แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี – บทที่ 185 สายตาติดหนึบ / บทที่ 186 นอนอยู่ในโลงเฉยๆ ก็โดนยิง (ซวยจัง)

บทที่ 185 สายตาติดหนึบ / บทที่ 186 นอนอยู่ในโลงเฉยๆ ก็โดนยิง (ซวยจัง)

บทที่ 185 สายตาติดหนึบ

เฉิงเสวี่ยเปลี่ยนใส่ชุดราชินีเรียบร้อยแล้ว ด้วยการแต่งหน้าเจ็ดส่วนชุดแต่งกายอีกสามส่วนเสริมให้ใบหน้าเล็กนั้นดูละเอียดอ่อนและมีเสน่ห์ยิ่งขึ้น

ข้างๆ นอกจากมีบรรดาแฟนคลับสาวที่มารอซือเซี่ยแล้ว ก็มีนักเรียนชายกลุ่มใหญ่ที่พุ่งตัวเข้ามาหาดาวโรงเรียนอย่างเฉิงเสวี่ย เวลานี้ทุกคนต่างห้อมล้อมตัวเธอประดุจดาวล้อมเดือน ทั้งชื่นชมทั้งถ่ายรูปไปหยุด

เฉิงเสวี่ยเหลือบมองนักเรียนชายที่มีหัวใจมาส่งให้ถึงหน้าประตูพวกนี้ด้วยสายตาที่ไม่สนใจเลยสักนิด สายตาจดจ่อไปทางประตูอยู่ตลอดเวลา

รออยู่นานกระทั่งคนคนนั้นปรากฎตัวขึ้น เฉิงเสวี่ยดวงตาเป็นประกายขึ้นมาทันที ยกชายกระโปรงวิ่งเข้าไปต้อนรับ “ซือเซี่ย! นายมาแล้ว!”

พูดจบใบหน้าระคนไปด้วยความเขินอายหลายส่วน มองเขาด้วยแววตาที่เฝ้ารอ

จากนั้น สำหรับเธอในวันนี้ที่แต่งตัวสวยงามจนผู้ชายหลายคนไม่อาจละสายตาไปได้ ซือเซี่ยกลับเหลือบมองไม่เท่าไร ก็เบนสายตาของเขาพุ่งเป้าข้ามฝูงชนมองตรงไปทางเยี่ยหวันหวั่นที่อยู่ทางด้านหลังของผู้คน

เฉิงเสวี่ยมองตามสายตาของซือเซี่ยไปทางเยี่ยหวันหวั่น กัดฟันกรอด

ยัยตัวประหลาดมีดีอะไรกันแน่ ถึงสมควรได้รับการดูแลเป็นพิเศษหนึ่งครั้งสองครั้งสามครั้งจากเขางั้นเหรอ?

“ซือเซี่ย นายว่าชุดนี้ของฉันสวยไหม?” เฉิงเสวี่ยคล้องแขนซือเซี่ยเขย่า พยายามดึงความสนใจจากเขา

แต่ซือเซี่ยไม่มีการตอบสนองกลับ

เฉิงเสวี่ยหน้าชา “ซือเซี่ย นายกำลังมองอะไร?”

ซือเซี่ยในเวลานี้ดูแล้วเหมือนคนไม่มีสติ ราวกับจมอยู่ในโลกที่มีเพียงตัวเองอย่างสิ้นเชิง แต่ในสายตาของเฉิงเสวี่ยกลับเห็นว่าเขากำลังเหม่อมองเยี่ยหวันหวั่น

เฉิงเสวี่ยไหนเลยจะยอมทนเห็นเขาใช้สายตาแบบนี้มองผู้หญิงคนอื่นต่อหน้าตัวเองได้ จึงเร่งเสียงดังขึ้นอย่างไม่พอใจ “ซือเซี่ย…ซือเซี่ย…”

ซือเซี่ยสายตามึนงงพลันคล้ำลงหลายส่วน นัยน์ตาพรั่งพรูความเย็นชาอันหนาวเหน็บ “หุบปาก น่ารำคาญชะมัด”

เฉิงเสวี่ยตกตะลึงตาค้าง ไม่อยากเชื่อเลยว่าต่อหน้าทุกคนแล้ว ซือเซี่ยจะตะคอกใส่เธอด้วยท่าทีเช่นนี้

“นาย…” เฉิงเสวี่ยริมฝีปากสั่นเทา ขอบตาแดงกร่ำผลักฝูงชนให้หลีกทาง แล้ววิ่งออกไป

“เสี่ยวเสวี่ย! เสี่ยวเสวี่ย!”

พวกลิ่วล้อของเฉิงเสวี่ยหันมองซือเซี่ยไปทีหนึ่ง แล้วส่งสายตาเกลียดชังจ้องไปทางเยี่ยหวันหวั่นทีหนึ่ง ก่อนจะรีบวิ่งตามเฉิงเสวี่ยไป

เพียงครู่เดียว บรรยากาศในห้องโถงพลันชะงักงัน

เดิมทีบรรดาเด็กนักเรียนหญิงได้เห็นซือเซี่ยแล้วพากันคึกคักเหมือนได้ฉีดเลือดไก่ ต่างถอยห่างออกมาด้วยความกลัวตัวสั่นงันงก

อ้า ดูเหมือนว่าวันนี้เทพบุตรจะอารมณ์ไม่ค่อยดีเลย แม้แต่เฉิงเสวี่ยยังโดนตอกกลับมา พวกเธอถอยห่างออกมาหน่อยจะดีกว่า!

นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเห็นซือเซี่ยแสดงอาการเช่นนี้ออกมา ตกใจมากเลย…

ซือเซี่ยไม่มองเฉิงเสวี่ยที่วิ่งร้องไห้ออกไปเลยสักนิด หาตำแหน่งข้างหน้าต่างนั่งลงไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ มือเท้าคาง จ้องมองเยี่ยหวันหวั่นตาไม่กระพริบต่อไป

ส่วนเยี่ยหวันหวั่นที่กำลังถูกจ้องมอง…

เธอขบฟัน แทบอยากจะกระโจนเข้าไปอัดเจ้าเด็กคนนี้อีกสักรอบ

แม่เจ้าเด็กแสบคนนี้มองอะไรอยู่ได้ หรือว่าจะมองจนฉันเป็นดอกไม้ขึ้นมาหรือไง?

เธอไม่ได้คาดคิดเลยว่า ตั้งแต่เมื่อคืน ซือเซี่ยไม่เพียงไม่ยอมหยุด แต่ยังอัพเลเวลท่าใหม่อีกแล้ว!

ท่ามกลางบรรยากาศอันน่าอึดอัด ผ่านไปนานในที่สุดทุกคนก็สามารถปลอบเฉิงเสวี่ยให้เริ่มทำการซ้อมใหญ่ได้สักที

กระทั่งการซ้อมใหญ่กำลังจะเริ่มขึ้น สายตาของซือเซี่ยยังคงจ้องอยู่ที่เยี่ยหวันหวั่นเช่นเดิม ไม่เห็นจะกระพริบตาเลยสักนิด

ไม่ว่าเยี่ยหวันหวั่นจะเดินไปทางไหน สายตาของเขาก็จะจ้องตามไปเหมือนกับลูกนกที่เพิ่งเกิด เรียกว่าแนบชิดไม่ยอมห่างแม้เพียงก้าวเดียว

แสดงความสนใจอย่างชัดเจนจนไม่รู้จะชัดเจนอย่างไรได้อีก หากว่าคนอื่นๆ มองไม่เห็นก็คงจะตาบอดแล้ว เพียงแต่เพราะอารมณ์โมโหอันน่ากลัวของซือเซี่ยเมื่อครู่ ทำให้ไม่มีใครกล้าพูดอะไร ได้แต่แอบไม่พอใจอยู่ในใจเท่านั้น

เทพบุตรนายเป็นอะไรไปกันแน่เทพบุตร! โดนเยี่ยหวันหวั่นทำเสน่ห์ใส่แล้วหรือไง!!!

เยี่ยหวันหวั่นความจริงไม่ควรแสดงบทเจ้าหญิงสโนว์ไวท์ แต่ควรแสดงเป็นแม่มดใจร้าย!

………………………………….

บทที่ 186 นอนอยู่ในโลงเฉยๆ ก็โดนยิง (ซวยจัง)

การซ้อมใหญ่จบลงไปท่ามกลางบรรยากาศแปลกประหลาดเช่นนี้

ซือเซี่ยนอกจากจะจ้องมองเธอไม่ยอมเลิกแล้ว ก็ไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่นอีก ส่วนเยี่ยหวันหวั่นคิดจะโจมตีก็หาเหตุผลมาโจมตีไม่ได้

อดทนจนจบการซ้อมใหญ่แล้ว เยี่ยหวันหวั่นเตรียมตัวจะหนีกลับ ซือเซี่ยที่อยู่ข้างกาย หลังจากซ้อมฉากจุมพิตจากมุมกล้องฉากสุดท้ายเสร็จสิ้น จังหวะที่โน้มตัวขึ้นร่างกายพลันโซเซ แล้วก็ล้มลงไปกับพื้นอย่างไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า

“ซือเซี่ย–”

“ว้าย! พระเจ้า! ซือเซี่ยเป็นลมล้มไปแล้ว!”

“รีบมาช่วยเร็วสิ!”

ทันใดนั้นเสียงร้องตกใจพลันดังขึ้นเป็นระลอกอย่างต่อเนื่อง เกิดความโกลาหลขึ้นในที่เกิดเหตุ ทุกคนต่างเข้าไปห้อมล้อมซือเซี่ย

เยี่ยหวันหวั่นสตั้น เข้าสู่สภาวะป้องกันตัวขั้นหนึ่ง

ผู้ชายคนนี้ คิดจะสร้างเรื่องไม่ดีอะไรอีก?

เยี่ยหวันหวั่นนอนอยู่ในโลงแก้ว มองผ่านช่องว่างในหมู่คนไปทางซือเซี่ย เห็นเพียงชายหนุ่มหน้าซีดขาว นอนขดตัวอยู่กับพื้นด้วยท่าทางเจ็บปวด ลมหายใจถี่รัวขึ้นเรื่อยๆ

เยี่ยหวันหวั่นชะงักอึ้ง ดูจากสภาพแล้ว ทำไมดูไม่เหมือนกำลังแสร้งทำ…

“พระเจ้า! ซือเซี่ยเป็นอะไรกันแน่? เมื่อครู่ยังดีๆ อยู่เลย ทำไมจู่ๆ ถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้?”

“ซือเซี่ยหอบกำเริบแล้ว!” เฉิงเสวี่ยร้องบอกด้วยความวิตกกังวลเป็นที่สุด

“ซือเซี่ยเป็นหอบหืด? รีบไปดูสิว่าเขาได้พกยาติดตัวหรือเปล่า!”

“ฉันดูแล้ว เหมือนว่าจะไม่มี เขาไม่มีอาการกำเริบมานานมากแล้ว ทำไมถึงป่วยขึ้นมากะทันหันได้ล่ะ!”

“สมควรตาย! ยังต้องถามอีกเหรอ? เป็นเพราะตกใจกับเยี่ยหวันหวั่นยัยตัวประหลาดนั่นแน่ๆ! รีบพาเขาไปห้องพยาบาลเถอะ!”

เยี่ยหวันหวั่นที่อยู่ด้านข้าง “…”

เข้าใจผิดอะไรหรือเปล่า เธอนอนอยู่ในโลงเฉยๆ ยังโดนเล็งเป้าอีกเหรอ?

ท่ามกลางความโกลาหล เฉิงเสวี่ยและนักเรียนหญิงอีกคนรีบช่วยกันประคองซือเซี่ยไปห้องพยาบาล

ผลที่ได้ พลันมีเสียง “เพียะ” ดังขึ้นกลางอากาศ

ซือเซี่ยสะบัดมือของเฉิงเสวี่ยอย่างแรง ด้านหนึ่งหอบหายใจ อีกด้านหนึ่งเนื่องจากนัยน์ตาแสบจนมีน้ำตาคลอจึงพยายามกระพริบตาถี่ๆ ทอดมองไปทางเยี่ยหวันหวั่น “หวันหวั่น…ให้หวันหวั่นส่งฉัน…”

อะไรอีก!?

เฉินเสวี่ยเดิมทียื่นมือจะไปช่วยประคองซือเซี่ยพลันต้องแข็งทื่อ สายตาที่มองเยี่ยหวันหวั่นมืดมนขั้นสุด

ทีแรกเธอไม่ได้เห็นเยี่ยหวันหวั่นอยู่ในสายตาสักนิด อย่างไรแล้วการไปเปิดศึกชิงรักหักสวาทกับผู้หญิงเกรดต่ำแบบนี้เป็นการลดตัวเกินไป แต่ใครจะรู้ว่ายัยตัวประหลาดทำอะไรกับซือเซี่ยบ้าง ถึงได้ทำให้เขาหลงขนาดนี้!

ภายใต้สายตาที่ถูกจ้องมอง เฉิงเสวี่ยถูกตบหน้าต่อหน้าผู้คนอีกแล้ว หน้าดำคล่ำเครียดอยู่นานกว่าจะข่มอารมณ์ลงได้ ถลึงตาร้ายกาจเป็นที่สุดจ้องเยี่ยหวันหวั่น “ยัยตัวประหลาด! ซือเซี่ยเรียกชื่อเธอไม่ได้ยินหรือไง?”

ลิ่วล้อที่อยู่ข้างเฉิงเสวี่ยตวาดออกไปอย่างอารมณ์เสีย “ยังไม่รีบมาอีก! หากไม่ใช่เธอ ซือเซี่ยจะป่วยได้อย่างไร!”

ผู้คนรอบด้านต่างเริ่มพากันชี้มือวิพากษ์วิจารณ์มาทางเยี่ยหวันหวั่น

เยี่ยหวันหวั่นแม้จะรู้สึกว่าครั้งนี้ตนเองดวงซวยชัดๆ แต่อยู่ๆ เธอก็คิดขึ้นมาได้ เหมือนว่าคนที่เป็นหอบหืดไม่สามารถออกกำลังกายหนักได้ และไม่ควรทำให้อารมณ์แปรปวนอย่างรุนแรง

ได้ยินเฉิงเสวี่ยบอกว่าซือเซี่ยไม่มีอาการกำเริบมานานแล้ว แต่วันนี้จากคนที่สภาพดีจู่ๆ ก็ล้มป่วยขั้นสาหัสขึ้นมา คงไม่ใช่เพราะ…เมื่อคืนเธอทำให้เขาตกใจเกินไปหรอกนะ?

อีกอย่าง วันนี้ตั้งแต่แรกเขาก็มีท่าทีแปลกๆ ดูไม่ค่อยมีสติ สภาพเหมือนคนตกใจจนเบลอไปแล้วจริงๆ

อ้า…

เมื่อคิดถึงตรงนี้ เยี่ยหวันหวั่นรู้สึกผิดอย่างบอกไม่ถูก

ตามองเห็นการหายใจของซือเซี่ยติดขัดขึ้นเรื่อยๆ ชีวิตคนสำคัญกว่า ดังนั้นเธอจึงไม่ได้สนใจอะไรมากมาย ช่วยไม่ได้ ทำได้เพียงรีบกระโดดออกมาจากโลงแก้ว ดึงแขนของชายหนุ่ม พยุงตัวเขาลุกขึ้น…

………………………………….

Options

not work with dark mode
Reset