แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ – ตอนที่ 755 “นกกระจอกเทศ” สามตัว

หลิงม่อกับมู่เฉินวิ่งออกมาเป็นคนสุดท้าย และพวกเขาก็ดูสะดุดตามาก พอโดนหัวหน้าซ่งตะโกนเรียกอย่างนี้ มู่เฉินใจเต้น “ตึกตัก” ขึ้นมาทันที เขาลอบกำด้ามมีดเงียบๆ

เขามองหลิงม่อหน้าเครียด เป็นเชิงถามว่าหลิงม่อคิดจะรับมืออย่างไร

ระหว่างที่เดินลงบันได มู่เฉินตั้งคำถามไม่น้อย แต่หลิงม่อก็ยังคงเหมือนเดิม คือหลีกเลี่ยงที่จะตอบคำถามหลายคำถาม ปรากฏว่าสุดท้ายเขาก็มัวแต่ยุ่งอยู่กับการจุดไฟ และไม่รู้ต้นสายปลายเหตุของเรื่องจนถึงตอนนี้

ทว่ามีคำถามหนึ่ง ที่หลิงม่อตอบอย่างตรงไปตรงมา

“ตอนนี้พวกเราจะเอายังไงต่อ?”

“ก็หนีน่ะสิ…”

เขาได้ยินแล้วแทบจะคลั่งทันที!

แต่ในเมื่อหลิงม่อตัดสินใจแล้ว ก็แสดงว่าเขาได้สิ่งที่ต้องการจากนิพพานสำนักงานใหญ่แล้ว

มู่เฉินแทบไม่อยากเชื่อจริงๆ ว่าหลิงม่อจะทำสำเร็จเร็วขนาดนี้ ไม่เพียงเท่านี้ เขายังทำให้เรื่องมันบานปลายใหญ่โตถึงขนาดนี้ด้วย! ไม่มีใครรู้เลยว่าเขาทำอะไรอยู่ในห้องนั้นบ้าง…

แต่ไม่ว่าอย่างไร สวี่ซูหานก็รอดแล้ว!

และไอ้พวกสมาชิกสำนักงานใหญ่ที่ชอบทำตัวอวดเบ่ง…ขอให้ซวยกันถ้วนหน้าแล้วกัน!

มู่เฉินสะใจ แต่ก็กังวลมากเช่นกัน ถึงแม้ภายในจะโกลาหลอย่างนี้ แต่ก็ยังเป็นเรื่องยากหากพวกเขาจะหนีออกไป เพราะข้างนอกนั้นยังมีตาข่ายป้องกันอยู่อีกตั้งสองชั้น

และตอนนี้ พวกเขาก็ถูกขวางทางแล้ว…

ได้ยินคำว่าระดับผลงาน สมาชิกสองคนพลันชะงักเท้าทันที แต่พวกเขากลับไม่ได้วิ่งเข้าไปหาหัวหน้าซ่งทันที

หัวหน้าซ่งตะโกนอีกครั้ง “มาทางนี้ 5 คน ไปที่ตึกทดลองกับฉัน! ฉันจะให้คะแนนสะสมคนละ 100 คะแนน!”

จากนั้นเขาก็หันไปทางหลิงม่อกับมู่เฉิน และหยุดสายตาที่หลิงม่อ “นายมีพลังจิตสำรวจใช่ไหม? นายต้องไปกับฉัน”

มู่เฉินเข้าใจทันที ไม่น่าล่ะเขาถึงเรียกพวกเขาสองคน ที่แท้ก็จำได้ว่าหลิงม่อเป็นผู้มีพลังจิตนี่เอง

ตอนนี้ทุกที่อาจมีซอมบี้โผล่ออกมา ในตึกทดลองก็อาจยังมีซอมบี้หลงเหลืออยู่ บวกกับตอนนี้รอบข้างมีแต่ควันไฟ หากมีผู้มีพลังจิตติดตามไปด้วยคนหนึ่ง ก็เท่ากับมีอุปกรณ์กู้ระเบิดกับเรดาห์ตรวจจับติดตัวไปด้วย ผู้มีความสามารถพิเศษที่มีประโยชน์ขนาดนี้ หัวหน้าทีมซ่งจะทำเป็นไม่เห็นไปได้อย่างไร? ส่วนที่นี่จะยังมีผู้มีพลังจิตคนอื่นอยู่หรือไม่นั้น…หนึ่ง คือเขาไม่รู้จักคนอื่นแล้ว สอง คือสถานการณ์ในตอนนี้ไม่เอื้ออำนวยให้เขาไปตามหาคนอื่น…

ระหว่างที่กำลังพูด เขาเหลือบมองผู้หญิงคนนั้นแวบหนึ่ง ทว่ากลับไม่ได้สงสัยอะไรมาก เพราะหากดูผิวเผิน เหมือนเธอถูกหลิงม่อกับมู่เฉินช่วยเอาไว้มากกว่า

เธอคงจะสำลักควันจนหมดสติล่ะมั้ง? เรื่องของสมาชิกธรรมดาคนหนึ่ง ตอนนี้เขาไม่มีกะจิตกะใจจะไปสอบถามจริงๆ

มู่เฉินขมวดคิ้วแน่น เพราะรอบตัวยังมีคนอื่นอยู่ด้วย จะเดินออกไปง่ายๆ ก็ไม่ได้ ยิ่งคิดจะสู้ยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่…

แต่สิ่งที่ทำให้มู่เฉินผิดคาดคือ หลิงม่อกลับพยักหน้า แล้วบอกว่า “ได้”

“อืม ยังมีใครอีกไหม?” หัวหน้าทีมซ่งผ่อนลมหายใจโล่งอกเล็กน้อย จากนั้นเขาก็หันไปถามคนอื่นอย่างเร่งรีบ

“วางผู้หญิงคนนี้ลงตรงนี้เถอะ เธอคงไม่ตื่นขึ้นมาง่ายๆ หรอก” หลิงม่อหันกลับมาพูดกับมู่เฉิน

มู่เฉินหน้าบึ้ง เขาพูดเสียงเบา “ทำไมนายต้องตามไปด้วย? ตอนนี้พวกเราต้องรีบหนีไม่ใช่หรอ?”

“ฉันมีแผนน่า” หลิงม่อยิ้มบาง

“…ฉันล่ะยอมนายจริงๆ” มู่เฉินพูดไม่ออก

ขณะเดียวกัน ในตึกทดลองอันว่างเปล่าไร้ผู้คน เงาร่างของคนสามคนกำลังวิ่งลงบันไดมาอย่างเร่งรีบ

ซอมบี้ตัวหนึ่งกำลังลากตัวชายสูงวัยให้วิ่งด้วยความเร็ว และด้านหลังมีเด็กสาวชุดเทากำลังวิ่งตามมาอย่างว่องไว

ระหว่างทางลงมาข้างล่าง เหล่าหลันและหลันหลันต่างเข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่นี่คร่าวๆ แล้ว—หุ่นซอมบี้ของหลิงม่อปล่อยซอมบี้ทั้งหมดออกมา และในตอนที่การคุ้มกันของนิพพานสำนักงานใหญ่บกพร่อง ซอมบี้พวกนี้ก็ฉวยโอกาสตอนที่เกิดเหตุการณ์วุ่นวายหนีออกไป เรื่องนี้อาจฟังดูเหมือนมีเหตุมีผล ทว่าสองพ่อลูกกลับรู้สึกเหมือนมีบางอย่างไม่ถูกต้อง

ง่ายดายขนาดนี้เลยหรอ? ซอมบี้พวกนั้นทำให้นิพพานสำนักงานใหญ่เกิดเหตุวุ่นวายขึ้นมาได้ง่ายๆ อย่างนี้เลยหรอ?

คิดซ้ายคิดขวาแล้วก็ยังไม่เข้าใจ สุดท้ายพวกเขาจึงทำได้เพียงสรุปว่าทั้งหมดเป็นเพราะความพิเศษของเจ้าหุ่นซอมบี้ ซอมบี้ตัวนี้ทำงานได้ประหลาดมาก ก่อนจะออกเดินทางมันถึงขั้นยกเค้าห้องวิจัยของเขาจนเกลี้ยง ขนาดนี้แล้วยังมีอะไรอีกที่มันทำไม่ได้?

“เร็วเข้า ของสะสมพวกนั้นใกล้จะออกมาแล้ว!” หลันหลันเร่ง

ก่อนที่พวกเขาจะออกมา เจ้าหุ่นซอมบี้ได้ปล่อยสัตว์ประหลาดทุกตัวถูกขังไว้ในชั้นหกออกมาจนหมด

เทียบกับซอมบี้ธรรมดา พวกมันนี่แหละตัวปัญหาที่แท้จริง

ทว่าถึงแม้เจ้าหุ่นซอมบี้จะเอาของเหลวหนืดชนิดนั้นมาด้วย การก่อกวนนั่นก็ยังไม่หายไป แต่เมื่อไม่มีพันธนาการจากโซ่เหล็กอีกต่อไป พวกมันก็จะเริ่มปีนออกมาข้างนอก อย่างมากก็ใช้เวลาอีกสองสามนาทีก็คงออกมาได้แล้ว และเมื่อถึงตอนนั้น พลังต่อสู้ที่แท้จริงของพวกมันก็จะได้รับการปลดปล่อยจากการก่อกวนรูปแบบนั้น! อย่างอื่นไม่เท่าไหร่ แค่ซอมบี้แขนยาวตัวนั้นก็สามารถทำให้สถานที่แห่งนี้ถล่มได้แล้ว!

ถึงแม้ว่าร่างกายของมันจะไม่ใช่ซอมบี้ร่างแม่ แต่แขนทั้งสองข้างนั้นกลับเป็นอาวุธสังหารที่แท้จริง!

ได้ยินหลันหลันเร่ง หลิงม่อจึงควบคุมหุ่นซอมบี้ให้ดึงตัวเหล่าหลันขึ้นมาขี่หลังทันที

เหล่าหลันอึ้ง ไม่นานเขาก็ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้พลางบอกว่า “ไม่คิดเลยว่าฉันจะมีวันที่ถูกซอมบี้แบกขึ้นหลังด้วย! ช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ!”

“ถ้ายังไม่เลิกลูบหลังฉันอีก ฉันจะโยนแกลงตรงนี้แหละ” หลิงม่อพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

ร่างจริงของเขารับรู้ถึงสัมผัสนี้ด้วยนะ! ตาแก่บ้านี่ โรคจิตจริงๆ…

“พวกเราจะหนีออกไปได้จริงๆ หรอ? จะไม่ถูกล้อมหน้าล้อมหลังเอาหรอ?” หลันหลันถามอย่างหวั่นๆ

“ไม่หรอก ตามฉันมาก็พอ” หลิงม่อบอก

เวลานี้ ที่แห่งนี้กลับกลายเป็นสถานที่ที่เงียบที่สุดในนิพพานสำนักงานใหญ่ ในตึกแห่งนี้นอกจากเสียงฝีเท้าของพวกเขา ก็ไม่มีเสียงอื่นอีกเลย

แต่ทันใดนั้นเอง มีเสียงเคลื่อนไหวเบาๆ ดังมาจากข้างล่าง เหมือนมีคนกำลังเข้ามาในตึกแห่งนี้

“มีคนมา!” หลันหลันสังเกตได้ถึงความผิดปกติอย่างรวดเร็ว

ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ เธอคงจะดีใจที่ได้เจอคนเป็นๆ ที่มีชีวิตอยู่ เพราะนั่นแสดงว่าเธอได้รับความช่วยเหลือแล้ว แต่ตอนนี้ เหล่าหลันกลับตัดสินใจแล้วว่าจะหนีตามเจ้าซอมบี้ตัวนี้ไป…

ในวินาทีที่ร้องเตือน หลันหลันอดหันไปมองเหล่าหลันอย่างลังเลไม่ได้

แต่เธอกลับเห็นผู้เป็นพ่อกำลังมีสีหน้าตื่นเต้นสุดขีด แล้วยังทำท่าอยากลูบหลังหลิงม่อแต่ก็ไม่กล้าลูบอีก เธอจึงอดถอนหายใจไม่ได้

“พวกเราจะถูกคนอื่นจับไม่ได้ จะทำไงดี?” หลันหลันถาม

หลิงม่อมองหน้าเธออย่างประหลาดใจเล็กน้อย จากนั้นก็ฉีกยิ้มเล็กน้อย

เด็กสาวคนนี้ก็ถูกมัดมือชกให้ขึ้นเรือโจรด้วยกันแล้ว…

แต่ในตอนนั้นเอง จู่ๆ เสียง “โครม” ก็ดังลงมาจากชั้นบน

หลันหลันหน้าซีดทันที เธอรีบถามย้ำอีกครั้ง “จะทำไงดีเล่า!”

ของสะสมพวกนั้น…ออกมาแล้ว!

แต่ข้างล่างมีคนกำลังจะขึ้นมา ซึ่งนั่นแสดงว่าจะเดินหน้าก็ไม่ได้จะถอยกลับก็ลำบาก!

“ทางนี้” เจ้าซอมบี้กลับพูดขึ้นอย่างไม่รีบร้อน

มันแบกเหล่าหลันและเดินออกไปทางบันได จากนั้นก็เดินเลี้ยวเข้าไปในห้องทำงานห้องหนึ่ง

หลันหลันชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็รีบวิ่งตามไป

อย่าบอกนะว่าซอมบี้ตัวนี้เตรียมทางหนีทีไล่ไว้ก่อนแล้ว?

ปรากฏว่าพอเดินเข้าไปในห้อง เธอก็เห็นหนึ่งคนหนึ่งซอมบี้กำลังนั่งหมอบอยู่ใต้หน้าต่าง และซอมบี้ตัวนั้นก็ยังหันมาส่งสัญญาณมือ บอกให้เธอรีบนั่งหมอบลงด้วย

“ทำอะไรอยู่เนี่ย!” หลันหลันเบิกตากว้าง

พูดเสร็จ เธอก็หันไปกลอกตาขาวใส่ซอมบี้ “สุดท้ายนายก็โง่กว่าคนสินะ คิดว่าแค่ซ่อนตัวแล้วจะไม่เป็นไรหรอ? ที่นี่มันชั้นสองแล้วนะ ถึงจะไม่ถูกใครเจอเข้า แต่ของสะสมพวกนั้นจะต้องตามกลิ่นมาจนเจอพวกเราในไม่ช้าแน่!”

“ถ้าอย่างนั้นเธอมีวิธีอื่น?” เจ้าซอมบี้ถาม

หลันหลันอ้ำอึ้ง จากนั้นก็แค่นเสียง พร้อมเดินสะบัดหน้าไปอีกข้างหนึ่ง แล้วนั่งหมอบลงไปอย่างว่าง่าย

ทั้งสามนั่งหมอบเรียงกันเป็นแถวอยู่ข้างล่างบานหน้าต่าง พลางเงี่ยหูฟังเสียงฝีเท้าข้างล่างที่กำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

คราวนี้ไม่ใช่แค่หลันหลัน แม้แต่เหล่าหลันเองก็เริ่มตระหนกขึ้นมาแล้ว เขาอ้าปากทำท่าจะถาม แต่กลับเห็นเจ้าซอมบี้ส่ายหน้าให้ เป็นสัญญาณว่าห้ามพูด

“หลิงเกอ หาเจอหรือยัง?” มีคนเดินขึ้นบันไดมาแล้ว และกำลังถามขึ้นเสียงเบา

คนที่ถามคือหัวหน้าทีมซ่งนั่นเอง และคนที่เขาถาม ก็คือหลิงม่อตัวจริงนั่นเอง

สายตาที่เขามองหลิงม่อในตอนนี้แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ตลอดทางที่ใช้พลังจิตสำรวจมา พวกเขากลับไม่เจอซอมบี้เลยซักตัว!

เดิมทีแค่คิดถึงซอมบี้ที่ยิงปืนเป็น ไม่ใช่เพียงหัวหน้าทีมซ่ง แม้แต่ผู้มีความสามารถพิเศษอีกสามคนที่ตามมาด้วยก็ยังตื่นตระหนกเป็นพิเศษ

ถึงอย่างไรลูกกระสุนก็ไม่มีตา ไม่แน่มันอาจพุ่งมาทักทายกะโหลกพวกเขาเมื่อไหร่ก็ได้นี่นา

อย่าว่าแต่ผู้มีความสามารถพิเศษทั่วไปตอบสนองเร็วสู้ลูกกระสุนไม่ได้เลย ถึงแม้จะสามารถเคลื่อนไหวร่างกายเพื่อหลบกระสุนก่อนลั่นไกได้ แต่นั่นก็ต้องเป็นในกรณีที่เห็นคนถือปืนก่อนสิ!

แต่จากข้อมูลที่ได้ยินมา ซอมบี้ส่วนมากล้วนหลบอยู่ในเงามืด หรือกระทั่งห้อยตัวอยู่บนเพดานด้วยซ้ำ

“ยังหาไม่เจอ” หลิงม่อเงยหน้าตอบ

หน้าเขาค่อนข้างซีด บนหน้าผากเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อเล็กๆ สภาพเหมือนคนที่เผาผลาญพลังจิตเพื่อการใช้พลังตรวจจับไปไม่น้อย

หัวหน้าทีมซ่งร้อนใจมาก เพิ่งจะผ่านไปไม่นานก็มีสภาพอย่างนี้ซะแล้ว จะทนจนขึ้นไปถึงชั้นหกได้ไหมเนี่ย?

ดูท่าแล้ว ไม่ใช่ว่าเขาไม่มีความสามารถ แต่เป็นเพราะเขามีพลังจิตไม่มากต่างหาก…

แต่หัวหน้าทีมซ่งไม่ทีทางรู้เลย ว่าเหล่าซอมบี้ที่กำลังกระโดดโลดโผนไปทั่วสำนักงานใหญ่ในตอนนี้ ล้วนถูกควบคุมโดยหลิงม่อทั้งนั้น!

ทว่าถึงจะเป็นอย่างนั้น เมื่อต้องแบ่งสมาธิเพื่อควบคุมเป็นเวลานาน หลิงม่อก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะรู้สึกเหน็ดเหนื่อย

“แบตเตอร์รี่ใกล้จะหมดแล้ว ต้องให้เจ้ามาสเตอร์บอลอดทนอีกหน่อย โชคดีที่พอถึงตรงนี้ก็แอบอู้ได้หน่อยแล้ว…” หลิงม่อคิดในใจ

ตอนนี้เจ้ามาสเตอร์บอลกำลังออกนอกตึกวิจัยเงียบๆ มันกำลังล่วงหน้ามาเพื่อเปิดทางให้หลิงม่อ…

“แสดงว่ายังอยู่ข้างบนใช่ไหม?” มีคนถามขึ้น

“นายลองตรวจจับอีกที อย่างน้อยก็อย่าให้บังเอิญเจอซอมบี้แล้วกัน” หัวหน้าทีมซ่งบอก

“อืม” หลิงม่อรับคำ แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรต่อ

เขาไม่ได้ใช้พลังจิตสำรวจ และเรื่องนี้ก็มีเพียงเขาที่รู้…

พอได้ยินประโยคนี้ หลันหลันก็ตกใจ เธอมองเจ้าซอมบี้อย่างตื่นตระหนกสุดขีด ทำท่าเหมือนอยากจะพูดอะไรซักอย่าง แต่กลับไม่กล้าส่งเสียง

ระหว่างที่คนพวกนี้กำลังคุยกัน พวกเขาก็ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ทั้งสองฝ่ายห่างกันแค่เพียงผนังกั้น แถมที่นี่ก็ยังเงียบสงัดไร้เสียง ถ้าเธอส่งเสียงแม้เพียงเล็กน้อย คนที่ความรู้สึกไวหน่อยก็อาจจะจับได้

แต่จากที่ฟังคนพวกนั้นคุยกัน แสดงว่าในกลุ่มนี้มีผู้มีความสามารถด้านพลังจิตอยู่ด้วยนี่! ถึงอีกฝ่ายจะไม่เอาถ่านแค่ไหน อย่างไรก็ต้องจับพวกเขาได้แน่ๆ!

หลันหลันร้อนรน เหล่าหลันเองก็จับแขนเจ้าซอมบี้แน่น พลางขยับปากอย่างตื่นตระหนก

แต่คิดไม่ถึงว่าเจ้าซอมบี้กลับกลับยกนิ้วขึ้นแตะริมฝีปากเบาๆ

“ชู่ว”

หลันหลันชะงัก แล้วเธอก็เริ่มเดือดขึ้นมา “ชู่วบ้าอะไรเล่า! จะถูกคนจับได้อยู่แล้วเนี่ย!หากถูกจับได้ตอนที่นั่งหมอบเป็นนกกระจอกเทศสามตัวอย่างนี้ คงน่าอายแย่! สู้ยืนขึ้นแล้วยกป้าย “นายมองไม่เห็นฉัน” ซะเลยยังดีกว่า!”

ทว่าไม่นานเธอก็คิดไปลึกกว่านั้น หรือว่า…เจ้าซอมบี้ตัวนี้คิดจะจับพวกเขาเป็นตัวประกัน?

พอคิดถึงตรงนี้ สีหน้าของหลันหลันก็ยิ่งดูกังวลขึ้นไปอีก…

—————————————————————————–

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

เมื่อเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่อุบัติขึ้นและเกิดการแพร่ระบาดเป็นวงกว้าง ผู้คนบนโลกก็ต้องพบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต จากคนธรรมดาต้องกลายเป็นซอมบี้กระหายเลือด! แต่ก็ยังมีคนจำนวนหนึ่งที่รอดพ้นจากไวรัสร้ายกาจนี้ หนึ่งในนั้นคือหลิงม่อ หนุ่มเนิร์ดหน้าตาบ้านๆ แน่นอนว่าเขาต้องทุ่มเทพยายามสุดชีวิตเพื่อเอาตัวรอด แต่ไม่ใช่เพียงแค่นั้น เขายังมีภารกิจสำคัญอีกอย่างที่ต้องทำ คือช่วยแฟนสาวซอมบี้ ให้กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง สุดท้ายแล้วหลิงม่อหนุ่มธรรมดาคนนี้จะทำภารกิจสำเร็จหรือไม่ เรามาร่วมลุ้นไปด้วยกันเถอะ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset