แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ – ตอนที่ 891 เอากรรไกรฉันไปกิน!

“อะไรนะ?!” มู่เฉินลุกพรวด

อวี่เหวินซวนยื่นมือจับเขาไว้ แล้วทำสัญญาณมือบอกให้เขาเงียบ “อย่าตื่นตูมขนาดนี้สิ! เกิดแหวกหญ้าให้งูตื่นก็แย่กันพอดี อีกอย่าง…” เขาทำปากยื่นไปทางหลิงม่อ บอกว่า “เหมือนเขากำลังยุ่งอยู่นะ”

“ก็จริงนะ…” มู่เฉินใจเย็นลงไม่น้อย

ถึงแม้ไม่รู้ว่าหลิงม่อกำลังเผชิญหน้าอยู่กับอะไรบ้าง แต่ท่าทางจริงจังและจดจ่ออย่างนี้กลับไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนัก อีกอย่าง…ถึงจะไม่อยากยอมรับ แต่เจ้าหมอนี่ก็เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในยอดฝีมือของกลุ่มผู้รอดชีวิต ยอดฝีมือยังมีท่าทางอย่างนี้ ก็แสดงว่าเรื่องราวต้องรับมือยากมากแน่ๆ! ยิ่งเป็นเวลาแบบนี้ ก็ยิ่งไม่ควรรบกวน ใครจะไปรู้ เขาอาจกำลังอยู่ในช่วงเวลาสำคัญอยู่ก็ได้

หลังจากใคร่ครวญอย่างถี่ถ้วน มู่เฉินก็ถามอย่างระมัดระวัง “ถ้าอย่างนั้นพวกเราควรทำไง? อีกอย่าง นายเห็นชัดหรือยัง ว่าเป็นคนหรือซอมบี้กันแน่?”

น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยความสงสัยเล็กน้อย สถานที่อย่างนี้…จะมีมนุษย์อยู่ด้วยหรอ?

ขนาดพวกเขายังเข้าใกล้สถานที่อย่างนี้ได้ยาก แม้ว่าผู้รอดชีวิตคนอื่นจะหาที่แบบนี้เจอ แต่พวกเขาก็คงเลือกที่จะอยู่ห่างๆ ไว้ดีกว่าไม่ใช่หรอ…

“เป็นคนจริงๆ” อวี่เหวินซวนพูดเสียงเบา พลางเดินกึ่งนั่งยองๆ ลากมู่เฉินไปข้างๆ หน้าต่าง “ถ้าเป็นซอมบี้ฉันจะจับได้หรอ? อีกอย่าง ข้างล่างก็มีแต่ซอมบี้ ถ้าหากพวกนั้นซ่อนตัวอยู่ในฝูงซอมบี้ ถึงฉันจะเห็นแต่ก็คงไม่รู้หรอก!”

“มีเหตุผล” มู่เฉินพยักหน้า

อวี่เหวินซวนแหวกม่านออกเป็นช่องเล็กๆ อย่างระมัดระวัง บอกว่า “เห็นหรือยัง? อยู่ตรงนั้น…”

“ฉันไม่…”

“ตรงนั้นไง! ตรงปากซอยนั่น!”

“ฉัน…ฉิบหาย! ใช่จริงด้วย!”

มู่เฉินแทบจะกระโจนใส่ช่องผ้าม่าน และจ้องมองไปข้างนอกอย่างไม่อยากเชื่อ

“เอ๋? ทำไมไม่มีใครอยู่แล้วล่ะ? หรือว่ารู้ตัวแล้ว?” ผ่านไปเพียงสองวินาที มู่เฉินก็วางผ้าม่านลง แล้วถามขึ้นอย่างกังวล

“ไม่แน่ อาจเพราะเห็นฉันดึงผ้าม่านออก แต่ว่าคนคนนั้นจะต้องจับตามองเรามานานแล้วแน่ๆ ไม่แน่อาจเริ่มจับตามองเราตั้งแต่ที่เราเข้ามาในนี้แล้วก็ได้” อวี่เหวินซวนเริ่มวิเคราะห์

มู่เฉินถูมือไปมา ถามว่า “นายว่านั่นเป็นคนจริงหรอ? ที่นี่ไม่มีอาหารซักหน่อย คงไม่มีทางมาหาอุปกรณ์ทดลองเหมือนพวกเราหรอกมั้ง? ถ้าหากใช่ นายว่าจะเป็นคนของฟอลคอนหรือเปล่า?”

“ไม่ได้เจอกันง่ายๆ ขนาดนั้นหรอกน่า” อวี่เหวินซวนตบหน้าผาก บอกว่า “น่าจะเป็นผู้รอดชีวิตที่อยู่แถวๆ นี้ล่ะมั้ง อีกอย่างฉันสัมผัสได้ว่าพวกนั้นตั้งใจพุ่งเป้ามาทางเรา”

“ทำไมล่ะ?” มู่เฉินถามกลับโดยสัญชาตญาณ

อวี่เหวินซวนชะงัก แล้วก็มองมู่เฉินด้วยสายตาเหมือนกำลังมองคนโง่ ขณะเดียวกันก็หัวเราะขึ้นมาอย่างกลั้นไม่ไหว “นายไม่รู้จริงหรอ?”

“ก็บอกมาสิ…”

“ก็หมายปองทรัพยากรของเราไง” อวี่เหวินซวนอธิบายทีละขั้นทีละตอน “นี่เป็นถนนเส้นหนึ่งนายก็เห็นแล้ว การใช้ชีวิตที่นี่เป็นเรื่องลำบากมาก ถ้าคนหิวกระหายจนบ้าคลั่ง นายว่าพวกเขาจะต่างจากซอมบี้ตรงไหน?”

มู่เฉินนิ่งไปหนึ่งวินาที แล้วพยักหน้า บอกว่า “ก็ต่างนะ…พวกเขาไม่มีทางกินพวกเรา”

“นั่นก็ไม่แน่…”

“ช่วยอย่าพูดเรื่องน่ากลัวพรรค์นี้ด้วยน้ำเสียงปิติยินดีได้ไหม?” มู่เฉินถลึงตามองแรงใส่อวี่เหวินซวน แล้วก็พูดอีกว่า “ฉันก็แค่คิดไม่ถึงว่า…”

“อย่าหาข้อแก้ตัวอีกเลย…”

อวี่เหวินซวนยกมือขึ้นขัดเขา จากนั้นก็บอกว่า “ในเมื่อพวกเขายังดูอยู่ งั้นพวกเราก็รั้งทัพ รอจังหวะบุกโจมตีไปก่อนแล้วกัน หวังว่าก่อนที่พวกเราจะเริ่มภารกิจ พวกเขาจะยอมแพ้ไปเอง”

มู่เฉินครุ่นคิด แล้วพูดเสริมอย่างเห็นด้วย “ใช่…”

…………

ในซอยเล็กๆ เส้นหนึ่งที่อยู่ห่างออกไปหนึ่งร้อยเมตร เงาร่างเล็กๆ สวมชุดลายพรางเส้นหนึ่งกำลังวิ่งพุ่งเข้าไปยังส่วนลึกของซอย

วิ่งไปได้ไม่ไกล คนคนนี้ก็หักเลี้ยวเข้าไปในประตูเหล็กบานหนึ่งซึ่งอยู่ข้างทางทันที จากนั้นก็ปิดประตูอย่างตื่นตระหนก

“เป็นไงบ้าง?”

ด้านหลังประตูเป็นพื้นที่แคบๆ รั้วล้อมเตี้ยๆ ห้องควบคุมไฟอันวังเวง แล้วก็ต้นหญ้าสูงมากมายที่ผุดออกมากจากช่องว่างระหว่างก้อนอิฐ

คนกลุ่มหนึ่งนั่งอยู่หลังประตูอย่างระมัดระวัง หนึ่งในนั้นยังถือขวดน้ำแร่เก่าๆ ไว้ในมือด้วย

พอเห็นคนชุดลายพรางวิ่งกลับมา คนคนนี้ก็รีบวางขวดน้ำแร่ลง แล้วถามอย่างรีบร้อน

“คนเยอะมาก…มีปืน” คนชุดลายพรางหอบหายใจอย่างหนัก พลางพูดขึ้น

“ดูฝีมือร้ายกาจไหม?” อีกคนรีบถามขึ้นอย่างไม่รีรอ

คนชุดลายพรางโบกมือไปมา แล้วปาดเหงื่อ ตอบว่า “น่าจะนะ ฉันยังไม่เห็นพวกเขาสู้กับซอมบี้”

“ทำไมเธอไม่…”

“ฝั่งนั้นมีคลื่นพลังจิตนะ!” คนชุดลายพรางอธิบาย “ถ้าหากเข้าไปใกล้จะถูกจับได้ ฉันไม่กล้าใช้พลังสำรวจด้วยซ้ำ สรุปว่า พวกเขามีจำนวนคนไม่น้อย อาวุธครบมือ ที่สำคัญคือ พวกเขาเป็นมนุษย์กลุ่มแรกที่เราเจอในหลายเดือนที่ผ่านมานี้…”

“เป็นคนของค่ายไหนหรือเปล่านะ?” คนที่ถือขวดน้ำแร่เมื่อกี้ถามขึ้น พลางทำหน้ากังวลเล็กน้อย

คนชุดลายพรางเองก็เงียบไปเล็กน้อย แล้วจึงพูดขึ้นว่า “เรื่องนี้ฉันก็ไม่แน่ใจ…”

ชายหนุ่มที่ไม่พูดอะไรตั้งแต่แรกขยับแว่น แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “ความจริงพวกเราไม่ต้องสนใจเรื่องนี้มากนักหรอก…ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นคนของค่ายไหนหรือไม่ ถ้าพวกเขาหมายตาสิ่งนั้น…พวกเราก็ทำได้เพียงกำจัดพวกเขาเท่านั้น”

“อื่ม…” คนชุดลายพรางพยักหน้า จากนั้นอยู่ๆ ก็พูดแปลกๆ ว่า “ฉันถูกจับได้แล้ว”

“ดีมาก” ชายหนุ่มคนนั้นกระตุกมุมปาก แล้วยกมือดุนแว่น “ต่อไป ก็รอกันเถอะ…”

………..

ขณะเดียวกัน ในบริษัทลอว์สัน

หลิงม่อไม่รู้เลยว่าข้างนอกนั้นเกิดเรื่องบางอย่างขึ้นอย่างเงียบเชียบ เขาในตอนนี้ ยังจับซอมบี้ตัวหนึ่งเป็นตัวประกันเพื่อต่อรองอยู่…

“เธอบอกว่าสถานเพาะเลี้ยง…หมายความว่าไง? ที่นี่เป็นห้องทารกไม่ใช่หรอ?” หลิงม่อถามอย่างประหลาดใจ

ซอมบี้สาวตัวนั้นจ้องมองเขาอย่างเยือกเย็น แล้วก็หัวเราะ “หึ” ด้วยเสียงแหบแห้ง บอกว่า “นึกว่าสติปัญญาของนายจะสูงกว่านี้ แต่แค่ความหมายของคำง่ายๆ แค่นี้ก็ยังไม่รู้อีกหรอ…”

“ป๊าบ!”

ซอมบี้ตัวน้อยถูกตบก้นอีกครั้ง ส่งผลให้ซอมบี้สาวหุบยิ้มแปลกๆ นั้นทันที แล้วเธอก็อธิบายต่อราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ความหมายของสถานเพาะเลี้ยง…ก็คือการสร้างกำลังทหาร…รวมถึงอาหารบางส่วนที่เหมาะสมขึ้นมา”

“ทหาร?” หลิงม่อทวนคำ

“ใช่…อย่างเช่นเสี่ยวเยว่เอ๋อที่ถูกนายจับตัวไว้ ก็เป็นห้วหน้ากองคนหนึ่งเหมือนกัน…” หลังจากที่ซอมบี้สาวพูดจบอย่างแช่มช้า เธอก็รับยกมือปิดปากตัวเองเหมือนเพิ่งรู้ตัว “อา…”

“หัวหน้ากอง…” หลิงม่อก้มมองซอมบี้ตัวน้อยด้วยสายตาแปลกๆ

ยัยตัวเล็กเนี่ยนะเป็นนางพญาของกองทัพมด!

ส่วนเรื่องทหารกับอาหาร…ก็น่าจะหมายถึงพวกกระเป๋าเลี้ยงตัวอ่อนพวกนั้น

พอนึกถึงเรื่องนี้ หลิงม่อก็พลันนึกถึงปัญหาที่น่ากลัวมากขึ้นมาได้…

ตัวอ่อนพวกนั้น…ต้องฟักตัวนานขนาดไหน?

“อื้อๆๆ!” ซอมบี้ตัวน้อยถลึงตาจ้องหลิงม่ออย่าสุดความสามารถ แต่น่าเสียดายที่สายตาไม่สามารถฆ่าคนได้…

“ถ้าอย่างนั้น…‘พี่สาว’ ที่เธอพูดถึง ก็คงจะเป็นราชินีของที่นี่สินะ?” หลิงม่อเมินซอมบี้ตัวน้อย แล้วถามอีกครั้ง

ซอมบี้สาวส่ายหน้าทันที

“ฉันผิดเอง…ฉันถามใหม่แล้วกัน เธอเก่งที่สุดในนี้? และพวกเธอก็เชื่อฟังเขากันหมดใช่ไหม?” หลิงม่อถามอีกครั้ง

ซอมบี้สาวส่ายหน้าอย่างเชื่องช้าก่อน จากนั้นก็ค่อยพยักหน้าบอกว่า “ไม่ได้เรียกราชินี…พวกเราเรียกเธอว่า…พี่สาว”

หลิงม่อได้ยินก็ตกตะลึง ดูเหมือนว่าเจ้าของฟาร์มเพาะเลี้ยงแห่งนี้จะไม่ได้มีเพียงหนึ่ง!

ถึงแม้ว่าพลังของเสี่ยวเยว่เอ๋อจะธรรมดามาก แต่พลังของจอมแล่เนื้อตัวนั้นกลับค่อนข้างน่ากลัวเลยทีเดียว! ในฐานะที่เป็นเจ้าของฟาร์ม ยังไงก็ต้องมีพลังแข็งแกร่งกว่าจอมแล่เนื้ออยู่แล้ว บวกกับฝูงกระเป๋าเลี้ยงตัวอ่อนที่ปีนป่ายไปทั่วพื้นพวกนั้นแล้ว…การชิงอุปกรณ์ทดลองไปจากเงื้อมมือสัตว์ประหลาดพวกนี้ แล้วยังต้องหาทางเอาขึ้นไปบนดาดฟ้าอีก ดูอย่างไรก็เป็นเรื่องที่ยากจนน่าท้อใจจริงๆ

ถ้าหากว่าเรื่องนี้สามารถทำสำเร็จโดยอาศัยหุ่นซอมบี้อย่างเดียวก็แล้วไป แต่ปัญหาคือแม้แต่หุ่นซอมบี้ก็ยังถูกเจ้าพวกนี้เพ่งเล็งซะแล้วน่ะสิ…

เดี๋ยวนะ…

“ถ้าหากสามารถควบคุมเจ้าของฟาร์มได้ เรื่องนี้ก็จะง่ายขึ้นมากไม่ใช่หรอ?” หลิงม่อตาเป็นประกาย จากที่ฟังซอมบี้สาวเล่า ที่นี่มีโครงสร้างตำแหน่งเหมือนกองทัพมด ซอมบี้ที่เป็นเจ้าของฟาร์มเป็นเหมือนราชินีมด ซึ่งสามารถใช้งานซอมบี้ทั้งหมดทำตามคำสั่งของตัวเองได้ และภายใต้เงื่อนไขที่พิเศษอย่างนี้ การควบคุมเธอจึงมีความหมายอย่างยิ่งยวด

ยิ่งคิด เขายิ่งรู้สึกว่าสามารถทำได้ แต่ปากกลับไม่ลืมที่จะถามออกไปว่า “แล้วตกว่ายัยเสี่ยวเยว่เอ๋อนี่คิดจะทำอะไรฉันกันแน่?”

“ฉันไม่รู้…” ซอมบี้สาวส่ายหน้าแรง

“ชิท…” หลิงม่อกลอกตาขาวอย่างเอือมระอา จากนั้นก็เปลี่ยนคำถาม “ถ้าอย่างนั้น…พี่สาวคนนั้นล่ะ?”

“นาย…นายอยากรู้ว่าพี่สาวอยู่ที่ไหน?” ซอมบี้สาวตัวสั่นเล็กน้อย แล้วถามเสียงต่ำ

หลิงม่อพยักหน้า พลันรู้สึกหนังศีรษะตึงชาอย่างควบคุมไม่ได้

“ทำไมถึงอยากรู้…” ซอมบี้สาวยังคงถามเสียงเย็น

ลำคอของเธอยืดขึ้น เผยให้เห็นลำคอที่เต็มไปด้วยเส้นเอ็นปูดโปน

แล้วเสียง “กร๊อบแกร๊บๆๆ” ก็ดังขึ้น พร้อมกับที่เธอค่อยๆ บิดศีรษะมาข้างหน้า…ใบหน้าที่ซีดขาว และผอมแห้งปรากฏสู่สายตา ดวงตาทั้งสองข้างของเธอข้างหนึ่งแดงทั้งดวง อีกข้างกลับแดงแค่ตรงส่วนม่านตาเท่านั้น และในระหว่างที่เธอหมุนคอไปมา สีเลือดเหล่านี้ก็ไหลไปทางดวงตาอีกข้างอย่างน่าพิศวง จนทำให้ดูเหมือนว่าดวงตาทั้งสองข้างนั้นกำลังสลับกันไปสลับกันมา

ทว่าสิ่งที่น่าตกใจมากที่สุดก็คือปากของเธอ…มุมปากทั้งสองข้างฉีกออกด้านข้าง ทั้งยังเฉียงขึ้นข้างบนอีกด้วย เหมือนหน้ากากที่กำลังฉีกยิ้มกว้างอย่างไรอย่างนั้น บนหน้าและบนเปลือกตาของเธอมีเหล็กถูกฝังไว้ ยิ่งส่งผลให้ใบหน้าเธอดูประหลาดและน่ากลัวกว่าเดิม…

“ทำไม…ต้องถามเรื่องพี่สาว…” ซอมบี้สาวร่างกายสั่นเทาอย่างรุนแรง ขณะเดียวกันก็จ้องหลิงม่ออย่างเอาเป็นเอาตาย

“ฉันขอถอนคำถามตอนนี้ยังทันไหม?” หลิงม่อเบิกตาค้างแล้วพึมพำอย่างตื่นตะลึง

“อื้อๆ…แกตาย…ตายแน่…พี่ฮวาฮวาโกรธแล้ว…” เสี่ยวเยว่เอ๋อพยายามพูดเสียงขาดๆ หายๆ “ฮวาฮวาเกลียดที่สุด…ถ้ามีซอมบี้ตัวอื่น…หมายปองพี่สาว…” เธอเหมือนอยากจะหัวเราะเยาะ แต่หลิงม่อกลับจับเธอพาดไหล่

“กรี๊ดด!”

ฮวาฮวากรีดร้องเสียงแหลม จากนั้นก็ยกอาวุธในมือขึ้น

“ฉิบหาย! กรรไกรโคตรใหญ่!”

หลิงม่อเพิ่งจะพูดจบ ก็รู้สึกได้ถึงสายลมแรงที่พุ่งเข้ามาทางข้างหน้า และไม่นาน ประกายอาวุธมีคมเส้นหนึ่งก็ปรากฏตรงหน้าเขา พลันแยกออกเป็นสองเส้น พุ่งเข้ามาทางศีรษะเขาอย่างรวดเร็ว …

—————————————————————————–

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

เมื่อเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่อุบัติขึ้นและเกิดการแพร่ระบาดเป็นวงกว้าง ผู้คนบนโลกก็ต้องพบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต จากคนธรรมดาต้องกลายเป็นซอมบี้กระหายเลือด! แต่ก็ยังมีคนจำนวนหนึ่งที่รอดพ้นจากไวรัสร้ายกาจนี้ หนึ่งในนั้นคือหลิงม่อ หนุ่มเนิร์ดหน้าตาบ้านๆ แน่นอนว่าเขาต้องทุ่มเทพยายามสุดชีวิตเพื่อเอาตัวรอด แต่ไม่ใช่เพียงแค่นั้น เขายังมีภารกิจสำคัญอีกอย่างที่ต้องทำ คือช่วยแฟนสาวซอมบี้ ให้กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง สุดท้ายแล้วหลิงม่อหนุ่มธรรมดาคนนี้จะทำภารกิจสำเร็จหรือไม่ เรามาร่วมลุ้นไปด้วยกันเถอะ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset