แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี – บทที่ 171 คนเขาออกจะไร้เดียงสา / บทที่ 172 ในที่สุดก็ได้เจอกันอีก

บทที่ 171 คนเขาออกจะไร้เดียงสา 

 

 

หึๆๆ … 

 

 

ได้ยินซือเยี่ยหานเลือกตัวเองโดยไม่ลังเลเลย เยี่ยหวั่นหวันสบายใจแล้ว พอใจแล้ว 

 

 

ซือเยี่ยหานใช้มือประคองเอวหญิงสาว กลัวว่าเธอจะตกลงไป เสียงทุ้มต่ำดังอยู่ข้างหู “เล่นพอหรือยัง?” 

 

 

อุ้ย โดนจับได้แล้ว… 

 

 

เยี่ยหวั่นหวันพึมพำเสียงอ่อน “ใครชอบให้คุณชอบใช้สายตาที่มองปีศาจเจ้าเล่ห์มามองฉันล่ะ คนเขาออกจะไร้เดียงสา…” 

 

 

ไร้เดียงสา? 

 

 

สายตาซือเยี่ยหานมองไปทางคนที่เรียกตัวเองว่าไร้เดียงสาอย่างเฉยชา 

 

 

เยี่ยหวั่นหวันกระแอมเบาๆ เหมือนจะรู้สึกละอายกับคำพูดนี้ เบะปากพูด “เขาไม่ชอบฉัน ฉันต่างหากที่รังเกียจเขา!” 

 

 

“อย่าหาเรื่องเขา” น้ำเสียงซือเยี่ยหานพูดเตือนนิ่งๆ 

 

 

เยี่ยหวั่นหวันทำหน้าเสียใจทันที “คุณลำเอียง!” 

 

 

แววตาเยือกเย็นของซือเยี่ยหานมองไปทางเธอช้าๆ “ผมลำเอียงจริง” 

 

 

เยี่ยหวั่นหวัน “…” 

 

 

เอาเถอะเอาเถอะ เธอยอมรับว่าเมื่อกี้ซือเยี่ยหานเห็นแก่หน้าเธอมากพอแล้ว เข้าข้างเธอพอแล้ว 

 

 

“ยังไงก็ตาม ถ้าเขาไม่ทำฉันฉันก็ไม่ตอบโต้ ถ้าเขาจ้องฉันอีก ฉันก็จะทำลายเจ้านายเขา! ทำให้เขาโมโหตาย!” เยี่ยหวั่นหวันพูด 

 

 

ซือเยี่ยหาน “…” 

 

 

อยู่ๆ ก็โดนอ้างถึง เจ้านายของหลิวอิ่ง ซือเยี่ยหาน น่าจะไม่เคยคิดว่ามีการเดินเกมส์แบบนี้ 

 

 

อืม ให้ค่าจ้างหลิวอิ่งเพิ่มดีไหม? 

 

 

ไม่นานรถก็ขับมาถึงคฤหาสน์ 

 

 

ตอนที่ลงจากรถ เยี่ยหวั่นหวันสบตากับหลิวอิ่งที่เต็มไปด้วยความเยือกเย็นอาฆาตอย่างที่คาดไว้ 

 

 

เยี่ยหวั่นหวันรู้ว่าวันนี้ถือว่าความแค้นสิ้นสุดลงแล้ว 

 

 

แต่แล้วยังไง ยังไงก็มีฉินรั่วซีที่เป็นดั่งสมบัติล้ำค่าสวยงามไร้ที่ติอยู่ ไม่ว่าเธอทำอะไร นายนั่นก็ไม่มีทางชอบขี้หน้าเธอ 

 

 

เธอเป็นคนโปรดมีคนให้ท้ายอยู่ ถึงจะทำร้ายประชาชนประเทศชาติแล้วจะทำไม? 

 

 

ชาติที่แล้วเธอกลัวซือเยี่ยหานที่สุด นอกจากนี้ก็ยังกลัวเครื่องจักรสังหารคนที่อยู่ข้างซือเยี่ยหาน 

 

 

ทุกครั้งที่โดนสายเยือกเย็นของหลิวอิ่งมองมา จะรู้สึกราวกับโดนมีดกรีดเนื้อ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าโดนเตือนโดนขู่อยู่เป็นประจำ โดนป้องกันเหมือนเป็นโจร 

 

 

ถึงแม้จะอยู่ที่จิ่นหยวนมานานหลายปีขนาดนี้ ถึงแม้ซือเยี่ยหานจะให้สิ่งที่ดีที่สุดกับเธอทุกอย่าง แต่เธอไม่เคยได้รู้สึกถึงความเป็นเจ้าของเลยสักแม้นวินาทีหนึ่ง 

 

 

ความโกรธแค้นที่ได้รับตอนนั้น ชาตินี้เธอจะเอาคืนให้หมด 

 

 

ในเมื่อย้อนกลับไปเป็นสาวใสซื่อบริสุทธิ์ไม่ได้แล้ว ทำไมเธอก็จะกลายเป็นปีศาจเลยไม่ได้ 

 

 

หลังเข้าไปในบ้าน คุณหญิงย่าเห็นเยี่ยหวั่นหวันและซือเยี่ยหานทั้งสองคนมาแล้ว ก็ยิ้มออกมาทันที “กลับมาแล้วหรือ!” 

 

 

ซือเยี่ยหาน “อืม” 

 

 

คุณหญิงย่ามองหลานชายที่ทะนุถนอมดั่งทองคำอย่างน้อยใจ แล้วดึงเยี่ยหวั่นหวันด้วยความกระตือรือร้น “หวั่นหวันมานี่เร็ว! มาให้ย่าดูหน่อย!” 

 

 

“คุณย่า!” เยี่ยหวั่นหวันเรียกเสียงหวาน 

 

 

โทษที่ชาตินี้คุณหญิงย่ารู้สึกประทับใจเธอไม่ได้ นอกจากชาตินี้เธอไม่ได้ทำผิดพลาดแล้ว ยังมีอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญ เยี่ยหวั่นหันแต่งตัวแบบนี้ทำให้คนตกใจกลัวได้ หน้าตาและบุคลิกดูเอาเปรียบได้ง่ายมาก 

 

 

มองไปแล้วดูอ่อนแอหัวอ่อน เป็นเด็กดีไม่มีพิษมีภัย ทำให้คนไม่ระแวดระวัง อีกทั้งยังอดรักและเอ็นดูไม่ได้อีกด้วย 

 

 

“ไม่เลวเลย ดีที่ไม่ได้ผอมลง อ้วนอีกหน่อย! เธอผอมไปแล้ว ต้องกินเยอะกว่านี้!” คุณหญิงย่าจูงเธอมาประเมินดู พยักหน้าอย่างพอใจ 

 

 

ก่อนหน้านี้เยี่ยหวั่นหวันผอมมากจริงๆ ผอมจนลมสามารถพัดปลิวได้ ช่วงหลังนี้เธอน้ำหนักขึ้นมาไม่น้อยเลย แต่รูปร่างก็ยังดูผอมอยู่หน่อย 

 

 

แต่ดูจากปริมาณอาหารหลังจากที่เยี่ยหวั่นหวันกลับชาติมาเกิดแล้ว ไม่ต้องสงสัยเลย เป็นเรื่องของเวลาในการสร้างเนื้อหนังเท่านั้นเอง อีกทั้งถ้าไม่ได้โดนกักบริเวนอยู่นะ ไม่แน่อาจจะกลับไปอ้วนเหมือนตอนนั้นก็เป็นได้ 

 

 

“รู้แล้วค่ะคุณย่า หนูกินดีอยู่ค่ะ” 

 

 

“เด็กดี! อ้อใช่แล้ว ย่าเกือบลืมไป หวั่นหวัน มา ย่าจะแนะนำคนหนึ่งให้รู้จัก!” คุณหญิงย่ายิ้มแล้วพาเธอเข้าไปในห้อง 

 

 

………………………………………………………………………. 

 

 

 

 

 

 

 

 

บทที่ 172 ในที่สุดก็ได้เจอกันอีก 

 

 

แนะนำคนหนึ่งให้รู้จัก? 

 

 

คนที่สามารถทำให้คุณหญิงย่าแนะนำเป็นพิเศษได้ ใครกันนะ? 

 

 

เยี่ยหวั่นหวันเดินตามคุณหญิงย่าไปอย่างสงสัย 

 

 

ผ่านห้องรับแขก เข้ามาในสนาม มีร่างที่คุ้นเคยโผล่เข้ามาในสายตาโดยไม่ทันตั้งตัว 

 

 

เห็นเพียงดอกโบตั๋นที่ล้ำค่าอยู่หลายดอกข้างหน้า มีร่างสูงเพรียวร่างหนึ่งยืนอยู่ 

 

 

เป็นผู้หญิงผมหยิกสีน้ำตาลแดง สวมเสื้อกันลมง่ายๆ สีเบจ หน้าตาไม่ได้สวยแต่กลับดูสง่า บุคลิกดูนิ่งขรึม ในท่วงท่าที่ดูสง่างามเป็นผู้ดีนั้นแสดงออกให้เห็นชัดเจนว่ามาจากครอบครัวที่ได้รับการอบรมสั่งสอนมาเป็นอย่างดี ขัดเกลาจนออกมาเป็นแบบนี้ได้ ขณะที่มีท่าทีสง่างามเพียบพร้อมแบบผู้หญิง สีหน้าที่ดูดุดันนั้นไม่แพ้ผู้ชายเลย 

 

 

นี่คือสาวงามอันดับหนึ่งของปักกิ่ง – ฉินรั่วซี! 

 

 

มาเกิดใหม่ตั้งนาน ในที่สุดก็ได้เจออีกครั้งแล้ว 

 

 

วินาทีที่เห็นคนนั้นชัดแล้ว ม่านตาที่ขยายก็หดตัวลง เป็นสัญชาตญาณที่เวลามองเห็นศัตรูทำให้เธอตื่นตัวและป้องกันตัวขึ้นมาทันที 

 

 

“หวั่นหวัน นี่คือเหลนสาวฉัน ฉินรั่วซี และเป็นเพื่อนสนิทของเสี่ยวจิ่ว!” คุณหญิงย่าพูดแนะนำเธอ น้ำเสียงเห็นได้ชัดว่าไม่สามารถซ่อมความปลาบปลื้มและภูมิใจได้ 

 

 

จนกระทั่งคุณย่าเอ่ยปาก เสียงหึ่งๆ ในสมองเยี่ยหวั่นหวันค่อยเงียบสงบลง ความทรงจำมากมายพรั่งพรูเข้ามา 

 

 

คุณปู่ที่ล่วงลับไปแล้วของซือเยี่ยหานมีพี่น้องร่วมสาบานคนหนึ่ง ชื่อฉินปิ่งซง ฉินรั่วซีเป็นหลานสาวของฉินปิ่งซง 

 

 

ฐานะของฉินรั่วซี ไม่ใช่แค่ “เพื่อนสนิทของเสี่ยวจิ่ว” ธรรมดาอย่างที่คุณหญิงย่าพูด 

 

 

เธอเป็นผู้ช่วยมือขวาของซือเยี่ยหาน เป็นตำแหน่งข้างกายซือเยี่ยหานที่ไม่มีใครสามารถแทนที่ได้ 

 

 

ไม่ว่าจะที่บริษัท ครอบครัวหรือในที่ลับ ฉินรั่วซีมีศักดิ์ที่สูงมาก แทบจะเป็นนายหญิงของบ้านในสายตาของทุกคน 

 

 

แต่ว่า ชาติที่แล้วคนที่ซือเยี่ยหานแต่งงานด้วยกลับเป็นตัวเอง ไม่ใช่เธอ 

 

 

ผู้ชายอย่างซือเยี่ยหาน ถึงแม้จะน่ากลัว แต่บางทีตอนที่อ่อนโยนขึ้นมาความสามารถในการปราบผู้หญิงนั้นยากที่จะประเมินได้ โดยเฉพาะตอนที่เขาไม่สนใจคนรอบข้างคัดค้านจะแต่งงานกับตัวเอง ให้ตำแหน่งคุญหญิงซือกับตัวเอง ไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยหวั่นไหวมาก่อน 

 

 

ชาติที่แล้ว เธอก็เคยคิด ในเมื่อแก้ไขไม่ได้แล้ว งั้นก็รับสภาพและยอมรับไปแล้วกัน 

 

 

แต่ว่า ความเป็นจริงทำให้เธอท้อแท้ผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า 

 

 

ด้วยความสามารถของฉินรั่วซี ไม่สามารถลงมือกับเธอได้โดยตรง ใช้วิธีต่ำๆ ก็จะทำให้ซือเยี่ยหานไม่พอใจ เธอต้องการแค่ไม่กี่ประโยค ก็จะมีคนจำนวนมากมายลงมือแทนเธอ 

 

 

หลิวอิ่งเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด 

 

 

ยิ่งไปกว่านั้น แค่มีผู้หญิงคนนี้อยู่ ก็เพียงพอที่จะเปรียบเทียบเธอเป็นผงฝุ่น แสงประกายนั้นลบเลือนเธอไปทั้งหมด 

 

 

สำหรับคนคนหนึ่งแล้ว ที่น่ากลัวที่สุดไม่ได้การทรมานร่างกาย แต่เป็นจิตใจ 

 

 

ถ้าบอกว่าซือเยี่ยหานขโมยอิสรภาพของเธอไป ผู้หญิงคนนี้ก็บุคลิกและความเป็นตัวตนของเธอ ถึงแม้จะให้ตำแหน่งคุณหญิงซือที่เป็นเกียรติอันยิ่งใหญ่แล้ว แต่กลับมีชีวิตเหมือนนกคีรีบูนตัวหนึ่ง เป็นหุ่นเชิดที่ไม่มีความคิดความอ่าน 

 

 

ความปั่นป่วนที่พุ่งขึ้นมาบนดวงตาเยี่ยหวั่นหวันถูกกดลงไปอย่างรวดเร็ว เธอทักทายด้วยท่าทีที่เป็นธรรมชาติ “คุณหนูฉิน สวัสดีค่ะ” 

 

 

มุมปากฉินรั่วซียิ้มขึ้นเล็กน้อยพอดี “เรียกฉันรั่วซีเถอะ ที่แท้เธอคือหวั่นหวันที่ก่อนหน้านี้คุณย่าเอาแต่พูดถึงมาตลอด หน้าตาสวยเหมือนคุณย่าเลย คุณเก้าโชคดีจริงๆ! เจอกันครั้งแรก นี่เป็นของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ค่ะ” 

 

 

หลังจากนั้น ก็มีคนรับใช้ยกกล่องเล็กที่ดูประณีตเดินเข้ามา 

 

 

หลังเปิดดูก็เห็นข้างในมีกำไลหยกชิ้นหนึ่ง ส่องเป็นประกาย น้ำงาม เป็นหยกแก้วสีล้วนเก่าแก่ แค่ชิ้นนี้ชิ้นเดียวราคาตลาดในตอนนี้ก็ปาเข้าไปแปดล้านเหรียญแล้ว ในอนาคตน่าจะมีแนวโน้มราคาสูงขึ้นอีก 

 

 

รู้ทั้งรู้ว่าเธอเป็นแฟนของซือเยี่ยหาน กระทั่งซือเยี่ยหานพาเธอมาเจอคุณย่า นี่หมายความว่ายังไง เป็นไปไม่ได้ที่ฉินรั่วซีจะไม่รู้ 

 

 

แต่ท่าทางเธอตั้งแต่ต้นไม่มีความอิจฉาริษยาเลยสักนิด 

 

 

นี่เป็นท่าทีของภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายสินะ! 

 

 

……………………………………………………………… 

Options

not work with dark mode
Reset