โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】 – ตอนที่ 508 – เดิมพันอันน่าหวาดกลัว

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.508 – เดิมพันอันน่าหวาดกลัว  

 

 

 

 

 

“แบบนี้หมายความว่า ถ้าฉันเดิมพัน 1 ล้านล้าน ไม่เท่ากับฉันชนะเดิมพันเป็นเงินมากถึง 64 ล้านล้านเลยหรือ! อัตราต่อรองนี่มัน … อย่าดีกว่า โลภมากมักลาภหาย ผู้รับเดิมพันเป็นคนของจ้าวพรมแดน อย่าเดิมพันมากเกินควรจะดีกว่า”  

 

 

 

 

 

“ลงเดิมพันสัก 1 แสนล้านก็แล้วกัน เล็กๆน้อยๆพอหอมปากหอมคอ เงินจำนวนแค่นี้ ท่านจ้าวพรมแดนไม่น่าจะเก็บมาใส่ใจ”  

 

 

 

 

 

“เห็นด้วย งั้นฉันก็จะขอลงเดินพัม 1 แสนล้าน”  

 

 

 

 

 

อันที่จริง มันไม่สำคัญหรอกว่าแต่ละคนจะลงเท่าไหร่ เพราะไม่ว่าใครขึ้นมาเป็นเลเวล B ได้ ย่อมเป็นคนร่ำรวย และเรื่องที่เกิดขึ้นกับฉินเฟิง บรรดาเลเวล B ที่มักเดินทางไปยังหุบเหวตอนเหนือต่างรู้ดี   

 

 

 

 

 

ดังนั้นเงินจำนวน 1 แสนล้าน ทุกคนต่างลงเดิมพันมันโดยไม่ต้องคิดอะไร ในพริบตา เม็ดเงินที่ใช้เดิมพันกับฉินเฟิง พุ่งทะยานเป็นมูลค่าสูงกว่า 10 ล้านล้าน!  

 

 

 

 

 

และหากพวกเขาชนะเดิมพันจริงๆ เกรงว่าทางคาสิโนคงต้องควักเงินจ่ายมากถึง 640 ล้านล้าน!  

 

 

 

 

 

เม็ดเงินขนาดนี้ ต่อให้เป็นตัวตนทรงอำนาจอย่างซางฮัน เกรงว่าก็ยังไม่สามารถจ่ายมันออกไปได้  

 

 

 

 

 

ในตอนนี้ เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบการประลอง เมื่อเห็นเงินเดิมพัน ก็ตกตะลึงไปทันที  

 

 

 

 

 

“ไม่ถูกต้อง นี่มันไม่ถูกต้อง! พวกที่ลงเดิมพันทั้งหมดเป็นเลเวล B มีข่าวอะไรที่ฉันยังไม่รู้รึเปล่านะ? ” เจ้าหน้าที่เกิดความสงสัย เพราะท้ายที่สุดแล้ว จริงอยู่ที่เลเวล B เดิมพัน 1 แสนล้านไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ทว่า .. การที่หลายคนเลือกลงเดิมพันในคนๆเดียว แบบนี้สิเรื่องแปลก!  

 

 

 

 

 

“ฉินเฟิงที่มาจากรัฐทะเลเหนือผู้นี้ คงต้องรีบหาข้อมูลของเขาซะแล้ว!”  

 

 

 

 

 

ทว่าภายใต้การขัดขวางจากผู้ใช้พลังเลเวล B ทำให้ผู้รับผิดชอบงานประลอง ไม่อาจหาข้อมูลพบ  

 

 

 

 

 

“ไม่น่าจะเป็นแบบนี้ ฉันควรหาคนมาเชือดเจ้าเด็กที่ชื่อฉินเฟิงดีไหมนะ?”  

 

 

 

 

 

เพราะเรื่องนี้มันแปลกเกินไป  

 

 

 

 

 

“หรือว่าควรรายงานเรื่องนี้แก่จ้าวพรมแดนซาง?” เจ้าหน้าที่รับผิดชอบเกิดความคิดต่างๆนาๆในหัวใจ แต่สุดท้ายตัดสินใจ ตัดข้อสองไป เพราะอย่างไรเสีย เรื่องงานประลองที่มีเลเวลสูงสุดแค่ D ไม่สมควรรายงานเธอ   

 

 

 

 

 

การที่จ้าวพรมแดนไม่มาร่วมพิธีเปิดในครั้งนี้ ยังไม่ใช่หลักฐานอย่างดีว่าเธอไม่ใส่ใจมันหรอกหรือ?  

 

 

 

 

 

“ฉันน่าจะคิดไม่ผิด ตราบใดที่ไม่ปล่อยให้ฉินเฟิงได้แชมป์ เรื่องนี้ก็ไม่น่าเป็นปัญหาไม่ใช่หรอ”  

 

 

 

 

 

เมื่อนึกถึงจุดนี้ เจ้าหน้าที่รับผิดชอบเริ่มลงมือตามแผนทันที งานประลองในวันถัดไป เขาลอบสลับตำแหน่งรายชื่อนักสู้สองคนอย่างเงียบๆ  

 

 

 

 

 

และในวันนี้ ตลอดทั้งวัน ซางฮันไม่ปรากฏตัวจริงๆ  

 

 

 

 

 

ซางฮันยุ่งมาก ดังนั้นแค่การต่อสู้ของผู้ใช้พลังเลเวล D เธอย่อมไม่คิดเฝ้าดู รู้สึกเฉยๆ ไม่สำคัญด้วยซ้ำ  

 

 

 

 

 

ก็เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นทุกปี จะต้องให้ความสำคัญอะไรกับมันอีกหรือ?  

 

 

 

 

 

หากพบเจอต้นกล้าที่ดี เดี๋ยวหยวนห่าวก็ชักชวนให้เข้าร่วมกับเมืองเป่ยหัวเอง  

 

 

 

 

 

ดังนั้น ในวันนี้ สถานะของฉินเฟิง เลยยังไม่ถูกเปิดเผยออกมา  

 

 

 

 

 

อย่างไรก็ตาม หลังจบการประลองในส่วนของตน ฉินเฟิงก็มิได้รั้งอยู่อีกต่อไป ตรงกันข้าม เขามุ่งหน้าไปยังหุบเหวตอนเหนือ   

 

 

 

 

 

ฉินเฟิงใช้วิธีเดียวกับเมื่อวาน ออกไล่ล่าสัตว์ร้ายเลเวล B จากนั้นสังหารมันและใช้เทคนิคควบคุมศพ ทำผลงานได้มหาศาล  

 

 

 

 

 

หยางเป่ยไม่รู้จะพูดดอะไรออกมาอีกแล้ว ในหัวใจเพียงสงสัยว่า ด้วยการดำรงอยู่ของผู้คนดั่งเช่นฉินเฟิง อีกไม่นาน หุบเหวทางตอนเหนือจะถูกกวาดล้างจนหมดสิ้นหรือไม่  

 

 

 

 

 

แม้นี่จะเป็นเรื่องที่ดี แต่พอนึกถึงมัน ก็อดรู้สึกแปลกใจไม่ได้  

 

 

 

 

 

“ด้วยความเร็วระดับนี้ ขอเวลาอีกแค่ 2 วัน จำนวนแก่นสัตว์ร้ายที่จะช่วยให้เธอยกระดับขึ้นสู่เลเวล B ก็น่าจะเพียงพอแล้ว”  

 

 

 

 

 

“อื้ม มันง่ายจริงๆ” ไป๋หลีก็ยังเห็นด้วยกับเขา  

 

 

 

 

 

“อ่าฮะ ถึงช่วงต้นๆจะเป็นเรื่องยากไปบ้าง แต่ตอนนี้ทุกง่ายล้วนง่ายดาย เพราะสุดท้าย ในตอนนี้ ไม่ว่าจะฉันหรือเธอ พวกเราล้วนมีความแข็งแกร่งมากพอแล้ว!”   

 

 

 

 

 

ความแข็งแกร่งของฉินเฟิงในปัจจุบัน มันเทียบเคียงได้กับในช่วงชีวิตก่อน ตอนนั้นเขาอาศัยเพียงอำนาจของพลังพิเศษดูดกลืน ช่วยให้ล่าสังหารสัตว์ร้ายได้มากขึ้นก็จริง แต่ถ้าจะให้พูดตรงๆ ตัวเขาในตอนนั้น เป็นแค่เลเวล A ธรรมดาๆเท่านั้น  

 

 

 

 

 

ส่วนปัจจุบัน แม้เขายังคงเป็นแค่เลเวล C แต่คือเลเวล C ระดับอัจฉริยะ!  

 

 

 

 

 

“พรุ่งนี้เธอมาเองก่อนแล้วกันนะ ส่วนฉันคงติดร่วมงานประลองทั้งวัน” ฉินเฟิงกล่าว  

 

 

 

 

 

“ได้สิ ไม่มีปัญหา”  

 

 

 

 

 

ไป๋หลีตอนนี้ ไม่ใช่สัตว์ร้ายที่เพิ่งมาเยือนโลกมนุษย์อีกต่อไป เธอมิใช่เด็กน้อยไม่รู้เรื่องราวอีกแล้ว  

 

 

 

 

 

วันถัดมา ฉินเฟิงนำรุ่นเยาว์จากรัฐของเขาเข้าร่วมงานประลองอีกครั้ง งานประลองก็เป็นเหมือนกับเมื่อวาน ตัวแทนจากทะเลเหนือกว่า 3 คนถูกกำจัด สำหรับสามเฉิง เป็นเรื่องน่าสงสารนักที่ทุกคนถูกกำจัดออกจากงานประลองจนหมดสิ้น  

 

 

 

 

 

สุดท้าย หากครอบครองความแข็งแกร่ง ก็จะไม่พบกับเรื่องโชคร้ายแบบนี้  

 

 

 

 

 

ก็อย่างที่กล่าวไปข้างต้น ในวันนี้ ย่อมเป็นธรรมดาที่จะมีคน ‘โชคร้าย’ ที่ว่าเป็นพิเศษ อยู่คนหนึ่ง  

 

 

 

 

 

งานประลองของ 40 คู่ หรือ 80 คนจากผู้ชนะจากในวันแรกเริ่มต้นขึ้นในช่วงเช้า จากนั้น ในช่วงบ่ายจะเป็นงานประลองของผู้ชนะ 20 คู่ หรือ 40 คนจากช่วงเช้า   

 

 

 

 

 

สรุปง่ายๆว่าในวันนี้ จากรุ่นเยาว์วันแรกทั้งสิ้น 160 คน จะถูกคัดเหลือ 20 คนในวันนี้ เพื่อเข้าสู่งานประลองรอบสุดท้ายในวันพรุ่งนี้  

 

 

 

 

 

การประลองช่วงเช้าของฉินเฟิง เขาได้เผชิญหน้ากับเลเวล E ครั้งนี้เขาเก็บงำความแข็งแกร่งของตนเอาไว้ ปล่อยให้ฝ่ายตรงข้ามใช้ออก 1 – 2 กระบวนท่า แล้วค่อยคว่ำคู่ต่อสู้ลง  

 

 

 

 

 

จากนั้นก็เฝ้ารอ เพื่อเข้าร่วมงานประลองในช่วงบ่าย  

 

 

 

 

 

ในช่วงบ่าย บนเวทีใหญ่ รุ่นเยาว์จะประลองพร้อมกัน 5 สังเวียนซึ่งฉินเฟิงถูกจับคู่เป็นหนึ่งในห้าตั้งแต่รอบแรก  

 

 

 

 

 

“เห~ ครั้งนี้คู่ต่อสู้ของฉันคือฮั่นจุนงั้นหรอ?”  

 

 

 

 

 

มุมปากของฉินเฟิงยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย บ่งบอกชัดว่ากำลังอารมณ์ดี  

 

 

 

 

 

เพราะอีกฝ่ายมาได้จังหวะเหมาะนัก หากเขากำจัดฮั่นจุน นั่นเท่ากับช่วยป้องกันไม่ให้โจวฮ่าวกับจิ่นเฟยพบเจอกับฮั่นจุน  

 

 

 

 

 

จากในบรรดาสังเวียนทั้ง 5 ฮั่นจุนเป็นเลเวล D เพียงคนเดียวที่ก้าวเข้ามาในรอบนี้ ฉะนั้นย่อมดึงดูเความสนใจของผู้คน  

 

 

 

 

 

ทันทีที่เขาก้าวสู่สังเวียน ฝูงชนก็ส่งเสียงเชียร์กันยกใหญ่ทันที ตรึงสายตาตนลงบนสังเวียนของฮั่นจุน  

 

 

 

 

 

จากนั้น ฉินเฟิงก็เริ่มก้าวขึ้นสู่สังเวียน เมื่อนักสู้ทั้งสองพร้อม โล่พลังงานก็ผุดขึ้นมาปกคลุม ขังทั้งสองเอาไว้ภายใน ป้องกันการรบกวนต่างๆ มิให้เข้ามาขัดขวางการประลอง   

 

 

 

 

 

“ที่แท้คู่ต่อสู้ของฉันคือแก ว่าแต่แกไม่ได้ชื่อโจวจางหรอกหรอ?” ฮั่นจุนแน่นอนจดจำฉินเฟิงได้ แต่เขาเหลือบมองชื่อศัตรูเพียงแว่บเดียว เพื่อดูว่าตนพบกับเต๋อหวอหรือลิหวังเซิ่นหรือไม่ หลังจากไม่พบสองชื่อนี้ ก็ไม่ใส่ใจอะไรอีก  

 

 

 

 

 

แต่ไม่คาดคิดเลย ว่าจะได้พบกับฉินเฟิงอย่างกะทันหัน  

 

 

 

 

 

“ฉันไม่ได้ชื่อโจวจาง!” ฉินเฟิงกล่าว  

 

 

 

 

 

ในหัวใจของฮั่นจุนแม้ยังมีข้อสงสัย แต่ไม่คิดเอ่ยถามออกไป เพราะท้ายที่สุดแล้ว นั่นมันแค่เรื่องเล็กน้อย   

 

 

 

 

 

ไม่ว่าฉินเฟิงจะมีชื่อเรียกว่าอะไร ชะตากรรมของศัตรูเขา –ย่อมไม่ต่างกัน!  

 

 

 

 

 

ฮั่นจุนยกมุมปากเล็กน้อย ผุดรอยยิ้มผยองเกล้าออกมา  

 

 

 

 

 

“ก่อนหน้านี้ ฉันเสนอให้แกก้มลงเลียอาหารบนพื้นให้สะอาด แต่แกก็ไม่ยอมกินมัน ดังนั้นตอนนี้ ฉันจะทำให้แกคุกเข่าลง และเรียกฉันว่าบิดา!” ฮั่นจุนเคยถูกยั่วโมโหมาก่อน ดังนั้นคราวนี้เขาเลยต้องการเอาคืนบ้าง!  

 

 

 

 

 

ในน้ำเสียงของฉินเฟิง ฟุ้งไปด้วยความเหยียดหยัน กล่าวประชดประชัน “คราวก่อน ก็ไม่เห็นว่าแกจะทำอะไรฉันได้เลย ครั้งนี้เป็นฉันต่างหากที่จะให้แกคุกเข่า และเรียกฉันว่าบิดา จนลืมพ่อแท้ๆไปเลย!”  

 

 

 

 

 

“ไอ้คนอวดดี! รู้รึเปล่าว่าพ่อฉันเป็นใคร? แกกล้าดูหมิ่นพ่อของฉันได้ยังไง!” ดวงตาของฮั่นจุนทอประกายเย็นเยียบ  

 

 

 

 

 

สำหรับฮั่นจุน บิดาอย่างฮั่นโหมว เขาเทิดทูนสุดแสน เพราะเป็นผู้คอยสนับสนุนตนตลอดมา  

 

 

 

 

 

ฮั่นโหมวสนับสนุนลูกชายตนเป็นอย่างมาก จนเขาก้าวขึ้นมาได้ถึงทุกวันนี้ ดังนั้นฮั่นจุนจะไม่ยอมให้ใครมาดูถูกฮั่นโหมวเด็ดขาด  

 

 

 

 

 

ฉินเฟิงแสยะยิ้มเย็น “อายุแกก็ปาเข้าไปเกือบ 20 ปีแล้ว ยังเอ่ยปากเรียกหาพ่อแม่อยู่อีก? ยังไม่อย่านมรึไง?”  

 

 

 

 

 

“มึง!!”  

 

 

 

 

 

ราวกับแหย่รังแตน ฮั่นจุนจุนสบถเดือดดาล ความโกรธของเขาพุ่งขึ้นถึงขีดสุด และในเวลานั้นเอง เสียงแต๊ง แต๊ง ดังขึ้นพอดี  

 

 

 

 

 

เป็นสัญญาณว่างานประลองได้เริ่มต้นขึ้น!  

 

 

 

 

 

แววตาของฮั่นจุนสาดประกายสังหาร พลังสมาธิเร่งเร้า ระดมอักษรรูนออกมา  

 

 

 

 

 

ทันใดนั้นเอง สายลมตลอดทั้งสังเวียนพลันกรรโชกไหว  

 

 

 

 

 

“ฉันจะคอยดู ว่าแกจะปากดีไปได้สักเท่าไหร่ เจ้าขยะ! วันนี้ฉันจะฆ่าแกให้ตาย! แล้วมาดูกันว่าแกจะหยิ่งผยองไปได้ถึงเมื่อไหร่!”  

 

 

 

 

 

ขณะกล่าว สายลมกรรโชกเริ่มก่อตัวเป็นพายุ พายุเริ่มก่อตัวเป็นมังกร ภายในตัวมังกรว่ายวนไปด้วยคมมีดสายลม หากถูกจับโยนเข้าไปในตัวมัน ทั้งกล้ามเนื้อและกระดูก ทั้งหมดคงถูกตัดไม่มีเหลือ  

 

 

 

 

 

“ไปเลย! เทคนิคมังกรทอร์นาโด!”  

 

 

 

 

 

นี่คือหนึ่งในอบิลิตี้ลมอันทรงพลัง เป็นเทคนิคโจมตีประเภทเดียวกับเทคนิคแมกมาชีพจรธรณี   

 

 

 

 

 

ในพริบตา พายุทอร์นาโดขนาดเล็กซึ่งมีความสูงถึง 20 เมตร ก็ม้วนเข้าหาฉินเฟิง  

 

 

 

 

 

ผู้ชมบนอัฒจันทร์ ต่างส่งเสียงกรีดร้องฮือฮาออกมา  

 

 

 

 

 

เพราะท้ายที่สุดแล้ว อบิลิตี้ดังกล่าว มันทรงพลังมากเกินไป ชวนให้ผู้คนรู้สึกละลานตา ฟุ้งไปด้วยความอิจฉา  

 

 

 

 

 

แต่ก็มีบางคนเช่นกัน ที่เริ่มรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย  

 

 

 

 

 

‘กระบวนท่านี้ใช่รุนแรงเกินไปหรือไม่? แบบนี้ฝ่ายตรงข้ามจะไม่ถูกหั่นเป็นชิ้นๆเลยหรือ!’  

 

 

 

 

 

เจ้าหน้าที่รับผิดชอบงานประลอง อดสั่นสะท้านในหัวใจไม่ได้  

 

 

 

 

 

“อา! เจ้าเด็กฮั่นจุน โหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ได้อย่างไร? ถ้ารุ่นเยาว์อีกฝ่ายตาย มันจะไม่กลายเป็นความผิดของฉันหรือ?”  

 

 

 

 

 

การที่ฉินเฟิงกับฮั่นจุนได้เผชิญหน้ากัน มันไม่ใช่เหตุบังเอิญ แต่เป็นฝีมือของเจ้าหน้าที่รับผิดชอบ ที่ไม่ต้องการให้ฉินเฟิงคว้าแชมป์ไป เลยสลับรายชื่อคู่ต่อสู้  

 

 

 

 

 

ความแข็งแกร่งของฮั่นจุน ชัดเจนในสายตาของผู้คน เลยเป็นธรรมดาที่ทุกสายตาจะดึงดูดมาทางเขา  

 

 

 

 

 

และเจ้าหน้าที่รับผิดชอบไม่คาดคิดเลย ว่าทันทีที่เริ่มลงมือ ฮั่นจุนจะคิดฆ่าฉินเฟิงต่อหน้าสาธารณะ!  

 

 

 

 

 

นี่มันจะโหดร้ายเกินไปแล้ว!  

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】
Status: Ongoing
อ่านนิยายโคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】ภายในตัวอาคารที่ถูกเสริมแกร่งด้วยเหล็กกล้า พื้นโถงทางเดินราวกับกระจกใส ทั้งแพทย์และพยาบาลต่างเดินกันให้วุ่นไปตลอดเส้นทาง   ที่นี่คือสถาบันวิจัยเขตชานเมืองใหม่ของเมืองเฉิงหยาง   ณ หนึ่งในพื้นที่บริเวณของสถาบัน กลุ่มวัยรุ่นหนุ่มสาวที่ทั้งตื่นเต้นระคนวิตกกังวล กำลังเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อ   “กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง! หมายเลข 2318 ฉินเฟิง กรุณาไปเข้ารับการฉีดยากระตุ้นในแอเรียที่ 3 ด้วย!”   “ถึงตาของฉันแล้- โครม!”   วัยรุ่นชายผุดลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว จนเจ้าตัวเสียหลัก สะดุดขาตัวเองล้มคะมำลงกับพื้น   เพียงได้ยินเสียงกระแทก ทุกคนก็พอจะรับรู้ได้ว่าการล้มหน้าฟาดของอีกฝ่ายรุนแรงขนาดไหน   “อ๊า! ฉินเฟิง!” เห็นถึงฉากนี้ โจวฮ่าวก็กลายเป็นตื่นตระหนก เขาเร่งก้าวไปข้างหน้าเพื่อช่วยเหลือสหายของตนอย่างร้อนรน   แล้วก็พบกับผลลัพธ์คาดไม่ถึง -ฉินเฟิงที่ล้มลงดันสลบไปซะอย่างงั้น!   “ชิบหายแล้ว ฉินเฟิง! นายคงไม่ได้หมดสติจริงๆหรอกใช่ไหม เล่นตลกอะไรในเวลาสำคัญแบบนี้เนี่ย? รีบตื่นขึ้นมาเร็วเข้า! ถึงเวลาฉีดยา ‘กระตุ้นพลัง’ ของนายแล้วนะ!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset