แวมไพร์หนุ่มกับแม่มดทั้งเจ็ด (Haverzhakan Village) – ตอนที่ 17: ดวลคาถาในห้องเรียน

               “ผมขอท้าสู้ครับ”

               “อัลเบิร์ต ลิสก้า” บุรุษวัยเยาว์ผมสีบลอนด์เงินจอมเจ้าเล่ห์ ในชุดเสื้อสเวตเตอร์ไหมพรมสีเทากับกางเกงยีนส์ขาเดฟ กล่าวเสนอตัวพร้อมก้าวเท้าเดินออกมาข้างหน้า ในมือขวากำด้ามไม้กายสิทธิ์สีเงินสลักลวดลายสวยงาม โดยที่สายตาเพ่งเล็งไปยังเลวอนอย่างหยิ่งผยอง สร้างความประหลาดใจให้แก่เพื่อนร่วมชั้นท่ามกลางเสียงซุบซิบ

               “เยี่ยมมากอัลเบิร์ต… เอาล่ะ ทั้งสองคนยืนไปประจำที่แล้วรอฟังคำสั่งจากฉัน”

               ยาโรสลาฟกางสองแขนชี้นิ้วออกทางด้านข้างเตรียมส่งสัญญาณ เมื่อเลวอนและอัลเบิร์ตเดินทางมาถึงพื้นที่โล่งหน้าห้องเรียนจึงก้าวเท้าแยกย้ายจากกันเพื่อรักษาระยะห่าง ในระหว่างนั้นเองไอ้แสบก็ได้พูดจาข่มขวัญอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

               “วันนี้ฉันจะทำให้นายต้องอับอายขายขี้หน้าทุกคน เตรียมใจเอาไว้ให้ดีเถอะ”

               เลวอนหาได้โต้ตอบถ้อยคำใด ๆ จนกระทั่งเขาและอัลเบิร์ตยืนอยู่ห่างจากกันราว 10 เมตรซึ่งเป็นระยะทางเหมาะสมที่สุดสำหรับการต่อสู้ระยะใกล้ ในขณะที่เหล่าบรรดานักเรียนเริ่มส่งเสียงฮือฮาต่างวางพนันกันว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะ ทางอิทสึกิก็ได้บ่นพึมพำออกมาอย่างไม่สบอารมณ์

               “ท่านฮิคาริ เจ้าหมอนี่แหละขอรับที่ชอบรังแกท่านเลวอนอยู่เป็นประจำ”

               “เจ้านั่นน่ะเหรอ? ดูท่าทางแล้วไม่เห็นจะเก่งสักเท่าไหร่เลย ก็แค่ผู้ชายขี้อวดเบ่งเท่านั้นแหละ ถ้าวัดกันแค่เฉพาะเรื่องเวทมนตร์คาถาล่ะก็ บางทีเจ้าลูกแกะบ้านั่นคงพอต่อสู้กับหมอนี่แบบพอฟัดพอเหวี่ยงได้… แต่ดันติดนิสัยใจอ่อนเนี่ยสิ”

               ฮิคาริกล่าวคำวิจารณ์ภายหลังจากที่ตนใช้สายตาเพ่งพินิจอัลเบิร์ตตั้งแต่หัวจรดเท้า วัตสันและอิทสึกิพร้อมใจกันผงกศีรษะเห็นพ้องต่อถ้อยคำดังกล่าวทันที เพราะพวกเขาต่างรู้ดีว่าเลวอนไม่ใช่คนอ่อนแอหรือยอมแพ้อะไรโดยง่ายอยู่แล้ว

               “กติกาง่าย ๆ ใครสามารถใช้คาถาโจมตีถึงตัวอีกฝ่ายได้ก่อนคนนั้นคือผู้ชนะ แต่ฉันอนุญาตให้พวกเธอใช้ได้แค่เฉพาะเวทมนตร์โจมตีขั้นพื้นฐานเท่านั้น โดยทำให้คู่ต่อสู้บาดเจ็บทางกายภาพ ไม่ใช่คาถาสาปแช่งที่ทำร้ายไปถึงอวัยวะภายใน… ใครลงมือเกินกว่าเหตุ คงรู้ใช่ไหมว่าจะต้องเจอกับอะไรบ้าง…? เอาล่ะทั้งสองคนชูไม้กายสิทธิ์ตั้งท่าเตรียมพร้อม”

               ยาโรสลาฟออกคำสั่งโดยที่ตนยืนอยู่เบื้องหน้าโต๊ะครูผู้สอน เลวอนและอัลเบิร์ตจึงชูไม้กายสิทธิ์ชี้ไปยังคู่ต่อสู้ สายตาของสองเด็กหนุ่มต่างจับจ้องมองดูเชิงอย่างไม่ลดละ จนภายในห้องเรียนเริ่มเข้าสู่ความเงียบสงบท่ามกลางแรงกดดัน ที่แม้แต่เหล่าบรรดาเพื่อนร่วมชั้นซึ่งนั่งลุ้นระทึกอย่างใจจดใจจ่อเองก็ยังสัมผัสถึงบรรยากาศดังกล่าวได้

               “เริ่มได้!”

               ศาสตราจารย์ผู้ทรงสง่าประกาศให้สัญญาณพร้อมสะบัดแขนทั้งสองข้างลง อัลเบิร์ตรีบตวัดไม้กายสิทธิ์โดยพลัน

               “Detrahere arma! (คาถาปลดอาวุธ) ”

               ไม่ทันที่เลวอนจะขยับปากร่ายเวทมนตร์ตั้งรับ ไม้กายสิทธิ์ในมือก็ถูกสะบัดร่วงหล่นยังพื้นด้วยประกายแสงชั่วพริบตา เด็กหนุ่มรีบย่อตัวหมายหยิบอาวุธขึ้นมา ทว่าอัลเบิร์ตกลับทำท่าจะโจมตีใส่ซ้ำสอง จนเขาต้องหยุดชะงักพลางเงยหน้าจ้องมอง โดยที่ทั้งคู่ต่างแน่นิ่งคอยดูชั้นเชิงกันเป็นเวลาหลายสิบวินาที

               “โอ้วววว…!”

               นักเรียนทุกคนที่รับชมการประลองต่างส่งเสียงตื่นเต้นจนตัวเกร็ง บางคนถึงกับลืมหายใจไปชั่วขณะ ในจังหวะนั้นเองอัลเบิร์ตเผยแสยะยิ้มเยาะออกมาดั่งผู้มีชัย เลวอนยังคงนิ่งเงียบไม่ยอมแสดงท่าทีใด ๆ โต้ตอบกลับคืนไป ด้วยความจองหองของไอ้แสบที่นึกชะล่าใจอยากจะยืดเวลาการต่อสู้ออกไป หวังกลั่นแกล้งให้อีกฝ่ายรู้สึกอับอายขายหน้าต่อบรรดาเพื่อนร่วมชั้น

               พ่อมดหนุ่มรูปงามนัยน์ตาสีอำพันตัดสินใจย่อเข่าทำท่าจะหยิบไม้กายสิทธิ์ขึ้นมา อัลเบิร์ตจึงสบโอกาสนี้เนรมิตคาถาโจมตีใส่ ปรากฏให้เห็นเป็นเปลวเพลิงพวยพุ่งออกมาจากปลายอาวุธราวกับพญางู แล้วพุ่งเข้าหาเป้าหมายโดยฉับพลัน

               “Spiritus draconis! (ลมหายใจมังกร) ”

               “Maxime reflexum! (สะท้อนกลับขั้นสูงสุด) ”

               เลวอนรีบยกนิ้วชี้ข้างถนัดเล็งตวัดไปยังคู่ต่อสู้โดยที่ไม่ได้สนใจไม้กายสิทธิ์บนพื้นเลย เพียงชั่วพริบตาเดียวเบื้องหน้าของเด็กหนุ่มก็ได้ปรากฏให้เห็นถึงวงแหวนเวทรูปดาวหกแฉกแสงสีฟ้าต้านรับเปลวไฟลูกใหญ่ พลันสะท้อนการโจมตีกลับคืนไปเฉกเช่นสายฟ้าฟาด จนปะทะเข้ากลางลำตัวของอัลเบิร์ตอย่างจัง

               เปรี้ยง!!

               “อั้ก…! ร้อนนน อ๊าาาา อ๊ากกกกกกกก!!?”

               บุรุษหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีบลอนด์เงินล้มตัวนอนลงกับพื้นส่งเสียงร้องโหยหวน ผิวหนังเริ่มเป็นแผลพุพองราวกับโดนอัคคีเพลิงแผดเผาจนส่งกลิ่นเหม็นไหม้ ฮิคาริ เวสน่า อิทสึกิ และวัตสัน รวมถึงเพื่อนร่วมชั้นทุกคนพากันอ้าปากค้างหวาดผวาส่งเสียงตื่นตระหนก แม้แต่ตัวเลวอนผู้ซึ่งใช้คาถาส่งสะท้อนเองก็ยังต้องแสดงสีหน้าประหลาดใจ

               เดิมทีคาถาลมหายใจมังกรมีผลต่อศัตรู เพียงแค่ทำให้รู้สึกแสบร้อนไปทั้งอวัยวะภายนอกและภายในจนเกิดผื่นแดงยังผิวหนังเท่านั้น อีกทั้งถือเป็นเวทมนตร์สาปแช่งขั้นสูง ทว่าเนื่องจากคาถาป้องกันภัยที่เลวอนร่ายมาเมื่อสักครู่เป็นมนตราขั้นสูงซึ่งมีสถานะทัดเทียม จึงสามารถสะท้อนพลังโจมตีกลับคืนคู่อริได้อีกหลายเท่าตัว

               และการที่เลวอนแสดงความสามารถที่แท้จริงออกมาโดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาไม้กายสิทธิ์หรืออุปกรณ์สื่อนำ ก็ยิ่งทำให้เขากลายเป็นจุดสนใจของทุกคนมากขึ้น เพราะตามปกติทั่วไปแล้วผู้ที่ทำเช่นนั้นได้มีเพียงแค่ยาโรสลาฟ และเหล่าพ่อมดแม่มดระดับชั้นพาลาดินเท่านั้น

               “อัลเบิร์ต!!”

               สลาโวมีร์และเบอร์นาร์ดลุกขึ้นจากเก้าอี้รีบรุดหน้าเข้าไปหาหัวโจกผู้เคราะห์ร้ายอย่างเป็นกังวล ยาโรสลาฟเห็นดังนั้นก็ถึงกับถอนหายใจเอือมระอาพร้อมทั้งกล่าวน้ำเสียงสลดออกมา

               “ไม่ไหว ๆ นึกอยู่แล้วเชียวว่าต้องลงเอยแบบนี้”

               “ไม่ได้การ ถ้าไม่รีบรักษาตอนนี้ล่ะก็…!”

               เวสน่าทำท่าจะลุกขึ้นจากเก้าอี้เตรียมก้าวเท้าเข้าไปหาอัลเบิร์ต หมายจะใช้เวทมนตร์รักษาแผลไฟไหม้พุพองให้แก่เขา ทว่าศาสตราจารย์ได้ยกมือห้ามปรามเธอเอาไว้ ก่อนจะเกริ่นน้ำเสียงนุ่มลึกปราศจากความกังวล

               “อย่าแตะเนื้อต้องตัวผู้ชายโดยไม่จำเป็นเลยซิสเตอร์ ฉันจะเป็นคนรักษาให้เขาเอง”

               ถัดมายาโรสลาฟจึงย่อเข่านำฝ่ามือขวาวางประทับลงบนกลางอกของอัลเบิร์ต จนปรากฏแสงสีขาวสว่างขึ้นรอบตัวทั้งสองคน บาดแผลพุพองแสบร้อนตามร่างกายของเด็กหนุ่มผู้น่าสงสารเริ่มจางหาย ค่อย ๆ กลับคืนสู่สภาพปกติอย่างน่าอัศจรรย์ โดยที่บุรุษจอมเวทผู้อาวุโสหาได้ปริปากร่ายคาถามนตราใด ๆ ออกมาเลยแม้แต่สักพยางค์เดียว

               นักพรตสาวถอนหายใจโล่งอก ก่อนที่จะพิงตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตามเดิมเมื่อเห็นว่าการรักษาเป็นไปได้ด้วยดี อัลเบิร์ตส่งเสียงหายใจหอบด้วยท่าทีอิดโรยหลังจากฟื้นตัวไม่นาน โดยที่เบอร์นาร์ดและสลาโวมีร์ช่วยกันประคองร่างเขาให้ลุกขึ้นยืน พอได้สติกลับคืนมาไอ้แสบก็รีบหันหน้าไปตวาดใส่เลวอนอย่างโกรธแค้นทันที

               “ทาวิเทียน ไอ้คนขี้โกง เรื่องนี้ต้องถึงหูพ่อฉันแน่!”

               “แต่ก่อนที่เรื่องนี้จะถึงหูพ่อของเธอ ช่วยบอกให้ฉันรู้หน่อยได้ไหมว่าคาถาที่เธอร่ายเมื่อสักครู่นี้เป็นเวทมนตร์ระดับไหน เพราะถ้าหากเป็นคาถาโจมตีทั่วไปเธอคงไม่รู้สึกปวดแสบปวดร้อนมากขนาดนี้หรอก”

               ศาสตราจารย์ฉีกยิ้มราวกับเด็กหนุ่มผู้ใสซื่อไร้เดียงสา แต่สำหรับนักเรียนทุกคนแล้วการแสดงท่าทีเช่นนั้นถือเป็นสิ่งที่น่ากลัว ไม่มีใครรู้เลยด้วยซ้ำว่าแท้จริงแล้วภายในใจของเขากำลังคิดอะไรอยู่ อย่างไรก็ดีอัลเบิร์ตสัมผัสได้ถึงจิตอันแรงกล้าและแข็งกร้าวจากยาโรสลาฟจนใบหน้าเริ่มผุดเม็ดเหงื่อ ทั้งที่อีกฝ่ายยังไม่ทันได้ลงมือทำอะไรเลย

               “ม-ไม่รู้ครับ ผมก็แค่เปิดเจอในตำราเรียนแล้วท่องจำมาอีกที” อัลเบิร์ตรีบแก้ตัวพลางทำตาลอกแลก

               “อื้ม… เป็นเหตุผลที่พอฟังขึ้น ถ้างั้นฉันจะให้คะแนนพิเศษเธอห้าแต้ม เป็นรางวัลสำหรับการสาธิตเวทมนตร์ให้เพื่อน ๆ ได้รับชม และหักห้าแต้มเนื่องจากทำผิดกฎกติกา” บุรุษชุดครุยอธิบายอย่างอารมณ์ดี พลางยกมือขวาชูห้านิ้วก่อนจะกำหมัดลง แสดงถึงท่าทีภาษากายเพื่อเน้นย้ำให้อีกฝ่ายรู้แจ้งชัดเจน

               “หมอนั่นเองก็ทำผิดกติกาเหมือนกันไม่ใช่เหรอครับ เมื่อกี้เห็นร่ายเวทด้วยปลายนิ้วนี่นา แสดงว่ามันต้องสวมใส่แหวนกายสิทธิ์อยู่แน่ ๆ ไม่ได้ใช้ไม้กายสิทธิ์ต่อสู้ตามกฎเลย!”

               “เอ่อ… ที่ผมสวมอยู่เป็นเพียงแค่แหวนแปลภาษาเท่านั้นเองนะ”

               เลวอนกล่าวโต้แย้งพลางยกมือซ้ายขึ้นมาในลักษณะหันหลังมือ แสดงให้เห็นถึงแหวนเวทมนตร์แปลภาษาซึ่งสวมอยู่ตรงนิ้วกลาง ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ไอ้แสบรู้สึกอับอายขายหน้าท่ามกลางเสียงหัวเราะของเหล่าบรรดาเพื่อนร่วมชั้น แม้แต่ฮิคาริเองยังต้องแอบพึมพำออกมาด้วยความรู้สึกเวทนา

               “อุหวา… ไอ้หมอนี่ขี้แพ้ชวนตีสุด ๆ”

               “ผมขอโทษครับศาสตราจารย์ ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เขาบาดเจ็บถึงขนาดนี้…”

               พ่อมดหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีขาวโพลนก้มหน้าสลดด้วยท่าทีสำนึกผิด แม้ว่าเขาจะเป็นผู้มีชัยในการประลองครั้งนี้แล้วก็ตาม ทว่ายาโรสลาฟกลับแย้มสรวลจาง ๆ ยกมือหนาขึ้นมาลูบสางศีรษะลูกศิษย์เพื่อปลอบโยนพร้อมทั้งกล่าวคำชื่นชม

               “อะไรกัน เธอก็แค่ร่ายคาถาป้องกันตัวเท่านั้นเอง กติกามีบอกอยู่ว่าห้ามใช้เวทมนตร์ขั้นสูงโจมตี แต่ไม่ได้บอกว่าห้ามใช้คาถาป้องกันตัวขั้นสูงสักหน่อย… ว่าแต่น่าประทับใจจริง ๆ นอกจากจะใช้นิ้วเสกคาถาแทนไม้กายสิทธิ์แล้ว ยังร่ายเวทมนตร์ส่งสะท้อนขั้นสูงได้ทั้งที่ยังไม่มีสอนในบทเรียนอีกด้วย ตลอดช่วงปิดเทอมคงหมั่นฝึกฝนอย่างหนักเลยล่ะสิ… ทำได้ดีมาก ฉันขอมอบคะแนนพิเศษให้เธอห้าแต้ม”

               “ข… ขอบพระคุณมากครับ” เลวอนรีบเงยใบหน้าเผยรอยยิ้มออกมาด้วยความภาคภูมิใจ

               “การสะท้อนเวทมนตร์ของศัตรูก็ถือเป็นการโจมตีที่ดีที่สุดเช่นเดียวกัน คราวนี้เธอคงเข้าใจแล้วใช่ไหม จากนี้ไปถ้าหากมีใครสักคนเข้ามาทำร้ายเธอ จงจำเอาไว้ว่าการโต้ตอบศัตรูตามความเหมาะสมถือเป็นการป้องกันตัวรูปแบบหนึ่ง เธอมีสิทธิ์ที่จะต่อสู้เพื่อรักษาชีวิตของตนเองและผู้อื่น ไม่ใช่เอาแต่อดกลั้นหรือคอยตั้งรับจากฝ่ายศัตรูเพียงอย่างเดียว”

               “เข้าใจแล้วครับ”

               พ่อมดหนุ่มรูปงามผงกศีรษะตอบรับอย่างว่าง่าย โดยที่แววตาสื่อถึงความแน่วแน่มั่นคงชัดเจน ถัดต่อมาศาสตราจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิก็ได้หันไปพูดคุยแก่อัลเบิร์ตบ้างเพื่อไม่ให้เกิดความลำเอียงต่อกัน

               “ส่วนอัลเบิร์ต วันนี้ฉันจะไม่ลงโทษเธอเพราะถือเป็นความผิดซึ่งหน้าครั้งแรกและเป็นอุบัติเหตุไม่คาดฝัน แต่ฉันขอให้คำแนะนำแก่เธอสักหน่อย… มองดูจากภาพรวมแล้วฝีมือในการใช้ไม้กายสิทธิ์ของเธอถือว่าทำได้ดี ดูขึงขังหนักแน่นจนสามารถรีดเร้นพลังออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่การตวัดแขนหรือข้อมือที่มากเกินไปอาจทำให้ศัตรูอ่านการเคลื่อนไหวของเธอออก คราวหน้าลองขยับข้อมือให้น้อยที่สุดแต่ยังคงความหนักแน่นเข้าไว้สิ วิธีนี้จะให้ผลลัพธ์ที่ดีไม่ต่างกัน”

               “ข… ขอบพระคุณสำหรับคำแนะนำครับ!” ไอ้แสบน้อมรับคำชมพลางฉีกยิ้มดีใจ

               “ศาสตราจารย์ไม่น่าไปให้คำแนะนำเขาเลยนะครับ หมอนี่น่ะนิสัยไม่ดีจะตาย”

               วัตสันทักท้วงอย่างผิดหวัง อัลเบิร์ตที่ได้ยินดังนั้นก็รีบหันไปจ้องเขม็งทำหน้าบึ้งตึงใส่ จนพ่อมดหนุ่มนักปรุงยาเผยท่าทีหวาดผวา ส่วนยาโรสลาฟส่งเสียงหัวเราะชอบใจก่อนที่จะให้เหตุผลแก่เหล่าศิษยานุศิษย์ทุกคน

               “ฉันเป็นถึงอาจารย์ผู้สอนนี่นา อย่างน้อยก็ควรมีจรรยาบรรณในความเป็นครูบ้างสิ ฉันเองก็อยากเห็นนักเรียนทุกคนประสบความสำเร็จเหมือนกันนะ ขืนทอดทิ้งลูกศิษย์หรือไม่เอาใจใส่แบบนั้นก็แย่น่ะสิ… เอาล่ะขอบใจมากทั้งสองคน กลับไปนั่งประจำที่ได้แล้ว”

               ศาสตราจารย์ผู้มาดทะเล้นและเพื่อนร่วมชั้นทุกคนต่างส่งเสียงปรบมือให้กำลังใจ เลวอน อัลเบิร์ต เบอร์นาร์ด และสลาโวมีร์ก้มโค้งศีรษะแก่จอมเวทผู้อาวุโสเพื่อแสดงความเคารพ ก่อนจะหันหลังวกกลับไปยังที่นั่งของแต่ละคน ในขณะที่กำลังจะก้าวเท้าแยกทางจากกัน บุรุษวัยเยาว์นัยน์ตาสีอำพันก็ได้เกริ่นน้ำเสียงราบเรียบต่อคู่อริโดยปราศจากความยำเกรง

               “ถือเสียว่าเอาคืนเรื่องที่นายทำกับผมเมื่อวานนี้ก็แล้วกันนะ อัลเบิร์ต”

               “แล้วเราจะได้เห็นดีกัน ทาวิเทียน”

               เด็กหนุ่มผมสีบลอนด์เงินหรือไอ้แสบส่งเสียงเดาะลิ้น พร้อมเผยสีหน้าคิ้วขมวดเป็นการส่งท้ายแล้วรีบเร่งฝีเท้าหนีจากเลวอนด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์ เขาไม่เคยนึกเลยว่าตนจะต้องสิ้นท่าปราชัยและกลายเป็นตัวตลกในสายตาเพื่อนร่วมชั้นเสียเอง ส่วนเจ้าเตี้ยและเจ้าอ้วนยกนิ้วชี้ใส่เลวอนอย่างขึงขังราวกับจ้องจะกินเลือดกินเนื้อก่อนจะวิ่งตามหลังหัวโจกไป

               ฮิคาริและเวสน่าซึ่งนั่งเฝ้าดูเหตุการณ์อย่างเงียบ ๆ ต่างยกยิ้มพึงพอใจ ส่วนวัตสันและอิทสึกิแอบส่งเสียงหัวเราะคิกคักในลำคอด้วยความสะใจเช่นเดียวกัน เมื่อเห็นว่าเหล่าวัยรุ่นเกเรได้รับบทเรียนอย่างสาสม หลังจากเหตุการณ์ทุกอย่างกลับคืนสู่สภาวะปกติ ยาโรสลาฟจึงเริ่มต้นบรรยายการเรียนการสอนต่อไปจนกระทั่งหมดคาบเช้า

Options

not work with dark mode
Reset