แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ – ตอนที่ 835 ฉายา : เจ้าชายกู้ระเบิด

ในเสี้ยววินาทีที่กำลังวิ่งออกจากห้างสรรพสินค้า เสียงอึกทึกหนึ่งก็ดังมาจากด้านหลัง ขณะเดียวกันอาคารทั้งหลังก็เริ่มสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ท่ามกลางเสียงพังครืน ฝุ่นสีดำมากมายพรั่งพรูออกมาจากทางออกชั้นใต้ดิน ขณะเดียวกัน พวกหลิงม่อได้กระโจนออกมาจากกลุ่มควันนั้น และปรากฏตัวอยู่ ณ ลานกว้างเล็กๆ ที่อยู่ห่างออกไปหลายสิบเมตร

เสี้ยววินาทีที่เสียงระเบิดดัง ซย่าน่ากับหลี่ย่าหลินเร่งความเร็วพร้อมกัน เมื่อพวกเธอหยุดวิ่ง ดวงตาก็ปรากฏแสงสีแดงขึ้นมาพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย

ซย่าน่าค่อยๆ ปล่อยแขนหลิงม่อ แล้วมองกลับไปที่นั่นอย่างสงสัย “ความรู้สึกนี้มัน…ไม่น่าจะแค่ 20 เมตรแล้วมั้ง?” เธอก้มหน้ามองพื้นดินที่ยังคงสั่นสะเทือน แล้วพูดต่อว่า “น่าจะอยู่ในระยะ 25 – 30 เมตรมากกว่า ถ้าดูจากระดับการสั่นที่ลดลงน่ะนะ…”

“ระหว่างที่กำลังหนีเอาชีวิต ก็ยังไม่ลืมเปิดโหมดเด็กเรียนอีกนะ…” หลิงม่อนวดขมับแล้วบอก “เพื่อความปลอดภัย หมอนั่นจงใจกำหนดให้พื้นที่แคบลงอีก จุดนี้ไม่เหมือนที่ฉันคาดเดาไว้”

“แต่ถึงเขาจะระเบิดตึกนี้ทั้งตึก มันก็ไม่เปลี่ยนอะไรหรอก” ซย่าน่าเหลือกตาขาว แล้วพูด

“มันก็ใช่…” หลิงม่อพยักหน้าตอบ

หลี่ย่าหลินกลับเบนหน้าไปอีกทาง เธอสูดจมูกฟุดฟิด แล้วบอกว่า “เย่เลี่ยนมาแล้ว…” พูดไป เธอก็แลบลิ้นเลียปากเบาๆ เผยรอยยิ้มกระหายเลือดออกมา “แล้วยังมีอีกกลิ่นตามมาด้วย…”

เธอเพิ่งจะพูดจบ เงาคนสองเส้นก็พุ่งทะยานออกมาจากซอยเล็กๆ ที่อยู่ด้านข้าง

เย่เลี่ยนถือปืนไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างหนึ่งเธอหิ้วร่างชายหนุ่มวัยประมาณ 28 – 29 ปีไว้ เทียบกับใบหน้าเย็นชาของเย่เลี่ยนแล้ว ชายคนนั้นกลับมีใบหน้าที่ซีดขาว กระทั่งแขนขาทั้งสี่ข้างกำลังกระตุกสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ พริบตาเดียว เย่เลี่ยนก็มายืนอยู่ตรงหน้าหลิงม่อ เธอโยนร่างชายคนนั้นลงข้างเท้าหลิงม่อ แล้วสายตาก็ค่อยๆ กลับมาเหม่อลอยเหมือนเดิม

“ฉันพาเขา…ออกมาแล้ว…” เย่เลี่ยนยิ้มหวาน แล้วพูด

ชายหนุ่มคนนั้นพอร่างกระแทกพื้นก็รีบตะเกียกตะกายลุกขึ้น เขาสะบัดศีรษะไปมาแล้วมองไปยังกลุ่มคน สายตาจดจ้องมาที่หลิงม่อ พลันร้องเสียงเบา “พี่ชายเอ๋ย! พี่ชายอย่า…อย่าฆ่าผมเลย! ผมทำตามที่พี่สั่งทุกอย่างแล้ว! พวกพี่…พวกพี่ลอบโจมตีผมสองรอบแล้วนะ ปล่อยผมไปเถอะ! ระเบิดครั้งนี้…ผมไม่รู้จริงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น!

พูดถึงตรงนี้ น้ำตาของเขาก็ไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้

ตอนที่โดนลอบโจมตีครั้งแรก เขายังพูดไม่ทันจบก็ถูกอีกฝ่ายทุบหัวจนสลบไปก่อน ไม่คิดว่าเพิ่งจะลืมตาตื่นมา สิ่งที่เห็นกลับเป็นปากปืนของเย่เลี่ยน เขายังไม่ทันได้โล่งใจซักวินาทีเลยนะ!

เวลานี้ เมื่อเห็นว่าตึกถูกระเบิด และพวกหลิงม่อก็ยืนอยู่ตรงนี้อย่างไร้รอยขีดข่วน เขาก็ยิ่งรู้สึกขมขื่น “จบกัน เหลือฉันแค่คนเดียวแล้ว…ตอนแรกบอกว่าถ้ากู้ระเบิดแล้วจะปล่อยเราไป แต่…แต่ทำไมที่นี่ถึงระเบิดได้ล่ะ! แต่ฉันไม่รู้ตำแหน่งของระเบิดพวกนี้ชัดเจนนัก ถึงแม้จะมีช่องโหว่…” เขาเหลือบมองเย่เลี่ยนด้วยหางตา ในใจพลางคิดว่าเด็กผู้หญิงคนนี้มันยังไงกันแน่ ไม่ใช่แค่ความเร็วกับพละกำลังที่น่าทึ่ง แต่ยังสามารถค้นหาตำแหน่งของระเบิดได้อย่างแม่นยำ…”

ถ้าหากไม่มีเด็กผู้หญิงคนนี้คอยช่วย ต่อให้เขาจะกู้ระเบิดได้เร็วอีกแค่ไหน ก็ไม่มีทางปลดระเบิดสองลูกติดกันได้ในเวลาน้อยขนาดนั้น…ทว่าเขากลับไม่กล้าผลักความรับผิดชอบไปให้เย่เลี่ยน เพราะถึงแม้เธอจะดูนิ่งๆ เงียบๆ แต่เขาก็รู้ดีแก่ใจ ว่านั่นมันภาพลวงตา!

“เมื่อกี้นายบอกว่า นายเป็นหัวหน้าทีมวางระเบิด?” หลิงม่อจ้องหน้าเขาแล้วถาม

ชายหนุ่มนิ่งงันไปเล็กน้อย แล้วรีบพยักหน้าตอบ “ใช่…แต่เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับผมจริงๆ นะ ความจริงผมเป็นสมาชิกที่ถูกส่งมาเป็นกลุ่มที่สอง ถือว่าเป็นกำลังสำรอง หัวหน้าทีมสำรองน่ะ! ความจริงภารกิจของผมก็คือเก็บกวาด ถ้าหากระเบิดที่ติดตั้งก่อนหน้าเกิดปัญหาขึ้น ผมก็จะจัดการต่อ หรือถ้าหากระเบิดไม่ได้ใช้งาน ผมก็ต้องมาเก็บ…แต่ผมไม่รู้มาก่อนเลยจริงๆ ว่าตำแหน่งระเบิดพวกนั้นอยู่ที่ไหนบ้าง! ตอนแรกที่ผมยืนยันกับพวกพี่เรื่องนี้ ก็เพื่อจะรักษาชีวิตเอาไว้เท่านั้น! พี่ชาย พี่ต้องเชื่อผมนะ!”

“รอบคอบมากอย่างที่คิดจริงๆ…” หลิงม่อใช้นิ้วนวดคลึงหัวคิ้วแล้วคิด

ภาพตัดความทรงจำของชายสวมแว่นถูกเขาละเอาไว้ก่อน ถึงอย่างไรมันก็เป็นความทรงจำในระยะเวลาเกือบ 50 ปีเลยทีเดียว คงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะควานหาจนเจอ อีกอย่างหากวู่วามอ่านความจำเขา ตัวเขาเองอาจเสี่ยงตกเข้าสู่สภาวะจิตใต้สำนึกยุ่งเหยิงได้ นอกจากนี้ หลิงม่อก็ยังรู้สึกว่า การกลืนกินครั้งนี้ ไม่ใช่แค่พลังงานทางจิตเท่านั้นที่แตกต่าง แม้แต่ภาพตัดความทรงจำเหล่านี้ก็ยังครบถ้วนสมบูรณ์มากกว่าแต่ก่อนอีกด้วย…

“สิ่งที่ฟอลคอนมีอยู่ในกำมือ…คืออะไรกันแน่? คำตอบนี้ ไม่รู้ว่าจะเจอคำตอบในความทรงจำของเจ้าแว่นนี้หรือเปล่า…” หลิงม่อนิ่งเงียบ แล้วก้มหน้ามองชายหนุ่ม ถามว่า “นายชื่ออะไร?”

“จางเฉิงฮุย!ผมชื่อจางเฉิงฮุย!” ขายหนุ่มมองเห็นความหวังขึ้นมารำไร เขารีบตอบด้วยใบหน้าแดงเถือก

“เมื่อก่อนนายทำงานเกี่ยวกับสายนี้หรอ?” หลิงม่อถามอีก

“ครับ! ผมเคยระเบิดสะพานเอย ตึกเอย เคยทุบก้อนหินขนาดใหญ่หรืออะไรทำนองนั้นมาหมด ถ้าไม่ใช่ก็ใกล้เคียงล่ะครับ!” จางเฉิงฮุยรีบตอบ จากนั้นก็กัดฟันพูดเสริมว่า “ผมลาวงการ…”

“ถ้าอย่างนั้นนายตามพวกเรามาก่อน” หลิงม่อครุ่นคิด แล้วบอก

ไม่ว่าคนคนนี้จะพูดโม้หรือไม่ แต่ฝีมือการกู้ระเบิดของเขากลับร้ายกาจมากจริงๆ อัจฉริยะอย่างเขาตายไปก็น่าเสียดาย สู้เก็บเขาไว้ข้างกายก่อนดีกว่า…

อาวุธบนตัวของจางเฉิงฮุยถูกปลดและทิ้งลงข้างตัว มีเพียงอุปกรณ์กู้ระเบิดบางส่วนที่ถูกหลิงม่อเก็บเอาไว้

“เก็บไว้” หลิงม่อตรวจสอบดูหนึ่งรอบ แล้วโยนให้เขา

“แหะๆ…พี่ชายวางใจได้ ขอแค่เป็นระเบิดผมกู้ได้ทั้งนั้น ผมมีฉายาว่าเจ้าชายกู้ระเบิดเชียวนะ…แต่ถ้าพวกพี่คิดว่าผมไม่มีประโยชน์ จะปล่อยผมไปก็ได้ ผมรับปากว่าจะไม่พูดอะไรเลย…” จางเฉิงฮุยอุ้มกล่องอุปกรณ์แล้วเดินตามหลังหลิงม่อ พลางพูดพล่าม

เขาไม่กล้าคุยกับพวพกเย่เลี่ยน ทำได้เพียงพุ่งเป้ามาทางหลิงม่อแทน เขาไม่เข้าใจว่าทำไมหลิงม่อต้องพาเขามาด้วย แต่ถึงแม้เขาจะมีความกล้าขึ้นมาอีกสิบส่วน เขาก็ไม่กล้าคิดเรื่องหนีอย่างแน่นอน…

“พี่ชาย พี่คิดว่าผมเป็นไอ้นั่นก็ได้นะ…” จางเฉิงฮุยเพิ่งจะพูดพล่ามหนึ่งประโยค แต่จู่ๆ ภาพอาคารด้านหน้าก็เริ่มบิดเบี้ยว แล้วเงาคนสี่คนก็ก้าวออกมาจาก “กำแพง”

เหล่าเจิ้งมองจางเฉิงฮุยอย่างประหลาดใจ จากนั้นก็พูดกับหลิงม่ออย่างเร่งรีบว่า “กำลังเสริมของฟอลคอนมาแล้ว! ฉันรู้สึกได้ว่าพวกเขาล่าช้าระหว่างทางเล็กน้อย สีหน้าดูไม่ค่อยดีนัก แล้วยังมีคนได้รับบาดเจ็บอีก…ตอนนี้พวกเขาถูกขังไว้ในโลกมายา ห่างจากที่นี้ไม่ไกลมากแล้ว”

“มีกี่คน?” หลิงม่อร้อนใจ เขาถามขึ้น

ที่กำลังเสริมล่าช้า เป็นเพราะฝีมือของพวกเฮยซือแน่นอน แต่หลุดพ้นจากการก่อกวนและมาถึงที่นี่เร็วขนาดนี้ หลิงม่อคงต้องประเมินกำลังของพวกเขาใหม่แล้วล่ะ…

“ประมาณ 20 คน มีคนหนึ่งเป็นผู้มีพลังจิตที่แข็งแกร่งมาก ฉันเดาว่าถูกส่งตัวมาต่อกรกับนายโดยเฉพาะแน่นอน มีคนคนนั้นอยู่ โลกมายาของฉันคงถ่วงเวลาไว้ได้ไม่นาน นอกจากนี้ความพร้อมด้านอาวุธของพวกเขาก็น่าทึ่งมาก หากต้องต่อสู้กันในที่แบบนี้ พวกเราต้องเป็นฝ่ายเสียเปรียบแน่” เหล่าเจิ้งพูดต่อ สายตาเขาฉายแววร้อนรน ขณะเดียวกันก็ส่อแววเหน็ดเหนื่อยด้วย

“หวังหลิ่งกับมู่เฉินล่ะ?”

“ยังเดินสำรวจรอบๆ อยู่ แต่ถ้ามีผู้มีพลังจิตคนนั้นอยู่ พวกเขาก็จะตกอยู่ในอันตราย…อั๊ก!” อยู่ๆ เหล่าเจิ้งก็ร้องครวญ เขาเซไปเล็กน้อย “…ไม่ไหวแล้ว ฉันใกล้ทนไม่ไหวแล้ว…”

“ร้ายกาจขนาดนี้เชียว?” หลิงม่อหน้าเปลี่ยนสี

ความแข็งแกร่งของโลกมายาของเหล่าเจิ้ง หลิงม่อเคยสัมผัสมากับตัว ถึงแม้อานุภาพของโลกมายาจะลดลงไปตามจำนวนคนที่เพิ่มขึ้น แต่ความจริงยิ่งคนมาก ปฏิกิริยาลูกโซ่ที่โลกมายาสามารถสร้างขึ้นก็ยิ่งร้ายกาจ ในทีมกำลังเสริมมีผู้มีพลังจิตอยู่หนึ่งคน ไม่คิดว่าคนคนเดียวจะสามารถดูแลคนยี่สิบกว่าคนได้…

“…คนในทีมคนอื่นๆ ต่างก็ร้ายกาจมากเหมือนกัน” เหล่าเจิ้งพูดเหมือนยังไม่หายตื่นกลัว เขาจ้องหน้าหลิงม่อแล้วยิ้มขมขื่น “พวกเขาช่างให้ความสำคัญกับนายจริงๆ”

“ไม่ได้ให้ความสำคัญกับฉัน แต่ให้ความสำคัญกับอำนาจเหนือน่านฟ้าต่างหาก” หลิงม่อพูดเสียงเรียบ

“ไม่…ไม่ใช่แค่นั้น…ฉันได้ยินในโลกมายา พวกเขาต่างก็สนใจนายกันมาก…” แววตาของเหล่าเจิ้งสับสนเล็กน้อย ทว่าไม่นานก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม เขาบอกว่า “เจ็ด…ไม่สิ หกนาที เวลาที่ฉันพอจะทนได้ เหลือแค่หกนาทีเท่านั้น…ช่วยไม่ได้ ฉันเข้ามามีส่วนร่วมกับเรื่องนี้แล้ว ถึงจะรามือ ก็คงต้องรอให้หนีออกไปจากที่นี่ก่อน หลิงม่อ หวังว่านายจะไม่ทำร้ายฉันอีกนะ ไม่ว่านายจะมีวิธีอะไร ก็รีบลงมือเข้าเถอะ!”

“เวลาแค่นั้นพอแล้วล่ะ” หลิงม่อพยักหน้า

ท่าทางพูดแล้วหยุดของเหล่าเจิ้งทำให้เขาฉุกคิด ทว่าสิ่งที่ทำให้เขาสนใจ ยังคงเป็นผู้มีพลังจิตที่ฟังดูเหมือนร้ายกาจมากคนนั้น…

ไม่นาน หลิงม่อก็หันไปมองอีกคน…

คนคนนี้หลังจากเดินออกมาจาก “กำแพง” ก็เอาแต่จ้องเขาเขม็ง แต่หลิงม่อกลับเหมือนเพิ่งจะสังเกตเห็นเขาตอนนี้

“บอสใหญ่ สีหน้าไม่ค่อยดีเลยนา” หลิงม่อหัวเราะ แล้วพูดขึ้น

ชายแว่นดำชะงักไปเล็กน้อย

ไม่ดี? เขาแค่สีหน้าไม่ค่อยดีงั้นหรอ!

หลังจากที่แยกกับพวกหลิงม่อไป เขาก็เริ่มสังหรณ์ใจไม่ดี แต่จนถึงตอนนี้ เขาถึงเพิ่งจะแน่ใจกับการคาดเดาของตัวเอง…

ไม่ได้ทะเลาะกันเอง และไม่ได้ทำเพื่อทรยศฟอลคอน แต่ว่า…เขา…ไม่ได้เป็นคนของฟอลคนอยู่แล้ว!

ชายแว่นดำสับสนงุนงง เขาไม่คิดว่าคนที่ไม่มีอำนาจ ไม่มีฐานทัพคนหนึ่ง จะกล้าไปบุกสร้างเรื่องถึงนิพพานสำนักงานใหญ่ของเขา แล้วยังฉกตัวสองพ่อลูกแซ่หลันที่เขาอุตส่าห์ตามตัวมาอย่างยากลำบากไปอีกด้วย…เขายิ่งไม่คิดว่าคนคนนี้จะกล้าท้าทายฟอลคอนไปพร้อมกัน!

ที่เดียวที่มีความเกี่ยวข้องกับเขา ดูเหมือนจะเป็นฟอลคนที่ 2 เท่านั้น!

“ฉันกลับให้ข้อมูลมันไปทั้งหมด…”

ให้ข้อมูลทั้งหมดก็แล้วไป ชายแว่นดำไม่คิดว่าหลิงม่อจะมีปัญหาคุ้มกันแหล่งทรัพยากรพวกนั้นไว้ได้ แต่พอคิดถึงร่างจริง เขาก็โมโหจนแทบอยากกระอักเลือด! พอคิดว่าได้ว่าตอนนี้ร่างจริงที่ไม้รู้เรื่องไม่รู้ราวกลับกำลังหมายหัวฟอลคอน ชายแว่นดำก็แทบอยากจะพุ่งเข้าไปฉีกร่างหลิงม่อเป็นชิ้นๆ!

“ทั้งที่ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับฟอลคอน แต่กลับเอาเฮลิคอปเตอร์มารับ แล้วจัดฉากให้คนอื่นเป็นคนรับกรรมแทน! นอกจากต้องการหนีออกมาก่อน เป้าหมายสูงสุดของแกก็คือสิ่งนี้สินะ!” ชายแว่นดำคิดอย่างบ้าคลั่ง สายตาที่มองหลิงม่อก็ยิ่งเคียดแค้นกว่าเดิม

—————————————————————————–

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

เมื่อเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่อุบัติขึ้นและเกิดการแพร่ระบาดเป็นวงกว้าง ผู้คนบนโลกก็ต้องพบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต จากคนธรรมดาต้องกลายเป็นซอมบี้กระหายเลือด! แต่ก็ยังมีคนจำนวนหนึ่งที่รอดพ้นจากไวรัสร้ายกาจนี้ หนึ่งในนั้นคือหลิงม่อ หนุ่มเนิร์ดหน้าตาบ้านๆ แน่นอนว่าเขาต้องทุ่มเทพยายามสุดชีวิตเพื่อเอาตัวรอด แต่ไม่ใช่เพียงแค่นั้น เขายังมีภารกิจสำคัญอีกอย่างที่ต้องทำ คือช่วยแฟนสาวซอมบี้ ให้กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง สุดท้ายแล้วหลิงม่อหนุ่มธรรมดาคนนี้จะทำภารกิจสำเร็จหรือไม่ เรามาร่วมลุ้นไปด้วยกันเถอะ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset