แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี – บทที่ 661 ฉันนึกว่าใคร / บทที่ 662 ไร้เหตุผลยิ่งกว่า กลั่นแกล้งคนมากกว่า

บทที่ 661 ฉันนึกว่าใคร

เขาได้เป็นระดับแนวหน้าแล้ว ปรากฏว่ายังโดนเจ้านี่ที่เป็นศิลปินตกยุคมากดลงไปอีก จะให้กล้ำกลืนความโกรธนี้ลงไปได้อย่างไร

ในเมื่อวันนี้ว่านชานชานงัดมุกนี้ออกมาใช้แล้ว หลิงเส่าเจ๋อย่อมยินดีที่จะเล่นตามบทอยู่แล้ว

ด้วยตำแหน่งชื่อเสียงของเขา ถึงแม้คนในกองถ่ายจะรู้ก็เข้าข้างเขาอยู่ดี ไม่มีทางไปสนใจลั่วเฉินศิลปินตัวเล็กๆ ที่ตกอับมาสามปีแถมรับแต่บทพระรองนั่นหรอก

“เห็นๆ อยู่ว่าพวกนายจงใจหาเรื่องก่อน พวกนายกลั่นแกล้งคนอื่นเกินไปแล้ว!” เสี่ยวชิงโมโหมาก

ลั่วเฉินยืนเงียบๆ อยู่ตรงนั้น ถึงแม้ก่อนหน้านี้เขาจะโมโห แต่อยู่ต่อหน้าระดับศิลปินอย่างหลิงเส่าเจ๋อ ไม่ว่าเขาทำอะไรก็ผิด

ด้วยสถานภาพและตำแหน่งเขาในตอนนี้ จะมีคุณสมบัติสูงส่งอะไร…

ก็แค่คำขอโทษเท่านั้นเอง…

ในวงการบันเทิงแบ่งชนชั้นกันอย่างชัดเจน การกลั่นแกล้งคนที่อ่อนแอกว่าเป็นเรื่องธรรมดามาก เขาควรจะรู้นานแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้นอีกเดี๋ยวพี่เยี่ยก็จะมาแล้ว เขาไม่อยากสร้างความเดือดร้อนให้พี่เยี่ย

ลั่วเฉินสูดลมหายใจลึก “ได้… ฉันขอโทษ…”

“หึ…” หลิงเส่าเจ๋อได้ยินก็พูดด้วยน้ำเสียงดูถูก “ขอโทษแค่อย่างเดียวไม่พอ รองเท้าฉันเลอะด้วย แต่ก็นะ รองเท้าหนังเลอะนิดหน่อยไม่ถึงกับเสียหาย เช็ดให้ฉันให้สะอาดก็พอ!”

หลิงเส่าเจ๋อพูดด้วยท่าทีใจกว้าง

“นายว่าอะไรนะ” เสี่ยวชิงโมโหจนร้องออกมา

สีหน้าลั่วเฉินก็เปลี่ยนไปทันที

ตอนที่ทุกคนกำลังดูเหตุการณ์อย่างสนุกสนาน จู่ๆ ทุกคนก็มองไปทางด้านหลังของลั่วเฉิน รวมทั้งเสี่ยวชิงด้วย

“อา…กง…”

กงซวี่…

กงซวี่มากองถ่าย ‘มังกรผงาด2’ ได้ยังไง?

ลั่วเฉินรู้สึกว่าที่ไหล่หนักอึ้ง ต่อจากนั้นก็ได้ยินเสียงกวนๆ ที่คุ้นเคยดังขึ้นข้างหูเขา

“โยว่ ฉันนึกว่าใครกันที่กำลังวางมาดโอหัง ที่แท้ก็หลิงเส่าเจ๋อนี่เอง!” กงซวี่ยิ้มตาหยีมองไปทางหลิงเส่าเจ๋อที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หนังแท้ฝั่งตรงข้าม เขี้ยวซี่หนึ่งที่เดี๋ยวเห็นชัดเดี๋ยวเห็นไม่ชัดแลดูชั่วร้ายอยู่มาก

“กงซวี่…” ลั่วเฉินมองไปทางกงซวี่ที่วางมือหนึ่งบนไหล่ตัวเองอย่างสนิทสนมด้วยความตกใจ

พอหลิงเส่าเจ๋อเห็นกงซวี่ สีหน้าก็บึ้งตึงทันที “ทำไม นายมีปัญหาอะไร?”

ถ้าบอกว่าลั่วเฉินเป็นแค่ศัตรูเก่าของเขา อย่างนั้นกงซวี่ก็เรียกได้ว่าเป็นศัตรูคู่อาฆาตได้เลย

เส้นทางในวงการบันเทิงของทั้งคู่เหมือนกัน แล้วยังอยู่บริษัทคู่แข่งกัน มีเรื่องขัดแย้งกันประจำ

“หึๆ ไม่มี ไม่มีอยู่แล้ว เพียงแต่ว่า…”

กงซวี่เหลือบมองลั่วเฉิน จู่ๆ ก็คว้ากาแฟจากมือเขาไป

จากนั้น กงซวี่ยิ้มตาหยีเดินไปยืนตรงหน้าหลิงเส่าเจ๋อ ก่อนจะยกแก้วกาแฟสูงขึ้น ไม่พูดอะไรสักคำ สาดกาแฟทั้งหมดลงไปบนกางเกงหลิงเส่าเจ๋อโดยไม่เหลือสักหยด

“กงซวี่! นายทำอะไรวะ!” หลิงเส่าเจ๋อรีบลุกขึ้นยืน ใบหน้าโกรธจัด

เวลานี้เป้ากางเกงของหลิงเส่าเจ๋อเปียกไปหมดแล้ว

“ทำอะไร?” กงซวี่เลิกคิ้ว จากนั้นยื่นมือออกไป

ผู้ช่วยที่ตามมาด้านหลังเขารีบวิ่งตึกๆๆ เข้ามา ยื่นเช็คและปากกามาให้

กงซวี่ตวัดปากกา เขียนเลขแปดแสนลงบนเช็ค แล้วโยนไปที่ตัวของหลิงเส่าเจ๋อ จากนั้นตอบว่า “ตอนนี้ เสื้อผ้าชุดนี้เป็นของฉันแล้ว คุณชายคนนี้จะสาดลงบนชุดตัวเอง เกี่ยวอะไรกับนายด้วย นายแหกปากโวยวายอะไรฮะ?”

หลิงเส่าเจ๋อโมโหจนอกแทบระเบิดแล้ว “นาย…”

“หา ฉันทำไม นายบอกไม่ใช่เหรอว่าชดใช้เงินให้ก็ได้แล้ว” กงซวี่ทำสีหน้าใสซื่อบริสุทธิ์

“พรืด…” เสี่ยวชิงที่อยู่ข้างๆ หลุดหัวเราะออกมา มองทางกงซวี่ด้วยสายตาเป็นประกายแวววาว

ส่วนลั่วเฉิน น่าจะคิดไม่ถึงว่าจู่ๆ กงซวี่ที่เป็นอริกับเขามาตลอดจะช่วยแก้ปัญหาให้ตัวเอง สีหน้าเห็นได้ชัดว่าดูสับสน

………………………………………………………………

บทที่ 662 ไร้เหตุผลยิ่งกว่า กลั่นแกล้งคนมากกว่า

“อ๋า! ตงไจ๋ กงซวี่เท่จริงๆ เลยว่าไหม!” เสี่ยวชิงจับใบหน้าดวงตาเป็นประกาย “หึ ใครให้พวกนายไร้เหตุผล กลั่นแกล้งคนอื่น ตอนนี้เจอคนที่ไม่มีเหตุผลยิ่งกว่าแถมแกล้งคนอื่นมากกว่าแล้วล่ะสิ!”

ผู้ช่วยของกงซวี่ “เอ่อ…”

คำพูดนี้คือกำลังชมหรือกำลังด่ากันแน่?

แต่ว่าผู้ช่วยนานๆ ทีจะพยักหน้าเห็นด้วย เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าศิลปินของตัวเองท่าทางเย่อหยิ่งจองหองและไร้เหตุผลแต่กลับหล่อเท่ขนาดนี้

หลิงเส่าเจ๋อโมโหจนหน้าแดงคอแดงไปหมด ทำอะไรฝ่ายตรงข้ามไม่ได้อีกแล้ว เขาใช้เงินกดขี่ลั่วเฉินได้ แต่ว่ากงซวี่? จะทำได้ยังไง!

จะไปแข่งเรื่องเงินกับเจ้านั่น? เขาใช้เงินฟาดคุณจนตายได้เลย…

กงซวี่เวลานี้ก็เหมือนลูกหลานเศรษฐีที่มีทั้งเงินทั้งอำนาจ “ยังรออะไรอยู่ล่ะ ถอดสิ! เสื้อผ้าของคุณชายคนนี้ใส่แล้วสบายขนาดนี้เลยเหรอ”

หลิงเส่าเจ๋อเอ่ย “นาย…”

ว่านชานชานอารมณ์เสีย “กงซวี่ นายอย่าแกล้งคนอื่นให้มันมากเกินไปนัก!”

นักแสดงคนอื่นๆ จากหวงเทียนต่างก็เห็นด้วย

“กงซวี่ นายมันไร้เหตุผล!”

“ทำเกินไปแล้วจริงๆ จองหองขนาดนี้!”

กงซวี่ยิ้มตาหยี อารมณ์ดีมาก “อ้อเหรอ ที่แท้พวกนายก็คิดว่าฉันจองหองมากกว่าหลิงเส่าเจ๋อของพวกนาย? ไม่เลวๆ รู้จักประเมินตัวเองด้วย!”

“นาย…นายๆ…”

กงซวี่ดื้อรั้นมาก คนทั้งกลุ่มพูดอยู่นาน ไม่ได้ผลอะไรเลย ทั้งหมดโดนเขายั่วโมโหจนแทบบ้า

เวลานี้ นัยน์ตาของว่านชานชานมีประกายแวบผ่าน จู่ๆ ก็หัวเราะเสียงเย็นพลางหยิบมือถือขึ้นมา จากนั้นเปิดคลิปหนึ่ง

“กงซวี่ รอฉันโพสต์คลิปนี้ลงบนโซเชียลก่อน ดูซิว่านายจะยังเย่อหยิ่งเหมือนตอนนี้ได้อีกไหม!”

เปิดคลิปขึ้นมา ภาพในคลิปเป็นคลิปที่ว่านชานชานอัดไว้ เริ่มตั้งแต่กงซวี่ราดกาแฟลงบนตัวหลิงเส่าเจ๋อ

เห็นแบบนี้ ลั่วเฉินกับผู้ช่วยทั้งสองคนที่อยู่ข้างๆ ต่างเปลี่ยนสีหน้า

เลวทรามสิ้นดี! ถึงกับเล่นนอกเกม!

ตอนที่ลั่วเฉินและผู้ช่วยสองคนทำหน้าเป็นกังวลอยู่ กงซวี่กลับหัวเราะเสียงดัง ทำสีหน้าท่าทางเหมือนมองคนโง่ “ชิ ใช้ลูกไม้นี้ก็คิดจะมาขู่ฉันเหรอ คุณชายคนนี้จองหองกว่านี้ได้อีก เธอเชื่อไหมล่ะ?”

เห็นปฏิกิริยาของกงซวี่ ว่านชานชานอึ้งงัน สีหน้าได้ใจแข็งทื่อ

ใช้มุกนี้ขู่คนอื่นอาจจะได้ผล แต่ถ้ามาขู่กงซวี่?

หมอนี่กลับไม่รู้สึกกดดันอะไรเลย หนังหน้าหนาไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ชื่อเสียงก็แย่สุดขีดแล้ว จะมากลัวอะไรกับเรื่องนี้

กงซวี่เหลือบมองไปทางตงไจ๋ที่อยู่ข้างๆ “ไป ไปซื้อกาแฟมาให้ฉันอีก! คุณชายจะราดกาแฟอีกสักหลายครั้ง ให้เธอค่อยๆ ถ่ายจนพอใจเลย!”

ได้ยินคำพูดนี้ เหล่านักแสดงจากหวงเทียนที่อยู่ตรงข้ามทุกคนต่างโกรธจัดทว่าไม่กล้าพูดอะไร หลิงเส่าเจ๋อหน้าซีดแล้ว มองไปทางว่านชานชานที่อยู่ข้างๆ ด้วยแววตาไม่สบอารมณ์

ถ้าไม่ใช่เพราะผู้หญิงคนนี้ทำเป็นว่าตัวเองฉลาด เขาจะมีสภาพจนตรอกอย่างตอนนี้ได้ยังไง!

ตอนนี้ว่านชานชานก็ร้อนรนไม่รู้จะทำยังไง เธอรู้ที่ไหนกันว่ากงซวี่จัดการยากแบบนี้ ดื้อด้านหัวแข็งทำอะไรไม่ได้เลย!

เห็นเรื่องราวลุกลามไปจนไม่มีทีท่าว่าจะจบ ทำอะไรไม่ได้ จู่ๆ ว่านชานชานก็นึกถึงข่าวลือที่เหมือนว่ากงซวี่จะกลัวผู้จัดการคนใหม่คนนั้นมาก จึงพูดออกไป “กงซวี่ นายกล้าเหรอ! ถ้าผู้จัดการนายรู้เข้า ฉันจะคอยดูว่านายจะอธิบายกับเขาว่ายังไง!”

วินาทีที่สิ้นสุดคำพูดของว่านชานชาน สีหน้ากงซวี่แข็งทื่อทันที

เดิมทีว่านชานชานแค่ลองพูดออกไปเท่านั้น พอเห็นสีหน้ากงซวี่ ถึงพบว่าตัวเองจับจุดอ่อนของกงซวี่ได้แล้ว จึงดีใจยกใหญ่ทันใด “ฮ่าๆๆ… นายจองหองมาสิ! อวดดีต่อเลย! ถ้าไม่กลัวว่าผู้จัดการนายจะรู้เข้าก็ก่อเรื่องต่อเลย!”

………………………………………………………………

Options

not work with dark mode
Reset