โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】 – ตอนที่ 259

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.259 – สึนามิ

 

ภายในหัวใจของหยางปิง จู่ๆก็เกิดอาการหนาวสั่นอย่างไม่มีเหตุผล

 

แต่ไป๋หลีเงยมองเพียงวูบเดียว ก็ละความสนใจ ถอนสายตาจากเขา

 

“คุณไปเถอะ”

 

ทั้งแววตาและน้ำเสียงของไป๋หลีแสดงออกชัดถึงความไม่แยแส

 

ที่จริงเธอล่วงรู้ถึงแผนการของหยางปิงตั้งนานแล้ว

 

เนื่องจากสัญชาตญาณอันชาญฉลาดของไป๋หลี มันได้บอกต่อเธอ ว่าหยางปิงไม่เป็นมิตรกับฉินเฟิง อีกอย่าง หลังจากมาถึงเกาะพิทักษ์ นอกจากเรือเร็วของหยางปิงแล้ว มันก็ไม่มีเรืออื่นที่สามารถใช้พากลับฝั่งได้อีกเลย!

 

นั่นหมายความว่า หากคนอื่นๆต้องการจะจากไป ย่อมไม่สามารถทำได้

 

ทว่าเรื่องนี้มิสลักสำคัญใดๆกับไป๋หลี เพราะเธอมีพิกัดมิติของเฟิงหลี คราวก่อนในต่างมิติ เธอยังสามารถพาฉินเฟิงกลับชุมชนได้ ฉะนั้นยิ่งเป็นมิติเดียวกัน คงไม่ต้องกล่าวถึง

 

อีกทั้งไป๋หลียังสามารถเปิดพิกัดมิติได้มากถึง 3 ครั้งต่อวัน นั่นคือเหตุผลที่เธอไม่จำเป็นต้องใส่ใจต่อแผนการของศัตรู

 

หยางปิงพอได้ยินแบบนี้ ความหนักอึ้งที่ซ่อนลึกไว้ในหัวใจก็คลายลง รู้สึกว่าเมื่อครู่นี้ตนคงคิดมากเกินไป

 

ไป๋หลีเป็นแค่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ จะไปครอบครองสายตาสุดลึกล้ำแบบนั้นได้อย่างไร?

 

หยางปิงหันหลังกลับ ขึ้นเรือเร็วจากไป

 

เมื่อเห็นอีกฝ่ายถอนตัว ก็เกิดความวุ่นวายขึ้นโดยรอบทันที ทหารบางคนทนไม่ไหว ก้าวออกมาพูดกับไป๋หลี “มิสไป๋ทำไมถึงปล่อยเขาไป? นั่นเขากำลังโกหกคุณนะ!”

 

“อื๋อ?” ไป๋หลีเหลือบมองทหารคนนั้นด้วยความฉงน

 

ทหารเมื่อเห็นท่าทีของไป๋หลี ก็พาลคิดไปว่าเด็กสาวไม่น่าจะรู้เรื่องราวอะไร เร่งอธิบาย “เกาะพิทักษ์มีไว้เพื่อใช้หยุดสัตว์ทะเลเลเวล E ฉะนั้นระหว่างช่วงเวลาปราบปราม ไม่จำเป็นต้องมีใครมาเฝ้า แต่ที่เขาทิ้งพวกเราไว้ที่นี่ นั่นก็เพื่อปล่อยให้พวกเราตายกันไปเอง เป็นการฆ่าปิดปาก!”

 

ไป๋หลีหัวเราะคิกคัก มองสังเกตดูดีๆ การแสดงออกที่ดูสงบมั่นคงเช่นนี้ เหมือนกับว่าเธอเติบโตขึ้น กลายเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ทั้งยังมีพฤติกรรมคล้ายกับฉินเฟิงเล็กน้อย

 

“ถ้าเป็นเรื่องฆ่าปิดปาก คนที่จะตายคงมีแค่พวกคุณนั่นแหละ ไม่รวมฉัน อืม .. แล้วก็ไม่รวมแฟนของฉันด้วย!”

 

ไป๋หลีชี้ไปทางฉินเฟิง

 

“มิสไป๋ คุณประมาทเกินไปแล้ว ที่เห็นในปัจจุบันเป็นแค่อาหารเรียกน้ำย่อยเท่านั้น เมื่อเผชิญกับคลื่นกองทัพสัตว์ทะเลจริงๆ ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถหยุดพวกมันได้!” ทหารกล่าวอย่างวิตกกังวล

 

ไป๋หลีส่ายมือ “ถ้าคุณกลัว ก็ออกไปได้เลย หนีไปให้ไกล ไปยังที่ๆผู้บัญชาการหยางไม่สามารถฆ่าคุณ อืม … แต่ถ้าคุณอยากใช้ชีวิตต่อไปอย่างมั่นคงและยืนยาว ก็ขอให้ไปยังสถานชุมชนเฟิงหลี พวกเรากำลังขาดแคลนผู้ใช้พลังอยู่พอดี!”

 

ไป๋หลีไม่วายโฆษณาสถานชุมชนของตน

 

ฝูงชนพอได้ยินคำของไป๋หลี แววตาของทั้งหมดเปล่งประกายสดใส

 

“ขอโทษนะมิสไป๋ เมื่อครู่คุณบอกว่าพวกเราสามารถออกไปได้ใช่ไหม?” ชายคนนั้นแสดงเจตนาว่าต้องการหนีอย่างเห็นได้ชัด

 

“ใช่สิ ก็พวกคุณกลัวไม่ใช่หรอ? พวกเราเองก็ไม่ต้องการให้พวกคุณมาคอยขวางมือขวางเท้าอยู่ข้างๆเหมือนกัน”

 

ทหารขบฟันแน่น ยกมือตะเบ๊ะ ทำความเคารพไป๋หลี

 

“ขอบพระคุณมิสไป๋ หากรอดไปจากที่นี่ได้ พวกเราจะเดินทางไปสถานชุมชนเฟิงหลีเพื่อรับใช้คุณ!”

 

เพราะยังไงซะ หากหนีรอดไปจากเกาะได้จริงๆ พวกเขาก็จะอยู่ในสถานะทหารหนีทัพ ถ้าสถานชุมชนเฟิงหลีไม่ให้ที่พักพิงแก่พวกเขา ทั้งหมดคงต้องบุกน้ำลุยไฟ ออกจากอาณาเขตสามเฉิง หรือบางทีอาจถึงขั้นยอมขายวิญญาณ ไปเข้าร่วมกับกองทหารรับจ้างขององ์ค์กรมืด

 

และเนื่องจากพอถูกจับมาปล่อยเกาะ เหล่าทหารได้เตรียมตัวหลบหนีเอาไว้ก่อนแล้ว อุปกรณ์บางส่วนถูกเลาะออกเพื่อนำมาต่อเรือ แน่นอนว่ามันไม่ไวเท่ากับเรือเร็วดัดแปลงจากรถล่องเวหาเหมือนของหยางปิง ทั้งอุปกรณ์ป้องกันสัตว์ทะเลก็ไม่มี

 

อย่างไรก็ตาม พวกเขายังเหลือกำลังภายใน ฉะนั้นสามารถกระตุ้นมัน ใช้ขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้ หากสามัคคีกัน จะสามารถกลับสู่เมืองไห่ในเวลาสามชั่วโมง

 

ช่วงเวลาเดียวกัน ห่างจากปราการศิลาดำ 10 กิโลเมตร หยางปิงมองทอดยาวออกไป วิสัยทัศน์ตกลงบนปราการสูงตระหง่าน ในแววตาทอประกายสีแดงฉาน

 

“ฉินเฟิง อย่าตำหนิฉันเลย เป็นคุณเองที่กล้าเข้าถ้ำเสือ ท่านเทศมนตรีได้ออกคำสั่งมาแล้ว ฉะนั้นทางเราไม่สามารถละเมิดได้”

 

ระหว่างกล่าว รีโมทควบคุมระยะไกลก็ถูกกดสวิตซ์

 

บรึ้ม!

 

ในตำแหน่งที่ไกลออกไป สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ถึงแรงระเบิดเหนือปราการ เมฆรูปเห็ดเล็กๆลอยฟุ้งขึ้นสู่ท้องฟ้า ทั้งยังมีผงสีขาวอีกนับไม่ถ้วนกระจายออกมาจากจุดระเบิด

 

“ไปเถอะ” หยางปิงออกคำสั่งให้ล่าถอย

 

ย้ายกลับมาทางฝั่งเกาะพิทักษ์ ฉินเฟิงตกใจกับเสียงระเบิดที่ดังขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว สะบัดหน้าเหลียวหลังกลับไป

 

ใช้พลังของสัญญารับรู้ถึงไป๋หลี เมื่อเห็นยังอยู่ในสภาพดีก็โล่งใจ แต่ปราการกลับเกิดการระเบิดขึ้นอย่างกระทันหัน ยิ่งไปกว่านั้นในทิศทางเดียวกัน ก็เห็นว่าพวกทหารกำลังล่าถอยออกไป

 

เวลานี้ ตรงส่วนยอดปราการถล่ม ผงปริมาณมหาศาลเล็ดลอดออกมา ปล่อยมันแพร่กระจายไปในอากาศ

 

สัตว์ทะเลบนฝั่งที่ยังไม่ตาย เมื่อสูดดมและสัมผัสผงก็เริ่มเกิดอาการกระสับกระส่ายทันที

 

“นี่มันผงหอมวังวนสมุทร!”

 

สีหน้าของฉินเฟิงเปลี่ยนเป็นน่าเกลียด

 

เขาละความสนใจจากสัตว์ร้ายบนฝั่ง ที่ทยอยกันเพิ่มจำนวนมากขึ้น ภายใต้ก้าวอัคคี เจ้าตัวทะยานขึ้นกลางอากาศ มาหยุดลงข้างกายไป๋หลี

 

ไป๋หลีจามสองสามครั้ง เห็นได้ชัดว่าไม่ชอบกลิ่นนี้

 

“เจ้าสิ่งนี้คืออะไร?”

 

ไป๋หลีบ่นอุบ

 

“มันคือผงหอมที่ใช้ดึงดูดสัตว์ทะเล ช่วยกระตุ้นอาการติดสัดของพวกมัน ว่ากันว่าสิ่งมีชีวิตในท้องทะเล ยิ่งมีขนาดใหญ่ ก็ยิ่งมีโอกาสน้อยที่จะพบเจอกับสายพันธุ์เดียวกัน ดังนั้นยากที่จะให้กำเนิดลูกหลาน ผงหอมนี้จะส่งกลิ่นเพศเมียออกไป และดึงดูดพวกมันเข้ามา”

 

ฉินเฟิงกล่าว ผงหอมนี้ ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อใช้ล่อลวงสัตว์ทะเลระดับสูง

 

ในขณะที่เบื้องหน้าเขา มีปริมาณมากมายเกินกว่าจะนับไหว

 

“เธอเป็นอะไรรึเปล่า? ผงหอมนี่ บางทีอาจส่งผลกับสัตว์ร้ายต่างมิติได้เหมือนกันนะ” ฉินเฟิงมองไป๋หลีอย่างประหม่า ทั้งหวั่นใจและแอบหวังลึกๆ

 

แต่ไป๋หลีกลับส่ายหัวและกล่าว “ฉันสามารถทำให้ร่างกายดำรงอยู่ในมิติได้ ฉะนั้นผงหอมนี้ แค่ช่วยให้เลือดลมมันสูบฉีดเล็กๆน้อยๆเท่านั้น ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรมากมาย”

 

ยังไงซะไป๋หลีก็เป็นราชันย์สัตว์ร้าย ทั้งภูมิปัญญาสูงส่ง ฉะนั้นผงหอมวังวนสมุทร ชัดเจนว่าไม่อาจก่อผลกระทบต่อเธอได้

 

ทว่าด้วยปริมาณที่มากมายของมัน ทั้งยังกระแสลมทะเลที่ค่อนข้างแรง ส่งผลให้ในพริบตา ตัวผงแพร่กระจายออกไปเป็นวงกว้าง

 

ประจวบกับปัจจุบันเป็นช่วงสัปดาห์บุกชายฝั่ง น่ากลัวว่าเหตุการณ์นี้จะเป็นการดึงดูดกองทัพสัตว์ร้ายให้มาปรากฏกายขึ้นมากกว่าเดิม

 

ในเวลานั้นเอง ณ สถานที่ห่างไกล จู่ๆปรากฏเสียงสนั่นดั่งฟ้าร้องดังขึ้น

 

ไป๋หลีเกิดความสงสัย หันกลับไปมอง และพบว่าตรงเส้นขอบฟ้า ปรากฏคลื่นยักษ์กำลังถาโถมเข้ามา

 

เป็นสีนามิ!

 

สึนามิอันน่าสะพรึงกลัว ก่อตัวเป็นกำแพงน้ำขนาดเท่าตึกห้าชั้น มองไกลออกไป ฉากนี้ราวกับปากใหญ่ของสัตว์ประหลาดกำลังอ้ากว้าง

 

ฉินเฟิงก็มองไปทางเดียวกัน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเห็นกระแสคลื่นยักษ์ ทว่า … เบื้องหน้าเขาอาจเป็นฉากตระการตาที่สุดที่ตนเคยเห็นมา!

 

ทั้งสองมิได้ขยับกายเคลื่อนไหว

 

สึนามิยังคงถาโถม ใกล้เข้ามา ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

 

อีกทั้งกระแสคลื่นยักษ์นี้ ยังนำพามาซึ่งกลุ่มสัตว์ทะเลจำนวนมหาศาล ซัดเข้าใส่ชายฝั่ง

 

แต่ก่อนจะถึงชายฝั่ง เป็นเกาะพิทักษ์ที่จะต้องรับมือกับมัน!

 

คลื่นยักษ์กวาดลงบนหาดทราย กลินกินแนวปะการัง ปะทะเข้ากับกำแพงสูงที่คอยขวางกั้นปราการศิลาดำ

 

โครม!

 

โครม!!

 

โครม!!!

 

แนวปะการังสามารถสกัดคลื่นยักษ์เอาไว้ได้ แต่มันก็ทำให้ตลอดทั้งเกาะสั่นสะเทือน

 

ทั้งยังส่งสัตว์ทะเลนับไม่ถ้วน ลอยกระเด็นตกลงไปทั่วทั้งเกาะ!

 

เวลานี้ไม่ใช่แค่สึนามิ แต่ยังเกิดพายุฝน กระหน่ำไปตลอดทั้งเกาะ

 

เมื่อเผชิญกับภัยพิบัติเหล่านี้ ฉินเฟิงและไป๋หลีไม่แตกต่างไปจากตัวตนอันเล็กจ้อย

 

ฉินเฟิงปลดปล่อยกำลังภายในสู่ภายนอก ก่อรูปมันขึ้นเป็นกำแพงโปร่งใส ในมือโอบกอดไป๋หลี สกัดกั้นน้ำทะเลเหม็นคาวที่ร่วงโรยลงมา ผสานไปกับสายฝน

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】
Status: Ongoing
อ่านนิยายโคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】ภายในตัวอาคารที่ถูกเสริมแกร่งด้วยเหล็กกล้า พื้นโถงทางเดินราวกับกระจกใส ทั้งแพทย์และพยาบาลต่างเดินกันให้วุ่นไปตลอดเส้นทาง   ที่นี่คือสถาบันวิจัยเขตชานเมืองใหม่ของเมืองเฉิงหยาง   ณ หนึ่งในพื้นที่บริเวณของสถาบัน กลุ่มวัยรุ่นหนุ่มสาวที่ทั้งตื่นเต้นระคนวิตกกังวล กำลังเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อ   “กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง! หมายเลข 2318 ฉินเฟิง กรุณาไปเข้ารับการฉีดยากระตุ้นในแอเรียที่ 3 ด้วย!”   “ถึงตาของฉันแล้- โครม!”   วัยรุ่นชายผุดลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว จนเจ้าตัวเสียหลัก สะดุดขาตัวเองล้มคะมำลงกับพื้น   เพียงได้ยินเสียงกระแทก ทุกคนก็พอจะรับรู้ได้ว่าการล้มหน้าฟาดของอีกฝ่ายรุนแรงขนาดไหน   “อ๊า! ฉินเฟิง!” เห็นถึงฉากนี้ โจวฮ่าวก็กลายเป็นตื่นตระหนก เขาเร่งก้าวไปข้างหน้าเพื่อช่วยเหลือสหายของตนอย่างร้อนรน   แล้วก็พบกับผลลัพธ์คาดไม่ถึง -ฉินเฟิงที่ล้มลงดันสลบไปซะอย่างงั้น!   “ชิบหายแล้ว ฉินเฟิง! นายคงไม่ได้หมดสติจริงๆหรอกใช่ไหม เล่นตลกอะไรในเวลาสำคัญแบบนี้เนี่ย? รีบตื่นขึ้นมาเร็วเข้า! ถึงเวลาฉีดยา ‘กระตุ้นพลัง’ ของนายแล้วนะ!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset