โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】 – ตอนที่ 156

Ch.156 – ประลองกับเฉิงโจว

Translator : Muntra  / Author

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.156 – ประลองกับเฉิงโจว

 

ผู้ชมโดยรอบสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนเล็กน้อย พากันก้าวถอยหลังออกไป ปรากฏชั้นแผ่นเหล็กขึ้นบนพื้นดิน พวกมันวางนาบลงและซ้อนๆกัน ไม่นาน เวทีก็ขยายกว้างออกเป็น 100 เมตร

 

ท่ามกลางจตุรัส สังเวียนอื่นๆที่อยู่รอบๆได้หยุดต่อสู้เช่นกัน สายตาของทั้งหมด ต่างจับจ้องมายังทั้งสองคนบนเวที

 

พวกตนไม่คาดคิดเลย ว่าจะได้เห็นการต่อสู้ระหว่างผู้ใช้อบิลิตี้ในวันนี้

 

ภายในห้องส่วนตัว เมื่อเห็นเฉิงโจวบนสังเวียน สีหน้าของซินเจี่ยเซิงก็กลายเป็นซับซ้อน

 

เต๋าชิชางตายแล้ว แน่นอนว่าเขาก็ตกใจ แต่ยังไม่เท่ากับฉากเบื้องหน้าที่เฉิงโจวยืนหยัดอยู่บนสังเวียน

 

เพราะนั่นหมายความว่า ความอหังการของฉินเฟิงคงสิ้นสุดลงแต่เพียงเท่านี้ อย่างน้อยนี่ก็เป็นสิ่งที่เขาและฝูงชนนึกตรงกัน

 

เฉิงโจวจะต้องชนะอย่างแน่นอน เพราะสุดท้าย เขาครอบครองพลังสมาธิในระดับสวรรค์โปรดปราน กล่าวได้ว่าในบรรดา 4 ตระกูลใหญ่ เขาคือคนที่เรียกได้ว่าเป็นอัจฉริยะอย่างแท้จริง

 

อายุเองก็น้อยกว่าซินเจี่ยเซิง แต่กลับแกร่งยิ่งกว่า สิ่งนี้จะไม่ทำให้ซินเจี่ยเซิงรู้สึกอึดอัดได้อย่างไร

 

แต่ตอนนี้ พอคิดว่าตนจะได้เห็นอีกฝ่ายโค่นฉินเฟิงจนพ่ายแพ้ เขาก็บังเกิดความสุขขึ้นมา แม้นั่นจะทำให้เฉิงโจวได้รับบารมีและชื่อเสียมากขึ้นก็ตาม แต่นั่นไม่ใช่กงการอันใดที่ซินเจี่ยเซิงจะไปหยุดยั้งได้

 

ไม่ว่าจะเป็นทางไหน ก็ยากนักที่จะหายใจได้อย่างทั่วท้อง

 

….

 

บนเวที

 

ฉินเฟิงกับเฉิงโจวพูดคุยกันอย่างสนิทสนม

 

“นายต้องงัดความแข็งแกร่งทั้งหมดที่มีออกมา เพราะฉันคาดหวังไว้มากสำหรับการประลองอบิลิตี้ของพวกเรา หวังว่าอบิลิตี้ของนายจะไม่อ่อนแอ!” ขณะกล่าาว คู่ถุงมือขนาดใหญ่พลันปรากฏขึ้นข้างกายเขา

 

ถุงมือคู่นี้แทบจะสามารถห่อหุ้ม ปกคลุมทั้งแขน ภายใต้การควบคุมของพลังสมาธิ มันลอยอยู่กลางอากาศ เฉิงโจวยื่นมือไปสวมมัน แก่นอบิลิตี้สีบรอนซ์สาดรังสีแสงขึ้นทันใด

 

เป็นรูนเหล็ก!

 

มันคืออุปกรณ์รูนเหล็กสีเงินในเลเวล F9!

 

ฉินเฟิงเก็บมีดกษัตริย์ครามกลับเข้าไปในฝัก แขวนมันลงข้างเอวดังเดิม

 

“ที่แท้นายก็เป็นผู้ใช้อบิลิตี้เหล็ก ถ้าอย่างนั้น เวลาสู้กับฉัน น่ากลัวว่าคงต้องทนร้อนหน่อยนะ!”

 

ขณะกล่าว ฉินเฟิงก็ชูมือขึ้นสูง และเรียกกรงเล็บเพลิงสีชาดออกมา

 

แม้ปากจะพูดแบบนั้น แต่ฉินเฟิงก็ยังระมัดระวังตัวยิ่ง

 

เพราะการประลองระหว่างผู้ใช้อบิลิตี้น่ะแทบจะไม่เคยเกิดขึ้นเลย เนื่องจากมันก่ออานุภาพทำลายล้างมากเกินไป ขนิดที่ว่าหากสถานการณ์เลวร้ายจริงๆ เกรงว่าต่อให้อยู่ห่างออกไปหนึ่งกิโลก็ยังได้รับผลกระทบ!

 

ฉินเฟิงสวมกรงเล็บเพลิงสีชาดบนแขนซ้ายของเขา ตลอดทั้งร่างลุกโชนไปด้วยเปลวไฟ

 

เฉิงโจวเป็นผู้มีความรู้กว้างขวาง เพียงมอง เขาก็เอ่ยปากออกมาทันที

 

“เปลวเพลิงของนาย เหมือนว่าเกิดจากรูนกลายพันธุ์ หรือให้พูดอีกอย่างก็คือ มันจะแกร่งกว่าปกติ ยังไงก็ตาม ฉันก็แข็งแกร่งกว่านายอยู่ดี ฉะนั้นอย่าได้คิดยั้งมือ!”

 

ฉินเฟิงพยักหน้า ในเมื่อรู้ว่าเป็นรูนกลายพันธุ์แต่อีกฝ่ายก็ยังไม่ใส่ใจ ฉะนั้นการต่อสู้จึงไม่สะดุดติดขัด เริ่มขึ้นในทันที!

 

ทั้งสองถอยห่างออกจากกันและกัน น่าจะราวๆสัก 50 เมตร เมื่อยืนยันว่าพร้อมต่อสู้ ทั้งสองก็สะบัดมือ วาดมันออกไปพร้อมกัน

 

รูนไฟและรูนเหล็กระเบิดออก เริ่มถูกควบรวมลงไปยังมือของทั้งสอง

 

ฝั่งหนึ่ง เงาที่ดูเสมือนจริงและสูงกว่าสามเมตรปรากฏขึ้น

 

“ปืนใหญ่ลูกเหล็ก!”

 

เหล็กดำกลั่นตัวรวมกันอย่างรวดเร็ว ระเบิดยิงออกไปยังทิศทางของฉินเฟิง

 

“คลื่นเปลวเพลิง!”

 

ในมือของฉินเฟิง ปะทุออกด้วยเปลวไฟมหาศาล ก่อเกิดเป็นม้วนเปลวเพลิงโถมทับเป็นเส้นตรง

 

ทั้งสองปะทะกันในพริบตา

 

เปรี้ยง!

 

เกิดเสียงระเบิดหนักอึ้งอึงอล และผลปรากฏว่า … อบิลิตี้ของทั้งสองพอฟัดพอเหวี่ยงกัน!

 

สะเก็ดไฟร่วงหล่นลงกับพื้น เหล็กกล้าเองก็ถูกหลอมเหลว กระจัดกระจายลงเบื้องล่าง

 

“เหล็กเอ๋ยจงแข็งตัว –ลูกซองเหล็กกล้า!”

 

เฉิงโจวเร่งเร้าพลังสมาธิ แปรสภาพเหล็กที่หลอมเหลวและแตกออกจากเปลวเพลิง ระดมพวกมันสาดเข้าใส่ฉินเฟิง

 

ก้าวแห่งหมอกถูกใช้ออก โฉบไปอีกทางเพื่อหลบเลี่ยง ลูกซองเหล็กกล้าส่งเสียงคำรามกร้าวราวมังกรยักษ์ แตกกระจายเข้าหาฉินเฟิง กระสุนเหล็กที่ถูกหลอมเหลว ตอกเข้าใส่ในจุดเดิมที่ฉินเฟิงเคยยืนอยู่

 

“พรมโลกันต์!”

 

ไม่ตอบโต้จะหาว่าหยาบคาย ฉินเฟิงในเวลาเดียวกันระเบิดคลื่นอัคคีขนาดใหญ่โถมเข้าใส่เฉิงโจว

 

เพลิงโลกันต์ปูพรมเป็นวงกว้าง โถมกลืนเหล็กกล้าที่ลงเหลือละลายสิ้น และมันยังคงโถมต่อไป ภายใต้การโจมตีที่กำลังปกคลุมพื้นที่ตลอดทั้งเวที เฉิงโจวมิมอาจหลบเลี่ยง ในขณะที่ร่างกายของผู้ใช้อบิลิตี้น่ะบอบบางมาก หากโดนมัน เขาย่อมได้รับบาดเจ็บสาหัส!

 

อย่างไรก็ตาม เฉิงโจวน่ะคือผู้ใช้อบิลิตี้อัจฉริยะ โดยไม่คำนึงถึงอายุหรือความแข็งแกร่ง เขาไม่ขาดประสบการณ์ต่อสู้ ฉะนั้นสามารถเร่งเร้าสมองขบคิดแก้ปัญหาได้ในทันที

 

หนึ่งเข่าย่อลง สองมือแนบกดลงบนพื้น พริบตานั้นเอง เสาเหล็กพลันผุดขึ้นมาจากพื้นเวที งอกเป็นกำแพงเหล็กกล้า ทานรับเพลิงโลกันต์ ขวางมันไว้ก่อนจะเข้าถึงตัว!

 

ปฏิกริยาของฉินเฟิงก็ว่องไวไม่แพ้กัน เขากระตุ้นพลังสมาธิทันควัน ควบคุมเปลวเพลิงที่ว่ายวนโหมกระหน่ำราวกับงูไฟยักษ์ เลื้อยในอากาศ ฉวัดเฉวียนหลบเลี่ยงกำแพงเหล็กกล้า พุ่งเข้าใส่เฉิงโจว หมายที่จะกลืนอีกฝ่ายให้จมลงไปในคราวเดียว!

 

“จงแข็งตัว! ”

 

เฉิงโจวระดมแผ่นเหล็กยาวหนึ่งเมตรขึ้นจากพื้นอย่างกระทันหัน ย่ำเท้าลงบนมัน เหินทะยานทั้งคนทั้งเหล็กขึ้นสู่ฟากฟ้าไปพร้อมๆกัน!

 

ทว่าเมื่อเห็นฉากนี้ มุมปากของฉินเฟิงกลับผุดยิ้มรอยยิ้มน่าประหลาดใจขึ้น

 

เพราะมันคือสุดยอดจังหวะในการใช้พลังสมาธิเข้าควบคุม!

 

ต้องไม่ลืมนะว่าการควบคุมสิ่งของหรือวัตถุในอากาศน่ะเป็นความสามารถของผู้ใช้อบิลิตี้และมือปืน ดังนั้น เพียงใช้พลังสมาธิก็จะสามารถควบคุมวัตถุที่บินได้ …. ไม่เว้นกระทั่งมนุษย์เป็นๆ!

 

อย่างไรก็ตาม วิธีการนี้ก็ยังมีข้อเสียร้ายแรง นั่นคือหากพลังสมาธิของอีกฝ่ายสูงกว่าคุณ ทุกอย่างจะพลิกตลบ กลับเป็นคนเสียเองที่ถูกปล้นการควบคุมจากฝ่ายตรงข้าม!

 

ตัวอย่างนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วในช่วงเวลาที่สี่สถาบันกำลังปล้นชิงผลไม้สมาธิกัน

 

แต่ว่านะ คราวนี้คู่ต่อสู้ของฉินเฟิงคือใคร? เขาคือเฉิงโจว!

 

ระหว่างหลบหนี เฉิงโจวตระหนักได้ทันทีถึงพลังสมาธิเข้าแทรกแซง สำหรับตน ฉินเฟิงแม้แข็งแกร่ง แต่ในเรื่องพลังสมาธิย่อมไม่อาจต่อกรกับตนเอง นี่คือเหตุผลที่เขาตัดสินใจบินขึ้นมา

 

ทว่า … คนอย่างฉินเฟิงจะไม่อาจต่อกรได้จริงๆน่ะหรือ?

 

แน่นอน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพลังสมาธิของเฉิงโจวในปัจจุบัน มันน่าหวั่นเกรงเพราะอยู่ในระดับสวรรค์โปรดปราน ยังไงก็ตาม ในด้านศักยภาพความเข้มขนพลังสมาธิของฉินเฟิงน่ะมันอยู่ในระดับ SS แล้ว ฉะนั้นในด้านการควบคุม เขาเลยสามารถลงรายละเอียดได้ลึกยิ่งกว่า

 

“ร่วงตกลงมาซะ!”

 

พลังสมาธิของฉินเฟิงกระแทกเข้าใส่ แผ่นเหล็กหลุดการควบคุมออกไปทันที

 

เฉิงโจวตะลึงงัน! เจ้าตัวร่วงลงไปม้วนกลิ้งกับพื้น นับว่าโชคยังดีที่ตนเพิ่งบินสูงขึ้นไปเพียงสองเมตร ยามตกลงเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่ได้รับบาดเจ็บมากนัก

 

แต่ยังไงซะ เขาก็สามารถออกมานอกระยะพรมโลกันต์ของฉินเฟิงได้อยู่ดี!

 

“ปราการเหล็ก!”

 

เฉิงโจวดีดนิ้วดังเป๊าะด้วยมือข้างหนึ่ง ก่อร่างกำแพงสูงสองเมตรขึ้นทันใด ขณะนี้พรมโลกันต์ของฉินเฟิงได้มาถึงแล้ว มันปะทะเข้ากับกำแพงเหล็กระลอกสอง คราวนี้เปลวไฟถูกหยุดเอาไว้ได้ ทว่ารังสีไอร้อนยังคงแผ่เข้ามา

 

“ช่างน่าสงสาร”

 

ฉินเฟิงยิ้ม แม้ดูไม่ใส่ใจ แต่พลังสมาธิของเขาตรึงอยู่ในตำแหน่งของเฉิงโจวอย่างชัดเจน เปลวเพลิงเริ่มควบรวมกันอีกครั้ง

 

ในเสี้ยววินาที เปลวเพลิงจากเบื้องหลังก็ทะยานสูงขึ้น ก่อนทิ้งดิ่งร่วงหล่นลงมาจากเบื้องบน เตรียมปิดล้อมเฉิงโจวจากทุกทิศทาง

 

เฉิงโจววาดมือออก ก่อกำปราการเหล็กเพิ่มเติมทั้งซ้ายขวา รวมไปถึงเบื้องหลังและเหนือหัว เพื่อสกัดกั้นเปลวเพลิงที่โถมเข้ากลืนกิน

 

กล่าวได้ว่าเวลานี้ เฉิงโจวปลอดภัยโดยสมบูรณ์แล้ว หากแต่สภาพของเขา ปัจจุบันราวกับกำลังหดตัวอยู่ในกระดองเต่า

 

การต่อสู้ของผู้ใช้อบิลิตี้ ช่างพรั่งพราวและน่าตื่นตาตื่นใจ!

 

แต่การต่อสู้ระหว่างผู้ใช้อบิลิตี้ ก็ส่งพลังทำลายล้างมหาศาลเช่นกัน หากกล่าวว่าผู้ใช้อบิลิตี้เพียงลำพังแต่สามารถสังหารศัตรูนับร้อย ไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลย

 

ตั้งแต่ที่ทั้งสองเริ่มต่อสู้กัน เฉิงโจวมีเวลาโจมตีแค่เพียงระลอกเดียวเท่านั้น หลังจากนั้นก็ถูกฉินเฟิงกดดันอย่างหนัก แม้ตนจะครอบครองรูนและปลดปล่อยรูนออกมาได้มากมาย แต่พวกมันจำเป็นต้องควบรวมถึงสามารถใช้งาน ดังนั้นไม่มีเวลามากพอที่จะโต้กลับ

 

ในขณะที่ฉินเฟิงเป็นฝ่ายโจมตี ดังนั้นจึงมีเวลามากกว่าในการระเบิดพลัง เขาสาดโจมตีออกไปนับสิบกระบวนท่าอย่างต่อเนื่อง

 

การต่อสู้ดำเนินไปเพียง 10 นาทีเท่านั้น แม้คนอื่นๆจะไม่เข้าใจ แต่ทุกคนก็ยังสามารถมองเห็นถึงความแตกต่างระหว่างทั้งสอง

 

“ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฉินเฟิงจะสามารถกดดันเฉิงโจวได้!”

 

“รูนของฉินเฟิง อันที่จริงมากกว่าของเฉิงโจวด้วยซ้ำ!”

 

“นี่มันเป็นไปได้ยังไง?”

 

ทั้งหมดไม่อยากจะเชื่อ เพราะเฉิงโจวน่ะคืออัจฉริยะ เรื่องนี้ไม่มีใครไม่รู้ ภาพตรงหน้ามันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเกิดขึ้น!

 

…. การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป สังเวียนเริ่มร้อนระอุ หน้าผากของเฉิงโจวยิ่งนานยิ่งเริ่มปรากฏชั้นเหงื่อผุดออกมา

 

บ่งบอกชัดเจนว่าตนกำลังสูญสิ้นพลังงาน จนเริ่มจะต้านทานไม่ไหวแล้ว!

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】
Status: Ongoing
อ่านนิยายโคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】ภายในตัวอาคารที่ถูกเสริมแกร่งด้วยเหล็กกล้า พื้นโถงทางเดินราวกับกระจกใส ทั้งแพทย์และพยาบาลต่างเดินกันให้วุ่นไปตลอดเส้นทาง   ที่นี่คือสถาบันวิจัยเขตชานเมืองใหม่ของเมืองเฉิงหยาง   ณ หนึ่งในพื้นที่บริเวณของสถาบัน กลุ่มวัยรุ่นหนุ่มสาวที่ทั้งตื่นเต้นระคนวิตกกังวล กำลังเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อ   “กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง! หมายเลข 2318 ฉินเฟิง กรุณาไปเข้ารับการฉีดยากระตุ้นในแอเรียที่ 3 ด้วย!”   “ถึงตาของฉันแล้- โครม!”   วัยรุ่นชายผุดลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว จนเจ้าตัวเสียหลัก สะดุดขาตัวเองล้มคะมำลงกับพื้น   เพียงได้ยินเสียงกระแทก ทุกคนก็พอจะรับรู้ได้ว่าการล้มหน้าฟาดของอีกฝ่ายรุนแรงขนาดไหน   “อ๊า! ฉินเฟิง!” เห็นถึงฉากนี้ โจวฮ่าวก็กลายเป็นตื่นตระหนก เขาเร่งก้าวไปข้างหน้าเพื่อช่วยเหลือสหายของตนอย่างร้อนรน   แล้วก็พบกับผลลัพธ์คาดไม่ถึง -ฉินเฟิงที่ล้มลงดันสลบไปซะอย่างงั้น!   “ชิบหายแล้ว ฉินเฟิง! นายคงไม่ได้หมดสติจริงๆหรอกใช่ไหม เล่นตลกอะไรในเวลาสำคัญแบบนี้เนี่ย? รีบตื่นขึ้นมาเร็วเข้า! ถึงเวลาฉีดยา ‘กระตุ้นพลัง’ ของนายแล้วนะ!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset