แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ – ตอนที่ 811 สมองที่ผิดปกติไม่อาจหยุดยั้งพวกมันได้อีกต่อไป

จากที่เจสันบอก จุดที่พวกเขาต้องไปก็คืออีกฟากหนึ่งของโซน B ซึ่งไม่ค่อยมีใครเข้าไปที่นั่นบ่อยนัก ดูจากระยะทาง แค่ไปกลับหนึ่งรอบก็ต้องใช้เวลาถึงประมาน 15 – 20 นาทีแล้ว หรือพูดอีกอย่างก็คือ เวลาที่เหลือให้พวกเขาขนย้ายน้ำมันมีแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น

“พักนี้ของฐานทัพที่ 1 ตรวจสอบละเอียดมาก แล้วก็เคร่งเรื่องของเวลามากด้วยเหมือนกัน พวกผมบินอ้อมไปรับพวกคุณก็ใช้เวลาไปประมาณหนึ่งชั่วโมงแล้ว ถ้าหากไม่ทำเวลาตอนนี้ อาจเกิดปัญหาตามมาทีหลังได้ เพราะทันทีที่พวกเราตรวจสอบ พวกนั้นก็จะรู้ว่าพวกเราบรรทุกของใช้ชีวิตประจำวันพวกนั้นไว้ด้วย…พอถึงตอนนั้น เรื่องอาจบานปลายใหญ่โตขึ้นมา”

เจสันเปิดประตูใหญ่ พลางพูดว่า “ประตูบานนี้ก็ถือว่าใช้เป็นกำบังได้เหมือนกัน…แต่ว่าโซน A และโซน Bอยู่ห่างกันมากอยู่แล้ว พวกคุณแค่ระวังตัวนิดหน่อยก็ไม่มีปัญหาแล้ว”

หลิงม่อพยักหน้า แต่ในใจกลับลอบถอนใจ พวกอวี่เหวินซวนกำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่ย่ำแย่ขนาดนี้ แต่ก็ยังอุตส่าห์ส่งเฮลิคอปเตอร์ไปให้ทันเวลา และเสี่ยงอันตรายพาพวกเขามาส่งที่นี่ ถึงแม้ฟังจากที่เจสันเล่าแล้ว เหมือนพวกเขาจะคิดว่าพวกหลิงม่อเป็นเส้นฟางแห่งความหวังก็ตาม แต่ถ้าหากพวกอวี่เหวินซวนเห็นพวกเขาเป็นแค่กองหนุนจริงๆ จะลำบากลำบนขนของจำพวกผ้าห่มมาให้พวกเขา จนตัวเองต้องเสี่ยงอันตรายถูกจับได้อย่างนี้ทำไมล่ะ?

ทั้งๆ ที่รู้ว่ามีอันตราย แต่ก็ยังเลือกที่จะทำแบบนั้น นี่แหละสไตล์การทำงานของอวี่เหวินซวน…

พื้นที่รอบโซน B มีแต่ความเงียบ นอกจากเสียงฝีเท้าเบาๆ ของพวกเขา ก็มีเพียงเสียงลมพัดดัง “วูบ~~” เสียงฝีเท้าส่วนใหญ่ดังมาเจสันทั้งนั้น เพราะเขาเป็นเพียงคนธรรมดา จึงไม่สามารถเดินได้อย่างเงียบเชียบเหมือนพวกเย่เลี่ยน กระทั่งเทียบไม่ได้แม้แต่หลิงม่อที่ไม่ได้เป็นผู้มีความสามารถพิเศษด้านศักยภาพร่างกาย ทว่าหากดูจากรูปร่างอย่างเดียว ศักยภาพร่างกายของเขาก็น่าจะอยู่ในระดับเดียวกับหลิงม่อ…

วิธีการเดินของหลิงม่อนั้นค่อนข้างพิเศษ เพราะเขารวบรวมพลังจิตไปไว้ที่ส่วนเท้า ทุกครั้งที่เท้าแตะพื้น เขาจะสัมผัสได้ถึงทุกการเคลื่อนไหวของร่างกายตัวเอง รวมถึงพลังงานที่ใช้ทั้งหมดได้อย่างแม่นยำ และสุดท้ายเขาก็ปรับปรุงให้เหมาะสมต่อแต่ละสถานการณ์ ตั้งแต่ที่ดวงแสงแห่งจิตของเขาหดตัวลง เขาก็เริ่มสำรวจวิธีการเดินของเหล่าซอมบี้สาว จากนั้นก็เริ่มจับทางและสร้างเคล็ดลับการ “ย่องเบา” ที่เหมาะกับตัวเองขึ้นมา

ไม่เพียงเท่านี้ เขายังสามารถฝึกการควบคุมพลังจิตของตัวเองขณะเดินได้ด้วย…

ส่วนวิธีการเดินของพวกเย่เลี่ยนนั้นแตกต่างจากมนุษย์มาก ความจริงขอเพียงกลายพันธุ์เป็นซอมบี้ ก็จะเรียนรู้การเดินด้วยวิธีนี้ตามสัญชาตญาณไปเอง ถ้าหมองดูดีๆ ก็จะเห็นว่า แม้แต่ท่วงท่าของสวี่ซูหานเวลาที่ฝ่าเท้าสัมผัสพื้น ก็ยังดูเหมือนพวกเย่เลี่ยนมาก

ปลายเท้าแนบติดพื้น ฝ่าเท้าโค้งงอขึ้นเล็กน้อย ส่วนส้นเท้านั้นสัมผัสพื้นเพียงเบาๆ แต่ทุกครั้งที่ก้าวเดิน กล้ามเนื้อทุกมัดของพวกเธอจะเริ่มทำงานกันอย่างเป็นกระบวนการ และร่างกายที่ถูกเชื้อไวรัสปรับโครงสร้างใหม่ก็จะได้รับการฝึกฝนด้วยวิธีนี้…แต่มีแค่ซอมบี้เท่านั้นที่จะทำเรื่องพวกนี้ได้อย่างเป็นธรรมชาติ และคนทั่วไปก็ไม่มีใครสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ อย่างมากก็แค่ตระหนักได้ว่าพวกเธอฝีเท้าเบามากเท่านั้น…

“เป็นเรื่องปกติที่จะมีซอมบี้ตัวอ่อนปรากฏตัวที่นี่ แต่ทำไมถึงมีสัตว์กลายพันธุ์ด้วยล่ะ…” หลิงม่อพูดเสียงเบา

เย่เลี่ยนที่อยู่อีกด้านหนึ่งกระพริบตาปริบๆ แล้วตอบว่า “อะ…อาหาร…”

“จริงสิ…” หลิงม่อถึงบางอ้อ คลังน้ำมันแห่งนี้อยู่ในป่าทึบ สถานที่ที่อยู่ใกล้ที่สุดก็มีเพียงสนามบินแห่งเดียวเท่านั้น ถ้าหากมีสัตว์กลายพันธุ์เคลื่อนไหวอยู่แถวนี้ เป้าหมายแรกในการออกล่าก็ต้องเป็นสนามบินและคลังน้ำมันอยู่แล้ว…”

“ทว่าจนถึงตอนนี้ ที่นี่ก็ยังมีซอมบี้หลงเหลืออยู่มากมาย กระทั่งยังมีโอกาสสืบพันธุ์อีกด้วย นั่นก็แสดงว่าผู้ล่าเหล่านั้นฉลาดมากน่ะสิ” จู่ๆ ซย่าน่าก็พูดขึ้น

หลิงม่อหันไปมองเธอ แล้วถามยิ้มๆ “ยังไง?”

ซย่าน่าหัวเราะคิกคัก “ล้อมรั้วเลี้ยงไงล่ะ สัตว์กลายพันธุ์ไม่ได้ไล่ฆ่าซอมบี้พวกนั้นให้หมดไป แต่พวกมันเห็นที่นี่เป็นโรงอาหาร สัตว์กลายพันธุ์พวกนี้ถึงขั้นรู้สึกข่มกลั้นความปรารถนาไว้ พี่ว่าพวกมันฉลาดไหมล่ะ?”

“เชี่ย! จริงๆ ด้วยหรอ!”

“แต่มนุษย์ควบคุมได้ยากและสืบพันธุ์ช้ากว่าซอมบี้มาก ดังนั้นทันทีที่ถูกพวกมันเจอตัว พวกพี่ก็จะกลายเป็นอาหารมื้อใหญ่ของพวกมันทันทีเลยล่ะ…” ซย่าน่ายิ้มประหลาด

ส่วนเจสันถึงแม้จะเดินนำอยู่ข้างหน้า แต่เขาก็พอได้ยินบทสนทนานี้รางๆ เขาร่างกายแข็งทื่อไปชั่วขณะ

ทว่าเขากลับไม่ได้ยินประโยคถัดไปที่ซย่าน่ากระซิบข้างหูหลิงม่อ “โดยเฉพาะพี่ เพราะพี่มีแต่กลิ่นหอมน่ากินลอยอยู่รอบตัวตลอดเวลา พี่สู้หาชุดรูปเค้กก้อนโตมาใส่ แล้วก็ชูป้าย “เชิญกิน” ซะเลยดีกว่า เหอะ มนุษย์ผู้โง่เขลา…”

“เฮ้ย!พูดเหมือนฉันเป็นตัวถ่วงพวกเธออย่างนั้นแหละ…” หลิงม่อพึมพำ แต่ในใจกลับรู้สึกตงิดๆ ขึ้นมาเล็กน้อย…พอลองคิดดูดีๆ ก็เหมือนจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ!

“ไม่มีทาง เทียบกันฉันแล้ว ชายฉกรรจ์อย่างเจสันแค่กลิ่นตัวก็ชนะขาดแล้ว ถ้ามีสัตว์กลายพันธุ์เข้ามา ก็ต้องเป็นเพราะตามกลิ่นเท้าของเขาเข้ามาแน่นอน!” หลิงม่อพูดอย่างหนักแน่น

คำพูดนี้เจสันกลับได้ยินเต็มสองรูหู เขาชะงักเท้าไปชั่วขณะ จากนั้นก็เร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นอย่างเงียบๆ…ไม่รู้ว่าหลิงม่อคิดไปเองหรือว่าอย่างไร เขารู้สึกเหมือนเจสันก้าวเท้ายาวกว่าเดิม และเขย่งปลายเท้าสูงกว่าเดิมด้วย…

“ทำอย่างนั้นแล้วกลิ่นเท้าจะหายไปหรือไง…” หลิงม่อคิดในใจ

5 – 6 นาทีต่อมา ในที่สุดทุกคนก็เดินเข้ามาในพื้นที่คลังน้ำมันโดยสมบูรณ์

หลังจากมาถึงที่นี่ ทางเดินรถก็ดูเหมือนจะแคบลงมาก หลังจากที่เริ่มมีสิ่งก่อสร้างเพิ่มขึ้นมาสองข้างทาง กลับยิ่งทำให้บรรยากาศดูวังเวงขึ้นกว่าเดิม

“ต้องระวังตัวแล้ว” เจสันพูดเสียงเบา พร้อมเปลี่ยนสีหน้าเป็นเคร่งขรึม

เปรียบเทียบกันแล้ว พวกหลิงม่อดูผ่อนคลายกว่ามาก พวกเย่เลี่ยนเริ่มสูดกลิ่นเบาๆ ส่วนหลิงม่อได้แผ่หนวดสัมผัสทางจิตออกไปสองเส้น…อาจเพราะมีรังสีอำมหิตของซอมบี้ระดับสูงกระจายอยู่โดยรอบ ดังนั้นหลังจากที่ทุกคนเดินไปไกลถึง 200 – 300 เมตร ก็ยังไม่เจอซอมบี้ซักตัว

มีแต่เสียง “กร๊อบแกร๊บๆๆๆ” ที่ดังขึ้นเป็นระยะๆ เท่านั้น ซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นอะไรบางสิ่งที่เคลื่อนไหวอยู่ในความมืด

เจสันเริ่มตื่นตระหนก แต่เขากลับไม่กล้าเดินช้าลง จึงทำได้เพียงก้าวเดินไปพร้อมกับเหงื่อชุ่มกาย

“ตรงนั้นแหละ” เขาชี้ไปที่หลังคาอาคารหลังหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกล “หลังจากเติมน้ำมันเต็มถัง พวกเราก็กลับไปได้แล้ว ดูเหมือนครั้งนี้จะโชคดีมาก…”

“อืม…” หลิงม่อเพิ่งจะรับคำ แต่จู่ๆ กลับได้ยินเสียงกรีดร้องดังขึ้น

เสียงนี้ดังขึ้นอย่างกะทันหัน ฟังจากเสียงเหมือนกำลังกรีดร้องอย่างรุนแรงจนผิดปกติ คล้ายเสียงของแมว แต่ก็คล้ายเสียงตัวอ่อนกรีดร้องด้วย…

แล้วความเงียบก็ถูกทำลายลงด้วยเหตุนี้ เจสันตกใจหนักมาก

เขาเป็นถึงชายฉกรรจ์รูปร่างใหญ่โตแต่กลับสะดุ้งตัวโยน แถมยังหดคอ แล้วพูดเสียงสั่นๆ ว่า “ซะ…ซวยแล้ว! ที่แท้พวกเราก็อับโชคมากต่างหาก! เสียงนี้น่ะ…เป็นเสียงของซอมบี้ตัวอ่อน! จบกันๆ! เวลาเหลือน้อยเต็มทีแล้ว! แถมยังอาจมีอันตรายรออยู่ข้างหน้าซะด้วย!”

“ตัวอ่อน?” หลิงม่อนึกถึงซอมบี้ทารกที่เคยเจอในเมือง A ทันที จากนั้นก็นึกถึงเจ้าซอมบี้กลายร่างตัวเล็กที่สร้างเจ้ามาสเตอร์บอลขึ้นมาตัวนั้น…ในด้านของความโหดร้าย ซอมบี้ตัวอ่อนพวกนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าซอมบี้วัยผู้ใหญ่เลยแม้แต่น้อย แต่ก็ไม่น่าจะทำให้เจสันหวาดกลัวได้ถึงขั้นนี้หรือเปล่า…

แน่นอนหลิงม่อไม่คิดว่าเขาเป็นคนขี้ขลาดอยู่แล้ว แต่เหตุผลที่น่าจะเป็นไปได้มากกว่าก็คือ—ซอมบี้ตัวอ่อนที่นี่ ต้องมีอะไรที่แตกต่างออกไปอย่างแน่นอน…

“จุดเด่นของพวกมันคืออะไร?” หลิงม่อรีบถาม

ขณะเดียวกัน พวกเย่เลี่ยนก็พากันกวาดมองไปรอบทิศ พลางเดินเข้ามารวมตัวกันช้าๆ ดูจากปฏิกิริยาของพวกเธอ ดูเหมือนจะมีบางอย่างผิดปกติจริงๆ…

สวี่ซูหานจับแขนหลิงม่อแน่นอย่างหวาดกลัว จนหลิงม่ออยากจะถามเธอว่า “ตกลงว่าเราสองคนใครกันแน่ที่เป็นซอมบี้?!”

ตอนนี้เย่เลี่ยนเดินถอยหลังมาชนหลังหลิงม่อแล้ว ซอมบี้สาวตัวนี้ยกปืนไรเฟิลขึ้นเล็งเงียบๆ แล้วพูดเสียงเบาว่า “มีบางอย่าง…กำลังมา…”

“จุดเด่น? บอกได้แค่ว่า…สมองพวกมันผิดปกติมาก เพราะพวกมันโตมาด้วยการดื่มน้ำมันเป็นอาหาร! พวกมัน…พวกมันไม่ต่างอะไรจากหุ่นยนต์กลายร่างเวอร์ชั่นจิ๋วเลย!”

เจสันเพิ่งจะพูดจบ ก็มีเสียงดังโครมดังมาจากหลังคาโกดังแห่งหนึ่งทันที และไม่นาน เงาร่างสีดำร่างหนึ่งก็ค่อยๆ ปรากฏตัวในครรลองสายตาของพวกหลิงม่อ…

เมื่อเงาร่างนี้ปรากฏขึ้น ก็มีเงาร่างอีกจำนวนมากโผล่ขึ้นมาจากทั้งสองฝั่งของหลังคาโกดังแห่งนั้น…

—————————————————————————–

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

เมื่อเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่อุบัติขึ้นและเกิดการแพร่ระบาดเป็นวงกว้าง ผู้คนบนโลกก็ต้องพบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต จากคนธรรมดาต้องกลายเป็นซอมบี้กระหายเลือด! แต่ก็ยังมีคนจำนวนหนึ่งที่รอดพ้นจากไวรัสร้ายกาจนี้ หนึ่งในนั้นคือหลิงม่อ หนุ่มเนิร์ดหน้าตาบ้านๆ แน่นอนว่าเขาต้องทุ่มเทพยายามสุดชีวิตเพื่อเอาตัวรอด แต่ไม่ใช่เพียงแค่นั้น เขายังมีภารกิจสำคัญอีกอย่างที่ต้องทำ คือช่วยแฟนสาวซอมบี้ ให้กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง สุดท้ายแล้วหลิงม่อหนุ่มธรรมดาคนนี้จะทำภารกิจสำเร็จหรือไม่ เรามาร่วมลุ้นไปด้วยกันเถอะ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset