แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ – ตอนที่ 707 โคตร**ในประวัติศาสตร์

“ฉึก!”

ภายใต้สถานการณ์ที่ “หมวกคลุม” ไม่อาจต้านทานได้ หนวดสัมผัสรูปสสารที่มีแรงเจาะสูงได้แทงทะลุเข้าไปอย่างแรง

พุ่งเข้าไปโดนส่วนสันจมูกอย่างแม่นยำ!

“แกร่ก!”

เสียงกระดูกหักดังลั่น สันจมูกที่เดิมยังพอนูนขึ้นมาให้เห็นเป็นรูปร่างรางๆ ยุบลงไปประมาณ 3 เซนติเมตร

ถ้าหากไม่มี “หมวกคลุม” คอยหุ้มไว้ หนวดสัมผัสเส้นนี้คงทำให้ใบหน้าส่วนกลางของร่างหนังหุ้มยุบลงไปแล้ว

หากเป็นอย่างนั้น สภาพของมันก็จะยิ่งดูน่าสยองมากกว่าเดิม…

ตอนที่ได้ยินเสียงกระดูกหัก แม้แต่หลิงม่อก็ยังรู้สึกหนังศีรษะชา

ทว่าไม่นาน สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว

ใบหน้าส่วนนั้นยุบลงไปจริงๆ แต่…”หมวกคลุม” กลับไม่ได้ถูกแทงทะลุ!

และสิ่งที่เขาคาดไม่ถึงยิ่งกว่าก็คือ เมื่อการโจมตีของพลังงานทางจิตกลุ่มนี้สิ้นสุดลง ร่องลึกที่ยุบลงไปนั่นกลับค่อยๆ นูนขึ้นมาเหมือนเดิม

ถึงแม้จมูกจะหักและไม่สามารถกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว แต่เนื้อส่วนนั้นก็นูนขึ้นมาจนอยู่ในระดับเดียวกับผิวแก้มทั้งสองข้าง…

ความยืดหยุ่นของผิวคือสุดยอด!

หลิงม่อได้ถ่ายพลังงานทางจิตเข้าไปในหนวดสัมผัสทางจิตเส้นนี้ไปเยอะมาก

ถ้าหากเขาเปลี่ยนเป้าหมายในการโจมตีจาก “หมวกคลุม” ไปเป็นพื้นปูน เขาสามารถทำให้เกิดหลุมลึกได้ถึงครึ่งนิ้วมือเลยทีเดียว

เขารู้ว่าตัวเองอาจไม่สามารถเจาะทะลุ “หมวกคลุม” ได้ แต่ก็ไม่เคยคาดคิดว่าจะเป็นแบบนี้

นี่มันวิชาทะลวงภูผาทุบตีโคถึกฉบับรังแกคนชัดๆ! (วิชาทะลวงภูผาทุบตีโคถึก 隔山打牛เป็นการเปรียบเทียบว่าสามารถส่งผ่านพลังไปโจมตีอีกฟากของภูเขาได้โดยที่ไม่ต้องทำลายภูเขาก่อน โดยทั่วไปหมายถึงเวลาเจอศัตรูที่สวมใส่เกราะแข็งๆ หรือมีพลังวิชาที่กล้ามเนื้อภายนอกแข็งแกร่งจนทุบตีไม่เข้า กระบวนท่าหรือเคล็ดวิชา 隔山打牛 จะสามารถทะลวงเข้าไปทำลายอวัยวะภายในได้โดยไม่ต้องทุบตีเกราะนอกจนแหลกก่อน)

“หมวกคลุม” ที่เป็นเป้าหมายโจมตีไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน ส่วนร่างหนังหุ้มนั้นถือว่าถูกโจมตีจนเหวอะหวะแล้ว แต่ในพริบตาเดียวเนื้อหนังส่วนนั้นกลับนูนขึ้นจนเต็มอย่างรวดเร็ว…

หลิงม่อพยายามคุมตัวเองไม่ให้นึกถึงภาพแผลเหวอะหวะใน “หมวกคลุม” เขาไม่อยากเสียสมาธิเพราะความขยะแขยง

“เราคิดผิด เจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้พิสดารกว่าเฮยซือหลายเท่า…อย่างกับขนมเยลลี่เหนียวหนืด…”

มันถือว่าเป็นส่วนที่แข็งแกร่งที่สุด…

“จะโจมตียังไงดี?”

หลิงม่อเร่งหาวิธี ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกปวดหนึบที่ขมับแล้ว

“เส้นผม” เหล่านั้นกำลังพยายามดิ้นรนให้หลุดจากพันธนาการ ถึงแม้การเคลื่อนไหวไม่ดุดัน แต่พละกำลังที่เหมือนเครื่องอัดซากรถยนต์นั่น กลับทำให้หลิงม่อรู้สึกได้ถึงแรงกดดันมหาศาล

ขืนยื้อยุดกับมันต่อไปอย่างนี้ การเผาผลาญพลังจิตของหลิงม่อจะต้องอยู่ในขีดอันตรายแน่นอน

ที่สำคัญคือ เจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้กำลังหลั่งของเหลวหนืดชนิดนั้นออกมาอย่างต่อเนื่อง…

“เส้นผม” ที่แทงเข้าไปในร่างหนังหุ้มและ “เส้นผม” ที่งอกอยู่ด้านนอกของมันเชื่อมต่อกันอยู่ ของเหลวหนืดเหล่านั้นถูกดูดออกมาจากในร่างกาย และไหลมายัง “เส้นผม” ที่อยู่ข้างนอก

ของเหลวหนืดนี้ไม่มีกลิ่น แต่หลิงม่อยืนอยู่ใกล้ๆ มันเพียงไม่นาน ก็รู้สึกเหมือนส่วนลึกข้างในกำลังตื่นตัวและฮึกเหิมอย่างรุนแรง…

สัญชาตญาณต่อต้านของหุ่นซอมบี้ก็เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ นั่นส่งผลให้หลิงม่อต้องเผาผลาญพลังจิตมากกว่าเดิม

“เจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้ที่จริงเป็นนักวางยามือโปรสินะ! เล่นวางยาตลอดเวลาที่สู้กันอย่างนี้!” ตอนนี้หลิงม่อเข้าใจแล้วว่าทำไมซอมบี้นกถึงต้องหนี มันต้องเป็นอาหารชั้นเลิศในสายตาของเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้แน่ๆ หากอยู่ในเมืองเดียวกัน ไม่เกิน 2 – 3 วัน เจ้า “วิกผม” จะต้องทำให้มันเดือดร้อนอย่างแน่นอน

เจ้าซอมบี้นกทั้งมีพลังที่แข็งแกร่งเคลื่อนไหวก็เร็ว หากจะวิ่งหนีก็ไม่ใช่ปัญหา แต่หากคิดจะสู้กับ “วิกผม” ก็คงเป็นเรื่องยาก

จัดการเจ้า “วิกผม” ในเวลาอันสั้นก็ไม่ได้ พอนานไปก็อาจถูกวางยาไปเรื่อยๆ อีก…

“รู้อย่างนี้ตั้งชื่อให้มันว่าอลิซาเบธตั้งแต่แรกซะก็ดี…” หลิงม่อคิดว่าเจ้า “วิกผม” ต้องยึดมั่นกับอลิซาเบธมากแน่ๆ…

“ขึกๆ!”

หัวของเจ้า “วิกผม” ขยับเขยื้อนเล็กน้อย เหมือนมันกำลัง “เงยหน้า” มองมาทางหลิงม่อ

หลิงม่อสะดุ้ง เขาไม่พูดพร่ำทำเพลงรีบส่งหนวดสัมผัสทางจิตสองเส้นพุ่งเข้าไปอีกครั้งทันที

ครั้งนี้พละกำลังในการโจมตีสูงกว่าเมื่อกี้หนึ่งส่วน เขาอยากรู้ว่าความสามารถในการต้านทานของมันจะร้ายกาจถึงขั้นไหนกันแน่

“ฉึก ฉึก!”

หัวของเจ้า “วิกผม” หมุนไปข้างหลังกว่า 100 องศา ซึ่งดูเป็นมุมที่ประหลาดมาก

แต่หลังจากนิ่งไป 2 วินาที เสียง “ขึกๆ” ก็ดังขึ้นมาจากด้านใน “หมวกคลุม” อีกครั้ง

ขณะเดียวกัน “ใบหน้า” ที่หมุนไปข้างหลังก็ค่อยๆ หมุนกลับมาเหมือนเดิม

หลิงม่อเห็นแล้วเย็นวาบไปทั่วแผ่นหลัง ต้องทำให้น่ากลัวถึงขนาดนี้เลยหรอ…

ในขณะเดียวกัน รอยยุบ 2 รอยบนใบหน้าก็นูนขึ้นจนเต็มอีกครั้ง ไม่ต้องเดาหลิงม่อก็รู้ว่าสิ่งที่ใช้เติมเต็มรอยยุบนั้นคืออะไร…

“เดี๋ยวนะ…ร่างหนังหุ้มนี้คงไม่ได้ทำหน้าที่เป็นแค่ภาชนะอย่างเดียวหรอกมั้ง?”

ชั่วขณะหนึ่ง หลิงม่อนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

เพราะเคยเห็นซอมบี้น้ำมาก่อน หลิงม่อจึงไม่ค่อยสนใจร่างหนังหุ้มมากเท่าที่ควร

ตอนแรกเขานึกว่ามันมรไว้เพื่อใส่ของเหลวหนืดนั่น แต่เจ้า “หมวกคลุม” นั่นกลับทำให้หลิงม่อเปลี่ยนความคิด

ไม่ใช่แค่นั้น…

“เหมือนกับ…แมงมุมหรือเปล่า?”

ความตื่นตะลึงฉายผ่านแววตาของหลิงม่อ

ถึงแม้ “วิกผม” จะดูไม่มีความเกี่ยวข้องกับแมงมุมเลยแม้แต่น้อย แต่รูปแบบของพวกมันคล้ายกันมาก!

ตัว “หมวกคลุม” ไม่น่าจะคายของเหลวหนืดนั่นออกมาได้มากขนาดนี้ แต่ถ้าหากมันสามารถคายสารละลายพิเศษบางอย่างออกมา ทำให้เลือดเนื้อในร่างกายของร่างนี้ให้กลายเป็นเชื้อไวรัสคลุ้มคลั่งก่อน…ถ้าอย่างนั้นก็สามารถอธิบายได้แล้วว่าร่างหนังหุ้มร่างนี้ทำไมถึงยังคงสาภพภายนอกไว้ได้เหมือนเดิม ในขณะที่น้ำหนักตัวดูผิดปกติขนาดนั้น

และดูจากสภาพร่างกายที่บิดเบี้ยวของมัน เห็นได้ชัดว่าอวัยวะภายในเสียหายไปหลายส่วน……

ทว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือความรู้สึกตอนที่หลิงม่อโจมตีส่วนใบหน้าของมัน ถึงแม้ส่วนกระดูกจะยังอยู่สมบูรณ์ แต่เขากลับไม่รู้สึกถึงแรงต้านทานเมื่อแทงหนวดสัมผัสเข้าไป…

ซึ่งนั่นแสดงว่า ด้านในของส่วนศีรษะถูกทำความสะอาดจนเกลี้ยงแล้ว…

“โคตรบ้าเลยจริงๆ!” หลิงม่อขนลุกไปทั้งตัว นี่มันจะประหลาดเกินไปไหม โคตรของโคตรโรคจิตในประวัติศาสตร์แล้ว!

แถมการที่มันอาศัยอยู่บนเพดาน ก็ทำให้มันมีอัตราการอยู่รอดที่สูงกว่าซอมบี้ตัวอื่นมากด้วย!

จนถึงตอนนี้ มันถือว่ากลายเป็นเจ้าเมืองผู้ไร้เทียมทานแห่งเมืองชุ่ยหูไปแล้ว…

นั่นไม่ได้หมายถึงพลังทำลายล้างของมัน แต่หมายถึงวิธีการของมันต่างหาก

ถ้าหากพวกหลิงม่อไม่เจอมัน และปล่อยให้มันวิวัฒนาการต่อไปเรื่อยๆ ไม่แน่มันอาจทำให้พื้นที่ที่อันตรายจนห้ามเข้าขยายตัวใหญ่ขึ้นก็ได้

และสุดท้าย มันอาจกลายเป็นสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวที่สุด!

“โชคดีที่มันไม่ใช่ร่างแม่อะไร…แต่เชื้อไวรัสที่มันคายออกมาก็ส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังซอมบี้ที่อยู่รอบข้างเหมือนกัน หลังจากที่ซอมบี้พวกนี้ฆ่าและกลืนกินกันเอง ทิศทางในการกลายพันธุ์ย่อมต้องประหลาดไปจากเดิม…หากดูจากจุดนี้ มันก็ถือได้ว่าเป็นร่างแม่อยู่กึ่งหนึ่ง…”

ตอนนี้หลิงม่อรู้สึกหวาดกลัวสัตว์ประหลาดตัวนี้มาก หนวดสัมผัสทางจิตของเขาโจมตีอย่างต่อเนื่อง และเป้าหมายสำคัญในการโจมตีก็ได้เปลี่ยนไปเป็นร่างหนังหุ้มแทนแล้ว

ทำอะไร “หมวกคลุม” ไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นก็ทำลายร่างหนังหุ้มก่อนแล้วค่อยว่ากัน!

หลิงม่อเองก็กังวลว่าถ้าทำลายร่างหนังหุ้มแล้วของเหลวหนืดนั่นจะไหลออกมาหมด ดังนั้นเขาจึงมุ่งเป้าโจมตีไปที่จุดข้อต่อกระดูกแทน

ถึงแม้จะมี “เส้นผม” เป็นฐานขับเคลื่อนในการเคลื่อนไหว แต่ถ้าหากกระดูกถูกตีจนแหลก ก็น่าจะทำให้เกิดอุปสรรคอยู่บ้าง…

“ฉึกๆๆๆๆๆๆ!”

“วิกผม” แทบจะตัวอ่อนล้มอยู่บนพื้น ถึงแม้แขนของมันจะยังสามารถขยับได้ในวิธีที่แปลกประหลาดสุดขีด แต่ก็ไม่สามารถใช้ต่อยตีได้แล้ว

หนวดสัมผัสของหลิงม่อก็ยังคงรวบ “เส้นผม” ของมันเอาไว้ด้วยกันไม่ยอมปล่อย ทว่าด้วยเรี่ยวแรงขัดขืนที่กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ของอีกฝ่าย หลิงม่อรู้ดีว่าตัวเองเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว!

เจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้ไม่เข้าใจวิธีการโจมตีของเขา ทำให้มันเป็นฝ่ายเสียเปรียบ แต่การเสียเปรียบครั้งนี้จะสามารถทำให้มันได้รับบาดเจ็บจริงๆ หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับฝีมือของหลิงม่อ!

พอเห็นว่าร่างหนังหุ้มถูกทำลายพอสมควร และ “วิกผม” ก็อาจหลุดออกจากพันธนาการของเขาได้มุกเมื่อ หลิงม่อกลับไม่ได้ร่นถอยทันที

ไม่อาจเสียเวลาไปแม้แต่วินาทีเดียว!

หนวดสัมผัสพุ่งแทงออกไปครั้งแล้วครั้งเล่า เป้าหมายในการโจมตีครั้งนี้ กลับพุ่งไปยังส่วนจมูกที่ถูกจู่โจมเมื่อกี้!

หนวดสัมผัสรูปสสารมากมายพุ่งเข้าไปพร้อมกันอย่างบ้าคลั่ง!

หนวดสัมผัสทุกเส้นพุ่งแทงเข้าไปในตำแหน่งเดียวกัน ส่วนที่เพิ่งถูกเติมเต็ม ยุบลงไปอย่างรวดเร็วอีกครั้ง

และเมื่อถูกโจมตีรุนแรงอย่างต่อเนื่อง รอยยุบนั้นก็ไม่มีโอกาสได้นูนขึ้นมาอีก!

“ฉันไม่เชื่อว่าแกจะทนมือทนเท้าได้ถึงขนาดนั้น…”

ในเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่วินาที หนวดสัมผัสของหลิงม่อได้ทำการโจมตีไปไม่น้อยกว่า 100 ครั้ง!

ถ้าหากเปลี่ยนเป็นโจมตีโดยการใช้มือจริงๆ หลิงม่อคงทำไม่ได้ถึงขนาดนี้

แต่การโจมตีของหนวดสัมผัสนั้นไม่เหมือนกัน ขอเพียงเขาเพ่งสมาธิได้มากพอ มีพลังจิตที่แกร่งพอ และมีประสาทการตอบสนองที่เร็วพอ เขาก็สามารถทำอย่างนี้ได้!

ทว่าขณะเดียวกัน ในเวลาอันสั้นนี้การเผาผลาญพลังจิตของหลิงม่อก็เพิ่มขึ้นในระดับน่าใจหายด้วยเช่นกัน ช่วงท้ายของการโจมตี หลิงม่อกระทั่งรู้สึกเหมือนสมองขาวโพลนไปหมด

แต่อาการสมองขาวโพลนนี้เกิดจากการเผาผลาญพลังจิตจำนวนมากในเวลาสั้นๆ ไม่ได้เกิดจากการใช้พลังจิตจนหมดเกลี้ยงแต่อย่างใด

“ฮู่ว…ฮู่ว…”

หลิงม่อหอบหายใจ พลันแผ่หนวดสัมผัสทางจิตพุ่งออกไปอีกหนึ่งเส้น

“ผุบ!”

หลิงม่อดวงตาเป็นประกาย เสี้ยววินาทีนี้ เขารู้สึกเหมือนตัวเองได้แทงลูกบอลจนแตก!

ขณะเดียวกัน “เส้นผม” กระจุกนั้นก็กระตุกสั่น เหมือนได้รับความเจ็บปวดอย่างรุนแรง!

แต่หลิงม่อดีใจได้ไม่นาน ทันใดนั้นพละกำลังมหาศาลก็ถูกส่งผ่านมา หนวดสัมผัสทางจิตหลายเส้นนั้นก็ยืนหยัดไม่ไหวอีกต่อไป พลังงานทางจิตไร้รูปกลุ่มนั้นพลันแตกสลาย ส่งผลให้พลังที่พันธนาการ “วิกผม” ไว้ หายไปแล้ว!

เส้นผมกลุ่มใหญ่พุ่งตัวเข้ามาทางหลิงม่ออย่างรวดเร็ว หลิงม่อรีบก้าวถอย ขณะเดียวกัน หุ่นซอมบี้ตัวเล็กก็ยื่นมือเข้ามา พยายามกระชากเส้นผมกลุ่มนั้นออกไปให้ห่างจากตัวหลิงม่อ

—————————————————————————–

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

เมื่อเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่อุบัติขึ้นและเกิดการแพร่ระบาดเป็นวงกว้าง ผู้คนบนโลกก็ต้องพบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต จากคนธรรมดาต้องกลายเป็นซอมบี้กระหายเลือด! แต่ก็ยังมีคนจำนวนหนึ่งที่รอดพ้นจากไวรัสร้ายกาจนี้ หนึ่งในนั้นคือหลิงม่อ หนุ่มเนิร์ดหน้าตาบ้านๆ แน่นอนว่าเขาต้องทุ่มเทพยายามสุดชีวิตเพื่อเอาตัวรอด แต่ไม่ใช่เพียงแค่นั้น เขายังมีภารกิจสำคัญอีกอย่างที่ต้องทำ คือช่วยแฟนสาวซอมบี้ ให้กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง สุดท้ายแล้วหลิงม่อหนุ่มธรรมดาคนนี้จะทำภารกิจสำเร็จหรือไม่ เรามาร่วมลุ้นไปด้วยกันเถอะ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset