แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ – ตอนที่ 973 มายากลมนุษย์แปลงร่าง

“หมายความว่าไง?” อวี่เหวินซวนนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วจึงถามขึ้น ที่ทำให้สวี่ซูหานแปลกใจก็คือ เสียงพูดของเจ้าเฟิ่งจื่อคนนี้ก็ราบเรียบมากเช่นกัน…

หลิงม่อพูดด้วยสีหน้าไม่แสดงอารมณ์ “ฉันจำได้ว่านายบอกว่าข้างหน้าอันตรายมากนี่ หรือว่า นายพูดอย่างนี้เพื่อให้พวกฉันเดินตามนายต่อ?”

“พวกนายจะไม่เสียใจแน่นอน…” อวี่เหวินซวนกลับไม่ได้ปฏิเสธ แต่พูดอย่างมั่นใจแทน

“ถ้าอย่างนั้นนายบอกฉันมาตอนนี้เลย สิ่งที่นายอยากให้พวกฉันเห็น คืออะไรกันแน่?” หลิงม่อเหมือนไม่ได้โกรธ แต่กลับดูจริงจังต่อปฏิกิริยาที่ค่อนข้างบ้าคลั่งของอวี่เหวินซวน…สวี่ซูหานรู้สึกว่า สายตาของเขาราวกับหนักแน่นขึ้น

อวี่เหวินซวนหัวเราะ ส่ายหน้าบอกว่า “ถ้าบอกพวกนายตอนนี้ นายต้องหันหลังกลับตอนนี้อย่างแน่นอน แต่ว่าเชื่อฉันเถอะ ถ้าไปถึงเมื่อไหร่ นายจะไม่คิดอย่างนี้อีก ฉันทำเพื่อพวกนายนะ…ลองคิดดูสิ ถ้าหากไม่มีประโยชน์มากพอ ฉันคงไม่ยืนยันจะพาพวกนายไปให้ได้ ทั้งที่ตัวเองบาดเจ็บขนาดนี้หรอก ใช่ไหมล่ะ? ถ้าหากพวกนายยังกลัวอันตรายอยู่อีก ฉันจะบอกพวกนายตรงๆ ก็ได้…มันมีอันตรายจริงๆ นั่แหละ แต่ฉันรับประกันได้ว่ามันอยู่ในขอบเขตที่สามารถควบคุมได้ จุดนี้ดูจากที่ฉันรอดกลับมาได้ก็รู้แล้ว…อีกอย่างเรื่องทั้งหมดใช้เวลาไม่นานหรอก…”

“เอาไงล่ะ? ฉันก็พูดขนาดนี้แล้ว ฉันรู้ว่าพวกนายสงสัย แต่ในเมื่อเดินมาถึงนี่แล้ว…” อวี่เหวินซวนบอก

“ฟังดูมีเหตุผลเหมือนกันนะ…” สวี่ซูหานยืนฟังเงียบๆ จนถึงตรงนี้ ก็เริ่มรู้สึกว่าไม่มีอะไรจะค้าน ถึงแม้ทฤษฎีของเจ้าเฟิ่งจื่อจะฟังดูเสี่ยงอันตรายมาก แต่ยิ่งเป็นอย่างนี้ ก็ยิ่งทำให้อยากรู้อยากเห็นสิ่งที่อยู่ข้างในนั้นมากขึ้นกว่าเดิม! ก็เหมือนกับที่เขาบอก มาถึงขนาดนี้แล้ว และมันก็เหลือแค่อีกหนึ่งร้อยเมตรเท่านั้น…ถ้าจะไม่เห็นด้วย ก็ควรค้านหัวชนฝาตั้งแต่แรกสิ!

“ในเมื่อเดินมาถึงตรงนี้แล้ว ถ้าอย่างนั้นก็กล้าๆ หน่อย เดินไปติดกับดักพร้อมกับนายซะเลย…หมายความว่าอย่างนี้หรือเปล่า?” หลิงม่อกลับพูดตัดบทเขาอย่างเย็นชา

“กับดักมาจากไหนอีกล่ะเนี่ย!” สวี่ซูหานได้ยินก็แทบบ้า…

แต่อวี่เหวินซวนกลับเหมือนชะงักไปชั่วขณะ ผ่านไปสองวินาทีจึงค่อยพูดขึ้น “อันตรายน่ะอันตราย แต่ไม่ถึงขั้นกับดักหรอก…ฉันเคยเข้าไปแล้วครั้งหนึ่งนะ”

“อวี่เหวินซวนอยู่ไหน?” หลิงม่อโพล่งถามขึ้นอย่างหมดความอดทน

เสียงของเขายังคงเบามาก แต่สวี่ซูหานกลับรู้สึกว่าน้ำเสียงของเขาแฝงไว้ด้วยเสียงระเบิดบางอย่าง

อวี่เหวินซวน? หมายความว่ายังไง? หรือว่า…

“เป็นไปไม่ได้หรอก!” สวี่ซูหานเบิกตากว้าง จากนั้นก็แอบหยิกตัวเอง “ก็ไม่ใช่ภาพลวงตานี่นา!”

ปฏิกิริยาของอวี่เหวินซวนต่างจากสีหน้าตกตะลึงของสวี่ซูหาน เขานิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วอยู่ๆ ก็ยิ้มขึ้นมา “นายพูดอะไร…”

“รู้ไหมว่าฉันเป็นอะไรกับอวี่เหวินซวน? ไหนลองบอกมาสิ” หลิงม่อบอก

“ถามเรื่องพวกนี้ไปทำไม หรือว่านาย…นายเห็นภาพหลอนอะไรหรือเปล่า? บางที นายอาจถูกเล่นงานโดยไม่รู้ตัวก็ได้” อวี่เหวินซวนกระแอม ขณะเดียวกันก็ขมวดคิ้ว “ไม่แน่ว่า นี่อาจเป็นอันตรายอย่างหนึ่งที่ซ่อนอยู่ก็ได้”

“ยังจะเล่นละครต่ออีก? งั้นก็ดี…” สายตาของหลิงม่อฉายแววดูถูก ปากก็พูดว่า “บอกตามตรง ภายนอกแกปลอมตัวได้ไม่เลว แต่เรื่องอื่นๆ มีแต่พิรุธเต็มไปหมด อย่างน้อยตั้งแต่ที่แกพูดประโยคแรก ฉันก็เริ่มรู้สึกตงิดแล้วล่ะ”

“ประโยคแรก?” อวี่เหวินซวนยืนพิงผนัง แล้วถามย้อนติดตลก “ฉันไม่รู้ว่านายกำลังพูดอะไรอยู่กันแน่ ภายนอกอะไร พิรุธอะไรกัน…”

“ตอนนั้นแกพูดว่า พวกนายมาแล้วหรอ…ใช่ไหม?” หลิงม่อบอก

“ก็ใช่ แต่มันจะบอกอะไรได้ล่ะ?” ไม่ใช่แค่อวี่เหวินซวน แม้แต่สวี่ซูหานก็ไม่ค่อยเข้าใจ ถึงเธอจะไม่คิดว่าหลิงม่อถูกเล่นงานจนเห็นภาพหลอน แต่สถานการณ์ในตอนนี้ทำให้เธอมึนงงจริงๆ…

“หึ…ประโยคนั้นก็ไม่ได้มีอะไรหรอก แต่เพราะแกพูดมันออกมา มันถึงได้กลายเป็นพิรุธแรกของแก แถมยังเป็นพิรุธที่ใหญ่ที่สุดด้วย” หลิงม่อก้าวเดินไปข้างหน้าเงียบๆ เพื่อบังสวี่ซูหานไว้ “จำได้หรือยัง? ตอนนั้นพวกฉันยืนอยู่ในตำแหน่งนี้ ไม่เพียงเท่านั้น พวกฉันยังยืนอยู่ในความมืดด้วย อาศัยความสามารถในการมองเห็นของมนุษย์ หากอยู่ในระยะห่างสิบกว่าเมตร อย่างมากก็มองเห็นได้แค่เค้าโครงรางๆ นี่ยังต้องเป็นคนที่มีประสาทสัมผัสอันยอดเยี่ยมด้วยนะ…”

“แล้วมันยังไงล่ะ? ถึงจะมองเห็นพวกนายไม่ชัด แต่คนที่จะถือไฟฉายเดินเข้ามาในนี้ ก็มีแค่พวกนายไม่ใช่หรอไง!” อวี่เหวินซวนพูดอย่างโกรธกรุ่น ขณะเดียวกันก็หันไปโวยวายกับสวี่ซูหาน “เขาต้องโดนเล่นงานแน่ ไม่ต้องไปฟังเขา ถ้าเรื่องมันแย่ลง ก็ตีเขาให้สลบเลย…”

“อย่าเพิ่งรีบสิ” หลิงม่อโบกมือไปมา

สวี่ซูหานทำหน้างง แต่หลังจากสบตากับอวี่เหวินซวนแวบหนึ่ง เธอกลับก้าวถอยหลังเงียบๆ

“เธอทำอะไรน่ะ จะปล่อยให้เขาเป็นอย่างนี้ต่อไปจริงๆ น่ะหรอ พวกเราจะอันตรายไปด้วยนะ! ไม่คิดเลยว่าจะมีเรื่องอย่างนี้อยู่ด้วย…ถ้าเธอสงสัยฉัน ฉันไม่เดินเข้าไปหาก็ได้ ยังไงฉันก็บาดเจ็บหนักขนาดนี้แล้ว จะทำอะไรพวกนายอีกได้ยังไง? แต่ว่าเขา…อย่างน้อยเธอต้องควบคุมเขาให้ได้…” อวี่เหวินซวนตะโกนลั่นอย่างร้อนรน

ส่วนหลิงม่อกลับยืนฟังเงียบๆ จนเขาพูดจบ กระทั่งเมื่อเขาหยุดตะโกน หลิงม่อจึงอ้าปากพูดอย่างแช่มช้า “ดูสิ และนี่ก็คือพิรุธจุดที่สองที่ฉันพูดถึง…แกตะโกนโหวกเหวกขนาดนี้ แต่รอบข้างกลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย ที่สำคัญคือ หลังจากที่แกปรากฏตัว เหล่าสัตว์ประหลาดที่กำลังเข้ามาใกล้พวกฉัน กลับไม่ไล่ตามมาต่อ…”

“เฮ้ย จริงด้วย!”

สวี่ซูหานใจกระตุกวูบ! ใช่แล้ว ตอนที่กำลังสู้กับเหยื่อล่อตัวนั้น หลิงม่อเคยบอกว่าข้างหลังยังมีปัญหาอื่นอยู่จริงๆ…แต่พอพวกเขาเริ่มเดินตามอวี่เหวินซวนมาจนถึงที่นี่ “ปัญหา” พวกนั้นก็ไม่เคยปรากฏตัวเลย…แต่ในระหว่างนี้ เธอกลับมัวแต่สนใจอันตรายที่อยู่ข้างหน้าแทน…

เวลานี้พอได้ยินหลิงม่อพูดขึ้น เธอถึงเพิ่งฉุกคิดได้

จะว่าไปแล้ว มันก็น่าสงสัยมากจริงๆ!

“สัตว์ประหลาดพวกนั้นก็แค่ไม่กล้าเข้าใกล้ที่นี่เท่านั้นแหละ! ไม่อย่างนั้นฉันจะซ่อนตัวมาจนถึงตอนนี้ได้ยังไง? แล้วก็สัตว์ประหลาดตัวที่ถูกพวกนายฆ่านั่นอีก มันเองก็ถอยหลังจากที่มาถึงนี่แล้วเหมือนกัน!” อวี่เหวินซวนพูดอย่างฉุนเฉียว

“ฉันเดาไว้แล้วว่าแกต้องพูดอย่างนี้ ถ้าอย่างนั้นให้ฉันบอกอีกจุดหนึ่งแล้วกัน…ถึงแม้แกจะสามารถเดาได้ว่าใครมา แต่ภายใต้สถานการณ์ที่มองเห็นไม่ชัด แกพูดคำว่า ‘พวกนาย’ ออกมาได้ยังไง?” หลิงม่อถาม

“เพราะ…ไม่มีทางที่จะมาคนเดียว…”

“ไม่ แกไม่ได้เดา แกพูดด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจมาก อีกอย่างตอนที่อยู่ห่างกันสิบกว่าเมตร ฉันก็สัมผัสได้ถึงสายตาของแกแล้ว ตอนนั้นแกไม่ได้มองเค้าโครงที่มองเห็นเพียงเลือนรางของพวกฉัน แต่กลับจ้องตาพวกฉันอย่างแม่นยำ จุดนี้ ฉันเชื่อว่าผู้ประกาศข่าวสวี่เองก็คงคิดเหมือนกันใช่ไหม?” หลิงม่อพูดน้ำเสียงราบเรียบ แต่ตอนที่พูดถึงประโยคสุดท้าย อยู่ๆ เขากลับยื่นมือไปถอดหน้ากากของสวี่ซูหานออก แล้วหัวเราะเราะเย็นชา “แกปลอมตัวได้เนียนทุกอย่าง แล้วแกก็คำนวณไว้แล้วว่าในเวลาสั้นๆ นี้แกจะสามารถจูงจมูกพวกฉันได้ กว่าพวกฉันจะรู้ตัว ทุกอย่างก็คงสายไปแล้ว แต่มีเรื่องหนึ่ง…อวี่เหวินซวนไม่รู้ว่าเธอเป็นซอมบี้ ถ้าเห็นตาของเธอ แล้วเขาจะไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลยได้ยังไง?”

“อา…” สวี่ซูหานม่านตาหดเล็กลง

เป็นอย่างนั้นจริงๆ หลิงม่อพูดถูก ในเสี้ยววินาทีที่อวี่เหวินซวนเงยหน้าขึ้น เธอสบตากับเขาแวบหนึ่งจริงๆ…ตอนนั้นเธอคิดว่าอีกฝ่ายคงเห็นไม่ชัดแน่ๆ แต่กลับมองข้ามรายละเอียดพวกนี้ไปเพราะความตระหนก…แต่หลิงม่อกลับสามารถรักษาสติปัญญากับความสามารถในการสังเกตไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม แม้จะเพิ่งตามหาอวี่เหวินซวนเจออย่างยากลำบากก็ตาม…

“ถึงแกจะสามารถอธิบายเรื่องนี้ได้ แต่ก็ยังมีอีกเรื่อง ไม่ว่ายังไงแกก็ไม่มีทางแก้ตัวได้อีกแน่นอน ไม่ว่าตอนนั้นที่ซ่อนตัวของอวี่เหวินซวนจะอยู่ตรงไหน แต่หากเขาได้ยินเสียงเคลื่อนไหว หรือเห็นแสงไฟ เขาจะต้องพุ่งตัวออกมาทันทีแน่นอน ไม่เหมือนแก ที่รอให้แสงไฟสลัวลงแล้วค่อยเดินมาหา แต่เรื่องนี้ แกคงไม่มีวันรู้หรอก ใช่ไหมล่ะ?” หลิงม่อถาม

อวี่เหวินซวนที่อยู่ข้างหน้าก้มหน้าไม่พูดไม่จา หลังจากผ่านไปหลายวินาที เขาจึงค่อยเงยหน้าขึ้นช้าๆ พลางคลี่มุมปากทั้งสองข้างออก เผยให้เห็นรอยยิ้มประหลาด “มนุษย์นี่ช่างยุ่งยากจริงๆ เลยนะ”

เพิ่งจะสิ้นเสียงพูด ร่างกายของเขาพลันหงิกงอ จากนั้นร่างกายของ “อวี่เหวินซวน” ที่อยู่ต่อหน้าหลิงม่อกับสวี่ซูหานก็เริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างบ้าคลั่ง…

———————————————-

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

เมื่อเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่อุบัติขึ้นและเกิดการแพร่ระบาดเป็นวงกว้าง ผู้คนบนโลกก็ต้องพบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต จากคนธรรมดาต้องกลายเป็นซอมบี้กระหายเลือด! แต่ก็ยังมีคนจำนวนหนึ่งที่รอดพ้นจากไวรัสร้ายกาจนี้ หนึ่งในนั้นคือหลิงม่อ หนุ่มเนิร์ดหน้าตาบ้านๆ แน่นอนว่าเขาต้องทุ่มเทพยายามสุดชีวิตเพื่อเอาตัวรอด แต่ไม่ใช่เพียงแค่นั้น เขายังมีภารกิจสำคัญอีกอย่างที่ต้องทำ คือช่วยแฟนสาวซอมบี้ ให้กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง สุดท้ายแล้วหลิงม่อหนุ่มธรรมดาคนนี้จะทำภารกิจสำเร็จหรือไม่ เรามาร่วมลุ้นไปด้วยกันเถอะ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset