แต่งรักมัดใจบอส – ตอนที่ 449 พวกคุณอาหล่อมากๆ

หญิงสาวคนนั้นเห็นว่าประวีร์ช่วยชีวิตลูกของเธอไว้ เธอก็รู้สึกโล่งอก เลยถามออกไปว่าพวกเขาตามหาใครอยู่ เธอสามารถบอกพวกเขาได้

อนุชิตก็บอกว่ากำลังตามหาผู้หญิงคนหนึ่ง เป็นผู้หญิงที่สวยมากคนหนึ่ง เธอมาที่นี่พร้อมกับผู้คนมากมาย ขับรถมาด้วยกันทั้งหมดสามคัน

หลังจากที่อนุชิตพูดจบ หญิงสาวคนนั้นก็เงียบไป เธอเบิกตาโตและมองไปยังชายหนุ่มทั้งสี่คนที่อยู่ตรงหน้า

พวกเขาต่างก็มีรูปร่างหน้าตาที่หล่อเหลา คงจะไม่ใช่พวกฆาตกรหรอก เมื่อครู่นี้ยังช่วยลูกของเธออยู่เลย? แต่คนพวกนั้นบอกว่าคนพวกนี้เป็นคนชั่ว เธอก็เลยรู้สึกลังเลมาก!

ทั้งสี่คนมองไปยังหญิงสาวคนนั้นด้วยสายตาที่คาดหวัง หญิงสาวยังคงลังเลอยู่ เธอไม่รู้ว่าหลังจากที่เธอพูดออกไปแล้วเธอจะทำให้ตัวเองและคนในหมู่บ้านต้องพบเจอกับภัยพิบัติอะไรหรือเปล่า

“ผมรู้ว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน” ในตอนนั้นเด็กคนนั้นก็พูดออกมา เขาเห็นว่าแม่ของตัวเองกำลังลังเล เขาก็เลยตัดสินใจพูดออกมาเอง

เมื่อหญิงสาวได้ยินว่าลูกของตัวเองพูดออกมา เธอก็รู้สึกเป็นกังวลอยู่บ้าง แต่สุดท้ายเธอก็รวบรวมความกล้าและพูดออกไป

“ฉันสามารถบอกพวกคุณได้ว่าเธออยู่ที่ไหน แต่พวกคุณอย่าฆ่าคนในหมู่บ้านของเรานะ!”

“ฆ่า? คุณเห็นเราเป็นคนญี่ปุ่นเหรอ? ตอนนี้อยู่ในยุคสังคมกฎหมายแล้ว จะมีสิ่งที่ชั่วร้ายขนาดนั้นได้ยังไงกัน การฆ่าคนจะต้องติดคุกนะ พวกเราไม่กล้าหรอก!” ทศพรรู้สึกว่าหมู่บ้านนี้มีความล้าหลังอยู่มาก แม้แต่ความรู้ทางกฎหมายพื้นฐานพวกเขาก็ยังไม่รู้เลย

“จริงเหรอ?” เมื่อได้ยินหญิงสาวคนนั้นก็รู้สึกสบายใจ

“แน่นอนว่าจริงอยู่แล้ว การฆ่าคนไม่เพียงแต่จะต้องติดคุกเท่านั้น บางทีอาจจะต้องชดใช้ด้วยชีวิตด้วย ตอนนี้พวกเรามีชีวิตอยู่กันอย่างมีความสุข พวกเราคงไม่อยากจะต้องไปชดใช้ชีวิตให้ใครหรอกนะ” อนุชิตพูดอธิบายอย่างมั่นใจให้กับหญิงสาวคนนั้นฟัง

หลังจากที่หญิงสาวคนนั้นได้ยิน เธอก็ถอนหายใจออกมายาวๆ คำพูดในวันนั้นของคนพวกนั้นล้วนแต่เป็นคำโกหก เธอมองดูแล้วเธอก็รู้ว่าคนพวกนี้ไม่ใช่คนร้าย พวกเขามีรูปร่างหน้าตาที่ดูดีมาก พวกคนร้ายก็ต้องมีใบหน้าที่ดูดุร้ายน่ากลัว

“ผู้หญิงคนนั้นอยู่บนเกาะ พวกเธอข้ามไปหลายวันแล้ว ตอนนี้ยังอยู่ที่นั่นหรือไม่ฉันไม่รู้ เพราะเกาะนั้นสามารถเดินทางออกไปจากอีกฝั่งได้ ซึ่งจะไปถึงเมืองที่อยู่อีกฝั่งตรงนั้น” หญิงสาวชี้ไปยังเกาะที่อยู่ห่างไกลจากหมู่บ้าน

“งั้นพี่สาว ให้พวกเรายืมเรือซักลำได้ไหม? พวกเราจะไปดูตรงเกาะนั้น” ชลธีพูดกับหญิงสาวคนนั้น

ในตอนนั้นหญิงสาวก็รู้สึกหมดหนทางเช่นกัน “เรือของพวกเราออกทะเลไปแล้ว ที่สำคัญเรือส่วนใหญ่ของพวกเราในนี้ต่างก็ออกไปจับปลากันหมดแล้ว”

ชลธีและคนอื่นๆต่างก็พากันมองไปยังริมทะเลที่ดูว่างเปล่า และยังมีเรือหนึ่งลำที่ลอยอยู่ตรงนั้น

“แล้วเรือลำนั้นล่ะ?” พวกเราขอยืมเรือลำนั้นหน่อยได้ไหม?” ประวีร์ชี้ไปยังเรือลำนั้นและถามหญิงสาวคนนั้น

“เรือลำนั้นเป็นเรือของยายใส ส่วนใหญ่เธอจะไม่ให้ใครยืมเรือ พวกคุณก็ลองไปถามดูแล้วกัน ก็คือหญิงชราคนนั้นที่กำลังซ่อมอวนจับปลาอยู่” หญิงสาวคนนั้นชี้ไปยังหญิงชราคนที่พวกเขาพบเจอเมื่อครู่นี้

เมื่อได้ฟังข่าวเรื่องของหญิงชราคนนั้นมา ทุกคนต่างก็รู้สึกปวดหัวกับเธอ หญิงชราคนนั้นเป็นใบ้หรือเป็นหูหนวกกันแน่ ทำไมถามอะไรไปถึงไม่ตอบอะไรเลย

“ยายใสเป็นใบ้เหรอ?” ทศพรถามหญิงสาวคนนั้นด้วยเสียงทุ้มต่ำ

“ไม่นะ แต่ว่าหลังจากที่ลูกชายของเธอตายไป เธอก็พูดน้อยมาก และลูกชายของเธอก็ใช้เรือลำนั้นนั่นแหละ ลูกของเธอเป็นคนเดียวที่สามารถใช้แรงได้ เมื่อลูกชายของเธอตาย ลูกสะใภ้ก็พาลูกของเธอไปแต่งงานกับคนอื่น ตอนนี้ยายใสก็เลยอยู่ตัวคนเดียว” ในตอนที่หญิงสาวกำลังพูดเธอก็รู้สึกสงสารจับใจ

เมื่อได้ยินคำพูดของหญิงสาวคนนั้น ทั้งสี่คนก็ไม่ได้มีความคิดที่จะไปขอยืมเรือลำนั้นกับหญิงชราคนนั้นอีก

“งั้นตอนนี้พวกเราจะทำยังไงดี ถ้าไปที่เกาะไม่ได้ แล้วเราจะไปช่วยคนยังไงกัน?” ในตอนนั้นอนุชิตก็รู้สึกร้อนรนมาก พวกเขามาถึงขั้นนี้กันแล้ว แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้

“ถ้าพวกคุณไม่รีบ รออีกสามวันได้ไหม จากนี้อีกสามวันสามีของฉันน่าจะกลับมา ในตอนนั้นฉันก็ให้พวกคุณยืมเรือได้” หญิงสาวเห็นว่าทุกคนต่างก็รู้สึกลำบากใจ เธอก็เลยเสนอสิ่งนี้ไป

ก็คงจะไม่มีทางอื่นจริงๆ ถ้าเกิดว่าไปขอยืมเรือกับยายใส มันก็คงจะแย่มากเลย แต่ว่าตอนนี้ก็ไม่มีเรือเลย สิ่งเดียวที่ทำได้ในตอนนี้ก็คือการรอ รอให้คนที่ออกไปจับปลาพวกนั้นกลับมา จากนั้นก็จะมีเรือ

“งั้นพี่สาว ผมขอถามหน่อยนะ จากที่นี่เดินทางไปยังเกาะตรงนั้นใช้เวลาเท่าไหร่? ตอนที่พวกเราไป คนบนเกาะจะรู้ตัวหรือเปล่า?” ทศพรเป็นคนที่ละเอียดมาก สิ่งที่เขาคิดทบทวนนั้นมีอยู่เยอะมา

“ฉันเคยไปที่เกาะตรงนั้นแค่ครั้งเดียว สนุกดีนะ ตอนที่พวกเราพายเรือไปต้องใช้เวลากว่าครึ่งวัน บนเกาะตรงนั้นมีคนที่มีเงินมากคนหนึ่งซื้อไว้ รอบเกาะก็มีคนเฝ้าไว้ ถ้าพวกเราไป พวกเขาก็คงจะรู้ตัว ที่สำคัญจะต้องมีบัตรผ่านถึงจะสามารถขึ้นไปบนเกาะได้” หญิงสาวคนนั้นมองไปยังเกาะตรงนั้น เธอรู้สึกว่าสี่คนนี้ไม่น่าจะมีโอกาสได้ไปบนนั้นแล้ว ถ้าอยากจะไปช่วยคน แต่ก่อนอื่นเพราะเขาก็ยังไม่สามารถขึ้นไปบนเกาะได้เลย

เมื่อได้ยินคำพูดของหญิงสาว พวกเขาทั้งสี่คนก็เงียบ ต่อให้จะมีเรือแล้วจะสะดวกมากขึ้น แต่ว่าเป้าหมายนั้นยิ่งใหญ่เกินไป เพราะอีกฝ่ายจะรู้ตัวได้อย่างง่ายดาย

“งั้นพวกเราขอพักผ่อนอยู่ที่บ้านของคุณสักพักได้ไหม? พวกเราก็หิวแล้วด้วย อยากจะทานข้าวสักหน่อย พวกเราใช้เงินซื้อได้นะ” ในตอนนั้นอยู่ดีๆ ชลธีก็เสนอให้ทุกคนไปทานข้าวกันก่อน

ถึงแม้ไม่รู้ว่าชลธีต้องการจะสื่ออะไร แต่ความหิวก็เป็นปัญหาที่ทุกคนรับรู้ได้

“ไม่ต้องใช้เงิน ไม่ต้องใช้เงิน เดี๋ยวฉันจะไปทำกับข้าวให้พวกคุณเลย พวกคุณช่วยลูกของฉันเอาไว้ ฉันควรที่จะขอบคุณพวกคุณ พวกคุณรอก่อนนะ ฉันจะรีบไปทำเดี๋ยวนี้” หญิงสาวคนนั้นเชิญทั้งสี่คนเข้าไปในบ้านของตัวเอง เธอให้ลูกของเธออยู่เป็นเพื่อนทั้งสี่คน และก็ยังได้หยิบอาหารบางอย่างจากโถข้าวสารมาให้พวกเขาทานรองท้องไปก่อน

“คุณอา พวกคุณมาจากที่ไหน เมืองที่พวกคุณอยู่คงจะมีแต่คนที่หน้าตาดีใช่ไหม?” เด็กน้อยคนนั้น แบ่งปลาแห้งให้กับพวกเขาทั้งสี่คน ดวงตากลมโตของเขานั้นจ้องมองไปยังใบหน้าของพวกเขาทั้งสี่คน

เวลาที่โดนเด็กน้อยคนหนึ่งชมไปหลายที พวกเขาทั้งหลายต่างก็รู้สึกมั่นใจในตัวเองมาก และพวกเขาก็รู้สึกถูกชะตากับเด็กคนนี้มาก

“แน่นอนว่าไม่ใช่ ก็มีคนที่หน้าตาไม่ดีเหมือนกัน แต่บังเอิญพวกเรานั้นต่างก็มีหน้าตาที่ดี” อนุชิตพูดแนะนำด้วยความหลงตัวเอง จึงทำให้ดวงตาของเด็กคนนั้นจ้องมองไปที่เขา

“คุณอา พวกคุณดูดีมาก พวกคุณดูดีกว่าหัวหน้าหมู่บ้านของพวกเราเยอะมากๆ” เด็กน้อยตั้งใจแสดงความคิดเห็นออกมา

“มานี่ หนูรับอันนี้ไว้นะ ถ้าชอบทานอะไรก็ไปซื้อทานแล้วกัน” อนุชิตโดนชมจนรู้สึกจิตใจเบิกบาน เขาเลยหยิบเงินยื่นไปให้กับเด็กน้อย

“อันนี้คืออะไร? ผมเห็นว่าคุณแม่ของผมก็มี แต่ว่าไม่ได้มีเยอะขนาดนี้” ที่นี่เป็นริมทะเล จะต้องขายปลาให้ได้ก่อนถึงจะมีเงิน ต่อให้ขายปลาแล้วก็ยังไม่ได้มีเงินมากขนาดนั้น ดังนั้นเด็กน้อยก็เลยยังไม่เคยเห็นยอดเงินที่มีมากขนาดนี้มาก่อน เขาหยิบไปดู และเขาก็ไม่รู้ว่าควรจะเอาไปใช้ยังไง

“ไอ้เด็กบื้อ อันเนี่ยแหละคือเงิน ถ้ามีเงินแล้วหนูก็จะสามารถไปซื้อของที่หนูชอบได้ รับไว้นะ เดี๋ยวก็เอาไปให้แม่เก็บไว้แล้วกัน อย่าทำหายล่ะ”

อนุชิตอธิบายให้เด็กน้อยฟัง เด็กน้อยคนนั้นรับเงินไปด้วยความมึนงง แต่ว่าเขาฟังรู้เรื่องว่าสามารถเอาเงินไปซื้อของที่ชอบได้ ห่างจากที่นี่ไม่ไกลมีร้านขายของเล็กๆอยู่ร้านหนึ่ง เขาสามารถไปซื้อพวกลูกอมมาทานได้ เขาจะซื้ออัน แล้วจะซื้อให้เพื่อนคนละอัน!

แต่งรักมัดใจบอส

แต่งรักมัดใจบอส

ภายในหนึ่งเดือน แต่งงาน หย่า แต่งงาน มุกดาไม่รู้ว่าตนสุขหรือทุกข์กันแน่แต่งงานอีกรอบกลับไม่รู้ว่าสามีเธอเป็นใครแค่กลางคืนกับมานอนกับเธอตรงเวลา”ประธานชลธี ฉันจะลาออก” “ได้ เธอดูสัญญาให้ดี “จ่ายเงินละเมิดสัญญาสิบล้านมาซะ แล้วเธอจะไปไหนฉันก็ไม่ห้ามในการทำงานยังเจอประธานโรคจิต มุกดารู้สึกว่าชีวิตเธอช่างมืดมนไร้แสงสว่างยิ่งนักแต่ทว่าเรื่องไม่ได้เป็นอย่างที่ มุกดาคิด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset