แวมไพร์หนุ่มกับแม่มดทั้งเจ็ด (Haverzhakan Village) – ตอนที่ 47: ประเมินราคาคริสตัล (1)

               วันศุกร์ที่ 24 พฤษภาคม เวลา 18 นาฬิกา 45 นาที สมาชิกทีม Order of the Dragon หรือประกาศิตแห่งมังกร ได้เดินทางกลับมายังพื้นที่นอกปราสาทสีขาวในหมู่บ้านฮาเวอร์ชาคาน โดยใช้คาถาเคลื่อนย้ายชั่วพริบตา หลังจากปฏิบัติภารกิจเสร็จสิ้นและท่องเที่ยวกรุงปรากจนอิ่มหนำสำราญใจ

               ภายใต้แสงอัสดงซึ่งกำลังลับเส้นขอบฟ้าและเข้าสู่ช่วงพลบค่ำ เลวอน อิทสึกิ วัตสัน ฮิคาริ เวสน่า อาเธอเรีย สเตฟาเนีย ออเดรย์ คลาร่า และโมนิก้า รีบมุ่งหน้าไปยังอาคารหลักสีขาว เพื่อรายงานตัวต่อศาสตราจารย์ยาโรสลาฟ ในห้องเรียนหมายเลขสิบสาม ชั้นที่ห้าอย่างรวดเร็ว

               เมื่อย่างกรายเข้าสู่ห้องชมรมปราบมารจึงพบว่า เหล่าบรรดานักเรียนชั้นมัธยมปลายจำนวนสี่สิบชีวิตต่างก็นั่งรอคอยพวกเลวอนอยู่ สีหน้าของแต่ละคนส่วนใหญ่บ่งบอกได้ว่าทุกคนล้วนปฏิบัติภารกิจสำเร็จลุล่วง ยกเว้นบางกลุ่มที่กำลังทำหน้าบึ้งอารมณ์บูด โดยชุดแต่งกายของพวกเขาขาดวิ่นสะบักสะบอมราวกับโดนไฟไหม้ ทว่าผิวหนังกลับไม่มีบาดแผลแต่อย่างใด เรียกได้ว่าสภาพในตอนนี้ดูไม่ค่อยจืดเสียทีเดียว

               กลุ่มที่กล่าวมาข้างต้นนั้นคือทีมที่มีอัลเบิร์ต สลาโวมีร์ และเบอร์นาร์ด เป็นแกนนำสมาชิกนั่นเอง

               “เฮ้ ทำไมเจ้าพวกนั้นถึงได้มอมแมมแบบนี้ล่ะ?” วัตสันจ้องมองสมาชิกกลุ่มดังกล่าวอย่างประหลาดใจ ในขณะที่อิทสึกิ อาเธอเรีย และออเดรย์ ต่างส่งเสียงหัวเราะคิกคักหลังจากที่ได้เห็น

               “อย่ามัวแต่สงสัยอยู่เลย รีบนั่งประจำที่กันก่อนเถอะน่า”

               ฮิคาริทักท้วง พ่อมดหนุ่มนักปรุงยาและพรรคพวกจึงมุ่งตรงไปยังเก้าอี้เลคเชอร์สองแถวหน้าสุดเพื่อนั่งประจำที่โดยเร็ว

               สายตาของเหล่าพ่อมดแม่มดฝึกหัดภายในห้องเรียนแห่งนี้เริ่มจับจ้องมองไปยังศาสตราจารย์ยาโรสลาฟ บุรุษผมสีดำหยักศกในชุดครุยสีกรมท่า ซึ่งกำลังนั่งยิ้มมุมปากอย่างอารมณ์ดีตรงโต๊ะครูผู้สอนหน้าห้องเรียน

               ถัดจากทางด้านซ้ายมือนั้น มีชายปริศนาเจ้าของเรือนผมสีขาวโพลนยาวสลวยผู้หนึ่ง กำลังนั่งสงบเสงี่ยมอยู่เคียงข้าง ในชุดสุภาพพร้อมผ้าคลุมจอมเวทสีดำ แว่นตากรอบวงกลมมิอาจลดทอนใบหน้าอันคมคายและนัยน์ตาสีเทาอันโดดเด่นได้เลยแม้แต่น้อย มองดูแล้วให้ความรู้สึกสุขุมนุ่มลึก โดยที่อายุทางกายภาพไม่ค่อยแตกต่างไปจากยาโรสลาฟสักเท่าไหร่นัก

               “อยู่กันครบแล้วใช่ไหม?” ศาสตราจารย์ผู้ปราดเปรื่องเกริ่นขึ้นด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม “เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา จากนี้ไปฉันจะทำการสุ่มเรียกชื่อทีม ขอให้แต่ละทีมส่งตัวแทนมาหนึ่งคน พร้อมนำคริสตัลที่ได้มาจากการปฏิบัติภารกิจในวันนี้ ส่งมอบให้กับศาสตราจารย์ ‘สตานิสลาฟ โพรวาซนิค’ ด้วย เขาคนนี้มีอาชีพเป็นนักประเมินราคาคริสตัล นักเล่นแร่แปรธาตุ และชำนาญในการปรุงยารักษาโรค ยังไงก็ช่วยให้ความเคารพเขาหน่อยนะ”

               “แหมศาสตราจารย์ อย่ากดดันพวกเด็ก ๆ แบบนั้นสิครับ เดี๋ยวพวกเขาก็ประหม่าไม่กล้าคุยกับผมกันพอดี”

               สตานิสลาฟหันไปทักท้วงด้วยน้ำเสียงสุภาพ ยาโรสลาฟจึงเกริ่นแซวดังนี้

               “ฮะฮะฮะ ขืนไม่รีบกำชับเอาไว้ก่อนเดี๋ยวคุณก็โดนเจ้าเด็กพวกนี้ถอนหงอกเอาหรอก”

               “ดูจากสีผมตัวเองแล้ว มีหวังผมคงต้องโดนถอนหงอกจนหมดหัวแน่ ๆ”

               บุรุษนักเล่นแร่แปรธาตุพูดจาติดตลก ก่อนที่ทั้งสองจะส่งเสียงหัวเราะปิดท้าย เมื่อสนทนากันพอหอมปากหอมคอแล้ว ยาโรสลาฟจึงกลับมาทำหน้าที่ครูผู้สอนอีกครั้ง สุ่มหยิบใบแจ้งเควสซึ่งวางอยู่บนโต๊ะทำงานขึ้นมา แล้วเริ่มประกาศขานเรียกชื่อทีมต่อหน้าบรรดานักเรียนทันที

               “ตัวแทนทีมแมมมอธ ก้าวเท้าออกมารายงานตัวด้วย”

               ไม่รอช้า เด็กหนุ่มผมสีบลอนด์เงินในชุดเสื้อสเวตเตอร์กับกางเกงยีนส์ หรืออัลเบิร์ต รีบลุกขึ้นจากเก้าอี้เลคเชอร์บริเวณท้ายห้อง มุ่งตรงไปยังโต๊ะทำงานของยาโรสลาฟ โดยในมือขวาถือถุงผ้าสีน้ำตาลเล็ก ๆ ผูกมัดเชือกอย่างดีติดตัวมาด้วย ทว่าชุดแต่งกายของเขากลับหลุดลุ่ยฉีกขาดเนื่องจากโดนเมือกของสไลม์เล่นงาน ท่ามกลางเสียงซุบซิบนินทาของเหล่านักเรียน

               เมื่ออัลเบิร์ตเดินมาถึงเบื้องหน้าของสองบุรุษผู้อาวุโส จึงนำมือทั้งสองคลายปมเชือกที่ผนึกปากถุง หยิบอัญมณีสีหยกขนาดเท่าลูกปิงปองขึ้นมาสะท้อนแสงแวววาวชวนดึงดูดใจ แล้วส่งมอบให้แก่สตานิสลาฟเพื่อทำการประเมินราคาทันที

               “จัดการสไลม์ได้แล้วสินะ พวกเธอทำได้ดีมาก” ยาโรสลาฟกล่าวชื่นชมต่อไอ้แสบด้วยรอยยิ้มบาง

               “ว่าแต่ศาสตราจารย์ เจ้าสไลม์นั่นอยู่ในระดับแรงค์ C จริง ๆ เหรอครับ?”

               “แน่นอนสิ ข้อมูลนี้ได้รับการยืนยันมาจากกระทรวงเวทมนตร์แล้วล่ะ”

               “แล้วทำไมถึงปราบยากปราบเย็นขนาดนี้ล่ะครับ พวกเราอุตส่าห์ใช้เวทมนตร์ขั้นสูงโจมตีใส่แท้ ๆ แต่มันกลับสมานตัวคืนรูปร่างได้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แถมเมือกน่าขยะแขยงของมันยังย่อยสลายเสื้อผ้าของพวกเราอีกต่างหาก ทางนี้เกือบจะได้แก้ผ้าเดินทางกลับมาเชียวนะครับ!”

               อัลเบิร์ตเริ่มใช้น้ำเสียงไม่พอใจ ระหว่างนั้นเองจอมเวทหญิงฝึกหัดเจ้าของเรือนผมสีชมพูยาวสลวยรายหนึ่ง ซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้เลคเชอร์ใกล้หลังห้องเรียน ได้เอ่ยทักท้วงต่อหัวหน้าทีมขึ้นมา โดยที่สภาพของเธอเองก็สะบักสะบอมไม่แพ้กัน

               “ก็ฉันเคยบอกนายไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าให้ใช้คาถาแช่แข็ง แล้วทุบให้แหลกละเอียดเพื่อให้มันสูญเสียความสามารถในการสมานตัว แต่นายกลับไม่ยอมฟังแถมยังสั่งให้พวกเราทำตามแผนสิ้นคิดนั่นอีก นี่นายเข้าใจหัวอกของลูกผู้หญิงบ้างไหม!?”

               “หนวกหูเฟ้ย เป็นเพราะพวกเธอไม่ทำตามแผนของฉันให้ดีต่างหาก!” อัลเบิร์ตหันไปแผดเสียงใส่เธออย่างไม่เกรงใจ

               “เอาล่ะเลิกเถียงกันได้แล้ว อย่าส่งเสียงรบกวนสมาธิศาสตราจารย์เขาสิ”

               ยาโรสลาฟห้ามปรามพลางปรบมือสองถึงสามครั้งเพื่อให้นักเรียนหยุดทะเลาะกัน อัลเบิร์ตและแม่มดสาวผมสีชมพูจึงจำใจสงบสติอารมณ์ลงแม้ต่างฝ่ายจะยังรู้สึกขุ่นมัวอยู่ก็ตาม

               สตานิสลาฟใช้แว่นขยายพกพาส่องดูรายละเอียดของอัญมณีสีหยกอย่างตั้งใจ โดยใช้เวลาตรวจสอบเพียงแค่หนึ่งถึงสองนาทีเท่านั้น หลังจากวิเคราะห์เสร็จสิ้น เขาก็ได้เงยใบหน้าขึ้นมาให้คำอธิบายต่อเด็กหนุ่มด้วยอากัปกิริยาสุภาพ

               “สภาพพื้นผิว ความแวววาวสดใส และขนาดของคริสตัลชิ้นนี้ เท่าที่ดูแล้วฉันคงประเมินราคาให้พวกเธอได้มากสุดแค่สองพันยูโรเท่านั้น”

               “อะไรเนี่ย!? ทั้งที่คริสตัลออกจะสวยงามแท้ ๆ อีกอย่างพวกเราอุตส่าห์เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเพื่อให้ได้มันมา แต่กลับได้ค่าตอบแทนแค่สองพันยูโรเนี่ยนะ ประเมินราคาต่ำเกินไปรึเปล่า!?”

               อัลเบิร์ตรีบโต้แย้งคำตัดสินของบุรุษนักเล่นแร่แปรธาตุ ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่ถือสาต่อความไร้สัมมาคารวะของเด็กหนุ่มแม้เพียงนิดเดียว แต่กลับเผยรอยยิ้มออกมาอย่างสลดใจเล็กน้อย ระหว่างนั้นเองจอมขมังเวทผมหยักศกก็ได้ชี้แจงต่อลูกศิษย์ซึ่งยืนอยู่ตรงเบื้องหน้าพวกตนอย่างใจเย็น

               “พูดอะไรน่ะ สองพันยูโรนี่มีค่าเท่ากับห้าหมื่นโครูนาเช็กเชียวนะ… แต่ถ้าหากไม่พอใจในราคาที่ศาสตราจารย์ตีให้ เธอสามารถปฏิเสธค่าตอบแทนสำหรับภารกิจในวันนี้ได้ ถือเสียว่านำเงินทั้งหมดมาพัฒนาหมู่บ้านก็แล้วกัน และฉันก็ไม่รับประกันด้วยว่าพ่อค้าคนอื่นเขาจะให้ราคาที่สูงกว่านี้รึเปล่า”

               “อึ้ก… เข้าใจแล้วครับ พวกผมจะขอรับเอาไว้เอง” ไอ้แสบจำต้องยอมรับโดยดุษณี เพื่อไม่ให้ตนเสียกำไรไปมากกว่านี้

               สตานิสลาฟนำคริสตัลสีมรกตเก็บใส่ลงในถุงผ้าสีขาวใบใหญ่ซึ่งวางบนอยู่โต๊ะทำงาน แล้วหยิบธนบัตรมูลค่าสองร้อยยูโรจำนวนสิบใบจากกระเป๋าสะพายไหล่ขึ้นมาส่งมอบให้แก่อีกฝ่าย อัลเบิร์ตรับเงินรางวัลจากบุรุษนักเล่นแร่แปรธาตุ ก่อนจะขอตัวกลับไปยังที่นั่งตามเดิมเพื่อเตรียมแจกจ่ายค่าตอบแทนให้กับสมาชิกกลุ่มของตน พลางกัดฟันบ่นพึมพำด้วยสีหน้าคิ้วขมวด

               “บ้าเอ๊ย สมาชิกในกลุ่มมีตั้งสิบคน หารแล้วได้แค่คนละสองร้อยยูโร… รู้งี้ไม่น่ารีบชิงเควสตัดหน้าเจ้าเลวอนเลยแฮะ”

               “สมน้ำหน้า กรรมตามสนองแล้วล่ะ”

               ออเดรย์ชำเลืองหางตามองแผ่นหลังของอัลเบิร์ตที่กำลังเดินคอตกด้วยความสะใจ เวสน่า นักพรตหญิงซึ่งนั่งอยู่เคียงข้างจิ้งจอกสาวทางฝั่งซ้ายมือจึงพูดตักเตือนอีกฝ่ายอย่างสุภาพ

               “ย… อย่าพูดจาโหดร้ายแบบนั้นสิคะ ทีมแมมมอธเขาอุตส่าห์ตั้งใจทำเควสที่ได้รับมอบหมายมาแล้วแท้ ๆ”

               “โทษทีซิสเตอร์ ฉันเองก็รู้สึกสงสารสมาชิกทีมนั้นเหมือนกัน แต่สำหรับเจ้าเด็กเกเรสามตัวนั่นถือเป็นข้อยกเว้น”

               อาเธอเรียซึ่งนั่งอยู่เคียงข้างออเดรย์ทางฝั่งขวามือกล่าวแย้ง เธอยิ้มเยาะพลางยกไหล่อย่างไม่ยี่หระ เนื่องจากยังแค้นฝังหุ่นเรื่องที่อัลเบิร์ตได้รีบตัดหน้าแย่งชิงเควสไปจากเลวอนเมื่อบ่ายวันนี้ ทว่าตอนนี้เธอเริ่มรู้สึกสาแก่ใจขึ้นมาบ้างแล้ว

               “โชคไม่ค่อยดีเลยนะขอรับที่พวกเราไม่ได้เควสปราบสไลม์ ไม่งั้นล่ะก็…” อิทสึกิหันไปซุบซิบต่อวัตสันด้วยท่าทีตื่นเต้น

               “แถมในกลุ่มพวกเราเองก็มีสาว ๆ ระดับท็อปรวมตัวกันเสียด้วย” พ่อมดหนุ่มนักปรุงยาคิดเห็นพ้อง “ถ้าได้เห็นพวกเธอเปลือยเปล่าในสภาพโดนเมือกชโลมไปทั้งตัวคงน่าสนุกพิลึก หุหุหุ”

               “ไอ้พวกโรคจิต”

               ฮิคาริที่กำลังนั่งกอดอกขาไขว่ห้างอยู่ทางด้านมือขวาของอิทสึกิและวัตสัน ได้ส่งเสียงอุทานแผ่วเบาพลางจ้องเขม็งใส่ทั้งคู่ด้วยสายตารังเกียจ เมื่อเห็นว่าสองบุรุษหนุ่มรายนี้กำลังคิดถึงเรื่องอกุศลต่อพวกเธออยู่

               “ตัวแทนทีม Order of the Dragon ก้าวเท้าออกมารายงานตัวด้วย”

               ยาโรสลาฟขานเรียกชื่อทีมต่อไปหลังจากหยิบใบแจ้งเควสซึ่งวางอยู่บนโต๊ะทำงานขึ้นมาดู โมนิก้าและพรรคพวกต่างเริ่มตื่นตัว ไม่รอช้าออเดรย์รีบหยิบกระเป๋าสะพายพาดไหล่ของตนส่งมอบให้กับเลวอน แล้วเกริ่นด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้มไปดังนี้

               “รบกวนด้วยนะรุ่นพี่”

               “เอ๊ะ ทำไมต้องเป็นผมล่ะ? ก็ในเมื่อคนสั่งการทีมคือออเดรย์…” พ่อมดหนุ่มรูปงามแอบประหลาดใจเล็กน้อย

               “คุณเลวอนคือผู้ปิดฉากพิชิต Aka Manah ในการโจมตีครั้งสุดท้ายได้สำเร็จ ดังนั้นจึงสมควรแก่การถือครองและเป็นตัวแทนทีมของพวกเราค่ะ” คลาร่าซึ่งนั่งอยู่ถัดจากด้านหลังเขาแถวที่สองกล่าวชี้แจงเหตุผล

               “รับไปสิคะ อย่าทำให้พวกศาสตราจารย์ต้องรอนาน”

               สเตฟาเนียซึ่งนั่งอยู่เคียงข้างเลวอนทางฝั่งซ้ายมือทักท้วงด้วยสีหน้าน้ำเสียงราบเรียบ เด็กหนุ่มจึงผงกศีรษะรับกระเป๋าสะพายสีน้ำเงินจากจิ้งจอกสาวแล้วลุกขึ้นยืน ก้าวเท้ามุ่งตรงไปยังสองบุรุษผู้อาวุโส โดยที่ตนรู้สึกเกร็งปนประหม่าเพียงเล็กน้อย

               เลวอนยืนอยู่ตรงเบื้องหน้าของสองบุรุษผู้ทรงสง่า ก่อนจะลงมือเปิดกระเป๋าสะพายพาดไหล่ของออเดรย์เพื่อควานหาสิ่งของบางอย่างขึ้นมา ขณะเดียวกันเบอร์นาร์ด เด็กหนุ่มรูปร่างท้วมผมสีบลอนด์ทองซึ่งนั่งอยู่บริเวณหลังห้อง ก็ได้หันมาซุบซิบกับสลาโวมีร์อย่างสนุกปาก

               “เห็นว่าทีมนั้นเองก็ได้ภารกิจปราบปีศาจแรงค์ C ไปเหมือนกันนี่นา แต่ดูท่าทางเสี่ยงอันตรายกว่าเจ้าสไลม์ตั้งเยอะ”

               “คงจะคว้าน้ำเหลวล่ะมั้งถึงได้กลับมาช้า หรือไม่ก็ได้ก้อนหินขนาดใหญ่ติดมือมาแทน ยังไงก็สู้ราคาที่พวกเราได้รับมาไม่ไหวหรอก… ถ้าเป็นแบบนั้นจริงเดี๋ยวพ่อจะหัวเราะเยาะให้ฟันร่วงเลยคอยดูสิ”

               บุรุษร่างเล็กผมสีดำจอมหยิ่งผยองเองก็พลอยพูดจาเยาะเย้ยผสมโรง ก่อนที่ทั้งคู่จะส่งเสียงหัวเราะคิกคักอย่างชอบใจ อัลเบิร์ตที่ไม่อยากโดนศาสตราจารย์ยาโรสลาฟเพ่งเล็งมาทางนี้ จึงยกขาเหยียบปลายเท้าของสองสหายซึ่งนั่งประกบเคียงข้างตนไปหนึ่งที จนอีกฝ่ายสะดุ้งโหยงร้องโอดครวญสั้น ๆ

               “อุ๊ก!? /โอ๊ย!?”

               “พวกแกสองคนเงียบ ๆ หน่อยสิฟะ?” อัลเบิร์ตเกริ่นเสียงกระซิบตักเตือนปิดท้าย

               “โห สวยจังเลย/โกหกน่า/นั่นอะไรน่ะ? /ทำไมใหญ่ขนาดนี้?”

               เสียงฮือฮาของเหล่านักเรียนจอมเวทพลันดังขึ้น เมื่อทุกคนได้พบเห็นคริสตัลรูปทรงเหลี่ยมหลากสีขนาดใกล้เคียงเท่าผลแตงโมบนอุ้งมือของเลวอน กำลังส่องประกายแวววาวประดุจดั่งเพชรอันเลอค่า สร้างความน่าอัศจรรย์ใจให้แก่บรรดาวัยรุ่นหนุ่มสาวจนยากที่จะละสายตาไปจากมันได้เลย แม้แต่พวกอัลเบิร์ตเองก็ยังต้องตะลึงพรึงเพริดตามไปด้วย

               “บ… บ้าน่า นี่ใช่คริสตัลแรงค์ C จริง ๆ เหรอเนี่ย!?” สลาโวมีร์อุทานอย่างไม่เชื่อสายตา

               “รบกวนด้วยนะครับ”

               เลวอนนำอัญมณีหลากสีชิ้นใหญ่วางลงบนโต๊ะทำงานอย่างระมัดระวัง เพื่อให้สตานิสลาฟทำการตรวจสอบ ไม่รอช้าศาสตราจารย์นักเล่นแร่แปรธาตุจึงยกแว่นขยายพกพาส่องดูภาพรวมของคริสตัลชิ้นนี้ พลางนำมือซ้ายขยับสิ่งนั้นเข้ามาใกล้ ๆ เพื่อเชยชมความงดงามตระการตา

               “หืม…?”

               สตานิสลาฟหยุดชะงักเพียงชั่วครู่พลางทำตาโตเล็กน้อย ราวกับค้นพบสิ่งที่น่าเหลือเชื่อบางอย่างจากศิลาหลากสีอันแวววาวก้อนนี้ ก่อนจะเงยศีรษะขึ้นมาจับจ้องมองเด็กหนุ่มรูปงามผมสีขาวโพลน แล้วรีบคว้าแขนขวาอีกฝ่ายซึ่งกำลังถือกระเป๋าสะพายอยู่ตามด้วยใช้นิ้วโป้งหนาลูบสัมผัสบนฝ่ามือไปมา ด้วยความสงสัยเลวอนจึงตั้งข้อสงสัยอย่างท่าทีประหม่าดังนี้

               “ม… มีอะไรงั้นเหรอครับ?”

               “ฉันสัมผัสได้ถึงพลังเวทมนตร์สายฟ้ารุนแรงที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในคริสตัลก้อนนี้ รวมถึงฝ่ามือของเธอด้วย… พ่อหนุ่ม เธอเป็นคนลงดาบสังหาร Aka Manah ในการโจมตีครั้งสุดท้ายใช่ไหม?”

               “…!”

               เลวอนเผยสีหน้าประหลาดใจพร้อมทั้งขนลุกซู่ หลังจากที่ได้ยินคำอธิบายของสตานิสลาฟเมื่อสักครู่ ราวกับว่าบุรุษผู้สุขุมปราดเปรื่องท่านนี้สามารถมองเห็นเรื่องราวในอดีตทั้งที่ไม่ได้อยู่ในสถานการณ์เดียวกัน แม้แต่ออเดรย์และเหล่าผองเพื่อนซึ่งเป็นสมาชิกทีมประกาศิตแห่งมังกรเองยังต้องตกตะลึง ส่วนโมนิก้าถึงกับพึมพำออกมาด้วยความหวั่นสะพรึง

               “ความสามารถในการพยากรณ์เหตุการณ์ในอดีตโดยใช้คริสตัลเป็นตัวสื่อนำงั้นสินะคะ ช่างน่ากลัวเสียจริง”

               “คล้าย ๆ กับตอนที่เธอเคยใช้ลูกแก้วพยากรณ์มองดูเหตุการณ์ในอนาคตใช่ไหม?” ฮิคาริหันไปซักถามอีกฝ่าย

               “ค่ะ แต่การใช้คริสตัลหรืออัญมณีในการทำนายเหตุการณ์แทนลูกแก้วพยากรณ์นั้นถือเป็นหนึ่งในทักษะขั้นสูง ที่แม้แต่ตัวฉันเองยังไม่สามารถทำได้เลย… เป็นไปได้ว่าศาสตราจารย์ท่านนี้อาจมีพลังทัดเทียมกับจอมเวทระดับชั้นพาลาดินค่ะ”

               “ก-โกหกน่า!? …ไม่สิ ถึงขนาดอธิบายรายละเอียดเรื่องการโจมตีครั้งสุดท้าย โดยที่ระบุผู้ลงมือและประเภทของคาถาได้ชัดเจนแบบนี้ ฝีมือเขาคงต้องไม่ธรรมดาเหมือนอย่างที่เธอพูดมาแน่ ๆ”

               ซามูไรสาวพยายามจะปฏิเสธข้อสันนิษฐานดังกล่าว ทว่าในท้ายที่สุดเธอจำต้องเห็นพ้องต่อคำพูดของโมนิก้า ก่อนจะหันไปจับจ้องมองสตานิสลาฟซึ่งกำลังนั่งอยู่ตรงระเบียงหน้าห้องเรียนด้วยสีหน้าจริงจัง

               “สตานิสลาฟ อย่าทำให้เด็กเสียขวัญเพราะความสามารถพิเศษของคุณสิ” ยาโรสลาฟหันไปทักท้วง

               “ฮะฮะฮะ เผลอตัวไปหน่อย…” พ่อมดนักเล่นแร่แปรธาตุส่งเสียงหัวเราะพอประมาณ ก่อนจะคลายมือขวาของเลวอนแล้วจึงสนทนากับอีกฝ่ายสั้น ๆ “ขอโทษด้วยพ่อหนุ่ม ฉันขอเวลาตรวจสอบสักครู่นะ”

               เลวอนผงกศีรษะอย่างว่าง่าย สตานิสลาฟลงมือพิจารณาอัญมณีชิ้นใหญ่หลากสีต่อไป โดยหมุนพลิกดูทุกซอกทุกมุม เพียงไม่กี่นาทีศาสตราจารย์ผู้ปราดเปรื่องจึงพลันเงยหน้าขึ้นมาพร้อมด้วยรอยยิ้มจาง แล้วกล่าวรายงานผลสรุปให้เด็กหนุ่มฟัง

               “สภาพพื้นผิว ความแวววาวสดใส และขนาดของคริสตัลชิ้นนี้ เท่าที่ดูแล้วฉันสามารถตั้งราคาให้พวกเธอได้มากสุดถึงหนึ่งหมื่นยูโร หรือสองแสนห้าหมื่นโครูนาเช็ก”

Options

not work with dark mode
Reset