โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】 – ตอนที่ 434

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.434 – ก้าวเข้าสู่เทียนไต้

 

เมื่อรายการสั่งซื้อถูกใส่ลงในเครือข่าย ไม่นานเกินรอ ชายที่ทั้งตัวสวมทับไว้ด้วยชุดคลุมสีดำสนิทก็มาปรากฏกายเบื้องหน้าที่พักของฉินเฟิง

 

คนอื่นๆที่คอยลอบสังเกตุการณ์วิลล่าของฉินเฟิง ต่างได้รับข้อมูลนี้ทันที

 

ชุดคลุมดำผู้นี้ คือบุคคลอย่างเป็นทางการของเมืองหวัง หรือเรียกให้ถูกก็คือ ลูกน้องของผู้นำเมืองหวังนั่นเอง

 

เขามาส่งของและเก็บเงินปลายทาง!

 

ฉินเฟิงหยิบเหรียญพลังงานทั้ง 1010 ออกมา ยื่นให้อีกฝ่าย ชายในชุดคลุมดำไม่เปล่งวาจาใด เพียงวางของแล้วจากไปทันที

 

ชายในชุดคลุมดำนี้ คนในเมืองหวังมักจะเรียกเขาว่า ‘ผู้ส่งสารแห่งความตาย’

 

เนื่องจากคนที่ได้รับบัตรเชิญจากเขา จากในบรรดาสิบคน มีถึงเก้าคนที่ไม่ได้กลับมา

 

ฉินเฟิงเปิดซอง และพบว่ามีหมายเลข 277 เขียนอยู่บนนั้น

 

นี่คือหลักฐานที่บ่งบอกว่า จนกระทั่งถึงตอนนี้ มีผู้ลงสมัครแล้วกว่า 277 คน

 

แม้ปริมาณอาจไม่มากนัก แต่ถ้าทั้งหมดเป็นเลเวล D ล่ะก็ มันคือจำนวนที่น่าหวาดกลัว!

 

เพราะอย่างน้อยในปราการชาตง ตัวเลขนี้เพียงพอที่จะต้านทานการรุกรานของกองทัพสัตว์ร้ายขนาดใหญ่!

 

และนี่ยังไม่หมดเวลารับสมัคร ในวันพรุ่งนี้ จำนวนอาจจะมากกว่านี้ก็ได้

 

ฉินเฟิงเก็บของและเดินกลับเข้าบ้านไป

 

 

วันถัดมา สภาพอากาศในเมืองหวังยังคงมืดมัว ไม่เคยเห็นเดือนเห็นตะวัน บรรยากาศของที่นี่ช่างน่าอึดอัด ฉินเฟิงออกจากวิลล่า ตรงไปนังสถานที่ที่กำหนด ก็พบกับฝูงชน ที่ในแววตาฟุ้งไปด้วยจิตสังหาร

 

ในบรรดาพวกเขา ทั้งหมดราวกับคนคลั่ง กลิ่นอายก็ชวนให้หดหู่

 

ไม่ต่างจากคนที่พร้อมจะลุกไหม้ได้ตลอดเวลา ใครสะกิดก็ระเบิดได้ทันที!

 

และในสถานที่ดังกล่าว มีผู้คนอยู่มากถึง 2,000 คน!

 

แน่นอน ว่าส่วนใหญ่แล้วพวกเขาไม่ใช่คนที่มาเข้าร่วมการประลอง หากแต่มาในฐานะผู้ชม

 

และที่ยืนอยู่ใจกลางฝูงชน ย่อมไม่พ้นผู้ใช้พลังเลเวล C มีอย่างน้อย 200 คน

 

ส่วนพวกที่ยืนอยู่ด้านหลังเลเวล C ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าประจำสังกัดของใคร เพราะแบ่งแยกกันอย่างชัดเจน แต่ยังไม่มั่นใจว่าใช่คนที่เข้าร่วมทุกคนรึเปล่า

 

ส่วนที่เหลือต่างหลีกห่างจากคนกลุ่มนี้ ทั้งหมดเลือกยืนแยกตัว กระจายกันออกมาอยู่รอบนอก 

 

สำหรับกลุ่มคนรอบนอก คาดว่าน่าจะเป็นคนในเมืองหวังที่ไม่มีผู้ใช้พลังที่แข็งแกร่งคอยหนุนหลัง ทุกคนเลยต้องระมัดระวังตัว

 

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางคนเหล่านั้น กลับมีผู้ใช้พลังเลเวล E ปะปนอยู่ด้วย

 

แน่นอน ว่าพวกเขาไม่สามารถเข้าร่วมการประลอง แต่เข้ามาที่นี่เพราะต้องการร่วมพนัน

 

เลเวล E ของเมืองหวัง ไม่มีแหล่งรายได้เป็นของตนเอง ออกจากเมืองครั้งหนึ่งต้องจ่าย 10 เหรียญพลังงาน แต่พวกเขากลับไม่มี

 

การใช้ชีวิตในเมืองหวัง ที่ผู้คนทำคือการแลกเปลี่ยนกัน อยากได้อะไร ไม่มีเหรียญพลังงานก็แลกเปลี่ยนเสียให้จบๆ นี่ถือว่าล้าหลังมากๆ ผู้คนที่อาศัยอยู่ส่วนใหญ่มักจะขายร่างกายของตนเอง , ไม่ก็ขายแรงงานเพื่อแลกอาหาร ไม่งั้นก็ฆ่าคนและฉกชิงสมบัติมา

 

แต่กระนั้น หากต้องการจะออกนอกเมือง มันก็ยังค่อนข้างยุ่งยากอยู่ดี อย่างน้อยที่สุดสมควรเป็นเลเวล D เพราะเลเวล E อาจถูกฆ่าตายได้ในทันที ไม่สมควรออกไป

 

กลายเป็นวังวนซ้ำซ้อนไม่รู้จบ!

 

เมื่อถึงเวลาเที่ยงตรง กลุ่มชายในชุดคลุมดำก็ปรากฏตัวออกมา

 

พวกเขายังเหมือนเดิม คือไม่เอ่ยคำใด กระทั่งกลิ่นอายก็ปกปิดเอาไว้

 

พวกเขาเริ่มหยิบอุปกรณ์มิติออกมา จากนั้นก็ทำการติดตั้ง และระบุพิกัดมิติ

 

ไม่นาน ประตูมิติก็ถูกเปิดออก

 

กลุ่มเลเวล C ก้าวเข้าไปอย่างรวดเร็ว แม้จะทยอยเข้าไปทีละคน แต่กลับไม่มีการทะเลาะเบาะแว้งกันเลย ซึ่งเรื่องนี้ยากนักที่จะเกิดขึ้น

 

เพราะอย่างไรเสีย คนจากพันธมิตรองค์กรมืดมักจะไม่สนใจในกฏเกณฑ์ ไม่ใส่ใจในอำนาจว่าใครเหนือกว่า (กรณีไม่ห่างชั้นกันจนเกินไป) อย่างไรก็ตาม ทุกคนคำนึงถึงหน้าตาศักดิ์ศรี หากบางคนเอ่ยถ้อยคำไม่รื่นหูขึ้นมา อาจเกิดการต่อสู้ขึ้นทันที!

 

ฉินเฟิงกับไป๋หลีรั้งท้ายอยู่เบื้องหลังฝูงชน ราวกับคนธรรมดาไม่โดดเด่นใดๆ

 

นี่มิใช่เพราะว่าพวกเขาอ่อนแอ แต่ฉินเฟิงเปิดใช้งานรูนมืด ปิดซ่อนการดำรงอยู่ของตนเอาไว้

 

แน่นอน คนอื่นๆยังคงเห็นฉินเฟิง เพียงแต่การดำรงอยู่ของเขา กลายเป็นไม่เตะตา หรือได้รับความสนใจใดๆ

 

นอกจากนี้เขายังใช้พลังสมาธิเป็นโล่คอยป้องกัน ซ้อนทับเอาไว้อีกชั้น ดังนั้นไม่น่าจะมีกลิ่นอายใดๆเล็ดลอดออกมา

 

ฉินเฟิงก้าวเข้าสู่ประตูมิติโดยตรง

 

วินาทีต่อมา วิสัยทัศน์เบื้องหน้าพลันแปรเปลี่ยนไป

 

ก้าวเข้าสู่เขตแดนลับที่ปิดสนิทโดยสิ้นเชิง

 

เบื้องหน้าฉินเฟิง หลุมลึกขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางนับพันเมตรได้ปรากฏขึ้น

 

และนี่ไม่ใช่แค่หลุมธรรมดาๆ แต่มันยังมีขั้นบันได แต่ละขั้นดูเหมือนจะยาว 20 เมตร และมีทั้งสิ้น 50 ขั้น

 

ยังไม่พอ ในแต่ละขั้นบันได จะมีบางอย่างคล้ายสิ่งของกระจัดกระจายอยู่ในมัน บ้างก็ส่งกลิ่นอายที่ชวนให้ผู้คนถูกล่อลวงออกมา

 

สำหรับบันได 10 ขั้นแรก มันไม่มีอะไรอยู่เลยก็จริง

 

แต่ในขั้นที่ 12 กลับมีกระดูกใหญ่ถูกวางอยู่

 

–เป็นกระดูกราชันย์งูเหลือมเกล็ดทองคำ!

 

นี่คือสิ่งที่ฉินเฟิงคุ้นเคยเป็นอย่างดี

 

จากนั้น ก็ยังมีของอยู่อีกหลายชิ้น ไม่ว่าจะเป็น เกล็ดมังกรแดง , ขนปีกสีเงิน , คริสตัลไฟ ฯลฯ

 

แต่วัตถุดิบที่หายาก โดดเด่นสะดุดตา อยู่ในบันไดขั้นที่ 30 มันคือหินสีแดงคล้ายกับเลือด

 

หินก้อนนี้ หากเป็นไปตามข้อมูลที่ถูกเปิดเผยโดยพันธมิตรมนุษยชาติ มันจะมีชื่อเรียกว่าศิลาฟื้นฟูเลือด เพราะมีกระแสเลือดไหลเวียนอย่างสม่ำเสมออยู่ภายในมัน หากพกติดตัว รับรองว่าต่อให้บาดเจ็บร้ายแรงก็ไม่ตาย!

 

ศิลาฟื้นฟูเลือด เป็นวัตถุดิบที่เทียบได้กับระดับจักรพรรดิเลเวล B อย่างไรก็ตาม มันสามารถใช้งานได้กับทุกคน กระทั่งเลเวล G ก็ยังใช่ได้

 

ยิ่งลึกลงไป ของก็ยิ่งดี

 

ฉินเฟิงเห็นกระทั่งหินดาราในบันไดขั้นที่ 35

 

นี่นับว่ายั่วยวนใจไม่น้อย!

 

อย่างไรก็ตาม ผู้คนในปัจจุบัน ทั้งหมดกลับทำตัวปกติธรรมดา เพียงชำเลืองมองมันผ่านๆเท่านั้น และเริ่มหยิบบัตรเข้าร่วมการประลองออกมา

 

ขณะที่เลเวล C บางส่วน เรียกโต๊ะและเก้าอี้ออกมาจากอุปกรณ์รูนมติ ทิ้งตัวลงนั่งอย่างหยิ่งผยอง

 

“อ้าว นั่นบอสลี่ไม่ใช่หรอ ครั้งก่อนเสียหายยับเยินเลยนี่นา คราวนี้คงไม่พลาดอีกกระมัง?”

 

“สหายเฉียนนั่นแหละ คราวนี้ส่งคนไปตั้งมากมาย แต่จะไปได้ถึงครึ่งทางของลูกน้องฉันรึเปล่า? อยากจะรู้จริงๆ”

 

“โย่ พี่เฉิง ครั้งนี้ได้ยินว่าคุณจ่ายหนักไม่น้อยเลยใช่ไหม”

 

เสียงรอบข้างลอดผ่านเข้ามาในหูของฉินเฟิง 

 

ในขณะนั้นเอง ฉินเฟิงพลันสัมผัสได้ ว่ามีคลื่นเจตนาฆ่าสั่นสะเทือนมายังเขา

 

ฉินเฟิงหันไปมองตามทิศทางของคลื่น และพบกับชายวัยกลางคนในเลเวล C4 อีกฝ่ายกำลังจ้องมองฉินเฟิงด้วยแววตามืดมน มุมปากแสยะยิ้มน่ากลัว 

 

ลึกเข้าไปในดวงตาทรงสามเหลี่ยมของเขา ฟุ้งไปด้วยกลิ่นอายสังหาร

 

“ลงทุนไปมากก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะเมื่อวานนี้ ดันนี้ไอ้คนตามืดบอดมาหาเรื่อง วันนี้เลยอยากจะมอบบทเรียนให้กับมัน! ”

 

ข้างกายเขา มีเลเวล D ถึง 7 คนยืนรวมกันอยู่ ไม่ต้องสงสัยเลย ว่าเลเวล D ทั้ง 7 คนนี้ ล้วนป็นผู้สมัคร

 

บัตรเชิญนี้ดูไปก็คล้ายกับตราสัญลักษณ์ของพันธมิตรมนุษยชาติ พวกมันติดอยู่บนหน้าอก และแสดงหมายเลขเอาไว้ชัดเจน

 

ฉินเฟิงตระหนักได้ในทันที ว่าคงเป็นบอสเฉิงคนนี้นี่แหละ ที่เป็นคนเทียบเชิญเขา แต่คนส่งสารกลับถูกฉินเฟิงสังหารไป

 

ฉินเฟิงกวาดสายตาเย็นเยียบใส่อีกฝ่ายแว่บหนึ่ง และไม่สนใจใดๆอีก

 

ขณะนั้นเอง ชายในชุดคลุมดำก็เริ่มเปิดเครือข่ายภูมิภาค

 

และเมื่อเครือข่ายภูมิภาคเปิดออก นั่นหมายถึงการพนันได้เริ่มตึ้นขึ้น!

 

ช่วงเวลานี้ เมื่อเห็นอัตราเดิมพันของตัวเขาเอง เจ้าตัวถึงกับขมวดคิ้ว

 

เพราะแม้ฉินเฟิงจะเป็นหน้าใหม่ แต่อัตราส่วนกับต่ำเตี้ยจนน่าตกใจ 

 

ขั้นบันไดของเมืองหวัง ตามปกติแล้วจะเริ่มต้นที่ขั้น 5

 

ส่วนขั้นบันได 4 ขั้นแรก ไม่มีการเดิมพันใดๆ 

 

ดังนั้นเมื่อไปถึงขั้น 5 อัตราต่อรองจึงเริ่มขึ้น

 

แแต่ของฉินเฟิงกลับไม่มี!

 

ฉินเฟิงพบว่าเดิมพันของเขาเริ่มต้นที่ขั้น 10 ทั้งยังในต่อรองในอัตรา 10 : 1 

 

ความหมายก็คือ ลง 10 เหรียญพลังงาน ได้รับรางวัลเพียง 1 เหรียญพลังงาน

 

ขั้น 15 ลง 5 : 1

 

ขั้น 20 ลง 1 : 1

 

ขั้น 30 ลง 1 : 2

 

ซึ่งแบบนี้มันแทบไม่สามารถทำเงินได้เลย ขัดกับจุดมุ่งหมายเดิมของฉินเฟิงอย่างรุนแรง

 

แน่นอน หลังจากชั้น 35 ลงไป ย่อมมีสัดส่วนที่สูงกว่านี้ แต่ฉินเฟิงไม่ตั้งใจจะลงลึกไปถึงขนาดนั้น อย่างน้อยก็ต่อหน้าฝูงชน

 

เพราะบางสิ่งที่ต้องรับมือ และอยู่หลังขั้นบันได 35 ลงไป มันอาจเป็นเลเวล B ซึ่งนั่นไม่ใช่อะไรที่ฉินเฟิงต้องการ

 

ในเวลานั้นเอง เบื้องบนของเมืองหวัง แสงสีเงินจู่ๆก็สาดสว่างอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

 

ต่อมา ช่องว่างมิติขนาดใหญ่กว่า 100 เมตร พลันปรากฏขึ้น

 

วินาทีถัดมา กองวัตถุดิบที่ผสมปนเปกันก็ร่วงตกลงไปในหลุม 

 

โครม!

 

วัตถุดิบมากมายกระจัดกระจาย เติมเต็มลงในขั้นบันไดต่างๆทันที

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】
Status: Ongoing
อ่านนิยายโคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】ภายในตัวอาคารที่ถูกเสริมแกร่งด้วยเหล็กกล้า พื้นโถงทางเดินราวกับกระจกใส ทั้งแพทย์และพยาบาลต่างเดินกันให้วุ่นไปตลอดเส้นทาง   ที่นี่คือสถาบันวิจัยเขตชานเมืองใหม่ของเมืองเฉิงหยาง   ณ หนึ่งในพื้นที่บริเวณของสถาบัน กลุ่มวัยรุ่นหนุ่มสาวที่ทั้งตื่นเต้นระคนวิตกกังวล กำลังเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อ   “กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง! หมายเลข 2318 ฉินเฟิง กรุณาไปเข้ารับการฉีดยากระตุ้นในแอเรียที่ 3 ด้วย!”   “ถึงตาของฉันแล้- โครม!”   วัยรุ่นชายผุดลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว จนเจ้าตัวเสียหลัก สะดุดขาตัวเองล้มคะมำลงกับพื้น   เพียงได้ยินเสียงกระแทก ทุกคนก็พอจะรับรู้ได้ว่าการล้มหน้าฟาดของอีกฝ่ายรุนแรงขนาดไหน   “อ๊า! ฉินเฟิง!” เห็นถึงฉากนี้ โจวฮ่าวก็กลายเป็นตื่นตระหนก เขาเร่งก้าวไปข้างหน้าเพื่อช่วยเหลือสหายของตนอย่างร้อนรน   แล้วก็พบกับผลลัพธ์คาดไม่ถึง -ฉินเฟิงที่ล้มลงดันสลบไปซะอย่างงั้น!   “ชิบหายแล้ว ฉินเฟิง! นายคงไม่ได้หมดสติจริงๆหรอกใช่ไหม เล่นตลกอะไรในเวลาสำคัญแบบนี้เนี่ย? รีบตื่นขึ้นมาเร็วเข้า! ถึงเวลาฉีดยา ‘กระตุ้นพลัง’ ของนายแล้วนะ!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset