แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี – ตอนที่ 789 ชอบคุณยิ่งขึ้นเรื่อยๆ / บทที่ 790 ชนคนเข้าแล้ว?

บทที่ 789 ชอบคุณยิ่งขึ้นเรื่อยๆ

สวี่อวี้เป็นห่วงว่าด้านในจะเกิดเรื่องขึ้น เขาจึงรีบร้อนส่งเลขานุการสาวน้อยคนนั้นไป ก่อนจะเกาะอยู่ข้างประตูแอบดูสถานการณ์

จากนั้นเขาก็ได้ยินประโยคน่าสยองขวัญเหลือคณานั้นดังขึ้นจากด้านใน ‘ถ้าคุณกล้าไปหาผู้หญิงลับหลังฉัน ฉันก็กล้าพาลูกลับๆ กลับมาเหมือนกัน’…

สวี่อวี้จินตนาการภาพฉากนั้นอย่างเงียบๆ…

น่าสะพรึงเกินไปแล้ว…

เขารีบหาทางจัดการเลขานุการสาวคนนั้นดีกว่า!

“ทำไมกลับมาเร็วขนาดนี้ เรื่องเป็นยังไงบ้าง?” เซวียลี่มองเลขานุการสาวที่ยังไม่ถึงชั่วโมงก็กลับมา ก่อนจะเอ่ยปากถาม

เลขานุการสาวตอบด้วยสีหน้าค่อนข้างตื่นเต้น “ราบรื่นมาก คุณชายเก้าไม่น่ากลัวอย่างที่คิด เขาให้ฉันเข้าไปรายงานงานโดยตรง แถมมีท่าทีอ่อนโยนต่อฉันอีก แต่น่าเสียดายที่เพิ่งเข้าไปไม่นานผู้หญิงคนนั้นก็กลับมาแล้ว

รองผู้อำนวยการเซวีย คุณรู้ไหม ผู้หญิงคนนั้นถึงกับถีบประตูเข้ามาตรงๆ แน่ะ! ฉันไม่เคยเห็นผู้หญิงที่หยาบเถื่อนขนาดนี้มาก่อน ไม่ต่างจากผู้หญิงดุร้ายเลย!

ฉันยังนึกว่าเธอจะมีน้ำอดน้ำทนสักเท่าไร แต่แค่นี้ก็เสียความเยือกเย็นแล้ว ตอนนี้เธอต้องทะเลาะกับคุณชายเก้าอยู่ไม่ผิดแน่เลย!

ฉันเข้าใจผู้ชายที่สุดแล้ว ผู้หญิงที่ผู้ชายเกลียดที่สุดก็คือผู้หญิงหยาบคายใช้ความรุนแรงชอบโวยวายไร้เหตุผล ยิ่งไม่ต้องพูดถึงนิสัยของคุณชายเก้าเลย ครั้งนี้ผู้หญิงคนนั้นต้องจบไม่สวยแน่นอน!”

ได้ยินเลขานุการสาวพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ เซวียลี่มีสีหน้าสงบลงมาก “ถ้าเธอได้ใจจากคุณชายเก้าจริงๆ เธอจะได้ผลประโยชน์ที่สัญญาไว้เพิ่มเป็นเท่าตัว!”

เมื่อเลขานุการสาวได้ยิน สีหน้าก็เปล่งปลั่งทันใด จากนั้นในใจเธอก็เกิดความรู้สึกดูแคลน รอให้เธอได้รับความชอบจากคุณชายเก้าก่อนเถอะ ส่วนได้ที่เซวียลี่สัญญาไว้ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรทั้งนั้น

เลขานุการสาวกำลังฝันหวาน แต่เวลานี้ โทรศัพท์ของเซวียลี่ก็ดังขึ้นมา

ไม่รู้ว่าคนที่อีกฝั่งพูดอะไร สีหน้าเซวียลี่มืดครึ้มลงทันควัน

ผ่านไปสักพัก เซวียลี่วางสายไป เขามองเลขานุการสาวด้วยสีหน้านิ่ง “นี่คือราบรื่นที่เธอว่าเหรอ?”

เห็นเซวียลี่มีสีหน้าไม่ดี ใบหน้าลำพองใจของเลขานุการสาวก็แข็งค้าง เธอถามอย่างสงสัย “รองผู้อำนวยการเซวีย…กะ…เกิดอะไรขึ้นคะ”

เซวียลี่เอ่ย “เธอถูกไล่ออก!”

“วะ…ว่าไงนะ ได้ยังไงกันคะเนี่ย!”

เวลานี้จอมมารคนหนึ่งกำลังจ้องมองหญิงสาวที่ ‘หยาบคาย’ ‘ชอบใช้กำลัง’ อีกทั้งยัง ‘ชอบโวยวายไร้เหตุผล’ ตรงหน้าด้วยแววตาร้อนแรง

เพราะเยี่ยหวันหวั่นที่โมโหและโวยวายไร้เหตุผล สำหรับเขามีเสน่ห์ที่สุดแล้ว

“เค้กฉันล่ะคะ”

“เดี๋ยวเอามาให้”

“ทำไมต้องเดี๋ยวด้วย!”

ซือเยี่ยหานไม่ตอบ เพราะเขาอยากมองเธอในตอนนี้ให้มากขึ้นอีกหน่อย

ผ่านไปสักครู่ ซือเยี่ยหานก็หยิบเค้กออกมา แล้วความโกรธของเยี่ยหวันหวั่นก็มลายหายไปในพริบตาจริงๆ

ความจนใจวาบผ่านใบหน้าของซือเยี่ยหาน

“อร่อย!” เยี่ยหวันหวั่นตักกินหนึ่งคำก็พลันตาเป็นประกาย

ซือเยี่ยหานมองหญิงสาวที่แก้มพองเหมือนกระรอก ถามราบเรียบว่า “ทำไมจู่ๆ ก็อยากกินเค้กนี่ล่ะ”

เยี่ยหวันหวั่นงับช้อน “ฉันก็ไม่รู้ ทั้งที่เมื่อก่อนเกลียดของอย่างอัลมอนด์มากแท้ๆ แต่ช่วงนี้ไม่รู้ทำไมจู่ๆ ก็อยากกินเป็นพิเศษ!”

เธอจำได้ว่าซือเซี่ยต่างหากที่ชอบกิน เมื่อก่อนตอนอยู่โรงเรียน ก็มีผู้หญิงหลายคนส่งเค้กอัลมอนด์ให้เขา

“งั้นเหรอ…” ซือเยี่ยหานได้ยินดังนั้น ดวงตาก็วาบแสงรางๆ เรื่องสำคัญต้องเก็บไว้เป็นความลับ

หลังจากความเงียบผ่านไปชั่วขณะ ซือเยี่ยหานจับจ้องดวงหน้าที่ยิ่งผ่านไปก็ยิ่งเปล่งประกายพร่างพราวเหมือนผีเสื้อได้ออกจากดักแด้ เขาถามว่า “รสชาติ ความชอบ ความเคยชิน มีอย่างอื่นที่เปลี่ยนอีกไหม”

เยี่ยหวันหวั่นคิดเล็กน้อย “รสชาติ ความชอบ ความเคยชิน? เหมือนจะไม่มีเป็นพิเศษนะ…”

ซือเยี่ยหานทำหน้าจริงจัง “คิดดูดีๆ”

เยี่ยหวันหวั่นเท้าคาง กะพริบตาคิดอย่างจริงจังครู่หนึ่ง “อ้อ ฉันชอบคุณยิ่งขึ้นเรื่อยๆ นับหรือเปล่า?”

ซือเยี่ยหานตอบ “…อืม”

———————————————————————

บทที่ 790 ชนคนเข้าแล้ว?

เยี่ยหวันหวั่นไม่ได้ค้างคืน เนื่องจากยังมีเรื่องที่กวงเย่ามากมายเป็นกระบุงหลังห่างหายไปนาน

ตอนออกจากบ้านตระกูลซือก็เป็นเวลากลางดึกแล้ว

เพิ่งเดินลงมาชั้นจอดรถใต้ดินไม่นาน เยี่ยหวันหวั่นก็หันมองรอบตัวตามสัญชาตญาณ

เยี่ยหวันหวั่นขมวดคิ้วเป็นปมอย่างรวดเร็ว ไม่รู้ทำไม เหมือนสัญชาตญาณของเธอจะรู้สึกไม่ค่อยสงบเท่าไร เหมือนกับว่ามีบางอย่างในความมืดกำลังจ้องมองเธอ

เยี่ยหวันหวั่นไม่ได้คิดมาก แค่มองว่าหลายวันนี้เหนื่อยมากเกินไปเท่านั้น

เธอเปิดประตูรถแล้วขับออกไปทันที

ตลอดทางมุ่งหน้าไปคอนโด เยี่ยหวันหวั่นเปิดหน้าต่างรถ พยายามทำให้ตัวเองตาสว่างเต็มที่

ค่ำคืนมืดสนิท มีจันทร์เสี้ยวลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้า ลมกลางคืนพัดผ่าน ชวนให้ผ่อนคลายใจ

แต่ไม่นานเยี่ยหวันหวั่นก็ลดความเร็วรถลงพร้อมขมวดคิ้วมุ่น มองป้ายข้างหน้าแล้วปวดหัวเล็กน้อย

ทางข้างหน้ากำลังก่อสร้าง จึงห้ามยานพาหนะผ่านทาง

เยี่ยหวันหวั่นได้แต่ขับรถอ้อมด้วยความจนใจ เธอเลี้ยวเข้าถนนเส้นเล็กทางด้านซ้าย

สภาพถนนเขตนอกเมืองยังนับว่าไม่เลว มีรถสัญจรไปมาบางตา เยี่ยหวันหวั่นขับรถพลางเปิดเพลงไปด้วย และเหยียบคันเร่งพุ่งฉิวหายไปอย่างไร้ร่องรอยในพริบตา

‘สวบ!’

พริบตานั้น มีเงาสายหนึ่งวาบผ่านสายตาของเยี่ยหวันหวั่น

เยี่ยหวันหวั่นยังไม่ทันรู้ตัวว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็ได้ยินเสียง ‘ปัง’ ดังสนั่น รถชนกับอะไรบางอย่างเข้าอย่างจัง

แทบจะโดยจิตใต้สำนึก เยี่ยหวันหวั่นเหยียบเบรกทันที ตัวรถดริฟต์เล็กน้อย เกิดเป็นรอยเบรกสีดำบนพื้นถนนยาวราวสิบเมตร

เวลานี้ เยี่ยหวันหวั่นที่นั่งตรงที่นั่งคนขับหัวใจเต้นรัว

เมื่อครู่นี้เหมือนจะเห็นเงาคน…จากนั้น…เธอก็ชนเข้าไป…

“ระ…รถชนเหรอ” เยี่ยหวันหวั่นสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอยู่บ้าง

ถ้าเธอชนคนเข้าจริงๆ ด้วยความเร็วเกินพิกัดของเธอ แถมแรงชนที่ไม่ได้ลดความเร็วแม้แต่น้อยเมื่อครู่ ต่อให้เป็นคนเกราะเหล็กก็คงถูกชนจนแหลก…

ผ่านไปราวสิบวินาที เยี่ยหวันหวั่นถึงรีบร้อนเปิดประตูรถเดินออกมาจากที่นั่งคนขับ

ไฟหน้าสองดวงของรถยังคงส่องแสงให้ความสว่างเบื้องหน้า แต่เยี่ยหวันหวั่นกลับไม่เห็นคนที่ถูกเธอชน

เยี่ยหวันหวั่นเหลือบตามอง กลับเห็นหน้ารถที่ยุบลงไปเพราะแรงกระแทกรุนแรง เห็นได้ชัดว่าแรงกระแทกนี้น่ากลัวแค่ไหน

“จบกันแล้ว…” เยี่ยหวันหวั่นร้อนรนกระวนกระวาย เธอค้นหาไปรอบๆ

เยี่ยหวันหวั่นหาในระยะร้อยเมตรหนึ่งรอบ แต่กลับไม่เจอความผิดปกติใดๆ

เธอเดินไปที่หน้ารถอย่างรวดเร็วและเปิดไฟฉายโทรศัพท์ ก่อนจะย่อตัวลงดูใต้ท้องรถอย่างระมัดระวัง

เยี่ยหวันหวั่นถึงขั้นไม่กล้าลืมสองตามอง กลัวว่าใต้ท้องรถตัวเองจะมีศพร่างขาดเป็นชิ้นๆ…

ทว่าใต้ท้องรถไม่มีสิ่งใดสักอย่าง มีแค่น้ำมันที่ไหลออกมานิดหน่อย

“เอ๋…” เยี่ยหวันหวั่นยืดตัวขึ้น สีหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ

หรือว่าเมื่อกี้เธอไม่ได้ชนคน?

แต่พอคิดอีกที เยี่ยหวันหวั่นก็รู้สึกว่าไม่ผิดปกติ รอบๆ ไม่มีสิ่งใด แต่รถชนอากาศไม่ได้แน่นอน อีกอย่าง ถึงแม้จะชนหมาแมว ก็ไม่มีทางที่หน้ารถจะบุบเป็นรอยใหญ่แบบนั้น

หากพูดแบบถอยออกมาหมื่นก้าว ต่อให้ชนหมาแมวอย่างน้อยศพมันก็น่าจะยังอยู่…

‘อย่าบอกนะว่าเมื่อกี้ฉันชนเสือไม่ก็สิงโตไป’ เยี่ยหวันหวั่นกวาดมองรอบข้างโดยไม่รู้ตัว

ถึงที่ตรงนี้จะเป็นเขตชานเมือง แต่ก็ไม่น่ามีสัตว์ป่าเพ่นพ่านมาให้เธอชน…

เยี่ยหวันหวั่นประเมินหน้ารถที่ยุบลงอย่างละเอียด สภาพของรอยยุบนี้เกิดจากการชนคนไม่ผิดแน่ เยี่ยหวันหวั่นถึงขั้นยังเห็นเส้นผมสีขาวซึ่งน่าจะเป็นเส้นผมของคนแก่ด้วย!

…………………………………………

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี – ตอนที่ 789 ชอบคุณยิ่งขึ้นเรื่อยๆ / บทที่ 790 ชนคนเข้าแล้ว?

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี – ตอนที่ 789 ชอบคุณยิ่งขึ้นเรื่อยๆ / บทที่ 790 ชนคนเข้าแล้ว?

บทที่ 789 ชอบคุณยิ่งขึ้นเรื่อยๆ

สวี่อวี้เป็นห่วงว่าด้านในจะเกิดเรื่องขึ้น เขาจึงรีบร้อนส่งเลขานุการสาวน้อยคนนั้นไป ก่อนจะเกาะอยู่ข้างประตูแอบดูสถานการณ์

จากนั้นเขาก็ได้ยินประโยคน่าสยองขวัญเหลือคณานั้นดังขึ้นจากด้านใน ‘ถ้าคุณกล้าไปหาผู้หญิงลับหลังฉัน ฉันก็กล้าพาลูกลับๆ กลับมาเหมือนกัน’…

สวี่อวี้จินตนาการภาพฉากนั้นอย่างเงียบๆ…

น่าสะพรึงเกินไปแล้ว…

เขารีบหาทางจัดการเลขานุการสาวคนนั้นดีกว่า!

“ทำไมกลับมาเร็วขนาดนี้ เรื่องเป็นยังไงบ้าง?” เซวียลี่มองเลขานุการสาวที่ยังไม่ถึงชั่วโมงก็กลับมา ก่อนจะเอ่ยปากถาม

เลขานุการสาวตอบด้วยสีหน้าค่อนข้างตื่นเต้น “ราบรื่นมาก คุณชายเก้าไม่น่ากลัวอย่างที่คิด เขาให้ฉันเข้าไปรายงานงานโดยตรง แถมมีท่าทีอ่อนโยนต่อฉันอีก แต่น่าเสียดายที่เพิ่งเข้าไปไม่นานผู้หญิงคนนั้นก็กลับมาแล้ว

รองผู้อำนวยการเซวีย คุณรู้ไหม ผู้หญิงคนนั้นถึงกับถีบประตูเข้ามาตรงๆ แน่ะ! ฉันไม่เคยเห็นผู้หญิงที่หยาบเถื่อนขนาดนี้มาก่อน ไม่ต่างจากผู้หญิงดุร้ายเลย!

ฉันยังนึกว่าเธอจะมีน้ำอดน้ำทนสักเท่าไร แต่แค่นี้ก็เสียความเยือกเย็นแล้ว ตอนนี้เธอต้องทะเลาะกับคุณชายเก้าอยู่ไม่ผิดแน่เลย!

ฉันเข้าใจผู้ชายที่สุดแล้ว ผู้หญิงที่ผู้ชายเกลียดที่สุดก็คือผู้หญิงหยาบคายใช้ความรุนแรงชอบโวยวายไร้เหตุผล ยิ่งไม่ต้องพูดถึงนิสัยของคุณชายเก้าเลย ครั้งนี้ผู้หญิงคนนั้นต้องจบไม่สวยแน่นอน!”

ได้ยินเลขานุการสาวพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ เซวียลี่มีสีหน้าสงบลงมาก “ถ้าเธอได้ใจจากคุณชายเก้าจริงๆ เธอจะได้ผลประโยชน์ที่สัญญาไว้เพิ่มเป็นเท่าตัว!”

เมื่อเลขานุการสาวได้ยิน สีหน้าก็เปล่งปลั่งทันใด จากนั้นในใจเธอก็เกิดความรู้สึกดูแคลน รอให้เธอได้รับความชอบจากคุณชายเก้าก่อนเถอะ ส่วนได้ที่เซวียลี่สัญญาไว้ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรทั้งนั้น

เลขานุการสาวกำลังฝันหวาน แต่เวลานี้ โทรศัพท์ของเซวียลี่ก็ดังขึ้นมา

ไม่รู้ว่าคนที่อีกฝั่งพูดอะไร สีหน้าเซวียลี่มืดครึ้มลงทันควัน

ผ่านไปสักพัก เซวียลี่วางสายไป เขามองเลขานุการสาวด้วยสีหน้านิ่ง “นี่คือราบรื่นที่เธอว่าเหรอ?”

เห็นเซวียลี่มีสีหน้าไม่ดี ใบหน้าลำพองใจของเลขานุการสาวก็แข็งค้าง เธอถามอย่างสงสัย “รองผู้อำนวยการเซวีย…กะ…เกิดอะไรขึ้นคะ”

เซวียลี่เอ่ย “เธอถูกไล่ออก!”

“วะ…ว่าไงนะ ได้ยังไงกันคะเนี่ย!”

เวลานี้จอมมารคนหนึ่งกำลังจ้องมองหญิงสาวที่ ‘หยาบคาย’ ‘ชอบใช้กำลัง’ อีกทั้งยัง ‘ชอบโวยวายไร้เหตุผล’ ตรงหน้าด้วยแววตาร้อนแรง

เพราะเยี่ยหวันหวั่นที่โมโหและโวยวายไร้เหตุผล สำหรับเขามีเสน่ห์ที่สุดแล้ว

“เค้กฉันล่ะคะ”

“เดี๋ยวเอามาให้”

“ทำไมต้องเดี๋ยวด้วย!”

ซือเยี่ยหานไม่ตอบ เพราะเขาอยากมองเธอในตอนนี้ให้มากขึ้นอีกหน่อย

ผ่านไปสักครู่ ซือเยี่ยหานก็หยิบเค้กออกมา แล้วความโกรธของเยี่ยหวันหวั่นก็มลายหายไปในพริบตาจริงๆ

ความจนใจวาบผ่านใบหน้าของซือเยี่ยหาน

“อร่อย!” เยี่ยหวันหวั่นตักกินหนึ่งคำก็พลันตาเป็นประกาย

ซือเยี่ยหานมองหญิงสาวที่แก้มพองเหมือนกระรอก ถามราบเรียบว่า “ทำไมจู่ๆ ก็อยากกินเค้กนี่ล่ะ”

เยี่ยหวันหวั่นงับช้อน “ฉันก็ไม่รู้ ทั้งที่เมื่อก่อนเกลียดของอย่างอัลมอนด์มากแท้ๆ แต่ช่วงนี้ไม่รู้ทำไมจู่ๆ ก็อยากกินเป็นพิเศษ!”

เธอจำได้ว่าซือเซี่ยต่างหากที่ชอบกิน เมื่อก่อนตอนอยู่โรงเรียน ก็มีผู้หญิงหลายคนส่งเค้กอัลมอนด์ให้เขา

“งั้นเหรอ…” ซือเยี่ยหานได้ยินดังนั้น ดวงตาก็วาบแสงรางๆ เรื่องสำคัญต้องเก็บไว้เป็นความลับ

หลังจากความเงียบผ่านไปชั่วขณะ ซือเยี่ยหานจับจ้องดวงหน้าที่ยิ่งผ่านไปก็ยิ่งเปล่งประกายพร่างพราวเหมือนผีเสื้อได้ออกจากดักแด้ เขาถามว่า “รสชาติ ความชอบ ความเคยชิน มีอย่างอื่นที่เปลี่ยนอีกไหม”

เยี่ยหวันหวั่นคิดเล็กน้อย “รสชาติ ความชอบ ความเคยชิน? เหมือนจะไม่มีเป็นพิเศษนะ…”

ซือเยี่ยหานทำหน้าจริงจัง “คิดดูดีๆ”

เยี่ยหวันหวั่นเท้าคาง กะพริบตาคิดอย่างจริงจังครู่หนึ่ง “อ้อ ฉันชอบคุณยิ่งขึ้นเรื่อยๆ นับหรือเปล่า?”

ซือเยี่ยหานตอบ “…อืม”

———————————————————————

บทที่ 790 ชนคนเข้าแล้ว?

เยี่ยหวันหวั่นไม่ได้ค้างคืน เนื่องจากยังมีเรื่องที่กวงเย่ามากมายเป็นกระบุงหลังห่างหายไปนาน

ตอนออกจากบ้านตระกูลซือก็เป็นเวลากลางดึกแล้ว

เพิ่งเดินลงมาชั้นจอดรถใต้ดินไม่นาน เยี่ยหวันหวั่นก็หันมองรอบตัวตามสัญชาตญาณ

เยี่ยหวันหวั่นขมวดคิ้วเป็นปมอย่างรวดเร็ว ไม่รู้ทำไม เหมือนสัญชาตญาณของเธอจะรู้สึกไม่ค่อยสงบเท่าไร เหมือนกับว่ามีบางอย่างในความมืดกำลังจ้องมองเธอ

เยี่ยหวันหวั่นไม่ได้คิดมาก แค่มองว่าหลายวันนี้เหนื่อยมากเกินไปเท่านั้น

เธอเปิดประตูรถแล้วขับออกไปทันที

ตลอดทางมุ่งหน้าไปคอนโด เยี่ยหวันหวั่นเปิดหน้าต่างรถ พยายามทำให้ตัวเองตาสว่างเต็มที่

ค่ำคืนมืดสนิท มีจันทร์เสี้ยวลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้า ลมกลางคืนพัดผ่าน ชวนให้ผ่อนคลายใจ

แต่ไม่นานเยี่ยหวันหวั่นก็ลดความเร็วรถลงพร้อมขมวดคิ้วมุ่น มองป้ายข้างหน้าแล้วปวดหัวเล็กน้อย

ทางข้างหน้ากำลังก่อสร้าง จึงห้ามยานพาหนะผ่านทาง

เยี่ยหวันหวั่นได้แต่ขับรถอ้อมด้วยความจนใจ เธอเลี้ยวเข้าถนนเส้นเล็กทางด้านซ้าย

สภาพถนนเขตนอกเมืองยังนับว่าไม่เลว มีรถสัญจรไปมาบางตา เยี่ยหวันหวั่นขับรถพลางเปิดเพลงไปด้วย และเหยียบคันเร่งพุ่งฉิวหายไปอย่างไร้ร่องรอยในพริบตา

‘สวบ!’

พริบตานั้น มีเงาสายหนึ่งวาบผ่านสายตาของเยี่ยหวันหวั่น

เยี่ยหวันหวั่นยังไม่ทันรู้ตัวว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็ได้ยินเสียง ‘ปัง’ ดังสนั่น รถชนกับอะไรบางอย่างเข้าอย่างจัง

แทบจะโดยจิตใต้สำนึก เยี่ยหวันหวั่นเหยียบเบรกทันที ตัวรถดริฟต์เล็กน้อย เกิดเป็นรอยเบรกสีดำบนพื้นถนนยาวราวสิบเมตร

เวลานี้ เยี่ยหวันหวั่นที่นั่งตรงที่นั่งคนขับหัวใจเต้นรัว

เมื่อครู่นี้เหมือนจะเห็นเงาคน…จากนั้น…เธอก็ชนเข้าไป…

“ระ…รถชนเหรอ” เยี่ยหวันหวั่นสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอยู่บ้าง

ถ้าเธอชนคนเข้าจริงๆ ด้วยความเร็วเกินพิกัดของเธอ แถมแรงชนที่ไม่ได้ลดความเร็วแม้แต่น้อยเมื่อครู่ ต่อให้เป็นคนเกราะเหล็กก็คงถูกชนจนแหลก…

ผ่านไปราวสิบวินาที เยี่ยหวันหวั่นถึงรีบร้อนเปิดประตูรถเดินออกมาจากที่นั่งคนขับ

ไฟหน้าสองดวงของรถยังคงส่องแสงให้ความสว่างเบื้องหน้า แต่เยี่ยหวันหวั่นกลับไม่เห็นคนที่ถูกเธอชน

เยี่ยหวันหวั่นเหลือบตามอง กลับเห็นหน้ารถที่ยุบลงไปเพราะแรงกระแทกรุนแรง เห็นได้ชัดว่าแรงกระแทกนี้น่ากลัวแค่ไหน

“จบกันแล้ว…” เยี่ยหวันหวั่นร้อนรนกระวนกระวาย เธอค้นหาไปรอบๆ

เยี่ยหวันหวั่นหาในระยะร้อยเมตรหนึ่งรอบ แต่กลับไม่เจอความผิดปกติใดๆ

เธอเดินไปที่หน้ารถอย่างรวดเร็วและเปิดไฟฉายโทรศัพท์ ก่อนจะย่อตัวลงดูใต้ท้องรถอย่างระมัดระวัง

เยี่ยหวันหวั่นถึงขั้นไม่กล้าลืมสองตามอง กลัวว่าใต้ท้องรถตัวเองจะมีศพร่างขาดเป็นชิ้นๆ…

ทว่าใต้ท้องรถไม่มีสิ่งใดสักอย่าง มีแค่น้ำมันที่ไหลออกมานิดหน่อย

“เอ๋…” เยี่ยหวันหวั่นยืดตัวขึ้น สีหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ

หรือว่าเมื่อกี้เธอไม่ได้ชนคน?

แต่พอคิดอีกที เยี่ยหวันหวั่นก็รู้สึกว่าไม่ผิดปกติ รอบๆ ไม่มีสิ่งใด แต่รถชนอากาศไม่ได้แน่นอน อีกอย่าง ถึงแม้จะชนหมาแมว ก็ไม่มีทางที่หน้ารถจะบุบเป็นรอยใหญ่แบบนั้น

หากพูดแบบถอยออกมาหมื่นก้าว ต่อให้ชนหมาแมวอย่างน้อยศพมันก็น่าจะยังอยู่…

‘อย่าบอกนะว่าเมื่อกี้ฉันชนเสือไม่ก็สิงโตไป’ เยี่ยหวันหวั่นกวาดมองรอบข้างโดยไม่รู้ตัว

ถึงที่ตรงนี้จะเป็นเขตชานเมือง แต่ก็ไม่น่ามีสัตว์ป่าเพ่นพ่านมาให้เธอชน…

เยี่ยหวันหวั่นประเมินหน้ารถที่ยุบลงอย่างละเอียด สภาพของรอยยุบนี้เกิดจากการชนคนไม่ผิดแน่ เยี่ยหวันหวั่นถึงขั้นยังเห็นเส้นผมสีขาวซึ่งน่าจะเป็นเส้นผมของคนแก่ด้วย!

…………………………………………

Options

not work with dark mode
Reset