แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ – ตอนที่ 834 ระเบิดพลังจิตแบบพลีชีพ

“ฮ่าๆๆๆ…” ชายสวมแว่นเซไปสองก้าวอย่างอ่อนแรง เขาหัวเราะออกมาราวกับบ้าคลั่งไปแล้ว “หนีไม่พ้นก็ตาย ลากพวกแกให้ตายไปด้วยก็ตายเหมือนกัน คนโง่ที่ไหนก็รู้ว่าควรเลือกยังไง…”

แต่ไม่นาน เสียงหัวเราะของชายสวมแว่นพลันเหือดแห้ง สีหน้าเขาเริ่มค้างเติ่งไปทีละนิดๆ

หลิงม่อไม่ได้ขยับไปไหน

และตั้งแต่วินาทีที่เขากดรีโมท หลิงม่อก็เอาแต่กระตุกยิ้มมุมปากอยู่ตลอด…

“ทำไมมันถึงยิ้ม? เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว มันยังยิ้มอยู่ได้ยังไง?” ชายสวมแว่นความคิดสับสนวุ่นวาย จนกระทั่งสองวินาทีต่อมา เขาถึงได้ตะโกนเสียงดัง “ระเบิดล่ะ?! ฉันกดไปแล้ว…”

เขากดปุ่มรีโมทที่กำไว้ในมือแน่น แต่รอบด้านกลับยังคงเงียบงัน…

“ไม่…มันต้องไม่ใช่แบบนี้…แกทำอะไรใช่ไหม แกต้องทำอะไรบางอย่างแน่ๆ”

รีโมทควบคุมร่วงตกลงไปในน้ำดัง “จ๋อม” แขนของชายสวมแว่นสั่นกระตุกอย่างแรง เขาถอยหลังโดยสัญชาตญาณ แล้วจ้องหน้าหลิงม่ออย่างเหลือเชื่อ แต่เพิ่งจะถอยไปได้ไม่ถึงสองก้าว เขาก็เท้าอ่อน ล้มก้นจ้ำเบ้าลงไปในน้ำ สองมือยันพื้น แล้วคลานถอยหลังต่อไปด้วยหน้าซีดเผือด

“เป็นไปไม่ได้…แกทำได้ยังไง…” ชายสวมแว่นพึมพำซ้ำไปซ้ำมา ในที่สุดสีหน้าหวาดกลัวก็เข้ามาแทนที่สีหน้าเหี้ยมเกรียมก่อนหน้านี้ วินาทีที่เขากดปุ่มสั่งการ เรี่ยวแรงทั้งหมดหดหายราวกับถูกระชากออกจากร่างไป ความสามารถพิเศษของเขาค่อยๆ อ่อนประสิทธิภาพลงเรื่อยๆ เขาไม่สามารถฮึดเรี่ยวแรงขึ้นมาได้เลยแม้แต่นิดเดียว

เห็นหลิงม่อเอามือสอดกระเป๋าเสื้อเดินเข้ามาช้าๆ ชายสวมแว่นถอยกรูดเพื่อพยายามอยู่ห่างจากเขาให้มากที่สุด แต่สุดท้ายเขาก็ทำได้เพียงตะเกียกตะกายอยู่ในน้ำครำ…เขาจ้องหน้าหลิงม่อด้วยดวงตาแดงก่ำ และพูดด้วยเสียงสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ “แกคิดจะทำอะไร?” เขากำหมัดแน่น เล็บมือจิกลึกเข้าไปในฝ่ามือ

“สู้ตายโว้ย!” ชายสวมแว่นใช้นิ้วจิ้มไปที่บาดแผลตัวเอง จากนั้นก็อาศัยแรงกระตุ้นจากความเจ็บปวดกรีดร้องออกมาสุดเสียง ขณะเดียวกัน เงาร่างของเขาก็เริ่มจางไปอีกครั้ง ซึ่งระยะห่างระหว่างเขากับหลิงม่อ ก็ยังห่างกันถึง 10 เมตร…

“ฉันบอกแล้วฉันไม่มีวันตาย! แกรอความตายได้เลย!” ชายสวมแว่นตะโกนเสียงแหบ

ในเสี้ยววินาทีที่เงาร่างเขากำลังจะหายไปทั้งหมด สายตาของหลิงม่อพลันคมปลาบขึ้นมา

ชายสวมแว่นที่เผลอสบตากับเขาชะงักไปทันที สีหน้าพลันเปลี่ยนเป็นลนลาน

“ที่แท้ก็ดวงตา ที่แท้ก็อาศัยดวงตา…อ๊ากกก! ฉันจะตายอยู่ที่นี่ไม่ได้!” ชายสวมแว่นกลั้นใจกัดลิ้นตัวเองอีกครั้ง ความเจ็บปวดอย่างที่สุดและกลิ่นคาวเลือดที่กระจายอยู่เต็มปากปลุกเขาให้ตื่นอีกครั้ง ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงสนิทเหมือนเลือด มีเพียงม่านตาที่ยังคงเป็นสีน้ำตาลเข้มอยู่…

“แกมองไม่เห็นฉันหรอก! ไม่มีทางเห็น! ตัวตนของฉัน จงเลือนหายไป!” ชายสวมแว่นตะโกนสุดเสียงจนเสียงแหบ

แต่หลิงม่อกลับเคลื่อนไหวเล็กน้อยเท่านั้น เขายื่นมือข้างหนึ่งออกมา หันไปทางชายสวมแว่น “ตาข่าย หด!”

การเคลื่อนไหวที่ดูธรรมดานี้กลับทำให้ชายสวมแว่นตกตะลึงจนวิญญาณแทบหลุดจากร่าง สามสิบวินาทีเมื่อกี้ เขาถูกทรมานด้วยวิธีนี้!หากไม่ได้หลุดเข้ามาใน “กรงขัง” นี้ด้วยตัวเอง ก็ไม่มีทางจินตนาการถึงความน่ากลัวของมันได้ และด้วยสภาพของเขาตอนนี้ แค่สามารถอำพรางตัวได้ก็ถือว่าถึงขีดจำกัดสูงสุดแล้ว เขาไม่เหลือพลังงานต้านทานหลิงม่อเหมือนเมื่อกี้อีกแล้ว

“แค่ที่ใช้พลังเกินขีดจำกัดอย่างในตอนนี้ ก็มีความเสี่ยงสูงที่จะได้รับบาดเจ็บทางจิตที่อาจไม่มีวันหายได้แล้ว…” ชายสวมแว่นเริ่มทำหน้าสิ้นหวัง เขาจ้องหลิงม่ออย่างเจ็บแค้น ตะโกนว่า “ถึงจะต้องกลายเป็นคนบ้าไร้สติ ก็ยังดีกว่าต้องตายด้วยน้ำมือแก! อ๊ากกกกก!”

คลื่นดวงจิตรุนแรงพลันขยายวงกว้าง เมื่อร่างกายของชายสวมแว่นกระตุกสั่นและดวงตาเหลือกขาว ดวงแสงแห่งจิตของเขาก็พองตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางพลังจิตสำรวจของหลิงม่อ ดวงแสงแห่งจิตของเขาไม่ต่างจากระเบิดที่ถูกจุดชนวน…

自杀式精神弹!

ระเบิดพลังจิตแบบพลีชีพ!

“นี่มันระเบิดพลังจิตที่ทำร้ายทั้งคนอื่นและตัวเอง นึกไม่ถึงว่าหลังจากศักยภาพแฝงถูกกระตุ้น คนคนนี้จะยังสามารถระเบิดพลังจิตที่รุนแรงขนาดนี้ออกมาได้…” หลิงม่อชะงักเท้า แล้วคิด

หนวดสัมผัสนับร้อยเส้นล้อมกรอบชายสวมแว่นไว้อย่างแน่นหนา ทว่าชายสวมแว่นเองก็รวบรวมพลังจิตได้อย่างรวดเร็วจนน่าทึ่งเหมือนกัน…แต่หลังจากไร้พลังจิตคอยส่งเสริม เงาร่างของเขาก็เริ่มชัดเจนขึ้นมาอีกครั้ง…หนวดสัมผัสบางส่วนที่ค่อนข้างเร็วกว่าพุ่งทะลุร่างกายของเขา แต่เมื่อเทียบกับความเจ็บปวดทางจิต บาดแผลแค่นี้ถือว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก…

“ตอนแรกกะจะถามซักหน่อย…แต่เจ้าหมอนี่กำลังจะทำให้สมองตัวเองขาวโพลนซะแล้ว…” หลิงม่อพึมพำ

เวลานี้ ชายสวมแว่นได้ล้มลงไปในน้ำครำทั้งตัว แขนขาทั้งสี่ข้างกำลังกระตุกสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ มุมปากของเขามีน้ำลายผสมเลือดไหลออกมามากมาย เสียงพูดก็เริ่มตะกุกตะกัก “กะ…แกก็ไป…ตาย…”.

สีหน้าของหลิงม่อเคร่งเครียดขึ้นมาเล็กน้อย สายตาของเขาแปรเปลี่ยนเป็นแน่วแน่ ภายใต้การควบคุมของเขา หนวดสัมผัสนับร้อยเส้นพุ่งเข้าไปยังดวงแสงแห่งจิตของอีกฝ่าย…

“มะ…ไม่มีประโยชน์…” ชายสวมแว่นแสยะยิ้มพูดด้วยสภาพน่าอนาถ

เขาเค้นศักยภาพแฝงสุดท้ายออกมา และระเบิดพลังงานทางจิตทั้งหมดออกมาพร้อมกัน ถ้าหากเผชิญหน้ากับกลุ่มผู้รอดชีวิตธรรมดา แค่นี้ก็มากพอที่จะทำให้ดวงจิตของทุกคนได้รับบาดเจ็บแล้ว คนที่อยู่ในจุดศูนย์กลางระเบิด ไม่แน่ว่าอาจถูกระเบิดจนกลายสภาพเป็นง่อยเหมือนผักเหี่ยวๆ เลยก็ได้…และถึงจะเป็นหลิงม่อ เดาว่ายังไงก็ต้องได้รับบาดเจ็บหนักเหมือนกัน….

ถ้าหากเขาหลบได้ทัน อาจไม่มีผลกระทบอะไรก็ได้ แต่ตอนนี้เขากลับแผ่พลังจิตสำรวจของตัวเองเข้าไปแล้ว…ดังนั้นทันทีที่ระเบิด เขาก็จะได้รับบาดเจ็บโดยตรง!

สายตาของชายสวมแว่นเริ่มเลื่อนลอย แต่เขายังไม่อยากหลับตา…เขาต้องเห็นหลิงม่อล้มลงไปกับตา และต้องได้ยินเสียงหลิงม่อกรีดร้องกับหูตัวเอง…

“ระเบิด…ตายไปซะ!” เขากระอักเลือดออกมาหนึ่งคำ พลางตะโกนเสียงไม่ชัดเจน

แต่ความคิดของเขาเพิ่งจะเริ่มทำงาน ทันใดนั้นความรู้สึกเจ็บปวดทรมานก็พรั่งพรูออกมาจากสมอง ราวกับว่ามีเข็มนับร้อยทิ่มเข้าแทงเข้าไปในสมองของเขา และเหมือนมันกำลังดูดสมองเขาออกมา! และเดิมทีสติที่เริ่มเลือนราง กลับเริ่มชัดเจนขึ้นเพราะการทรมานที่ราวกับไม่ใช่คนนี้

แต่เวลานี้ ชายสวมแว่นกลับหวังว่าตัวเองจะหมดสติไปเสีย เพราะเขาค้นพบด้วยความหวาดกลัวว่า อีกฝ่ายกำลังกลืนกินพลังจิตของตัวเอง! เขามองดูความทรงจำ และพลังงานทางจิตทั้งหมดที่ตัวเองระเบิดออกมาถูกถ่ายเทไปยังอีกฝ่ายต่อหน้าต่อตา ในขณะที่ตัวเขาทำได้เพียงยกมือกุมหัว และโขกหัวกับพื้นอย่างแรง

“อ๊าก! อ๊ากก! หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”

เมื่อเสียงลั่นร้องของชายสวมแว่นเริ่มอ่อนลง ฝั่งหลิงม่อเองก็ยื่นมือไปยันเสาไว้ และถอนหายใจยาวๆ

เขายกมือนวดหว่างคิ้วตัวเอง แล้วเงยหน้ามองชายสวมแว่นที่ยังนอนกระตุกอยู่แวบหนึ่ง

“สภาวะที่อดรีนาลีนพุ่งพล่านก่อนตายอย่างนี้ ฉันเคยเห็นจางสี่เป็นมาก่อน…นี่เป็นวิธีการใหม่ที่ฟอลคอนวิจัยขึ้นมาหรือเปล่านะ? ถ้าไม่อย่างนั้น พวกเขาคงไม่เปลี่ยนท่าทีที่มีต่อฐานทัพที่ 2 ง่ายๆ อย่างนี้…” หลิงม่อรู้สึกปวดขมับ และเริ่มมึนหัวเล็กน้อย แต่นี่ไม่ได้เป็นเพราะเผาผลาญพลังมากไป แต่เป็นเพราะ…ดูดกลืนพลังมามากเกินไปต่างหาก

“โชคดีที่หลังจากเข้าสู่สภาวะนี้ การป้องกันโดยสัญชาตญาณของเขาก็จะลดลง ถ้าไม่อย่างนั้นเราคงกลืนกินไม่ทัน…ถึงจะรู้สึกปวดหัวหน่อย แต่ก็ได้กำไรไม่น้อยเลยนะเนี่ย! อีกอย่างพลังงานพวกนี้ ก็ดูจะไม่ค่อยเหมือนกับที่เคยกลืนกินมา…” หลิงม่อฝืนยืนตรง แต่อยู่ๆ ก็มีเงาร่างหนึ่งปรากฏข้างกาย แล้วยื่นมือมาพยุงเขา ตำแหน่งที่ถูกสัมผัสด้วยเนื้อกายนุ่มๆ ทำให้หลิงม่อได้สติขึ้นมาไม่น้อย เขากระแอม แล้วเตือนอย่างระอาเล็กน้อย “รุ่นพี่ มือของรุ่นพี่อย่าฉวยโอกาสจับไปเรื่อย…”

เงาร่างของซย่าน่าปรากฏขึ้นข้างกางชายสวมแว่น เธอใช้ปลายเคียวดาบเขี่ยขึ้นลง สุดท้ายก็เจอเครื่องมือสื่อสารเครื่องหนึ่งในกระเป๋าเสื้อเขา เธอหยิบขึ้นมาดูเล็กน้อย จากนั้นก็เก็บใส่กระเป๋า

“รีบไปกันเถอะ อีกไม่ถึงหนึ่งนาที ที่นี่ก็จะระเบิดแล้ว ถึงแม้รัศมีระเบิดจะแผ่ปกคลุมแค่ 20 เมตร แต่ตึกนี้ถูกแช่น้ำมานานมาก รับประกันได้ยากว่าจะไม่เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น…” ซย่าน่ากระโดดมายืนข้างหลิงม่อ แล้วจับแขนเขา พูดขึ้น

เดิมที ภารกิจของเธอกับหลี่ย่าหลินคือหยุดชายสวมแว่น แต่ไม่คิดว่าหลังจากที่เจ้าหมอนี่ระเบิดความคลั่ง สิ่งที่คิดได้กลับเป็นล่มหัวจมท้ายไปด้วยกัน…

“ใช่แล้ว พี่เย่เลี่ยนล่ะ?” ขณะที่ทั้งสามพุ่งตัวออกไปข้างนอก จู่ๆ ซย่าน่าก็ถามขึ้น

“วางใจเถอะ เธออยู่ข้างนอกแล้ว” หลิงม่อบอก

เวลาแค่สิบวินาที เพียงพอแล้วที่ซอมบี้ชนชั้นสูงสองตัวซึ่งระเบิดความเร็วออกมาเต็มที่จะหนีออกไปจากที่นี่ได้…

—————————————————————————–

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

เมื่อเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่อุบัติขึ้นและเกิดการแพร่ระบาดเป็นวงกว้าง ผู้คนบนโลกก็ต้องพบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต จากคนธรรมดาต้องกลายเป็นซอมบี้กระหายเลือด! แต่ก็ยังมีคนจำนวนหนึ่งที่รอดพ้นจากไวรัสร้ายกาจนี้ หนึ่งในนั้นคือหลิงม่อ หนุ่มเนิร์ดหน้าตาบ้านๆ แน่นอนว่าเขาต้องทุ่มเทพยายามสุดชีวิตเพื่อเอาตัวรอด แต่ไม่ใช่เพียงแค่นั้น เขายังมีภารกิจสำคัญอีกอย่างที่ต้องทำ คือช่วยแฟนสาวซอมบี้ ให้กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง สุดท้ายแล้วหลิงม่อหนุ่มธรรมดาคนนี้จะทำภารกิจสำเร็จหรือไม่ เรามาร่วมลุ้นไปด้วยกันเถอะ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset