แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ – ตอนที่ 746 วิธีการลอบโจมตีเป็นสิ่งสำคัญมาก

“เร็วเข้าๆๆ…”

มือที่บีบคอเขากำลังคลายออกทีละนิดๆ ในขณะที่หลิงม่อกำลังจ้องไปที่ช่องประตูนั้น

ถึงจะไม่แน่ใจว่าเด็กสาวคนนั้นเป็นใคร ทว่าสายตาที่เธอมองเจ้าหุ่นซอมบี้เมื่อกี้ ดูไม่ประสงค์ดีเลยซักนิด!

แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะเมื่อกี้เธอเพิ่งถูกหลิงม่อถีบล้มลงไปกับพื้น และเรื่องอย่างนี้สำหรับเด็กสาวมนุษย์ ถือเป็นเงามืดในชีวิตเลยก็ว่าได้!

เมื่อกี้ เด็กสาวคนนั้นไม่ได้วิ่งเข้ามาแก้แค้นทันที เห็นชัดว่าเป็นเพราะเธอกลัวมือยาวๆ คู่นี้ แต่หลิงม่อเชื่อว่า ตอนนี้เธอกำลังเข้าไปคิดหาทางจัดการกับเขาอยู่ในห้องนั้นแน่ๆ การรอเธอออกมา ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีแน่นอน!

ภายใต้การกลืนกินของเจ้ามาสเตอร์บอล แขนของซอมบี้แขนยาวตัวนี้เริ่มกระตุกสั่นอย่างต่อเนื่อง นิ้วมือของมันก็เริ่มอ่อนแรงลง

“เด็กน้อย เธอไร้เดียงสาเกินไปแล้ว คิดจริงๆ หรอว่าฉันจะรอความตายอยู่ตรงนี้เฉยๆ?”

พอรู้สึกว่ามือคู่นี้คลายออกมากแล้ว หลิงม่อก็ควบคุมให้เจ้าหุ่นซอมบี้ดิ้นขัดขืนสองสามที แล้วเขาก็ทิ้งตัวลงพื้นได้อย่างง่ายดาย

“กร๊อบ”

หลังบิดคอไปมาเล็กน้อย หลิงม่อก็กวาดมองไปรอบตัว

เวลานี้วิธีที่ดีที่สุดคือวิ่งหนี ทว่าพอไตร่ตรองถึงสภาพแวดล้อมแบบปิดของอาคารชั้นนี้แล้ว …

ทันใดนั้น เสียงของเด็กสาวก็ดังลอดออกมาจากช่องประตูบานนั้น แถมเสียงนั้นก็ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ “…หนูไม่ได้โกหกนะ มีจริงๆ!…หนูจะไปรู้ได้ไงว่ามันขึ้นมาได้ยังไง แต่ดูมันไม่ค่อยเหมือนของสะสมของเราเลยนะ…อะไรกัน! หนูเคยโกหกด้วยหรอ!…ก็ได้ๆ งั้นช่วยเห็นแก่ที่หนูไม่ได้โกหกมาอย่างน้อยก็สามวันแล้ว เชื่อหนูซักครั้งเถอะน่า…”

พอเห็นแสงสว่างที่ลอดออกมาจากช่องประตูอ่อนลง พร้อมกับที่เงาร่างครึ่งหนึ่งพาดออกมา หลิงม่อไม่มีเวลาให้คิดอย่างละเอียด เขารีบกระโดดเข้าไปในหน้าต่างบานที่อยู่ใกล้ที่สุดทันที

“หนูจับมันได้แล้ว อยู่ที่นี่แหละ อย่างน้อยก็มาดูหน่อย…”

“แอ๊ด…”

ประตูบานนั้นถูกดึงให้เปิดกว้างขึ้นเล็กน้อย เสี้ยววินาทีที่เงาร่างนั้นปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าประตู ก็มีมือสองข้างยื่นออกไปจากเงามืดเพื่อดึงแขนยาวๆ ซึ่งห้อยอยู่ตรงขอบหน้าต่างเข้ามาข้างในอย่างรวดเร็ว

“ดูสิ…”

เด็กสาวยกมือชี้มาทางหน้าต่าง แล้วหันหน้าตามมาดู พลางพูดขึ้นอย่างได้ใจ

แต่พอหันหน้ามา รอยยิ้มของเธอก็ค้างเติ่งอยู่บนดวงหน้าซีดขาวเล็กๆ นั่น

นี่มัน…เธอเปิดประตูผิดวิธีรึเปล่าเนี่ย!

โถงทางเดินว่างเปล่า อย่าว่าแต่ซอมบี้ที่เดิมควรถูกจับห้อยตัวและพยายามดิ้นพล่านอยู่ตรงนั้นเลย แม้แต่แขนยาวๆ คู่นั้นก็หายไปด้วย!

เด็กสาวกระพริบตาถี่ๆ เมื่อกี้เธอไม่เห็นได้ยินเสียงอะไรเลยนี่! แต่ผ่านไปแค่แวบเดียว ทุกอย่างก็กลายเป็นแบบนี้ไปแล้ว…

เสียงฝีเท้าที่ค่อนข้างหนักดังมาจากด้านหลังเธอ ไม่นานเงาร่างที่ดูเหมือนหลังค่อมเล็กน้อยก็ปรากฏอยู่ด้านหลังเด็กสาว

“เดี๋ยวก่อน…คือว่า นี่มัน…” เด็กสาวอ้ำอึ้ง เพราะเธอเองก็ช็อกมากเหมือนกัน!

เงาร่างนั้นมองออกมาข้างนอกแวบหนึ่ง จากนั้นก็หมุนกายเดินกลับเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว

“เดี๋ยวก่อนสิ หนูไม่ได้โกหกนะ จริงๆ นะ หนู…”

พอเห็นเงาร่างนั้นไม่หันกลับมามอง เด็กสาวก็จนใจ และพ่นลมหายใจออกมาอย่างกระเง้ากระงอด

ผ่านไปครู่หนึ่ง เธอก็หันมามองทางเดิน และหรี่ตาเล็กลง “ล้อฉันเล่นอยู่แน่ๆ”

เธอยกมือขึ้นลูบจมูก พลางเหลือบเห็นคราบฝุ่นที่เลอะติดนิ้วมืออยู่

“เกือบทำฉันเลือดกำเดาไหลเป็นทาง แล้วยังทำให้ฉันขายหน้าอีก…ก็ได้ อยากเล่นเกมนักใช่ไหม?” เด็กสาวประสานนิ้วมือเข้าด้วยกัน แล้วหักข้อนิ้วดัง “กร๊อบแกร๊บๆๆ” พร้อมบิดลำคอไปมา จากนั้นเธอก็ก้มหน้าลงเล็กน้อย และเผยรอยยิ้มบางๆ ออกมา “ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็มาเล่นเกมกัน”

หลังจากปิดประตูบานนั้น โถงทางเดินก็เงียบสงัดลงทันใด

ในสภาพแวดล้อมอย่างนี้ หากมีเข็มหล่นกระทบพื้นซักเล่มก็ยังได้ยินอย่างชัดเจน

เด็กสาวค่อยๆ เดินออกไปข้างหน้า เธอควบคุมฝีเท้าให้เบาที่สุด และกำหนดลมหายใจให้สมดุล

ทว่าดวงตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความกระตือรือร้นของเธอกลับกลิ้งกลอกไปมาไม่หยุด เพื่อจับตาดูทุกการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นรอบข้าง

ทางเดินเส้นนี้อาจดูเหมือนเป็นทางเดินแนวตรงธรรมดา แต่สุดปลายสายกลับมีทางเลี้ยวอยู่ แถมฝั่งขวาก็มีห้องอยู่มากมาย

ทุกครั้งที่เดินผ่านห้องห้องหนึ่ง เด็กสาวก็จะระวังตัวเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งระดับ

ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่มืดสนิท และทำได้เพียงมองลอดบานกระจกหน้าต่างมัวๆ กับบานประตูที่เปิดแง้มไว้เล็กน้อยอย่างนี้ ยากที่จะมองเห็นในแวบเดียวว่าในห้องมีอะไรอยู่

นั่นหมายความว่าเด็กสาวจำเป็นต้องรวบรวมสมาธิให้สูงกว่าเดิม และต้องระวังตัวมากขึ้นด้วย

ก่อนหน้านี้ เธออยู่ในที่ลับ หลิงม่ออยู่ในที่แจ้ง แต่ตอนนี้ตำแหน่งของพวกเขาถูกไสลับกันแล้ว

ทว่าเด็กสาวคนนี้ไม่เพียงไม่หวาดกลัว แต่กลับดูเหมือนกำลังตื่นเต้น

“ที่นี่หรอ?”

เด็กสาวเดินผ่านประตูห้องอีกบานหนึ่ง เธอเดินไปยืนอยู่หน้าประตูโดยตรง แล้วจ้องเข้าไปในห้องด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย

“เอาล่ะ ไม่อยู่…แต่ยากแบบนี้สิถึงจะน่าสนุก”

พริบตาเดียว เด็กสาวก็เดินมาถึงบริเวณใกล้ๆ หน้าต่างบานที่เจ้าแขนยาวคู่นั้นอยู่

เธอยืนสังเกตการณ์อยู่ห่างๆ ก่อน โดยเธอให้ความสนใจพื้นแถวนั้นเป็นพิเศษ

ไม่นานเธอก็ค้นพบสิ่งที่ทำให้เธอดีใจ บนพื้นไม่มีรอยเลือดเลยซักนิด…

นั่นหมายความว่าคู่ต่อสู้ของเธอหนีไปได้อย่างปลอดภัย และนี่ก็เป็นการแสดงให้เห็นถึงพลังต่อสู้ของอีกฝ่ายด้วยในขณะเดียวกัน

เมื่อมองไปทางหน้าต่าง และหยุดมองอยู่ตรงนั้นสองวินาที เธอก็ล้วงลูกแก้วลูกเล็กๆ ออกมาจากกระเป๋าอย่างเงียบเชียบ

“ไป”

เสี้ยววินาทีที่ค้อมเอวลง ลูกแก้วก็ถูกดีดออกจากนิ้วมือของเธอกลิ้งไปตามพื้นและมุ่งหน้าไปยังหน้าต่างบานนั้น

“ขลุกขลักๆๆ” เสียงกลิ้งไปตามพื้นดังเข้าไปใกล้หน้าต่างอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังคงไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ เกิดขึ้น

“เอ๋?”

เด็กสาวเผยสีหน้าประหลาดใจ เธอลังเลเล็กน้อย แต่ไม่นานเธอก็ค่อยๆ เดินไปทางหน้าต่างมืดๆ บานนั้น

ทว่าในระหว่างที่กำลังเดินเข้าไปใกล้ เด็กสาวกลับดึงมีดผีเสื้อเล่มหนึ่งออกมาจากบริเวณเอว และพลิกปลายมีดขึ้นอย่างคล่องแคล่ว

คมมีดส่องประกายวิบวับลอดนิ้วมือเธอเล็กน้อย จากนั้นก็ถูกกระชับไว้ในมือเธออย่างชำนาญ

เธอยืนมองเข้ามาข้างในอยู่ตรงขอบหน้าต่าง ในห้องมืดมิด ราวกับถูกน้ำหมึกสีดำเข้มปกคลุมไปทั่วทุกมุม

ทว่าเห็นชัดว่าสายตาของเด็กสาวกลับไม่ได้รับผลกระทบอะไรมาก แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็มองเห็นเพียงซากเฟอร์นิเจอร์ที่วางระเกะระกะไปทั่ว ไม่เห็นร่องรอยของซอมบี้ซักตัว

เด็กสาวมองซ้ายมองขวา แล้วเธอก็ล้วงลูกอมออกมาหนึ่งเม็ด

ขณะที่ดีดลูกอมไปที่มุมหนึ่งของกำแพง เด็กสาวก็รีบฉวยโอกาสนั้นกระโดดข้ามหน้าต่าง และอาศัยเสียงจังหวะที่ลูกอมเม็ดนั้นหล่นกระทบพื้น เข้ามาในห้องแล้วรีบแนบตัวชิดกำแพงด้านล่างขอบหน้าต่าง

เธอนั่งหมอบอยู่ตรงนั้นไม่ขยับเขยื้อนไปไหนราวกับลูกแมว ในขณะที่สายตาจับจ้องไปยังตำแหน่งที่ลูกอมหล่นกระทบพื้น

ซอมบี้นั้นถูกล่อลวงด้วยเสียงแผ่วเบาได้อย่างง่ายดาย และเรื่องนี้ก็ทำให้เด็กสาวมั่นใจมาก

แต่ครั้งนี้เธอคาดการณ์ผิดอีกแล้ว เพราะผ่านไปหลายวินาที ก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ เกิดขึ้นตรงจุดนั้นเลยแม้แต่น้อย

เด็กสาวลุกขึ้นยืนอย่างสงสัย จากนั้นก็ค่อยๆ เดินเข้าไปในห้องตามแนวกำแพง

หรือว่าอีกฝ่ายไม่เพียงหนี แต่ยังจัดการเจ้าซอมบี้แขนยาวไปด้วย?

เธอเดินลัดเลาะโต๊ะที่ถูกทิ้งไว้ในนี้ไปทีละตัวๆ มุ่งหน้าไปยังจุดกึ่งกลางห้อง

ซากเฟอร์นิเจอร์ในห้องนี้มีมากเกินไป แถมส่วนมากก็ล้มสะเปะสะปะไปทั่ว ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการมองเห็นไม่น้อย

แต่เด็กสาวคนนี้กลับเดินเข้ามาตรงๆ โดยไม่ต้องสังเกตอะไรมาก เห็นชัดว่าเธอคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมในนี้ดีแค่ไหน

ยิ่งเข้าใกล้จุดกึ่งกลางห้อง เสียงฝีเท้าของเด็กสาวก็ยิ่งเบาลง ขณะเดียวกันแววตาของเธอก็เริ่มจริงจังมากขึ้น

เมื่อเธอเดินผ่านชั้นวางหนังสือที่ล้มทับโต๊ะไป ภาพเก้าอี้ไฟฟ้าที่ส่วนขาถูกเชื่อมติดกับพื้นก็ปรากฏตรงหน้าเด็กสาว

บนเก้าอี้ตัวนี้มีโซ่เหล็กพันอยู่มากมาย ซึ่งโซ่เหล็กเหล่านี้ทำหน้าที่มัดซอมบี้ตัวหนึ่งไว้กับเก้าอี้ไฟฟ้าอย่างแน่นหนา

ขาทั้งสองข้างของมันถูกห่วงเหล็กซึ่งเชื่อมติดกับเก้าอี้ไฟฟ้าสวมไว้ มีเพียงแขนทั้งสองข้างเท่านั้นที่เคลื่อนไหวได้ค่อนข้างอิสระกว่าส่วนอื่น

ทว่าตอนนี้ แขนที่ยาวจนผิดธรรมชาติของมันกลับทิ้งตัวอยู่บนพื้นข้างเท้าเหมือนตัวหนอน บวกกับร่องรอยถูกเย็บเหมือนตัวตะขาบบนหัวไหล่ของมัน เมื่ออยู่ในความมืดจึงทำให้ดูเหมือนมีตัวหนอนและแมลงมากมายอยู่บนตัวมัน ยิ่งดูยิ่งชวนขนลุก

นอกจากนั้น ศีรษะของซอมบี้ตัวนี้ก็เอนไปข้างหลัง ปากของมันกำลังอ้ากว้าง ดวงตาทั้งสองข้างเหลือกขาว เหมือนหมดสติไปแล้ว

เด็กสาวอึ้ง เธอรีบหันซ้ายหันขวา จากนั้นก็เดินเข้าไปหาเจ้าซอมบี้แขนยาว

“คุณแขนยาว?” เด็กสาวยื่นปลายเท้าออกไปเขี่ยๆ แขนที่กองอยู่กับพื้น แต่กลับไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองแต่อย่างใด

“เคร้ง!”

ทันใดนั้นก็มีเสียงดังมาจากด้านหลังเธอ เด็กสาวรีบหันหลังกลับไปทันที

ด้านหลังยังคงมีแต่ความมืด นอกจากซากเฟอร์นิเจอร์พวกนั้น ก็ไม่มีใครอยู่เลย

แต่ในตอนนั้นเอง แขนข้างหนึ่งยื่นเข้ามาจากด้านข้าง และโอบรัดรอบคอเธออย่างรวดเร็ว

เด็กสาวเหลือบเห็นด้วยหางตา จึงรีบหดตัวลงข้างล่างอย่างรวดเร็วดั่งปลาไหล ขณะเดียวกันเธอหมุนตัว ตวัดคมมีดไปยังเงาร่างที่อยู่ด้านหลัง

ต้องบอกว่าการตอบสนองของเธอไม่เลวเลยทีเดียว แถมภายใต้การถูกจำกัดพลังเป็นพิเศษอย่างนี้ เธอมีข้อได้เปรียบด้านนี้สูงกว่าอย่างเห็นได้ชัด

ดังนั้นในเสี้ยววินาทีที่หมุนกายกลับไป เด็กสาวก็เผยรอยยิ้มราวกับกำลังบ่งบอกว่า “จับได้แล้ว”

แต่ในเสี้ยวที่คมมีดกำลังพุ่งเฉือนไปยังท้องของอีกฝ่าย จู่ๆ เด็กสาวกลับรู้สึกได้ว่า เหมือนเท้าของตัวเองที่หมุนตามการเคลื่อนไหวของร่างกายได้ชนเข้ากับอะไรบางอย่าง…

“โอ๊ะ!”

ในขณะที่กำลังได้ใจเต็มที่แต่จู่ๆ กลับถูกขัดเท้ากะทันหันอย่างนี้ แถมยังเป็นตอนที่กำลังหมุนตัวอีก ถึงเด็กสาวจะมีปฏิกิริยาตอบสนองว่องไวขนาดไหนก็ตั้งตัวไม่ทันแล้ว

เธอล้มลงไปกับพื้นอย่างแรง ในขณะที่อีกฝ่ายเพียงเบี่ยงตัวหลบอย่างไม่รีบร้อน

“โครม!”

เมื่อเด็กสาวล้มคว่ำหน้าทิ่มพื้น เงาร่างนั้นก็ยกเท้าขึ้นเหยียบแผ่นหลังเธอทันที

“อื้อ!” เด็กสาวโอดครวญเสียงหลงอีกครั้ง เสี้ยววินาทีที่ล้มลงมา เธอเห็นร่างกายด้านขางของเงาร่างนี้ และเห็นเท้าที่ถูกดึงกลับไป…

แต่ว่า…เข้าใจอะไรผิดไปรึเปล่า!

ซอมบี้ที่ไหนใช้ลูกเล่นแบบนี้เป็นกัน! ขัดขาเนี่ยนะ? ทำไมซอมบี้ถึงได้ใช้วิธีที่สกปรกและปัญญาอ่อนแบบนี้ได้ล่ะ!

อีกอย่าง ทำไมมันถึงได้ชอบเหยียบคนอื่นนักนะ!

ถึงจะถูกเหยียบหลัง แต่เด็กสาวไม่คิดจะยอมแพ้เพียงเท่านี้ เธอเหวี่ยงแขนตวัดมีดผีเสื้อไปยังขาอีกข้างของซอมบี้ตัวนี้

แต่สิ่งที่ทำให้เธอต้องเบิกตากว้างทันทีก็คือ ซอมบี้ตัวนี้กลับยกเท้าขึ้นอย่างใจเย็นเหมือนรู้ล่วงหน้าอยู่ก่อนแล้ว!

มีดผีเสื้อโจมตีพลาดเป้า ในขณะเดียวกัน น้ำหนักตัวที่แผ่นหลังของเด็กสาวต้องแบกรับกลับเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเท่า

“อื้อ…” เด็กสาวร้องครวญคราง พลางอ้าปากตะโกน “ช่วย…”

แต่เธอยังไม่ทันได้ตะโกนออกมา มือข้างหนึ่งก็ยื่นมากดท้ายทอยเธอ ทำให้ใบหน้าเธอทิ่มจมลงไปกับพื้นเหมือนเดิม

มีดผีเสื้อหลุดออกจากมือ เด็กสาวสะบัดแขนไปมาอย่างสุดกำลัง” อื้อๆ! อื้อ!”

—————————————————————————–

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

เมื่อเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่อุบัติขึ้นและเกิดการแพร่ระบาดเป็นวงกว้าง ผู้คนบนโลกก็ต้องพบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต จากคนธรรมดาต้องกลายเป็นซอมบี้กระหายเลือด! แต่ก็ยังมีคนจำนวนหนึ่งที่รอดพ้นจากไวรัสร้ายกาจนี้ หนึ่งในนั้นคือหลิงม่อ หนุ่มเนิร์ดหน้าตาบ้านๆ แน่นอนว่าเขาต้องทุ่มเทพยายามสุดชีวิตเพื่อเอาตัวรอด แต่ไม่ใช่เพียงแค่นั้น เขายังมีภารกิจสำคัญอีกอย่างที่ต้องทำ คือช่วยแฟนสาวซอมบี้ ให้กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง สุดท้ายแล้วหลิงม่อหนุ่มธรรมดาคนนี้จะทำภารกิจสำเร็จหรือไม่ เรามาร่วมลุ้นไปด้วยกันเถอะ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset