แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ – ตอนที่ 830 ตามเงาอสรพิษไป

“และฉัน…ก็จะเป็นคนที่รอด!” ชายสวมแว่นกัดฟันกรอด พร้อมกับเร่งฝีเท้าให้เร็วกว่าเดิม…

หลายสิบวินาทีผ่านไป บนทางเดินเส้นเดิม มีเงาร่างใครคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง ทว่าเงาร่างสูงโปร่งนี้ราวกับเดินออกมาจากเงามืดโดยตรง ไม่เพียงไร้เสียงเคลื่อนไหว แม้กระทั่งท่าทางยามปรากฏตัวก็ยังดูประหลาดมาก พูดอีกอย่างก็คือ เหมือนข้อต่อกระดูกทุกส่วนในร่างกายสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ…ดวงตาที่เปลี่ยนสีไปเล็กน้อยของเธอจ้องเขม็งไปยังข้างหน้า ขณะเดียวกันก็ยกมือขึ้นแตะปลายจมูก “เจ้ามนุษย์คนนี้ช่างหนีเก่งจริงๆ…แต่ถึงฉันจะไม่ได้กลิ่นแก ก็ยังตามแกเจอน้า…”

พูดไป เธอก็เลื่อนสายตาไปมองบนพื้น บนแผ่นกระเบื้องสกปรกและกำแพงมืดมัว เธอเหมือนเห็นบางสิ่งที่ต่างออกไป เมื่อขอบม่านตาของเธอค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีเหลืองอำพัน กลิ่นอายรอบกายและบุคลิกของเธอก็เปลี่ยนแปลงไป เมื่อกี้เธอแค่ดูทรงเสน่ห์ชวนหลงไหล แต่ตอนนี้กลับมีกลิ่นอายอันตรายเพิ่มขึ้นมา

สายตาของเธอแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชากว่าเดิม ท่าทางแลบลิ้นเลียริมฝีปากเบาๆ นั้น เหมือนกับงูพิษที่กำลังขู่ฟ่อๆ… “เจอแล้ว” จู่ๆ หลี่ย่าหลินก็หัวเราะ ขณะกำลังจ้องกระเบื้องแผ่นหนึ่งบนพื้น

ดูผิวเผิน กระเบื้องพวกนี้ไม่มีอะไรพิเศษ แต่หลังจากที่ม่านตาเปลี่ยนสี ดวงตาของหลี่ย่าหลินจะสามารถตรวจจับความร้อนได้ ซึ่งภาพที่เธอเห็นในขณะม่านตาเปลี่ยนสีก็จะเปลี่ยนแปลงไปด้วย ถึงแม้สิ่งที่เธอเห็นจะไม่ได้แตกต่างไปจากปกติมากนัก แต่ในบางจุดเธอจะสามารถมองเห็นจุดแสงสีเหลืองแดงหลายจุด และจุดที่หลี่ย่าหลินกำลังจ้องอยู่ในตอนนี้ ก็คือพื้นที่ที่มีจุดแสงสีเหลืองแดงอยู่มากที่สุด

“ถึงแม้ตอนนี้ฉันจะมีลักษณะเด่นของงูกลายพันธุ์อยู่แค่บางส่วน แต่แค่นี้ก็สามารถตามตัวแกได้แล้ว…จุดแสงอื่นๆ อ่อนแอเกินไป ต้องเป็นของกลุ่มมนุษย์ก่อนหน้านี้แน่ๆ และกลุ่มจุดแสงที่อยู่ตรงนี้ ต้องเป็นของเจ้ามนุษย์แว่นนั่นแน่นอน…น่าเสียดายที่จุดแสงพวกนี้ไม่สามารถมองเห็นตลอดเวลา จะตามรอยไปด้วยสิ่งนี้ตลอดก็ไม่ได้ แต่หลิงม่อเคยบอกว่า ถ้าฉันวิวัฒนาการอีกฉันก็จะได้รับความสามารถของงูกลายพันธุ์เพิ่ม จะเป็นพลังแบบไหนกันนะ…”

หลี่ย่าหลินเผยสีหน้าคาดหวัง สามวันมานี้เธอกินก้อนเหนียวหนืดของสัตว์กลายพันธุ์และไวรัสนางพญาไปไม่น้อย ซึ่งนั่นทำให้สัตว์กลายพันธุ์ที่อาศัยอยู่รอบๆ คลังน้ำมันแทบจะถูกฆ่าจนเกลี้ยง มีเพียง “นก” ที่เฮยซือวาดให้หลิงม่อดูตัวนั้น ที่ไม่ปรากฏตัวออกมาให้เห็น

หลังจากที่กลืนก้อนไวรัสเหนียวหนืดของสัตว์กลายพันธุ์นานาชนิดลงไป ร่างกายของหลี่ย่าหลินก็ได้เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นมากมาย ลักษณะเด่นของงูกลายพันธุ์ที่ตัวเธอมีอยู่แล้วชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เธอเหมือนร่างรวมที่เกิดจากการหล่อหลอมระหว่างซอมบี้ชนชั้นสูงและงูกลายพันธุ์ระดับสูง ตอนนี้เธอเหมือนกำลังอยู่ในช่วงที่การเปลี่ยนแปลงเชิงปริมาณได้สะสมมาจนถึงระดับหนึ่ง และกำลังรอให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพ

หลังหัวเราะเบาๆ ร่างของหลี่ย่าหลินโฉบหายไป แล้วเธอไปก็ปรากฏตัวอยู่ในจุดที่ห่างออกไปห้าเมตรในชั่วพริบตา แต่ไม่นานเธอก็หายตัวเข้าไปในความมืดอีกครั้ง ราวกับงูพิษที่เลื้อยเข้าไปในพุ่มหญ้า…

………..

“ไปทางนี้”

หลังจากที่พาเย่เลี่ยนกับซย่าน่าลงมาจากอาคารชั้นบนสุด หลิงม่อก็พาพวกเธอวิ่งเข้าห้องนั้นออกห้องนี้อย่างรวดเร็ว ในพื้นที่แคบๆ เพียงเท่านี้ เขาอาศัยสายสัมพันธ์ทางจิตตามหาทิศที่หลี่ย่าหลินอยู่ได้อย่างสบายๆ แต่รุ่นพี่เคลื่อนไหวเร็วเกินไป แถมยังชอบเปลี่ยนทิศทางไปมากะทันหัน นั่นทำให้หลิงม่อไล่ตามเธอไม่ทันเสียที

แน่นอนว่าที่เป็นแบบนี้ ก็เพราะชายสวมแว่นเอาแต่หลบซ้ายหลบขวาไม่หยุด…

“แต่จะว่าไป…ถึงแม้เย่เลี่ยนเองก็เร็วเหมือนกัน แต่ส่วนมากเธอมักระเบิดความเร็วในพื้นที่เล็กๆ ซึ่งมันเหมือนการอาศัยเชื้อไวรัสที่ถูกกระตุ้นออกมากะทันหันมากกว่า…ถึงอย่างไรการกลายพันธุ์ส่วนที่สำคัญของเธอก็อยู่ที่ดวงตา ศักยภาพด้านร่างกายไม่ได้โดดเด่น ซ้ำยังไม่มั่นคงเพราะกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างกับร่างกายด้วย…”

“แต่ร่างกายกว่าครึ่งส่วนของรุ่นพี่ล้วนมีคุณสมบัติของสัตว์กลายพันธุ์อยู่ และในคุณสมบัติเหล่านั้นลักษณะเด่นของงูกลายพันธุ์ก็แสดงออกมาให้เห็นชัดเจนที่สุด…ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นความเร็วในการเคลื่อนไหวในเวลาปกติ หรือความเร็วที่ระเบิดออกมาในชั่วพริบตาขณะที่กำลังต่อสู้ ล้วนเหนือกว่าซอมบี้ระดับสูงทั่วไปมากทีเดียว…จุดอ่อนหนึ่งเดียว อาจอยู่ที่พละกำลังค่อนข้างน้อย แต่ขอเพียงเร็วพอ พละกำลังก็ไม่ใช่เรื่องที่สำคัญที่สุด ยิ่งไปกว่านั้นถึงเธอจะอ่อนแอขนาดไหน แต่ก็ยังแข็งแกร่งกว่ามนุษย์อยู่หลายเท่า…”

หลิงม่อวิเคราะห์ในใจ เย่เลี่ยนสามารถฆ่าผู้มีความสามารถพิเศษทีเดียวสองคนได้ในพริบตา นอกจากความเร็วที่ระเบิดออกมาแล้ว ส่วนสำคัญก็คือดวงตาคู่นั้นของเธอ ที่สามารถจับทิศทางที่อีกฝ่ายหมายจะหลบหลีกไป และในเสี้ยววินาทีที่ลงมือเธอก็ได้เล็งอวัยวะสำคัญที่อันตรายถึงชีวิตของอีกฝ่ายไว้ ความสามรถในการโจมตีอันแม่นยำอย่างนี้ หลิงม่อยังไม่เคยเห็นจากซอมบี้ตัวไหนมาก่อน

“อาจเกี่ยวข้องกับที่เธอใช้ปืนไรเฟิลจู่โจมก็ได้ ถ้าไม่อย่างนั้นก็คงไม่กลายพันธุ์ส่วนดวงตา แต่เรื่องเป็นมาอย่างไรกันแน่นั้น คงจะมีแต่เด็กโง่เท่านั้นที่รู้ดีที่สุด…” หลิงม่อคิดในใจเงียบๆ

“ตอนนี้ก็เหลือเขาคนเดียวแล้ว ยังคิดจะขัดขืนอีกงั้นหรอ?” จู่ๆ ซย่าน่าก็พูดขึ้น พร้อมกับยิ้มประหลาด

“อะไรนะ?” หลิงม่อหลุดออกจากภวังค์ความคิด และถามกลับโดยสัญชาตญาณ

ซย่าน่าหันไปมองเย่เลี่ยน จากนั้นก็บอกกับหลิงม่อว่า “ตั้งแต่ที่พวกเราฆ่าเปิดทางขึ้นไปจนถึงชั้นบนสุด จนถึงตอนนี้เวลาก็ผ่านไปนานแล้ว ถึงเขาจะเป็นผู้มีพลังจิต ไม่กล้าเสี่ยงกระโดดตึก แต่ตอนนี้เขาเหลือตัวคนเดียวแล้ว เขาน่าจะคิดหาทางหนีออกไปให้เร็วที่สุดมากกว่าไม่ใช่หรอ? แต่ทำไมฉันถึงรู้สึกว่า…เขากำลังล่อให้พวกเราอ้อมไปอ้อมมาล่ะ?”

หลิงม่อขมวดคิ้วครุ่นคิด แล้วบอกว่า “ถ่วงเวลาหรอ?”

“อาจเป็นไปได้…” ซย่าน่าพยักหน้า แล้วพูดด้วยดวงตาเป็นประกายว่า “แต่ก็มีความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่ง…ระเบิดไม่ได้มีแค่บนดาดฟ้า แต่ยังมีในตัวตึกด้วย พี่หลิงลองคิดดูสิ ในเมื่อพวกเขาลงมือจับพี่ ก็คงไม่คิดจะปล่อยให้พี่มีชีวิตรอดออกไปได้หรอกใช่ไหม? ดังนั้นไม่แน่ว่าพวกเขาอาจเตรียมวิธีการที่รุนแรงยิ่งกว่าไว้แล้วก็ได้…”

“แต่มนุษย์คนนี้ก็ไม่ได้ถือว่าโง่เขลามาก เขาต้องรู้แน่นอนว่ายังมีคนอื่นอยู่ข้างนอกอีก ดังนั้นเขาจึงคิดหาทางลดกำลังเสริมในการไล่ล่าตัวเองก่อน แล้วค่อยหาวิธีหนีเอาตัวรอด…จะว่าไปแล้ว ถ้าหากไม่ใช่ว่าพวกเขาสูญเสียไพ่ตายอย่างกำลังคนในการซุ่มยิงไป พวกเราก็คงไม่สบายขนาดนี้…” ซย่าน่าพูดพลางกัดเล็บไปด้วย สีหน้าท่าทางของเธอในตอนนี้เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาไม่หยุด เดี๋ยวก็ทำหน้าประหลาด เดี๋ยวก็ทำหน้าเคร่งเครียด…

“ไม่ว่าจะมีวิธีอะไรซ่อนอยู่ วันนี้ฉันจะต้องจับเขาให้ได้ ก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะเอายังไงต่อไป ต้องรู้รายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างฟอลคอนที่ 1 กับฟอลคอนที่ 2 ก่อน และเจ้าแว่นนั่นก็เป็นตัวเลือกในการเค้นข้อมูลที่ดีที่สุด…เดี๋ยวก่อน” จู่ๆ หลิงม่อก็ชะงักเท้า แล้วหลับตาลง ไม่กี่วินาทีต่อมา เขาค่อยๆ ลืมตา พร้อมกับภาพวาดที่ปรากฏขึ้นในสมอง

มันคือภาพวาดแบบง่ายจากเฮยซือนั่นเอง แต่คราวนี้ลายเส้นกลับดูเหมือนถูกวาดลวกๆ ยิ่งกว่าเดิม บนเส้นสีดำหนาๆ ที่สงสัยว่าน่าจะเป็นถนน มีกากบาทที่ถูกวาดด้วยปากกาสีแดงอยู่เป็นพรวน นอกจากนี้ยังมีวงกลมมากมายถูกวาดประกอบไว้โดยรอบ…และข้อมูลที่ถูกส่งมาจากเฮยซือก็เป็นเพียงข้อความสั้นๆ ว่า “พวกเขามีเครื่องมือวัดแปลกๆ อยู่ด้วย และดูเหมือนว่าจะมีคนคนหนึ่งสามารถสัมผัสรู้ถึงพวกเราได้ ติดต่อกันมากๆ จะถูกจับได้”

หลิงม่อขมวดคิ้วเพ่งมองอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันไปมองเย่เลี่ยนกับซย่าน่าที่กำลังทำหน้าสงสัยกันอยู่ “ทีมช่วยเหลือของฟอลคอนมาถึงแล้ว พวกนั้นมากันไม่น้อย แถมดูเหมือนจะเตรียมการมาพร้อมมาก พวกเราต้องเร่งมือแล้ว พวกอวี๋ซือหรานคงถ่วงเวลาไว้ได้แค่ช่วงหนึ่ง ทางเหล่าเจิ้งเองก็คงต้านไว้ได้ไม่นาน แต่เจ้าแว่นนั่น…วันนี้เขาหนีไม่พ้นแน่!”

ตึกหลังนี้นอกจากลิฟท์แล้ว ยังมีบันไดอยู่ทั้งหมดอีกสามเส้น เส้นแรกคือเส้นที่หลิงม่อเดินขึ้นมา อีกเส้นคือเส้นที่ใช้เดินทะลุไปยังห้างชั้น 1 และเส้นที่สามน่าจะเป็นทางหนีไฟ เพราะมันเชื่อมต่อกับซอยเล็กๆ ด้านหลังตึกโดยตรง

ร้านค้าในตึกมีอยู่มากมาย ถึงแม้จะไม่สามารถเป็นที่ซ่อนระยะยาวได้ แต่ก็ยังโฉบหลบไปมาอยู่ในนี้ได้ระยะหนึ่ง พลังพิเศษของชายสวมแว่นนั้นประหลาดมาก ถ้าหากไม่ใช่ว่าหลี่ย่าหลินยังพอจะจับเบาะแสได้บ้าง พวกเขาอาจคิดว่าคนคนนี้หนีไปแล้วก็ได้

“แม้แต่พลังจิตสำรวจก็ยังไม่เจอ…แต่ดูจากระดับการเผาผลาญ เขาน่าจะอดทนไปได้อีกไม่นาน…” หลิงม่อวิ่งลงบันไดไปอย่างรวดเร็ว พลางคิดในใจ

………..

ณ ตอนนี้ ชายสวมแว่นได้ลงมาถึงห้างสรรพสินค้าที่อยู่ชั้น 1 ของตึกแล้ว ทว่าเขาไม่ได้มองไปยังประตูทางออก แต่กลับมองไปยังตำแหน่งใจกลางของห้างฯ

“หนีออกไปตอนนี้มีแต่จะตายกับตาย พวกมันมีกันทั้งหมดสิบคน กลุ่มที่เข้ามาในนี้กลับมีไม่เกินห้าคน…แต่ฉันไม่มีทางยอมตายแน่นอน ไม่มีทาง…” ชายสวมแว่นกำรีโมทในมือแน่น จากนั้นก็วิ่งเข้าไปในห้างสรรพสินค้าโดยตรง หลังจากที่เขาวิ่งหายเข้าไปท่ามกลางชั้นวางสินค้ามากมายได้ไม่นาน หลี่ย่าหลินก็โผล่มายืนอยู่ในจุดเดิมที่เขาเคยยืนอย่างเงียบเชียบ

“เจ้ามนุษย์ตัวปัญหา…ยังคิดจะหนีต่ออีกหรอ?” หลี่ย่าหลินยกมือเสยผมลอนขึ้น แล้ววิ่งตามไปอีกครั้ง…

ผ่านไปครู่หนึ่ง หลิงม่อกับสองสาวซอมบี้ก็ได้ลงมาถึงห้างสรรพสินค้าชั้นนี้แล้วเหมือนกัน เขามองซ้ายมองขวา สุดท้ายก็หันไปทางประตูลิฟท์ตัวหนึ่งที่อยู่ด้านหน้า

“ชั้นใต้ดิน…เป็นตลาดหรอ? ในเมื่อเขาเลือกที่จะลงไป ก็แสดงว่าทางออกไม่ได้มีอยู่แค่สามทาง แต่มีสี่ทางสินะ…แต่ข้างล่างนี้…ต้องมีอะไรซ่อนอยู่แน่ๆ…” หลิงม่อสลับมุมมองสายตาช่วงสั้นๆ ดูจากการเคลื่อนไหวของหลี่ย่าหลินแล้ว ชายสวมแว่นยังคงวิ่งวนไปมาอยู่ในตลาดไม่หยุด

ขณะเดียวกับที่หลิงม่อกำลังครุ่นคิดเงียบๆ จู่ๆ ดวงแสงแห่งจิตดวงหนึ่งก็ได้ปรากฏขึ้นท่ามกลาง “ครรลองสายตา” ของหลิงม่อ แม้จะเป็นแค่ช่วงสั้นๆ แต่มันกลับทำให้หลิงม่อยืนยันทิศทางของชายสวมแว่นได้อย่างรวดเร็ว

“ใกล้หมดแรงแล้วสินะ?” หลิงม่อมองลงไปชั้นล่าง หลังจากนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็โบกมือแล้วเดินลงไป

ซย่าน่าถือเคียวดาบเดินตามอยู่ข้างหลัง ส่วนเย่เลี่ยนนั้นก้มมองปืนไรเฟิลจู่โจมในมือ ความลังเลแล่นผ่านดวงตาเย็นชาของเธอ แต่ไม่นาน เธอก็เดินตามลงไป…

“ลงมาสิ ลงมาให้หมด…ลงมาแค่คนเดียวจะพอได้ยังไง…”

ชายสวมแว่นยืนอยู่ในพื้นที่ที่ค่อนข้างโล่งกว้าง ด้านหลังของเขามีกรงเหล็กที่เพิ่งถูกเชื่อมขึ้นมาอยู่หนึ่งกรง…พื้นด้านล่างกรงเหล็กมีฐานรองรับอยู่ มองผ่านๆ อาจดูเหมือนไม่มีอะไรพิเศษ แต่เมื่อชายสวมแว่นเหลือบมองไปทางนั้น มุมปากของเขากลับกระตุกขึ้น เผยให้เห็นรอยยิ้มชั่วร้าย “ลงมาเลย…”

—————————————————————————–

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

เมื่อเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่อุบัติขึ้นและเกิดการแพร่ระบาดเป็นวงกว้าง ผู้คนบนโลกก็ต้องพบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต จากคนธรรมดาต้องกลายเป็นซอมบี้กระหายเลือด! แต่ก็ยังมีคนจำนวนหนึ่งที่รอดพ้นจากไวรัสร้ายกาจนี้ หนึ่งในนั้นคือหลิงม่อ หนุ่มเนิร์ดหน้าตาบ้านๆ แน่นอนว่าเขาต้องทุ่มเทพยายามสุดชีวิตเพื่อเอาตัวรอด แต่ไม่ใช่เพียงแค่นั้น เขายังมีภารกิจสำคัญอีกอย่างที่ต้องทำ คือช่วยแฟนสาวซอมบี้ ให้กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง สุดท้ายแล้วหลิงม่อหนุ่มธรรมดาคนนี้จะทำภารกิจสำเร็จหรือไม่ เรามาร่วมลุ้นไปด้วยกันเถอะ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset