แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ – ตอนที่ 603

บทที่ 603 ใครเผาผลาญพลังได้นานกว่า

แค่ดูจากสภาพของศพน้ำตัวอื่นๆ ก็เดาได้ไม่ยากแล้วว่าหลังจากถูกแพร่เชื้อใส่ พวกมันก็สูญเสียความสามารถในการต่อต้านไปทันที

ศพมากมายขนาดนี้ แต่ทุกตัวแขนขาอยู่ครบ บนร่างกายไม่มีร่องรอยของการต่อสู้เลยซักนิด

ถ้าหากพวกมันเคยถูกปลุกตื่นเพราะความรู้สึกเจ็บปวดทรมาน สถานการณ์คงจะไม่เป็นแบบนี้แน่นอน

ซอมบี้ที่ได้รับบาดเจ็บตัวหนึ่งจะทำลายทุกอย่างที่อยู่รอบกายจนสิ้น พวกมันจะคลุ้มคลั่งกว่าปกติถึงสิบเท่าร้อยเท่า กัดพวกเดียวกัน หักแขนขาที่บาดเจ็บของตัวเองออก หรือแม้กระทั่งหรือควักอวัยวะภายในที่เสียหายออกมาเป็นๆ…

ซอมบี้คือสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ที่โหดเหี้ยมและคลุ้มคลั่งขนาดนั้น ความโหดร้ายและน่ากลัวของพวกมันไม่ได้กระทำต่อสิ่งมีชีวิตอื่นเท่านั้น พวกมันกระทำต่อพวกเดียวกัน หรือแม้แต่ตัวเองด้วย

อย่างเสี่ยวป๋ายตอนนี้ที่ยังมีแรงเหลือพอขยับตัว อย่าว่าแต่ทำลายข้าวของเลย แม้แต่พังลานจอดรถแห่งนี้ให้พินาศยับเยินมันก็ทำได้

แต่ถ้าหากมันไม่คลุ้มคลั่ง หรือพยายามสลัดสายสัมพันธ์ทางจิตของหลิงม่อออก ก็แสดงว่ามันไม่ได้มีอันตรายมาก

และไม่ว่าจะเป็นซอมบี้หรือสัตว์กลายพันธุ์ พวกมันล้วนอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับร่างกายตัวเอง

“แต่ว่า…ถึงปริมาณจะไม่มาก แต่ก็ถือว่าติดเชื้อแล้วไม่ใช่หรอ?” หลิงม่อแย้งขึ้น

“แต่ถ้าดูจากปริมาณในตอนนี้ อย่างน้อยก็ไม่ทำให้มันกลายเป็นศพน้ำหรอกน่า อ้อ ใช่สิ ยังมีอีกเรื่อง” ซย่าน่าพูดต่อ “ที่นี่…มีสัตว์กลายพันธุ์หรือเปล่า?”

“จริงด้วย…” หลิงม่อพยักหน้าอย่างครุ่นคิด

ถูกต้องแล้ว เขายังไม่เห็นสัตว์กลายพันธุ์ในนี้ซักตัวเลย

ถึงแม้ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือซอมบี้ หรือแม้แต่สัตว์กลายพันธุ์ เชื้อไวรัวที่อยู่ในร่างกายล้วนมาจากแหล่งเดียวกัน แต่วิวัฒนาการมาจนถึงตอนนี้ ลักษณะเด่นของเชื้อไวรัสได้เปลี่ยนแปลงไปจนแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงแล้ว

“แต่ถ้าหากเชื้อไวรัสกลายร่างอย่างเจ้าเมือกขุ่นๆ พวกนี้ สามารถเข้ากับเชื้อไวรัสในร่างกายของเสี่ยวป๋ายได้ล่ะก็…มันจะเป็นอย่างไรนะ?” หลิงม่อขมวดคิ้วครุ่นคิด

ซย่าน่าตอบอย่างมั่นใจ “มันก็จะเกิดการกลายร่างนิดหน่อยล่ะมั้ง ส่วนจะมากน้อยแค่ไหน ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน”

“…” สีหน้าของหลิงม่อค้างเติ่งไปทันที

สิบกว่าวินาทีผ่านไป หลิงม่อกำหมัดแน่น และทำหน้าเศร้า “ไม่ได้นะ…อุตส่าห์เติบโตมาอย่างสง่างามขนาดนี้แล้วแท้ๆ…”

“แต่มันก็ไม่แน่นะ” ซย่าน่ากระพริบตาปริบๆ แล้วตัดบทหลิงม่อ “เพราะถึงอย่างไรมันก็เป็นสัตว์กลายพันธุ์นี่นา”

เธอพูดถูก ไม่มีกรณีตัวอย่าง ดังนั้นจึงไม่มีใครล่วงรู้ได้ทั้งนั้นว่าเสี่ยวป๋ายจะเปลี่ยนไปเป็นอย่างไร

“ดูซิว่าคราวหลังแกจะกล้ากินของมั่วๆ อีกหรือเปล่า” หลิงม่อขยี้หัวเสี่ยวป๋ายอย่างหมั่นไส้

เสี่ยวป๋ายเองก็ดูเหมือนจะรู้สึกไม่ดีนัก มันจึงครางเบาๆ “แบ๊”

“เอ๋ ใช่สิ…ในเมื่อแกถูกล้อมโจมตีอยู่ที่นี่ แล้วอวี๋ซือหรานกับเฮยซือล่ะ?” เงาร่างของใครอีกคนผุดขึ้นมาในสมองของหลิงม่ออีกครั้ง

“วูบ!”

ทันใดนั้น ประกายแสงสีแดงโฉบผ่านด้านหลังหลิงม่อไปอย่างรวดเร็วพร้อมสายลมที่พัดผ่านไป

หลิงม่อตอบสนองได้ค่อนข้างเร็ว บวกกับเมื่อกี้เขามีประสบการณ์ที่จู่ๆ ก็มีซอมบี้โผล่มาข้างหลังแล้ว ดังนั้นเขาจึงตั้งสมาธิและคอยระวังตัวไว้ตลอดเวลา

อยู่ในความมืดแบบนี้เขาอาจมองเห็นได้ไม่ชัดเจน แต่ก็ยังได้ยินเสียง ดังนั้นจึงโฉบกายหลบไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว

เงาร่างสีดำที่เคลื่อนไหวด้วยความเร็วสุดขีด เคลื่อนผ่านตัวเขาไปอย่างฉิวเฉียด

ขณะที่ทั้งสองเคลื่อนตัวผ่านกัน พวกเขาอยู่ห่างกันไม่ถึงครึ่งเมตรด้วยซ้ำ

หลิงม่อกระทั่งได้กลิ่นแปลกๆ จากตัวอีกฝ่าย พูดให้ชัดคือกลิ่นน้ำเมือกที่ฉุนกว่านั่นเอง…

หลิงม่อรู้สึกอันตรายและตกใจมาก ทว่าเขายังไม่ทันดีใจที่ตัวเองหลบพ้น ก็พบว่าเงาร่างดำนั้นไม่ได้หยุดพักเลย

“ไม่ใช่สิ…” หลิงม่อตระหนกสุดขีด “ซย่าน่าระวัง!”

เป้าหมายของเงาร่างดำนี้ ไม่ใช่เขา!

การจู่โจมเขาเมื่อกี้เป็นเพียงการหลอกล่อ เป้าหมายของเงาร่างนี้ คือซย่าน่า!

เป็นไปดังคาด เมื่อเงาร่างดำนี้กระโจนไปถึงตัวซย่าน่า หลี่ย่าหลินและเย่เลี่ยนล้วนโดนล่อให้พุ่งเข้ามาช่วยหลิงม่อแล้ว

ดูจากความเร็ว พวกเธอไปช่วยซย่าน่าไม่ทันแน่

ถึงแม้หลี่ย่าหลินจะรีบโฉบกายด้วยความเร็ว จนเกิดเงาร่างขึ้นมาหลายเงาพร้อมกัน แต่เธอเพิ่งจะใช้กระบวนท่า “ร้อยบุปผาบานสะพรั่ง” ได้เพียงไม่นาน เธอก็ต้องเซไปเซมาและเผยร่างที่แท้จริงออกมาทันที

ดูจากสายตามึนงงและฝีเท้าไม่มั่นคงของเธอแล้ว หลิงม่อเข้าใจทันที

นั่นมัน…การจู่โจมทางจิต!

เย่เลี่ยนยกปืนขึ้น แต่กลับไม่สามารถล็อกเผ้าอีกฝ่ายได้ จะตามไปทุบหัวก็ไม่ทันแล้ว

ซย่าน่าได้รับคำเตือนจากหลิงม่อ และเธอเองก็รับรู้ได้ถึงอันตรายด้วยเช่นกัน

แต่มือข้างหนึ่งของเธอยังจับเจ้าสัตว์ประหลาดตัวเล็กไว้อยู่เลย เธอใช้มือข้างเดียวที่เหลือยกเคียวดาบขึ้นพาดขวางไว้ด้านหน้า

ขณะเดียวกันแสงสีแดงพลันประกายวาบขึ้นที่ข้างหลังเธอ ร่างดวงจิตน่าน่าแยกร่างออกไปทันที

ทว่าน่าน่าเพิ่งจะปรากฏตัว ก็ดูสภาพไม่สู้ดีนัก ร่างกายของเธอประกายแปลบปลาบเหมือนภาพโทรทัศน์ที่สัญญาณติดขัด ดูก็รู้ว่าเธอไม่ได้อยู่ในสภาวะที่ดีเท่าไหร่

“ฉัน…ขยับตัวไม่ได้เลย…” เสียงพูดของน่าน่าเหมือนแผ่นซีดีที่สะดุดติดๆ ขัดๆ

เฮยน่ากับหลิงม่ออึ้งไปพร้อมๆ กัน นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?!

เป็นหลิงม่อที่ตั้งสติได้เร็วที่สุด น่าน่าเป็นร่างดวงจิตโดยบริสุทธิ์นะ ขนาดเขายังโดนสกัดกั้นพลังจิตมากขนาดนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าน่าน่าจะโดนขนาดไหน

ตอนนี้เธอเหมือนกำลังถูกคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ารบกวนอย่างรุนแรง สัญญาณของเธอเลวร้ายถึงขีดสุด

และหากปล่อยให้เฮยน่าซึ่งไม่มีร่างดวงจิตคอยช่วยเหลือ เผชิญหน้ากับศัตรูที่สามารถใช้พลังจิตจู่โจมได้ ต้องอันตรายมากแน่นอน!

แค่ดูจากความเร็วก็รู้แล้ว ถึงเงาร่างดำนี้จะไม่ใช่ชนชั้นสูง ก็คงไม่ต่างกันมาก!

ยิ่งถ้าหากอีกฝ่ายอาจเป็นซอมบี้กลายร่าง การคาดคะเนระดับพลังก็ต้องเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว…

แต่…คิดจะจู่โจมซย่าน่าต่อหน้าต่อตาหลิงม่ออย่างนั้นหรอ? เรื่องแบบนี้ อย่าฝันไปเลย!

หนวดสัมผัสหลายเส้นพุ่งตามไปติดๆ อีกฝ่ายเองก็ตอบสนองอย่างรวดเร็วด้วยการซัดพลังจิตจู่โจมกลับมาทันที

พลังงานทางจิตสองกลุ่มปะทะกันอย่างแรง ทว่าหลิงม่อกลับเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

ในสภาพแวดล้อมอย่างนี้ พลังจิตของหลิงม่อถูกจำกัดอย่างรุนแรง แต่อีกฝ่ายกลับเหมือนปลากระดี่ได้น้ำ

การเริ่มต้นที่ไม่ยุติธรรมอย่างนี้ หลิงม่อย่อมไม่สามารถเป็นฝ่ายได้เปรียบ

“อ๊ะ…”

หลิงม่อที่รู้สึกปวดหนึบที่ศีรษะหลุดร้องเจ็บปวดออกมา แต่พอคิดว่าเงาร่างดำนั้นกำลังพุ่งเข้าไปหาซย่าน่า เลือดในกายเขาก็เดือดพล่านขึ้นมาทันที

“คิดว่าโจมตีเป็นฝ่ายเดียวรึไง?”

หลิงม่อเดือดดาล ดวงแสงแห่งจิตของเขาพลันเกิดคลื่นโหมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่งขึ้นมาทันที

ตลอดช่วงที่ผ่านมา เขามักได้รับผลกระทบจาก “ของขวัญ” ที่ราชินีแมงมุมทิ้งไว้ให้ ส่งผลให้สภาวะจิตใจของเขาไม่ค่อยดีนัก

แต่หากพูดถึงพื้นฐาน เขาปูพื้นฐานตัวเองไว้อย่างดีที่สุด

เวลานี้ภายใต้ผลกระทบจากทั้งความขึ้งโกรธและกังวลใจ ทำให้พลังงานทางจิตที่ถูกปลุกตื่นพรั่งพรูออกมาและก่อตัวเป็นเกราะป้องกันสีแดงอยู่รอบกายเขา

นี่เป็นผลจากการที่เขาฝึกฝนการควบคุมพลังจิตได้ถึงขั้นสุดยอดแล้ว ถ้าไม่อย่างนั้นพลังงานทางจิตมากมายที่หลั่งไหลออกมาพร้อมกันในเสี้ยววินาทีอย่างนี้ ยากที่จะควบคุมพร้อมกันได้

การทำอย่างนี้มีผลเข่นเดียวกับการควบคุมกำลัง ออกหมัดไม่ว่าใครก็ทำเป็น ทว่าออกแรงจู่โจมไปนับร้อยครั้ง แต่กลับแตะโดนแค่ผิวกายของอีกฝ่าย ของอย่างนี้เดาว่าคงมีคนทำได้ไม่มาก

แม้หลิงม่อจะยังควบคุมพลังได้ไม่ถึงขั้นนั้น แต่อย่างน้อยเขาก็ทำได้ถึงขั้นที่ไม่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกเจ็บปวดได้แล้ว

เงาร่างดำที่เมื่อกี้ยังพุ่งตรงเข้าไปอย่างไม่ลังเล รับรู้ได้ถึงพลังจิตกลุ่มหนึ่งที่กำลังม้วนตัวเข้ามาทันที แต่ก็ยังคงวิ่งตรงต่อไปไม่เปลี่ยนเป้าหมาย

“วอนนักนะ!”

ไฟโทสะลุกพล่านในใจหลิงม่อ อีกฝ่ายตั้งใจเมินเขา และยังคงพุ่งเป้าไปที่ซย่าน่าเหมือนเดิม!

เห็นเขาเป็นอากาศธาตุหรอ!

หนวดสัมผัสนับไม่ถ้วนถาโถมเข้าไปราวกับคลื่นที่ซัดเข้าฝั่ง เส้นที่หนึ่งถูกสกัดกั้น ก็ยังมีเส้นที่สอง เส้นที่สาม…มีอีกเป็นร้อยเส้น!

วินาทีที่เข้าใกล้อีกฝ่าย หนวดสัมผัสมากมายเหล่านั้นกลายเป็นสสารจับต้องได้ทันที

การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันอย่างนี้ทำเอาเงาร่างดำถึงกับลนลานทำอะไรไม่ถูก ส่งผลให้การเคลื่อนไหวช้าลงทันที

“ยังไม่หมดแค่นี้!”

หลิงม่อรู้สึกได้ว่าดวงแสงแห่งจิตของตัวเองกำลังหดตัวอย่างรวดเร็ว พลังงานกำลังหดหายอย่างต่อเนื่อง แต่เขากลับไม่คิดจะถอยเลยซักนิด

เขาในตอนนี้ ถ้าหากใช้พลังออกไปสิบส่วน ประสิทธิภาพที่ได้อย่างมากสุดก็แค่หนึ่งในสิบของเวลาปกติเท่านั้น

แต่หลิงม่อไม่สนใจการเผาผลาญพลังงานนี่อีกแล้ว เมื่อก่อนเขาระวังมาโดยตลอด แต่เมื่อไหร่ที่แฟนสาวคนใดคนหนึ่งของเขาตกอยู่ในอันตราย การระวังตัวอย่างนี้ก็หมดความหมายกับเขาไปทันที

พูดได้ว่า พลังทั้งหมดที่ประหยัดและเก็บสะสมมาโดยตลอด ก็มีไว้เพื่อใช้รับมือกับสถานการณ์อย่างนี้นั่นเอง

การระวังตัวของหลิงม่อไม่ได้ทำเพื่อตัวเองเท่านั้น เหตุผลที่สำคัญกว่าคือทำไปเพื่อปกป้องพวกเย่เลี่ยน

และตอนนี้ ก็ถึงเวลาที่ต้องดึงพลังงานเหล่านี้ออกมาใช้แล้ว

“กลืนกิน!”

ทันใดนั้น หนวดสัมผัสในรูปสสารทั้งหมดที่กำลังถูกต้านทานไว้ได้ พลันกลายสภาพกลับไปเป็นไร้รูปร่างอีกครั้ง และพุ่งเข้าไปรวมอยู่ในพลังงานที่อีกฝ่ายปล่อยออกมาเพื่อต้านหลิงม่อ

แม้หายไปหนึ่งเส้น แต่ยังมีหนวดสัมผัสอีกมากมายกำลังกลืนกิน!

“ดูซิว่าใครจะผลาญพลังงานได้นานกว่า!”

ดวงตาของหลิงม่อเริ่มมีประกายแดงขึ้นมาอ่อนๆ พลังงานทางจิตที่ลดฮวบลงอย่างรวดเร็วทำให้เขารับรู้ได้ถึงอันตราย แต่พลังงานที่ดูดกลืนมาได้กลับทำให้เต็มตื้นยิ่งกว่า!

“แกเสร็จฉันแน่!”

ในสถานการณ์อย่างนี้ ข้อได้เปรียบของหลิงม่อคือตัวเขาเดิมก็มีพลังจิตมหาศาลอยู่แล้ว

และข้อได้เปรียบอย่างนี้ ถึงแม้จะตกอยู่ในสถานการณ์ที่พลังจิตไม่เพียงพอ เขาก็จะยังสามารถยืนหยัดอยู่ต่อหน้าผู้มีความสามารถพิเศษหลายๆ คนได้

ถึงแม้ในตอนนี้สิ่งที่ยืนอยู่ตรงหน้า จะเป็นซอมบี้ก็ตาม

—————————————————————————–

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

เมื่อเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่อุบัติขึ้นและเกิดการแพร่ระบาดเป็นวงกว้าง ผู้คนบนโลกก็ต้องพบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต จากคนธรรมดาต้องกลายเป็นซอมบี้กระหายเลือด! แต่ก็ยังมีคนจำนวนหนึ่งที่รอดพ้นจากไวรัสร้ายกาจนี้ หนึ่งในนั้นคือหลิงม่อ หนุ่มเนิร์ดหน้าตาบ้านๆ แน่นอนว่าเขาต้องทุ่มเทพยายามสุดชีวิตเพื่อเอาตัวรอด แต่ไม่ใช่เพียงแค่นั้น เขายังมีภารกิจสำคัญอีกอย่างที่ต้องทำ คือช่วยแฟนสาวซอมบี้ ให้กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง สุดท้ายแล้วหลิงม่อหนุ่มธรรมดาคนนี้จะทำภารกิจสำเร็จหรือไม่ เรามาร่วมลุ้นไปด้วยกันเถอะ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset