ‘ต่อให้ถูกเผาเป็นเถ้าถ่านแต่ก็จะไม่ตายหรอกน้าา~’ อยู่อีก, ส่วนทางด้านลีโอเน่ก็กำลังกระชากคอเสื้อของกลุ่มชุดดำด้วยท่าทางขู่ขวัญทำลายประสาท

 

“ เอาดิเฮ้ย พวกแกทุกตัวรีบเอาสเตตัสเพลทออกมาให้ว่องเลย แล้วเปิดแสดงชื่อ เผ่าพันธุ์ อายุ สกิลให้หมดซะ เช้าแล้วจะเอาไปสร้างก๊อปปี้ที่โบสถ์ทั้งหมดเลย อย่าได้คิดว่าจะหนีรอดเชียวล่ะ ”

“ ขะ คับ…… ”

 

เกิดเป็นเสียงแหบแห้งรั่วหลุดออกมาจากกลุ่มชุดดำที่เหมือนจะใจแตกสลายโดยสมบูรณ์

เป็นตรงนั้นเอง ที่ครอสซึ่งเงิบค้างอยู่ซักระยะพลันอ้าปากพูดออกมาได้ซะที

 

“ สะ สถานการณ์นี้มันอะไรกันครับเนี่ย!? ให้ว่าแล้วกลุ่มคนชุดดำพวกนี้เขาเป็นใครกันน่ะ……!? ”

“ อ่อ ครอสเองเรอะ เอ้อก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกนะ ไอ้เจ้าขุนนางที่สู้ประลองกับแกมันส่งหน่วยลอบสังหารมาเป็นการล้างแค้นแน่ะ ”

“ เอ๊ะ……!? ”

 

ครอสที่ได้ยินเรื่องราวอย่างละเอียดจากพวกลีโอเน่นั้นถึงกับเบิกตาโพลงตัวแข็งทื่อ

 

“ มะ ไม่จริงนะ……!? ถึงจะแพ้การประลองก็เถอะ แต่ถึงกับส่งหน่วยลอบสังหารเข้ามาใส่กันเลยเหรอ……!? ”

 

ผิดกฎระเบียบโดยสมบูรณ์ หนำซ้ำยังเป็นการกระทำสุดเกินเหตุที่ต่อให้เป็นขุนนางแต่ก็ไม่อาจจะหลีกเลี่ยงจากบทลงโทษสถานหนักได้

สถานการณ์ที่บังเกิดขึ้นจากการกระทำสุดสะเพร่าของตนเองที่เข้าไปท้าชนกับขุนนางลำดับสูงนั่น ทำให้ครอสหน้าขาวซีดเผือดขึ้นมา

อย่าว่าแต่ตอบแทนบุญคุณที่ช่วยเก็บมาเลี้ยงเลย นี่ตัวเองกลายเป็นต้นเหตุสร้างความวุ่นวายให้กับพวกอาจารย์มากถึงขนาดนี้เลยเหรอ……!

 

“ เอ้าจ้าา หยุดรู้สึกผิดไว้แค่นั้นแหละน้าา~ ”

“ เอ๊ะ ”

 

เทโลเมียร์ตบไหล่ของครอสที่อับจนคำพูดอย่างอ่อนโยน

ในจังหวะเดียวกัน ลีโอเน่ที่กำลังทำการล่าสเตตัสเพลทก็ยิ้มขึ้นมาอย่างดุร้าย

 

“ เอ้อ เท่านี้ก็รู้ซึ้งแล้วใช่มั้ยอะว่าโลกเราเนี่ยมันมีไอ้พวกขยะที่พร้อมจะใช้วิธีการสุดจะเชื่อเข้ามากันเยอะแยะไปหมดน่ะ กล่าวคือตั้งแต่ครั้งหน้าไปก็จะมีบทเรียนให้สามารถเคลื่อนไหวโดยคาดการณ์ถึงกรณีเลวร้ายสุดได้แล้วแหละนะ ”

 

แล้วคราวนี้ ลูด์มิร่าก็พูดเช่นนี้ออกมาด้วยท่าทางประหนึ่งเป็นอสูรซึ่งกำลังใช้เหยื่อตัวที่อ่อนแอเพื่อสอนวิธีการล่าให้กับลูกน้อย

 

“ อืม จากนี้ไปก็คงจะมีพวกที่ไม่อภิรมย์กับเธอซึ่งสร้างวีรกรรมอันแสนโดดเด่น แล้วจ้องเพ่งเล็งหมายหัวด้วยวิธีการทีเผลอแบบคราวนี้เพิ่มขึ้นมาอีกเป็นแน่  เครื่องมือการสอนคุณภาพดีเหนือกว่าที่คาดอุตส่าห์ถ่อเข้ามาหาด้วยตนเองเลยนี่นะ ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปเรามาใช้ไอ้เจ้า <<แอสซาซินระดับสูง>> พวกนี้เพื่อตั้งเป้าไปยังการเรียนสกิลสายธีฟ (จอมโจร) เช่นปิดกั้นกลิ่นอายหรือตรวจจับกลิ่นอายกันดีกว่า ”

“ ขะ เครื่องมือการสอนที่เหนือคาด……? ”

 

ครอสอึ้งกับวาจาคำพูดของลูด์มิร่า

ยะ อย่าบอกนะว่าคนพวกนี้ เค้าคาดการณ์เอาไว้แล้วว่าอาจจะมีการลอบโจมตีทีเผลอ แล้วก็ปล่อยเอาไว้แบบนั้นเพราะกะจะนำมาใช้ให้เกิดผลในการฝึกของผม งั้นเหรอ……?

 

(กะ ก่อนหน้านี้ก็มีคิดนิดๆอยู่เหมือนกันหรอก……แต่นี่ผม เข้ามาเป็นลูกศิษย์ของกลุ่มคนที่สุดจะอันตรายมากๆเข้าให้แล้วรึเปล่าเนี่ย……?)

 

และ เป็นในจังหวะที่ครอสเริ่มจะสังเกตเห็นความอันตรายของพวกอาจารย์ขึ้นมานิดๆนั่นเอง——ที่จู่ๆ บรรยากาศซึ่งห่อหุ้มรอบตัวพวกลีโอเน่ก็พลันเปลี่ยนแปลงไป

 

“ แต่ว่านา ถึงจะพอเดาได้อยู่บ้างแล้วก็เหอะ แต่ถึงกับเล่นส่งหน่วยลอบสังหารเข้ามาถึงนี่เลยเชียวเรอะเนี่ยเฮ้ย อีหยั่งเงี้ย แสดงว่ากะจะฆ่าหรือไม่ก็ทำให้ครอสหมดสภาพไปตลอดชีวิตเลยไม่ใช่เรอะ ”

“ นั่นสิเน้ออ ถึงกับใช้เงินพ่อเงินแม่เพื่อทำการลอบจู่โจมนอกสนามเข้ามาแบบนี้ด้วยเลยนี่น้าา งั้นฝั่งพวกเราก็ไม่มีเหตุผลให้ต้องออมมือไว้หน้าแล้วเน้ออ~ ”

“ อืม มันเหิมเกริมมากถึงระดับที่เมินผลการประลองแล้วริอ่านจะทำร้ายลูกศิษย์ของฉันเลยเชียว ไอ้ระยำหน้าไม่อายพวกนี้มันสมควรต้องได้รับบทลงทัณฑ์ที่สาสมเสียหน่อยแล้ว ”

“ เอ๊ะ? ทุกคนครับ……? นั่นคิดจะทำอะไรเหรอครับ? ดะ เดี๋ยวสิ!? ”

 

ที่อยู่เบื้องหน้าครอสซึ่งตกตะลึง——ปรี๊ดปรี๊ดปรี๊ด

ก็คือสุดแกร่งของโลกทั้งสามคนที่กำลังแย้มยิ้มอย่างเงียบเชียบโดยที่มีเส้นเลือดปูดขึ้นมาเหนือหน้าผาก  

เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย

เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย

เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย
Status: Ongoing
อ่านนิยายเหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ยกาลครั้งนึงแต่ไม่ทราบแน่ชัดว่าเมื่อไหร่ ได้มีวีรสตรี 3 คนที่ถูกกล่าวขานล่ำลือกันว่าเป็นตัวตนผู้แข็งแกร่งทรงพลังมากที่สุดในโลกอยู่ครับ ความแข็งแกร่งของพวกเธอนั้นเรียกได้ว่าเป็นระดับเหนือมนุษย์เลยเชียว คนนึงสามารถต่อยขุนเขาให้แหลกกระจุยได้ด้วยหมัดเปล่า คนนึงสามารถเป่าร่างของพลทหารนับหมื่นนายให้ลอยปลิวหายไปได้ด้วยการโจมตีจากเวทมนตร์เพียงครั้งเดียว ส่วนอีกคนก็เป็นหญิงพิลึกพิลั่นที่เอาเวทฟื้นฟูกับเวทสนับสนุนมาใช้ฆ่าคนได้ เลยกลายเป็นตัวตนที่ถูกหวาดกลัวไปตามระเบียบ แค่เพียงคนเดียวก็โหดพอจะทำให้ประเทศหนึ่งถึงการล่มสลายได้อย่างง่ายดายแล้ว ยิ่งถ้าเหล่าวีรสตรี 3 คนนั้นมาสุมหัวรวมตัวไปไหนมาไหนด้วยกันแล้วนี่คงอาจต้องเรียกว่าเป็นภัยพิบัติเดินได้ การหวนคืนชีพของเทพมาร หรือในบางพื้นที่ก็อาจจะระบุตัวตนของพวกเธอเป็นเทพผู้ชั่วร้ายกันเลยก็เป็นได้…..หากอาศัยใช้งานความแข็งแกร่งนั่นซะอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอะไรต่อมิอะไรก็คงบันดาลให้เป็นดั่งที่ใจพวกเธอต้องการได้เกือบทั้งหมดเลยกระมัง แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังมีสิ่งที่แม้แต่สามคนนั้นเอง ก็ยังไม่อาจได้มาครอบครองอยู่ครับ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset