แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ – ตอนที่ 812 ซอมบี้หัวโต

เมื่อเงาร่างเหล่านี้ปรากฏ พวกหลิงม่อก็ถูกล้อมกรอบให้อยู่ตรงกลางทันที

เสียงกรีดร้องแหลมๆ รวมถึงดวงตาแดงก่ำหลายคู่ที่สะท้อนความดุร้าย ทำให้บรรยากาศโดยรอบตึงเครียดขึ้นมาทันใด

เจสันเหงื่อไหลท่วมตัว สวี่ซูหานก็หวาดกลัวจนร่างกายสั่นเทา…

หลิงม่อเองก็เริ่มขมวดคิ้วเบาๆ ดูจากปฏิกิริยาของสัตว์ประหลาดพวกนี้ พวกมันไม่ได้กลัวซอมบี้เจ้าเมืองอย่างพวกเย่เลี่ยนเลยแม้แต่น้อย…

แต่เพราะอะไรกัน? นี่มันไม่เป็นไปตามหลักเหตุผลเลยนี่…

เวลานี้ เงาร่างหนึ่งในฝูงได้เดินมาที่ขอบหลังคาโรงงาน และมองพวกมนุษย์ที่อยู่ข้างล่างอย่างเงียบเชียบ ในขณะที่มันกำลังกวาดตามอง สายตาของมันปะทะเข้ากับหลิงม่อพอดี เสี้ยววินาทีที่สบตากัน หลิงม่ออดรู้สึกหนังศีรษะตึงชาขึ้นมาไม่ได้ เขารู้สึกเย็นวาบตั้งแต่ปลายเท้าขึ้นมาจนถึงหัว

“มันเพ่งเล็งเราแล้ว…”

ความคิดนี้ผุดขึ้นมาในสมอง จู่ๆ ซอมบี้ตัวนั้นก็ยืดคอยาว และอ้าปากแผดเสียงคำรามแปลกๆ ใส่หลิงม่อทันที

เสียงของมันคล้ายซอมบี้ตัวอ่อน แต่ระดับเสียงฟังดูน่ากลัวกว่ามาก และเมื่อเสียงคำรามของมันดังก้อง เงาร่างของซอมบี้ทุกตัวก็เริ่มเคลื่อนไหว พวกมันค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้ามาใกล้พวกหลิงม่อช้าๆ อย่างไม่เร่งรีบ ขณะเดียวกันก็แผดเสียง “ร้องไห้” แหลมๆ ออกมาด้วย…

หลิงม่อกระทั่งสัมผัสได้ถึงแววตาเย้าแหย่ของพวกมัน เหมือนแววตาที่เวลาแมววิ่งไล่จับหนู นั่นทำให้หลิงม่อถึงกับพูดไม่ออก ไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะถูกซอมบี้ระดับ “ทารก” ดูถูกอย่างนี้…

ขณะเดียวกัน หลิงม่อได้มองเห็นรูปร่างหน้าตาของเงาร่างเงาแรกอย่างชัดเจน มันดูเหมือนแมวป่าที่โตเต็มวัย ผิวของมันขาวซีดมาก จนสามารถมองเห็นเส้นเลือดสีม่วงออกช้ำที่อยู่ใต้ผิวหนังได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ ตรงข้อมือและฝ่าเท้าของมันได้เกิดการกลายพันธุ์บางอย่าง ซึ่งก็คือมีอวัยวะบางอย่างที่คล้ายปุ่มดูดงอกขึ้นมา เวลาที่มันเคลื่อนไหว ปุ่มดูดเหล่านี้จะสร้างแรงดีดตัว ทำให้มันดูเหมือนกำลังกระโดดขึ้นลง

แต่สิ่งที่สะดุดตามากที่สุด กลับเป็นหัวของมันที่ใหญ่จนผิดปกติ…บนหัวขนาดใหญ่ของมันไม่มีเส้นผมหรือขนใดๆ งอกขึ้นมาเลย ไม่มีแม้กระทั่งขนคิ้วหรือขนตา ดวงตาสีแดงเลือดลึกโบ๋เข้าไป ตรงจุดกึ่งกลางใบหน้าเหลือแค่รูจมูกสองรูที่กำลังหดตัวและขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ส่วนปากนั้น ราวกับว่ามันไม่มีริมฝีปาก ทุกครั้งที่มันอ้าปากก็จะเผยให้เห็นซี่ฟันที่แหลมคมไร้ที่เปรียบ…

“สมกับที่ดื่มน้ำมันเป็นอาหาร อย่างน้อยมันก็สืบทอดหัวโตๆ มาได้อย่างสมบูรณ์แบบ…ดูจากจมูกของมัน มันคงจะมีประสาทรับกลิ่นที่ยอดเยี่ยมแน่ๆ เพียงแต่รูปลักษณ์ของมันอยู่นอกขอบเขตทัศนคติด้านความงามของมนุษย์ไปแล้ว…”

หลิงม่อกำลังวิเคราะห์เงียบๆ ในใจ แต่เสียงสั่นๆ ของเจสันก็ดังมาจากข้างกาย “จบไม่สวยแน่คราวนี้ ปกติซอมบี้ตัวอ่อนพวกนี้มักไม่ค่อยปรากฏตัว ถึงจะโผล่มาบ้างแต่ก็ไม่เคยเกิน 1 – 2 ตัวเลย…แต่คราวนี้ทั้งที่อุตส่าห์ใกล้ถึงจุดหมายปลายทางแล้วแท้ๆ แล้วทำไมจู่ๆ กลับโผล่มาหลายตัวขนาดนี้?”

“เมื่อก่อนคุณก็เคยเจอใช่ไหม?” หลิงม่อถาม

“เคยเจอกับตัวครั้งหนึ่ง ตอนนั้นมีคนตายหนึ่งคน…” เจสันกลืนน้ำลาย เหมือนเขาเห็นภาพความทรงจำเลวร้ายในอดีตอีกครั้ง เขาพูดต่อด้วยสีหน้าตึงเครียดขึ้นกว่าเดิม “หากเจอสัตว์ประหลาดตัวเล็กพวกนี้ เราต้องระเบิดหัวของมันให้กระจุยในครั้งเดียว ถ้าอย่างนั้นก็ไม่มีประโยชน์…”

“อื่ม…” หลิงม่อเงียบขรึมทันที เขาค้นพบว่าซอมบี้ตัวอ่อนพวกนี้มีสติปัญญาในระดับหนึ่งแล้ว ครั้งนี้ที่พวกมันโผล่ออกมากันเยอะขนาดนี้ เป็นไปได้มากว่าอาจเป็นเพราะพวกเย่เลี่ยน…นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกมันไม่รู้ถึงอันตรายที่มี เพียงแต่รังสีคุกคามที่เกิดจากสัญชาตญาณอย่างนี้ไม่มากพอที่จะทำให้พวกมันร่นถอยได้

นี่มันเครื่องจักรสังหารของแท้ชัดๆ! และหากนับจากสายเลือด พวกมันก็ถือได้ว่าเป็นซอมบี้รุ่นสองแล้ว…

ไม่รู้ว่าความเร็วในการเจริญเติบโตของซอมบี้พวกนี้จะต่างจากมนุษย์หรือไม่ และไม่รู้ว่าพวกมันจะระเบิดพลังที่แท้จริงออกมาได้ตอนไหน เมื่อซอมบี้รุ่นนี้เติบโต เกรงว่าพวกมันอาจกลายเป็นซอมบี้ที่โหดร้ายกว่าซอมบี้รุ่นแรกมาก กระทั่งอาจมีความเป็นไปได้มากว่า ซอมบี้รุ่นแรกอาจกลายเป็นอาหารของซอมบี้รุ่นหลังเพื่อวิวัฒนาการขั้นต่อไป…

และพวกซอมบี้รุ่นแรก ก็คงไม่เหลือความเป็นไปได้ที่อาจปลุกอารมณ์ความรู้สึกของมนุษย์กลับคืนมาได้ เพราะนับตั้งแต่ที่พวกมันถือกำเนิดขึ้นมา พวกมันก็ได้ละทิ้งความเป็นมนุษย์ไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว…

หลิงม่อเริ่มคาดเดาบางอย่างขึ้นมาได้รางๆ แล้ว บางทีสำหรับฝูงซอมบี้ นี่อาจเป็นการวิวัฒนาการหมู่อย่างหนึ่งก็ได้…รุ่นพี่เอาแต่หมกมุ่นเรื่องอยากมีลูก แต่ความจริงแล้วมันเป็นผลจากการที่สัญชาตญาณในการสืบพันธุ์กำลังทำงานอยู่ในตัวเธอ แม้แต่ซอมบี้สาวที่อยู่ข้างกายหลิงม่อยังเป็นอย่างนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงซอมบี้สัตว์ป่าพวกนั้นเลย…

“ช่วงนี้เรามัวแต่ยุ่งอยู่กับเรื่องการแย่งทรัพยากรกันระหว่างผู้รอดชีวิต แต่กลับไม่ได้ให้ความสำคัญเรื่องการแข่งขันกันในฝูงซอมบี้…ดูจากสถานการณ์ตอนนี้ ไม่ว่าซอมบี้ระดับสูงที่มีความสามารถกลายพันธุ์ หรือซอมบี้กลายร่างที่ผุดขึ้นมาเรื่อยๆ ราวกับดอกเห็ด รวมถึงซอมบี้ตัวอ่อนพวกนี้ ล้วนเป็นผลผลิตที่เกิดจากวิวัฒนาการของเชื้อไวรัสทั้งนั้น…ไม่รู้ว่าเชื้อไวรัสวิวัฒนาการไปถึงขั้นไหนแล้ว แต่ถ้าหากมันยังไม่เปลี่ยนแปลงลักษณะวิวัฒนาการกลืนกิน พวกเย่เลี่ยนก็จะไม่มีวันปลอดภัย…

“ยิ่งพวกเธอวิวัฒนาการช้าเท่าไหร่ อันตรายก็ยิ่งมาถึงตัวเร็วขึ้นเท่านั้น ก็เหมือนกับซอมบี้ตัวอ่อนพวกนี้ พวกมันไม่เพียงอยากล่าและฆ่าเรากับเจสัน แต่ยังอยากฆ่าซอมบี้ด้วยกันเองอีกด้วย แต่ซอมบี้ถือว่ามีมาตรฐานการเลือกคู่ครองที่สูงมาก โดยเฉพาะซอมบี้ระดับสูง…ถ้าเป็นอย่างนั้น ซอมบี้ตัวอ่อนส่วนใหญ่ที่เกิดที่นี่ พ่อแม่ของพวกมันน่าจะเป็นอยู่ในระดับซอมบี้กลายพันธุ์สินะ? ไม่รู้ว่าซอมบี้ร่างแม่จะส่งผลกระทบอะไรต่อวิวัฒนาการของมันบ้างหรือเปล่า และไม่รู้ว่าพวกมันถือว่าอยู่ในระดับไหนกันแน่…”

ดวงแสงแห่งจิตของซอมบี้ตัวอ่อนมีความแตกต่างจากซอมบี้วัยผู้ใหญ่มาก ดังนั้นหลิงม่อจึงไม่อาจสรุปอะไรได้จากการสังเกตอย่างเดียว นอกจากนี้ เนื่องจากข้อจำกัดด้านรูปร่าง รูปแบบการโจมตีของซอมบี้ตัวเล็กพวกนี้จึงแตกต่างออกไป ถึงแม้จะสามารถบอกระดับได้ แต่ก็ไม่อาจคาดเดาถึงพลังต่อสู้ของพวกมันได้อยู่ดี…

หลิงม่อเพิ่งจะหยุดคิดและหันมาสนใจสถานการณ์ตรงหน้า ซอมบี้ตัวอ่อนตัวนั้นก็แผดเสียงกรีดร้องขึ้นมาอีกครั้ง เสียงของมันสูงขึ้นในชั่วพริบตา จนทำให้หลิงม่อได้ยินเสียง “วิ้ง” ในหู และมึนหัวไปชั่วขณะ ซ้ำยังรู้สึกเหมือนอยากจะอาเจียนออกมาด้วย

“ชิท อะไรวะเนี่ย? โจมตีด้วยคลื่นเสียงงั้นหรอ!”

ไม่คิดเลยว่าระบบการเปล่งเสียงของซอมบี้ตัวอ่อนพวกนี้จะกลายพันธุ์ไปด้วย หลิงม่อถูกเล่นงานโดยไม่ทันตั้งตัวซะแล้ว

พอเห็นหลิงม่อโอดครวญ ซอมบี้ตัวอ่อนตัวนั้นกลับเอียงคอ และเปล่งเสียงหัวเราะแหบๆ ออกมาด้วย “ฮี่ฮี่”

“มีอะไรน่าหัวเราะนักวะ!” หลิงม่อเดือดดาล ทว่าถึงแม้ว่าเขาจะแผ่หนวดสัมผัสออกมาแล้ว แต่เนื่องจากอาการมึนศีรษะ เขาจึงไม่สามารถเล็งเป้าหมายได้ ชั่วขณะหนึ่งเขาถึงขั้นสูญเสียความสามารถในการใช้พลังพิเศษไป

เจสันที่อยู่ข้างๆ กลับรีบยกมือขึ้นปิดหู แต่ดูเหมือนมันจะไม่ได้ช่วยอะไรมาก เขาตะโกนเสียงดัง “พี่หลิง คิดหาทางเร็วเข้า เจ้าสัตว์ประหลาดตัวเล็กพวกนี้มีกันเยอะขนาดนี้ ผลกระทบจากเสียงกรีดร้องจะต้องรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ แน่!”

“อ้าว โยนปัญหามาให้กันตรงๆ อย่างนี้เลยหรอ…แต่ไอ้ตัวเล็กพวกนี้มันเซียนมือปราบผู้มีพลังจิตชัดๆ…”

หลิงม่อหงุดหงิด

ซอมบี้ตัวเล็กพวกนี้สลับกันกรีดร้องไปมาไม่หยุด แม้แต่พวกเย่เลี่ยนก็ยังได้รับผลกระทบในระดับที่ต่างกันไปด้วย หลิงม่อหน้าถอดสีเล็กน้อย ขณะเดียวกันเขาก็เริ่มทำความเข้าใจซอมบี้ตัวอ่อนพวกนี้ได้มากขึ้นอีกขั้น

ไม่น่าล่ะพวกมันถึงได้ไม่กลัวซอมบี้ระดับสูง ที่แท้พวกมันก็มีข้อได้เปรียบอย่างนี้อยู่นี่เอง และนี่ก็เป็นการยืนยันการคาดเดาของหลิงม่ออีกขั้นหนึ่ง ว่าซอมบี้ตัวอ่อนพวกนี้สมบูรณ์แบบกว่าซอมบี้รุ่นแรก…

“แม้กฎของการวิวัฒนาการคือถูกกำจัด แต่เราไม่มีทางปล่อยให้พวกเย่เลี่ยนถูกกำจัดแน่นอน…ซอมบี้สัตว์ป่าไม่สามารถเปลี่ยนชะตาชีวิตได้ ได้แต่ใช้ชีวิตไปตามกฎธรรมชาติ แต่พวกเย่เลี่ยนไม่เหมือนกัน…ทรัพยากรที่เราหาได้ก็มากพอที่จะช่วยเหลือพวกเธอ!” หลิงม่อคิดในใจ

“วี๊ดดด…”

ซอมบี้ตัวอ่อนตัวนั้นกรีดร้องอย่างได้ใจขึ้นมาอีกครั้ง ซอมบี้ตัวอ่อนที่กำลังประชิดเข้ามาใกล้เหล่านั้นเริ่มพากันกระโดดโลดเต้น พวกมันกรีดร้อง พลางกระโจนเข้ามาทางกลุ่มมนุษย์อย่างรวดเร็ว

ซอมบี้ตัวอ่อนเหล่านั้นสามารถกระโดดไกลถึง 4 – 5 เมตรได้ในครั้งเดียว แถมเมื่อร่างกายแตะพื้นพวกมันก็ไม่ได้สะดุดช้าลงเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม กลับยิ่งคล่องแคล่วกว่าเดิมด้วยซ้ำ

ซอมบี้ตัวอ่อนที่ถูกหลิงม่อจ้องอยู่ตลอดตัวนั้นกลับอยู่บนหลังคาเหมือนเดิม มันกระทั่งถอยหลังไปสองสามก้าว และดูเหมือนไม่คิดที่จะเข้ามาสู้ระยะประชิด แต่ยังคงแผดเสียงร้องอย่างต่อเนื่อง

“เจ้าตัวนั้นคงเป็นหัวหน้าหมู่ของลูกเสือกลุ่มนี้สินะ? ดูเหมือนว่ามันจะเป็นตัวที่มีสติปัญญาสูงที่สุด…” หลิงม่อรีบพุ่งเป้าความสนใจไปที่ซอมบี้ตัวอ่อนตัวนั้นทันที แต่อีกฝ่ายกลับเหมือนรับรู้ได้ มันก้าวถอยไปด้วยความเร็วกว่าเดิม พร้อมแผดเสียงรัวเร็วกว่าเดิม

การโจมตีของเหล่าซอมบี้ตัวอ่อนรุนแรงขึ้นทันที พวกมันประชิดเข้ามาใกล้จากทุกทิศด้วยความเร็วสูง

เจสันตกใจร้อง “ว๊าก” เสียงหลง เขายกปืนขึ้นแต่กลับไม่สามารถเล็งเป้าอย่างแม่นยำได้ ลูกกระสุนที่สาดออกมาของเขาจึงยิงโดนแต่พื้นที่ว่างเปล่า

โชคดีที่ถึงแม้พวกเย่เลี่ยนจะได้รับผลกระทบในระดับหนึ่ง แต่สัญชาตญาณการต่อสู้ในฐานะซอมบี้กลับระเบิดออกมาในเวลานี้

เย่เลี่ยนลั่นไกรัวๆ อย่างไม่ต้องเสียเวลาเล็งเป้า เมื่อกระสุนถูกสาดออกไป ซอมบี้ตัวอ่อนที่อยู่ใกล้ที่สุดก็ถูกยิงกลางอากาศ และกระเด็นไปชนกำแพงด้านหลังทันที

เมื่อซอมบี้ตัวอ่อนตัวนั้นพุ่งชนกำแพงก็เกิดเสียงดัง “โครม” ในขณะที่ร่างของมันร่วงลงกระแทกพื้น มันก็อ้าปากแผดเสียงคำรามขึ้นมาทันที

หลิงม่อหันไปมองซอมบี้ตัวอ่อนตัวนั้นแวบหนึ่ง จากนั้นก็เข้าใจคำว่าระเบิดหัวที่เจสันบอกทันที

ร่างกายครึ่งท่อนของซอมบี้ตัวนั้นถูกกระสุนปืนไรเฟิลระเบิดจนเละไปแล้ว แต่กลับสามารถพุ่งตัวเข้ามาด้วยความเร็วกว่าเดิมอีกครั้ง มันถึงขั้นยัดอวัยวะภายในของตัวเองกลับเข้าไปข้างใน…

“เชี่ย! โหดมาก!”

แต่ซอมบี้ตัวอ่อนพวกนี้เคลื่อนไหวเร็วมากจริงๆ บวกกับรูปร่างที่เล็ก จึงทำให้เล็งเป้าได้ยากมาก

หลิงม่อยกปืนพกที่เจสันให้เขาไว้เมื่อกี้ และลั่นไกรัวๆ ออกไปอย่างไม่ลังเล สีหน้าของเขาตอนนี้กำลังเคร่งเครียดมาก

หลายวินาทีผ่านไป จู่ๆ เจสันที่อยู่ข้างๆ ก็มองหลิงม่อด้วยสายตาแปลกๆ แล้วเตือนเขาอย่างกล้าๆ กลัวๆ “พี่หลิง พี่ยิงไม่โดนซักนัดเลยนะ…”

“ผมแค่ต้องการเบนความสนใจของพวกมัน มันเป็นกลยุทธ์อย่างหนึ่ง…ถอยไปทางกำแพงก่อน! ถูกล้อมโจมตีรอบทิศ สถานการณ์แย่เกินไปสำหรับพวกเรา” หลิงม่อกลับพูดตัดบทเขา

“ถอย!”

หลิงม่อรัวกระสุนออกไปอีกหลายนัด ขณะเดียวกันก็พยายามรวบรวมสมาธิไปด้วย

“รีบฟื้นพลังกลับมาสิ…”

—————————————————————————–

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

เมื่อเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่อุบัติขึ้นและเกิดการแพร่ระบาดเป็นวงกว้าง ผู้คนบนโลกก็ต้องพบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต จากคนธรรมดาต้องกลายเป็นซอมบี้กระหายเลือด! แต่ก็ยังมีคนจำนวนหนึ่งที่รอดพ้นจากไวรัสร้ายกาจนี้ หนึ่งในนั้นคือหลิงม่อ หนุ่มเนิร์ดหน้าตาบ้านๆ แน่นอนว่าเขาต้องทุ่มเทพยายามสุดชีวิตเพื่อเอาตัวรอด แต่ไม่ใช่เพียงแค่นั้น เขายังมีภารกิจสำคัญอีกอย่างที่ต้องทำ คือช่วยแฟนสาวซอมบี้ ให้กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง สุดท้ายแล้วหลิงม่อหนุ่มธรรมดาคนนี้จะทำภารกิจสำเร็จหรือไม่ เรามาร่วมลุ้นไปด้วยกันเถอะ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset