แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี – บทที่ 289 อารมณ์สุนทรีย์จริงๆ / บทที่ 290 มีธุระอะไร?

บทที่ 289 อารมณ์สุนทรีย์จริงๆ / บทที่ 290 มีธุระอะไร?

บทที่ 289 อารมณ์สุนทรีย์จริงๆ

เดิมทีตอนที่หานเซี่ยนอวี่ย่ำแย่ บริษัทต้องปั้นกงซวี่ก่อนเป็นอันดับแรก มาแทนที่ตำแหน่งของหานเซี่ยนอวี่ แต่ตอนนี้หานเซี่ยนอวี่ไม่เพียงแต่ยังอยู่ดี ความนิยมและชื่อเสียงก็ยิ่งมากขึ้น เขาจะโดนเฟยหยางบดขยี้อีกแล้ว

คิดมาถึงตรงนี้ โจวเหวินปินหัวเราะเยาะหยันติดต่อกัน “เยี่ยไป๋ใช่ไหม…ดีมาก! ทำฉันเสียเรื่องไม่ว่า ยังกล้ามากำเริบเสิบสานในถิ่นฉันอีก! ครั้งนี้ถือว่าคิดเหมาบัญชีรวมไปเลยแล้วกัน!”

ได้ยินลูกพี่พูดแบบนี้ จิตใจคนที่มาสงบลงไม่น้อย รีบพูดประจบประแจงทันที “มีพี่ปินครองที่นี่อยู่ ไม่ว่าใครมาก็ล้มไม่ได้หรอก!”

ชายอ้วนชื่นชมติดต่อกัน พลางเหลือบมองไปทางชายหนุ่มที่นั่งหน้าซีดอยู่บนโซฟาด้วยสีหน้าท่าทีคลุมเครือ

“ยังมีเรื่องอะไรอีก?” โจวเหวินปินมองเขาอย่างอารมณ์เสีย

“ไม่มี! ไม่มีแล้วครับ!”

“ไม่มีอะไรแล้วยังไม่รีบไปอีก?” ตอนนี้ในใจของโจวเหวินปินเห็นได้ชัดว่าจดจ่ออยู่ที่ลั่วเฉินคนตรงข้าม ดังนั้นจึงไม่พอใจมากที่ถูกรบกวน

“ครับๆๆ ผมจะไปเดี๋ยวนี้! ผมไปเดี๋ยวนี้!” ชายอ้วนเข้าใจความหมาย รีบร้อนพุ่งออกไป แล้วยังตั้งใจปิดประตูแน่นอีก

หลังจากชายอ้วนไปแล้ว ในพริบตา ในห้องทำงานกว้างใหญ่ก็กลับมาเหลือสองคนอีกครั้ง

โจวเหวินปินใช้นิ้วเคาะบนโต๊ะเบาๆ สีหน้าแสดงออกว่าหงุดหงิด “ลั่วเฉิน ความอดทนฉันมีจำกัด…”

ลั่นเฉินเหมือนได้รับความไม่เป็นธรรมบางอย่าง รูม่านตาหดตัว เย็นเยือกเป็นน้ำแข็ง

โจวเหวินปินเห็นสภาพแล้ว ก็แกล้งทำเป็นพูดเสียงอ่อนลง “เฮ้อ ลั่วเฉิน เธอนะเธอ นิสัยทำไมถึงได้ดื้อแบบนี้นะ? อยู่กับฉันไม่ดีตรงไหน?”

โจวเหวินปินพูดพลางเดินไปตรงหน้าลั่วเฉินช้าๆ ลากเสียงยาวพูดต่อว่า “ขอแค่เธอยอมเชื่อฟังฉัน ไม่เพียงแต่ฉันจะช่วยเรื่องค่ารักษาของแม่เธอ ฉันยังจะรักและเอ็นดูเธอให้มากด้วย…”

เพราะโจวเหวินปินเข้ามาใกล้ ตัวลั่วเฉินหดเกร็งเป็นคันธนู นิ้วมือที่กำแน่นเป็นหมัดอยู่ข้างตัวเมื่อกี้เหมือนจะระเบิดออกมาได้ในวินาทีถัดมา

โจวเหวินปินตัดสินใจแล้วเขาไม่กล้าคัดค้าน หัวเราะร่าใกล้เข้ามาอีก ก่อนฝ่ามือวางลงบนไหล่ลั่วเฉิน “ลั่วเฉิน ตั้งแต่อายุสิบแปดจนถึงยี่สิบเอ็ดปี เธอแข็งข้อกับฉันมาสามปีแล้ว ยังคิดจะดื้อต่อไปอีกใช่ไหม?

ช่วงเวลาทองของศิลปินก็มีแค่หลายปีนี้ เธอจะมีสามปีอีกกี่ครั้งมาใช้กับฉัน?

เธอรู้ไหม? ปีนั้นถ้าเธอเชื่อฟังฉัน ด้วยคุณสมบัติอย่างเธอ ตอนนี้ตำแหน่งในวงการบันเทิงไม่แน่อาจจะเทียบเท่ากับกงซวี่ไปแล้วก็ได้ หรืออาจจะแซงหานเซี่ยนอวี่ไปเลยก็ไม่รู้!”

โจวเหวินปินใช้ทั้งไม้แข็งและไม้อ่อน ส่วนลั่วเฉินเม้มริมฝีปากบางแน่น ไม่พูดอะไรออกมาสักคำตั้งแต่ต้น

เห็นอีกฝ่ายไม่พูดอะไรเลย ดูท่าทางแล้วยังดื้อรั้นต่อ โจวเหวินปินหัวเราะเสียงต่ำ ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน “ลั่วเฉิน เธอคงไม่ได้คิดว่าทนจนหมดสัญญา แล้วจะสามารถหลุดพ้นไปจากฉันนะ?” โจวเหวินปินถอนหายใจ ส่ายหน้า แววตาเห็นอกเห็นใจ “ช่างเป็นเด็กซื่อจริงๆ…ตอนที่เธออยู่กับโกลบอลเอ็นเตอร์เทนเมนท์ ฉันแช่แข็งเธอได้ เธอคิดว่าเธอออกจากโกลบอลไป ฉันจะปล่อยให้เธอมีโอกาสโด่งดังได้เหรอ?”

ในที่สุดสีหน้าลั่วเฉินก็เปลี่ยนไป อ้าปากพูด เสียงแหบแห้งมาก “ตกลงคุณ…จะเอายังไง…ต้องทำยังไง…ถึงจะปล่อยผมไป…”

นิ้วโจวเหวินปินค่อยๆ ลูบไล้ไปบนลำคอที่เนียนละเอียดของชายหนุ่ม ลมหายใจแรงขึ้นเล็กน้อย “ลั่วเฉิน เธอเป็นคนฉลาด ฉันอยากได้อะไรเธอรู้ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? แล้วของที่ฉันโจวเหวินปินคิดอยากได้ ยังไม่มีอะไรที่ไม่ได้มา!”

ลั่วเฉินตะโกนทีละคำ “ผมไม่ใช่คนรัก ร่วม เพศ!”

………………………………………..

บทที่ 290 มีธุระอะไร?

โจวเหวินปินหัวเราะเบาๆ “แล้วยังไง? ลั่วเฉิน เธอเข้าวงการมานานขนาดนี้แล้ว คงไม่ใช่ยังบริสุทธิ์อยู่หรอกนะ?

รู้ไหมว่าจ้าวหมิงข่ายดังขึ้นมาได้ยังไง? เขาไม่มีอะไรสู้เธอได้สักอย่าง แต่ในระยะเวลาสั้นๆ แค่ครึ่งปี ตอนนี้ใกล้จะเป็นเบอร์สองแล้ว! ไม่ใช่เป็นเพราะฉันช่วยผลักดันเขากับประธานเหลียงหรอกเหรอ?

ขอแค่ยอมจ่ายเงินผลักดันให้เธอดัง? นายทุนจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงแตกต่างกันตรงไหน? นอกจากเธอจะเป็นกงซวี่ เป็นทายาทมหาเศรษฐีที่คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด มีพ่อร่ำรวยมีเงินหลายพันล้าน มีเงินก้อนใหญ่โยนมาให้เขาเล่น ไม่อย่างนั้นถ้าไม่มีคุณสมบัติก็ควรเคารพกฎของวงการนี้!”

โจวเหวินปินโน้มน้าว “ลั่วเฉิน เป็นคนอย่าดื้อรั้นให้มากนัก! รอฉันเล่นจนพอแล้ว จะแนะนำเธอให้รู้จักนายทุนแน่นอน ถึงตอนนั้น…”

ลั่วเฉินแทบจะทนฟังไม่ได้อีกต่อไป ทุบกำปั้นลงบนโต๊ะกาแฟตรงหน้า ร้องเสียงต่ำเหมือนสัตว์ร้าย “หุบปาก! ผมต้องการเปลี่ยนผู้จัดการ!”

โจวเหวินปินอึ้งไปก่อน จากนั้นเหมือนได้ยินเรื่องตลกอะไรที่ตลกมาก “ฮ่าๆๆ…เธอจะเปลี่ยนผู้จัดการ? ได้! ได้สิ! ฉันจะไปแจ้งบริษัท ฉันจะดูว่าทั้งโกลบอลเอ็นเตอร์เทนเมนท์ใครจะกล้าเอาเธอ!”

ตอนที่พูดมาจนถึงประโยคสุดท้าย สีหน้าโจวเหวินปินเต็มไปด้วยความเย็นชา

ลั่วเฉินออกแรงใช้มือทุบกระจกโต๊ะกาแฟจนแตก เลือดสดๆ จึงไหลออกมา สายตาที่จ้องโจวเหวินปินปกคลุมไปด้วยความอาฆาต

เลือดสดบนมือที่หยดลงมาเทียบกับผิวสีขาวแล้วยิ่งแตกต่างอย่างเด่นชัด เป็นความเย้ายวนใจที่อันตรายยิ่งกว่า นัยน์ตาที่โกรธแค้นจนถึงขีดสุดคู่นั้นก็สวยงามมากในขณะเดียวกัน เหมือนดั่งดอกไม้บานสะพรั่ง…

สายตาขุ่นของโจวเหวินปินเต็มไปด้วยความหื่นกระหายในทันใด พุ่งเข้าไปหาอีกฝ่ายอย่างแทบอดใจไม่ไหว “ลั่วเฉิน เธอวางใจได้…เธอวางใจได้เลย ขอแค่เธอยอมเชื่อฟัง ฉันจะไม่ทำให้เธอลำบากแน่…”

“ออกไป!”

“ลั่วเฉิน แค่ตัวเธอเองก็ว่าไปอย่าง เธอยอมให้แม่เธอมาลำบากกับเธอด้วยเรอะ?”

หมัดที่เดิมทีลั่วเฉินกำลังจะชกเข้าไปหยุดชะงักทันที โจวเหวินปินเห็นสถานการณ์แบบนี้ก็ดีใจ รีบอาศัยโอกาสจะเข้าไปประกบริมฝีปากเขา…

ในเวลานี้เอง..

เสียง ‘ปัง’ ดังขึ้นมา ประตูใหญ่ในห้องทำงานโดนคนถีบเปิดออกจากด้านนอก

ประตูกระแทกกำแพง เกิดเสียงดังกึกก้องขึ้นมา

ร่างบอบบางยืนย้อนแสงอยู่หน้าประตู สีหน้าดุดัน มุมปากสีแดงยกโค้งเหมือนยิ้มแต่ก็ไม่เหมือน ดวงตาฉ่ำวาวเป็นประกายทรงดอกท้อขึ้นเล็กน้อย

ชายคนนั้นเหมือนเดินอยู่ในสวนบ้านตัวเอง ปัดๆ มุมเสื้อ แล้วเดินย่ำเท้าเข้ามาช้าๆ ชำเลืองมองโจวเหวินปินที่กำลังหน้าเขียวคล้ำจ้องตัวเองด้วยอาการเหลือเชื่อ พูดเสียงเบาว่า “ชิ เช้าขนาดนี้ คุณผู้จัดการใหญ่โจวนี่…ช่างมีอารมณ์สุนทรีย์จริงๆ!”

พอเห็นคนที่พังประตูเข้ามาชัดเจน โจวเหวินปินเกือบจะกัดฟันจนแตก “เยี่ย! ไป๋!”

เป็นไอ้เด็กบ้านี่อีกแล้ว!

บนโซฟา ลั่วเฉินที่เสื้อผ้ายุ่งเหยิงผลักโจวเหวินปินออกไปอย่างแรง จากนั้นมองไปยังคนแปลกหน้าตรงหน้าประตูที่จู่ๆ ปรากฏตัวด้วยสายตาเต็มไปด้วยความลนลาน

“ขอโทษด้วยจริงๆ เคาะประตูแล้วไม่มีใครตอบ ผมเลยคิดว่าคุณเกิดเรื่องอะไรอยู่ข้างในหรือเปล่าน่ะ!” เยี่ยหวันหวั่นพูดโกหกหน้าตาย หลังจากเห็นสายตาตกใจของลั่วเฉินแล้วก็ไม่แสดงสีหน้าอะไร ยกขาขึ้นถีบประตูปิดลงอีกรอบ ปิดกั้นสายตาของคนข้างนอกทันที

“นายมาทำอะไรที่นี่!” โจวเหวินปินที่โดนทำเสียงานอีกรอบโมโหจนแทบจะกระอักเลือด

เยี่ยหวันหวั่นยื่นมือลากเก้าอี้มานั่งลงอย่างเกียจคร้าน โบกๆ เอกสารในมือ “มารายงานตัวที่นี่ ต้องรบกวนหัวหน้าโจวมอบหมายงานให้ผมด้วยครับ!”

……………………………………………..

Options

not work with dark mode
Reset