แวมไพร์หนุ่มกับแม่มดทั้งเจ็ด (Haverzhakan Village) – ตอนที่ 27: ภารกิจแรกของชมรมปราบมาร

               วันศุกร์ที่ 24 พฤษภาคม เวลา 13 นาฬิกา ในห้องเรียนหมายเลข 13 ชั้นที่ห้า ณ ปราสาทสีขาว ขณะนี้คาบกิจกรรมชมรมตามแต่ละหมวดต่าง ๆ ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการและก้าวเข้าสู่สัปดาห์ที่สองแล้ว

               แต่ละห้องเรียนในชั้นดังกล่าวมิได้แตกต่างไปจากชั้นที่สี่ลงมาเลย ภายในห้องยังคงความทันสมัย มีชุดเก้าอี้เลคเชอร์ตั้งแถววางเรียงรายอย่างเป็นระเบียบไล่ซ้อนระดับขึ้นไปแบบขั้นบันได และที่นี่มีไว้สำหรับคาบกิจกรรมชมรมโดยเฉพาะ

               ห้องเรียนแห่งนี้มีเหล่านักศึกษาไม่ค่อยคุ้นหน้ามารวมตัวกันเป็นจำนวนกว่า 40 ชีวิต บางคนมาจากชั้นมัธยมต้นปีที่สาม บ้างก็มาจากชั้นมัธยมปลายปีที่หนึ่งและสอง ตามปกติแล้วแต่ละปีชมรมปราบมารมีสมาชิกไม่ถึง 20 ราย ทว่าสืบเนื่องจากข่าวลือเรื่องผลตอบแทนที่ได้รับทั้งคะแนนหน่วยกิตและรางวัลจากการปฏิบัติภารกิจ ทำให้หลายคนต้องแห่ตามกันมา

               เลวอน อิทสึกิ วัตสัน ฮิคาริ โมนิก้า เวสน่า ออเดรย์ คลาร่า อาเธอเรีย และสเตฟาเนีย นั่งจับกลุ่มอยู่บนเก้าอี้สองแถวแรกด้านหน้าสุด นอกจากนี้ยังมีอัลเบิร์ต สลาโวมีร์ และเบอร์นาร์ด บรรดาสามเกลอสุดแสบซึ่งได้สมัครเข้าร่วมชมรมปราบมารด้วยเช่นเดียวกัน กำลังประจำที่อยู่ตรงบริเวณท้ายหลังห้อง โดยเหล่าสมาชิกที่เหลือต่างนั่งรอคอยศาสตราจารย์ยาโรสลาฟกันอย่างใจจดใจจ่อ

               แกร๊ก… ปึ้ง

               เสียงเปิดประตูห้องดังขึ้น ในที่สุดบุรุษผมหยักศกสีดำในชุดครุยก็ได้เดินทางมาถึง ก้าวเท้าเดินเข้ามาภายในห้องเรียนด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสพร้อมทั้งสะพายกระเป๋าเป้พาดไหล่ติดตัวมาด้วย เหล่านักศึกษาบางคนที่กำลังจับกลุ่มสนทนากันอยู่จึงรีบแยกย้ายกลับไปนั่งประจำที่ตามปกติ

               ไม่รอช้าอาจารย์ในฐานะผู้ดูแลชมรมได้เกริ่นคำทักทายขึ้นมา

               “สวัสดียามบ่ายทุกคน”

               “สวัสดีครับ/สวัสดีค่ะ”

               บรรดาศิษยานุศิษย์กล่าวคำทักทายตามมารยาท ระหว่างนั้นยาโรสลาฟได้มุ่งปรี่ไปยังโต๊ะครูผู้สอนหน้าห้องเรียนเพื่อนั่งประจำที่ เมื่อบรรยากาศเริ่มเข้าสู่ความเงียบสงบเคร่งขรึม บุรุษจอมเวทผู้ยิ่งใหญ่จึงสบโอกาสกล่าวคำอธิบายถึงจุดประสงค์หลักในวันนี้อย่างไม่รีรอช้า

               “เมื่อสัปดาห์ก่อนพวกเราได้พูดคุยถึงเรื่องจุดมุ่งหมายสำคัญของชมรม รวมถึงข้อควรระวังในขณะปฏิบัติภารกิจกันไปแล้วใช่ไหม? หวังว่าสิ่งที่ฉันเคยพร่ำสอนทั้งหมดจะเป็นประโยชน์แก่พวกเธอสำหรับการฝึกในวันนี้นะ… เอาล่ะเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เดี๋ยวฉันจะแจกเควสให้ทุกคนได้ลุยงานภาคสนามกัน”

               “ค… เควสเหรอ หรือว่า…?”

               “หมายความว่าพวกเราจะได้ออกไปปราบพวกปีศาจนอกสถานที่งั้นสินะ”

               “พอดีเลย ถึงคราวที่ฉันจะได้ปล่อยของสักที คันไม้คันมือมานานแล้ว”

               นักเรียนต่างส่งเสียงซุบซิบด้วยความตื่นเต้น จังหวะเดียวกันยาโรสลาฟได้เกริ่นชี้แจงต่อดังนี้

               “ถูกต้อง ทั้งนี้ก็เพื่อให้ทุกคนได้เรียนรู้ประสบการณ์ รวมถึงสร้างความกลมเกลียวในหมู่คณะอีกด้วย ตามปกติแล้วเราจะดำเนินภารกิจโดยใช้กำลังพลแค่สี่คนเท่านั้น ในกรณีที่เป้าหมายอยู่ในระดับแรงค์ C ลงมา แน่นอนว่าเควสที่ฉันจะมอบให้มันก็ไม่ได้ยากเย็นเกินความสามารถสักเท่าไหร่ แต่สำหรับมือใหม่อย่างพวกเธอฉันว่ายังเร็วเกินไปที่จะจับกลุ่มลุยกันแค่เพียงสี่คน

               ภารกิจในวันนี้ฉันจะให้พวกเธอจับกลุ่มกัน โดยกลุ่มหนึ่งจะต้องมีสมาชิกจำนวนสิบคนพร้อมตั้งชื่อทีม เมื่อตกลงกันเสร็จเรียบร้อย ขอให้ส่งตัวแทนออกมาหนึ่งคนเพื่อรับเควสบนโต๊ะ ในเอกสารจะมีรายละเอียดชี้แจงถึงเป้าหมายที่เราต้องกำจัด ทั้งรูปพรรณสัณฐานและความสามารถของมัน รวมถึงสถานที่ซ่อนตัวด้วย… มัวทำอะไรอยู่ รีบ ๆ จับกลุ่มกันได้แล้ว”

               สิ้นเสียงศาสตราจารย์ผู้อารมณ์ดี เหล่าวัยรุ่นจอมเวทฝึกหัดจึงรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้เตรียมจับกลุ่มกันทันที บ้างก็ตั้งตนเป็นหัวหน้าทีมคอยประกาศหาสมาชิก จนบรรยากาศภายในห้องเรียนกลับมาครึกครื้นอีกครั้ง

               วินาทีนั้นเองออเดรย์รีบหันซ้ายแลขวามองดูสถานการณ์โดยรอบ ก่อนจะตัดสินใจอะไรบางอย่างขึ้นมาได้พลางฉีกยิ้มกรุ้มกริ่ม แล้วจึงเกริ่นเสนอแนะแก่พวกเลวอนอย่างรวดเร็ว

               “นี่ ๆ พวกเราเองก็อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาครบสิบคนแล้ว มาจับกลุ่มด้วยกันเลยดีไหม?”

               “โฮ่ ไอเดียดีนี่ออเดรย์ ถ้างั้นตกลงตามนี้”

               อาเธอเรียเห็นพ้อง คลาร่าและเหล่าผองเพื่อนเองต่างก็ผงกศีรษะตอบรับคำชวนด้วยความเต็มใจ จนบรรดาเด็กหนุ่มทั้งหลายที่ตั้งใจจะกล่าวชักชวนเหล่าเจ็ดแม่มดสาวให้เข้าร่วมกลุ่มของตน ถึงกับถอดสีหน้าผิดหวังยอมตัดใจถอยหลังกลับเสียแต่โดยดี จากนั้นวัตสันจึงเริ่มซักถามถึงประเด็นสำคัญขึ้นมา

               “แล้วเรื่องชื่อทีมล่ะจะว่ายังไง?”

               “ข้าขอเสนอชื่อทีม ‘ผู้ชนะสิบทิศ’ ขอรับ!”

               อิทสึกิยกมือรีบเสนอแนะ ฮิคาริถึงกับคิ้วขมวดกล่าวคำทัดทานทันที

               “อุหวา ชื่อโบราณชะมัด…”

               “ถ้างั้น ‘Order of the Dragon (ประกาศิตแห่งมังกร) ’ ล่ะเป็นยังไงบ้าง?”

               เลวอนเอ่ยน้ำเสียงพึมพำ ภายหลังจากที่ความคิดบางอย่างได้ผุดแล่นเข้ามาในหัวเพียงชั่วขณะหนึ่ง จนอาเธอเรียและพรรคพวกรีบหันมาจ้องมองเด็กหนุ่มด้วยความตะลึงงัน ส่วนโมนิก้ากล่าวออกมาอย่างประทับใจ

               “ประกาศิตแห่งมังกรงั้นเหรอคะ? ฟังดูเท่ไม่หยอกเลย ที่สำคัญมังกรถือเป็นสัตว์ทรงอำนาจมากที่สุดในโลกเวทมนตร์อีกด้วย… เพราะงั้นฉันขอโหวตชื่อนี้หนึ่งเสียงค่ะ!”

               “เอาเถอะ ถึงจะฟังดูเชยไปหน่อย แต่ก็ยังดีกว่าชื่อผู้ชนะสิบทิศอะไรนั่นล่ะนะ”

               ฮิคาริหันไปแซวอิทสึกิที่นั่งอยู่เคียงข้างตน และดูเหมือนว่าพวกเวสน่าจะให้ความสนใจกับชื่อทีมที่เลวอนได้นำเสนอออกมาด้วย จนเทพสุนัขหนุ่มถึงกับหูพับหางตกทำหน้าจ๋อยด้วยความผิดหวังอย่างเงียบ ๆ

               “เพื่อให้กิจกรรมในวันนี้ดูน่าตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น ดังนั้นฉันจะขอทำการคว่ำหน้ากระดาษเควสแต่ละใบลงบนโต๊ะ แล้วให้พวกเธอลองเสี่ยงดวงหยิบมันขึ้นมาดูว่าจะได้ภารกิจไหนไปทำ จะได้งานยากหรือง่ายขึ้นอยู่กับดวงของพวกเธอล้วน ๆ ฮะฮะฮะ”

               ศาสตราจารย์ผู้มาดทะเล้นหยิบกระดาษเอกสารจากกระเป๋าขึ้นมา แล้ววางคว่ำลงบนโต๊ะเพื่อปิดบังรายละเอียดก่อนจะส่งเสียงหัวเราะปิดท้ายอย่างไร้เดียงสา ทำเอาเหล่าวัยรุ่นหนุ่มสาวต่างเผยสีหน้าเจื่อนเพราะรับรู้ได้ถึงความไม่ชอบมาพากล ส่วนคลาร่าเกริ่นแซวพึมพำพร้อมด้วยรอยยิ้มออกมาดังนี้

               “สมกับเป็นศาสตราจารย์จอมอารมณ์ขันเสียจริงค่ะ”

               “ในเมื่อรุ่นพี่เลวอนเป็นคนตั้งชื่อทีมนี้ขึ้นมา ดังนั้นฉันขอเสนอให้เขาเป็นตัวแทนทีมออกไปรับเควสจากศาสตราจารย์ค่ะ” สเตฟาเนียยกมือแสดงความคิดเห็น

               “พวกเราขอพึ่งพาโชคจากคุณเลวอนหน่อยนะคะ” เวสน่าเป็นฝ่ายเกริ่นขึ้นมาบ้าง

               “อย่าเผลอจับเอาเควสโหด ๆ เชียวนะเฟ้ย ไม่งั้นพวกเราได้หืดขึ้นคอแน่” วัตสันเอ่ยทักท้วงด้วยน้ำเสียงชวนกดดัน

               “โธ่ ทุกคนอย่าฝากความหวังเอาไว้ที่ผมแบบนี้สิ”

               เลวอนคิ้วขมวดใส่พอประมาณ จนอิทสึกิและผองเพื่อนต่างส่งเสียงหัวเราะคิกคัก พ่อมดหนุ่มผมสีขาวโพลนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้มุ่งตรงไปยังโต๊ะครูผู้สอน ตามด้วยเหล่าวัยรุ่นตัวแทนทีมอีกสี่คนโดยหนึ่งในนั้นมีอัลเบิร์ตอยู่ด้วย

               เมื่อตัวแทนทีมทั้งห้ายืนอยู่ตรงเบื้องหน้ายาโรสลาฟ จอมเวทพาลาดินผู้ทรงสง่าจึงผายมือไปยังเควสซึ่งวางอยู่บนโต๊ะ แล้วเกริ่นขึ้นด้วยรอยยิ้มละมุนดังนี้

               “เชิญพวกเธอหยิบไปได้เลย แต่อย่ามัวคิดนานเชียวล่ะ ขืนชักช้าระวังจะโดนคนอื่นแย่งเควสง่าย ๆ ไปก่อนไม่รู้ด้วยนะ”

               เลวอนได้ยินดังนั้นจึงรีบสลัดความลังเลทิ้งไป รีบเอื้อมมือคว้าแผ่นกระดาษซ้ายมือสุดจากจำนวนทั้งหมดห้าแผ่นเป็นคนแรก ทว่าในจังหวะนั้นเอง เด็กหนุ่มผมสีบลอนด์เงินจอมเจ้าเล่ห์หรืออัลเบิร์ต ก็พลันฉวยโอกาสชิงตัดหน้าเขาไปเสียแล้ว

               ——ฉึบ

               “อ๊ะ!?”

               บุรุษวัยเยาว์นัยน์ตาสีอำพันรีบหันไปจ้องเขม็งเล็งใส่ ไอ้แสบได้แต่ยิ้มเยาะพลางยกคิ้วยักไหล่เย้ยหยันด้วยท่าทียียวนกวนประสาท ฮิคาริและพรรคพวกเห็นดังนั้นก็ถึงกับแสดงสีหน้าไม่พอใจต่อพฤติกรรมอันไร้มารยาทของอัลเบิร์ตทันที

               “เจ้าบ้านั่นหน้าด้านเกินไปแล้ว นี่ถ้าเป็นฉันล่ะก็เรื่องคงไม่จบแค่นั้นแน่ ๆ …!” อาเธอเรียกัดฟันพูดพร้อมกำหมัดแน่นอย่างไม่สบอารมณ์

               แต่ถึงกระนั้นเลวอนกลับตัดสินใจอย่างชาญฉลาด เขาพลันเอื้อมแขนหยิบกระดาษสีขาวอีกแผ่นหนึ่งตรงฝั่งขวามือสุดขึ้นมา ในขณะที่ตัวแทนทีมอีกสามคนกำลังอยู่ในระหว่างการตัดสินใจ หาได้ปริปากทักท้วงหันไปต่อว่าไอ้แสบให้เสียเวลาเปล่า เนื่องจากตนเองยังพอมีโอกาสที่จะได้รับเควสระดับง่ายไปครองอยู่

               เมื่อเควสอยู่ในมือเป็นที่เรียบร้อย เลวอนจึงพลิกแผ่นกระดาษเพื่อดูเนื้อหารายละเอียดทั้งที่ใจเต้นตึกตัก แต่สิ่งที่ได้รับมากลับทำให้เขาผุดเม็ดเหงื่อบนใบหน้าพลางอ้าปากค้างอย่างประหลาดใจ โดยภารกิจนั้นคือการโค่นล้ม Aka Manah ปีศาจในตำนานของโซโรอัสเตอร์ ผู้ควบคุมความชั่วร้ายของจิตใจมนุษย์ ความโลภ ความต้องการทางเพศ เพื่อชักจูงผู้คนให้ออกห่างจากความดีทั้งปวง และมักใช้ร่างศพเป็นหุ่นเชิดเสมอ

               โดยความอันตรายของมันถูกจัดให้อยู่ในแรงค์ C

               “แหม ๆ ได้เควสปราบปีศาจ Aka Manah ที่อยู่ในแรงค์ C เหรอเนี่ย? โชคร้ายหน่อยนะเจ้าลูกแกะ… ดูของฉันซะก่อน ถึงจะอยู่ในแรงค์ C เหมือนกัน แต่มันก็เป็นแค่เพียงสไลม์โง่ ๆ ตัวหนึ่งเท่านั้น ฮะฮะฮะ”

               อัลเบิร์ตแสดงเนื้อหาของเควสที่อยู่ในมือให้เลวอนเห็น เหล่านักศึกษาได้ยินดังนั้นต่างเริ่มส่งเสียงฮือฮาทันที เพราะดูเหมือนว่าทุกคนจะรู้ซึ้งถึงความโหดร้ายของ Aka Manah มากพอสมควร ในขณะที่ตัวแทนทีมอีกสามคนได้รับเควสปราบปีศาจแรงค์ D ถือเป็นระดับง่ายสุดและอยู่ในเกณฑ์ที่บรรดาจอมเวททั่วไปสามารถกำราบลงได้

               “เจ้าคนนิสัยไม่ดี…!” โมนิก้าบ่นพึมพำพลางทำหน้าบึ้งตึงใส่ไอ้แสบอย่างไม่พึงพอใจ

               “ปกติท่านเลวอนเป็นคนดวงดีนะขอรับ แต่ครั้งนี้รู้สึกว่าจะมีมารผจญเข้าแทรก เลยทำให้เขา… ไม่สิ ทำให้พวกเราต้องอับโชคเข้าเสียแล้ว”

               แม้แต่อิทสึกิผู้ซึ่งมีจิตใจอัธยาศัยดียังต้องเอ่ยน้ำเสียงขุ่นมัวออกมา แน่นอนว่าพวกสเตฟาเนียเองก็รู้สึกแบบนั้นไม่แพ้กัน และทำได้แค่เพียงข่มบันดาลโทสะเอาไว้ภายในใจเท่านั้น

               หลังจากตัวแทนสมาชิกทีมทั้งห้าคนรับเควสเสร็จสิ้น ศาสตราจารย์ยาโรสลาฟจึงเริ่มอธิบายให้เหล่าลูกศิษย์ทุกคนได้รับทราบอย่างเป็นทางการ

               “ยังจำที่ฉันเคยบอกเอาไว้เมื่อสัปดาห์ก่อนได้รึเปล่า? ว่าภายในร่างของเหล่าภูตผีปีศาจหรือเผ่ามารนั้นจะมีแกนกลางซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดพลังงานแห่งชีวิตฝังลึกอยู่ ลักษณะของมันจะคล้ายคลึงกับอัญมณีหลากสีและมีรูปทรงต่างชนิด เมื่อทำการสังหารเป้าหมายสำเร็จจะมีผลึกปรากฏออกมา เราสามารถนำสิ่งนั้นมาแลกเปลี่ยนเป็นเงินเพื่อรับค่าจ้างตอบแทนได้

               อย่างไรก็ดีการปฏิบัติภารกิจในแต่ละครั้ง จะต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของตนเองและประชาชนทั่วไปอยู่เสมอ อย่าทำให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องได้รับบาดเจ็บ ที่สำคัญอย่าเปิดเผยเรื่องราวหรือแสดงตน เกี่ยวกับเวทมนตร์ให้สาธารณชนรู้ ไม่เช่นนั้นอาจมีปัญหาตามมาในภายหลัง

               กิจกรรมจะเริ่มต้นขึ้นนับจากนี้ไป เมื่อพวกเธอปฏิบัติภารกิจเสร็จสิ้น ให้รีบกลับมารวมตัวกันอีกครั้งในห้องชมรมก่อนเวลาสองทุ่มตรง ถ้าเห็นว่าเควสที่กำลังทำอยู่มันเสี่ยงเกินไปก็ขอให้ยกเลิกและรีบถอนตัวกลับมาที่นี่เสีย จะไม่มีการหักคะแนนใด ๆ ทั้งสิ้น ดังนั้นอย่าได้ฝืนตัวเองเป็นอันขาด

               อ้อ ในเอกสารจะมีช่องสำหรับกรอกชื่อทีมกับรายชื่อสมาชิกเอาไว้ให้ อย่าลืมเขียนลงไปด้วยล่ะ ถ้าหากทุกคนเข้าใจกันดีแล้วก็รีบออกเดินทางไปปฏิบัติภารกิจได้เลย… อย่ามัวแต่ชักช้า เงินค่าหัวกำลังรอพวกเธออยู่นะ!”

               “โอ้ววววววววว!!”

               ประโยคสุดท้ายของบุรุษผู้ทรงสง่าได้กระตุ้นความโลภของเหล่านักเรียนจำนวนกว่า 40 ชีวิต จนทุกคนพากันส่งเสียงปลุกขวัญกำลังใจ รีบลุกพรวดวิ่งออกจากห้องเรียนอย่างรวดเร็วเพื่อเดินทางไปปฏิบัติภารกิจโดยทันที เหลือเพียงแค่เลวอนและเหล่ามิตรสหายของเขาเท่านั้นที่ยังนั่งอยู่ ณ สถานที่แห่งนี้ โดยแต่ละคนต่างเผยสีหน้าแปลกใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่

               “ให้ตายสิ ความโลภมันไม่เข้าใครออกใครจริง ๆ” จิ้งจอกสาวหรือออเดรย์ได้แซวพึมพำขึ้นมา

               “พวกเธอเองก็อย่ามัวชักช้าอยู่เลย เพราะเควสที่เลวอนจับได้คือปีศาจ Aka Manah เจ้านั่นถือเป็นภัยคุกคามต่อผู้คนอย่างมาก ตลอดเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้มีคดีอาชญากรรมปริศนาเกิดขึ้นหลายครั้งในแถบชานเมืองกรุงปรากประเทศเช็กเกีย แต่ทางเราเพิ่งจะได้รับเบาะแสเมื่อไม่กี่วันก่อนนี้เอง… เพราะงั้นรีบหยุดยั้งมันก่อนที่จะมีผู้เคราะห์ร้ายมากไปกว่านี้เถอะ”

               ยาโรสลาฟเน้นย้ำเพื่อให้บรรดาลูกศิษย์ตื่นตัวต่อภารกิจดังกล่าว ส่วนเวสน่ากล่าวเห็นพ้องด้วยสีหน้ากังวลใจเล็กน้อย

               “ศาสตราจารย์พูดถูก พวกเรารีบออกเดินทางกันเถอะนะคะ”

               “นั่นสินะ ถึงแม้ภารกิจแรกในปีนี้จะโหดหินและเสี่ยงเกินไปหน่อย แต่ฉันคงรู้สึกไม่ดีแน่ถ้าหากพวกเรามัวนั่งเอ้อระเหยลอยชายกันแบบนี้… เอาล่ะทุกคน รีบย้ายก้นออกจากเก้าอี้กันได้แล้วเฟ้ย!”

               วัตสันรีบลุกขึ้นแสดงท่าทีฮึกเหิม โมนิก้าได้ยินอีกฝ่ายใช้ถ้อยคำดังนั้นจึงรีบเหล่ตาพูดตักเตือนเขาโดยพลัน

               “ใช้คำศัพท์ปลุกใจได้แย่มากเลยค่ะ”

               “แต่ถ้าหากรุ่นพี่วัตสันทำตัวถ่วงแข้งถ่วงขาพวกเรา งานนี้เตรียมโดนเตะก้นได้เลยนะคะ”

               สเตฟาเนียแสดงฝีปากกล้าด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ทำเอาพ่อมดหนุ่มนักปรุงยาจอมทะเล้นถึงกับออกอาการหวั่นเกรงเจียมเนื้อเจียมตัวขึ้นมาทันใด

               อิทสึกิ ฮิคาริ โมนิก้า เวสน่า ออเดรย์ คลาร่า อาเธอเรีย และสเตฟาเนีย ได้ลุกขึ้นจากเก้าอี้สะพายกระเป๋าพาดไหล่พร้อมทั้งหยิบอุปกรณ์ส่วนตัวติดมือ ก่อนจะก้าวเท้าตามแผ่นหลังวัตสันมุ่งตรงออกจากห้องชมรมแห่งนี้ โดยที่จิ้งจอกสาวอาสาแบกสัมภาระของเลวอนแทนเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา

               ช่วงเวลาเดียวกัน พ่อมดหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีขาวโพลนได้ก้มศีรษะโค้งคำนับแก่ยาโรสลาฟ โดยสีหน้าของเขาแสดงถึงความไม่มั่นใจอะไรบางอย่าง ทว่าไม่ทันที่ตนจะหันหลังก้าวเท้าวิ่งตามพรรคพวกไป บุรุษจอมเวทผู้ทรงสง่าก็ได้มอบคำพูดส่งท้ายพร้อมทั้งแย้มสรวลจาง ๆ

               “กำลังคิดว่าตัวเองจะกลายเป็นตัวถ่วงของเพื่อนร่วมทีมอยู่งั้นสินะ อย่ากังวลไปเลย ถ้าเป็นเธอในตอนนี้ล่ะก็ต้องทำได้อย่างแน่นอน… ฉันขออวยพรให้พวกเธอปฏิบัติภารกิจสำเร็จและเดินทางกลับมาอย่างปลอดภัย”

               “ขอบพระคุณมากครับศาสตราจารย์ ผมไปก่อนนะครับ”

               เลวอนกล่าวซาบซึ้งด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ก่อนจะหันตัวรีบวิ่งตามไปสมทบกับพวกวัตสันอย่างรวดเร็ว เพื่อเตรียมอาวุธ อุปกรณ์เวทมนตร์ รวมถึงของใช้จำเป็น โดยตรวจสอบความเรียบร้อยเป็นครั้งสุดท้ายก่อนออกเดินทางมุ่งหน้าสู่เป้าหมาย ซึ่งอยู่ห่างไกลจากหมู่บ้านแห่งนี้มากกว่าสองร้อยกิโลเมตร

               การผจญภัยของเด็กหนุ่มและเหล่าสหายกำลังจะเริ่มต้นขึ้นในไม่ช้านี้แล้ว

Options

not work with dark mode
Reset