โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】 – ตอนที่ 534 – มอบบทเรียนแทน

Ep.534 – มอบบทเรียนแทน  

 

 

 

 

 

“ก่อนที่คุณจะมอบบทเรียนให้เขา ฉันนี่แหละขอมอบบทเรียนให้คุณ! จะเรียกเลือดสดๆออกมาล้างปากเน่าๆนั่นให้เอง!”  

 

 

 

 

 

ซางฮันขมวดคิ้ว ตั้งท่าจะโจมตีอีกครั้ง  

 

 

 

 

 

เห็นได้ชัดว่าเธอตั้งใจจะปกป้องฉินเฟิง  

 

 

 

 

 

ในตอนนั้นเอง รุ่นเยาว์ที่ยืนอยู่เบื้องหลังเก๋อหลาง พลันเอ่ยขึ้นทันใด “ท่านนายพล คุณไม่ต้องเปลืองมือกับคนแบบนี้หรอก ไม่ใช่ว่าเขาเองก็เข้าร่วมงานประลองลูกรักของพระเจ้าหรอกหรอ? งั้นพวกเราก็พาเขาแวะไปโรงฝึก แลกเปลี่ยนประสบการณ์กันเล็กๆน้อยๆเป็นอย่างไร จะได้รู้จักกันมากขึ้น!”  

 

 

 

 

 

ชายหนุ่มที่ก้าวเข้ามา มองฉินเฟิงอย่างตื่นเต้น ในหัวใจของเขาลอบดีใจ เพราะรู้สึกว่านี่เป็นโอกาสของตนเอง  

 

 

 

 

 

เมื่อเขาเห็นว่าฉินเฟิงได้ช่วยพูดแทนซางฮัน แล้วอีกฝ่ายเกิดความประทับใจ ดังนั้นตัวเขาก็จะขอทำบ้าง  

 

 

 

 

 

เขาจะช่วยพูดแทนเก๋อหลาง และตราบใดที่เขาสามารถทุบตีฉินเฟิงได้ ย่อมได้รับรางวัลและความไว้วางใจจากเก๋อหลางเป็นพิเศษ  

 

 

 

 

 

เบื้องหลังเก๋อหลาง ยังมีรุ่นเยาว์คนอื่นๆอยู่ด้วยเช่นกัน เวลานี้ทุกคนต่างช่วยกันสนับสนุน  

 

 

 

 

 

“ใช่แล้ว ท่านนายพลเก๋อ ไม่จำเป็นต้องถึงมือนายพลเก๋อ ขอแค่พวกเราก็พอแล้ว”  

 

 

 

 

 

“ไอ้หนู แกมันตัวอวดดี กล้าพูดแบบนั้นกับผู้ใช้พลังเลเวล A เดี๋ยวเรานายน้อยจะดัดสันดานให้เอง!”  

 

 

 

 

 

เวลานี้ เหล่าอัจฉริยะทางตอนเหนือคนอื่นๆนอกจากฉินเฟิง ทั้งหมดต่างมองไปยังตัวแทนจากฝั่งตะวันตกด้วยสายตาแปลกๆ  

 

 

 

 

 

หนานกงชิเร่งกล่าวทันที “อย่าทำแบบนั้นเลย! จะทะเลาะกันไปทำไม!”  

 

 

 

 

 

ทว่าเสียงนี้ของเขาก็ถูกกลบไป เพราะมีอีกสองเสียงเอ่ยแทรกขึ้นมาแทนว่า “ตกลง!”  

 

 

 

 

 

สองเสียงนี้ ปรากฏว่าเป็นของซางฮันกับเก๋อหลาง  

 

 

 

 

 

เก๋อหลางหัวเราะ “ซางฮัน งั้นตั้งกฏกันหน่อยเป็นไง ถ้าเธอแพ้ เธอต้องยอมรับว่าตัวเองเป็นยัยแม่ม่าย! และมาแต่งงานกับฉัน!”  

 

 

 

 

 

ในแววตาของซางฮันสะท้อนประกายเย็นเยียบ “ถ้าคุณแพ้ ต้องยอมรับว่าตัวเองเป็นคางคก! และกระโดดกบรอบเมืองหลวงมังกร!”  

 

 

 

 

 

ฉินเฟิงตอนแรกคิดว่าเดิมพันของซางฮันช่างโหดเหี้ยม แต่พอนึกถึงเรื่องที่ฝ่ายตรงข้ามดูถูกเธอ เขากลับคิดว่าซางฮันเมตตามากแล้ว  

 

 

 

 

 

อย่างไรก็ตาม เงื่อนไขการเดิมพันไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะทุกคนต่างก็รู้ดี ว่านี่คือเรื่องของเกียรติยศ!  

 

 

 

 

 

ขณะนี้ ในดวงตาของทั้งสอง ต่างฝ่ายต่างสะท้อนให้เห็นถึงความเกลียดชัง  

 

 

 

 

 

เห็นได้ชัดว่ายินยอมเป็นศัตรู ดีกว่าผูกมิตร!  

 

 

 

 

 

หลังจากเช็คอิน สมาชิกจากภาคเหนือไม่ได้เข้าห้องทันที แต่เดินออกจากโรงแรมไปพร้อมกัน ทางฝั่งหนานกงชิส่ายหัวอย่างไร้หนทาง แต่ก็ยังตามไป  

 

 

 

 

 

เพราะท้ายที่สุดแล้ว การไปรับชม ถือเป็นกลยุทธ์สังเกตการที่ดีที่สุด ที่ใช้สำรวจความแข็งแกร่งของรุ่นเยาว์ทั้งสองทีม  

 

 

 

 

 

ผู้คนในเมืองหลวงมังกร ทุกคนต่างยกย่องเทิดทูนศิลปะการต่อสู้ ดังนั้นเวทีประลองวรยุทธขนาดน้อยใหญ่ จึงมีตั้งอยู่เกือบทุกที่ ทั้งสองทีมเดินออกมาได้ไม่ไกล ราวๆ 50 เมตร ก็พบกับโรงฝึกวรยุทธขนาดใหญ่  

 

 

 

 

 

พื้นที่ในโรงฝึกกว้างขวางเป็นอย่างมาก ส่วนคนที่คอยเฝ้ามัน เป็นผู้ใช้พลังเลเวล E  

 

 

 

 

 

เมื่อเจอคนกลุ่มใหญ่แวะเวียนเข้ามา เขาผงะตกใจเล็กน้อย แต่พอเห็นว่าเก๋อหลางเป็นผู้นำ เขาก็พยักหน้าทันที  

 

 

 

 

 

เพราะท้ายที่สุดแล้ว โรงฝึกแห่งนี้ ได้ถูกเก๋อหลางจองเป็นเวลาสามวัน  

 

 

 

 

 

“นายพลเก๋อ ในที่สุดคุณก็มา เอ่อ … และยินดีต้อนรับท่านผู้ใหญ่ทั้งสองเช่นกัน พวกคุณต้องการจะร่วมฝึกด้วยใช่ไหม เดี๋ยวฉันจัดสถานที่ให้”  

 

 

 

 

 

คนเฝ้าโรงฝึก เมื่อเห็นซางฮันกับหนานกงชิ เขาย่อมสังเกตเห็นถึงตราเลเวล A บนอกอีกฝ่ายเช่นกัน  

 

 

 

 

 

“ไม่จำเป็นต้องวุ่นวายอะไร พวกเขาไม่ได้มาฝึกที่นี่ ขอแค่จัดเวทีประลองให้ฉันก็พอแล้ว”  

 

 

 

 

 

เพราะจากนี้ไป มันคือการต่อสู้ที่เดิมพันด้วยศักดิ์ศรี!  

 

 

 

 

 

“ขอรับ เข้าใจแล้ว กระผมจะเร่งจัดเตรียมให้ทันที แขกผู้มีเกียรติทั้งหลาย เชิญทางนี้!”  

 

 

 

 

 

ขณะกล่าว คนเฝ้าโรงฝึกก็นำหน้าฝูงชนไปขึ้นลิฟต์ และกดปุ่มลงใต้ดิน ที่นี่ เป็นเวทีที่มีความกว้างกว่าร้อยเมตร ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีเครื่องจำลองภาพฉายขนาดใหญ่อย่างกะทันหัน และเจ้าเครื่องนี้ ไม่มีส่วนช่วยในการฝึกฝนทางกายภาพใดๆก็จริง แต่มันสามารถจำลองสภาพแวดล้อมที่จำเป็นบางอย่างได้  

 

 

 

 

 

ตัวอย่างเช่นต้นไม้ใหญ่ ซึ่งเป็นส่วนช่วยบดบังวิสัยทัศน์ ทำให้ผู้คนสามารถฝึก และคาดเดาการโจมตีจากมุมอับสายตาได้  

 

 

 

 

 

อย่างไรก็ตาม นั่นคือสิ่งที่ใช้ในการฝึกของพวกผู้ใช้พลังเลเวล E ขณะที่ฉินเฟิงและคนอื่นๆเป็นเลเวล D ขึ้นไป ขอแค่ล็อคกลิ่นอายได้ก็จบแล้ว ไม่จำเป็นต้องฝึกอะไรแบบนี้อีก  

 

 

 

 

 

ที่นี่ไม่ได้มีพื้นที่โซนหลังอะไร มันเป็นแค่เวทีขนาดใหญ่ แต่ยังพอมีที่นั่งทรงกลมข้างๆเวที ทุกคนต่างพากันนั่งลง  

 

 

 

 

 

ฉินเฟิงเป็นคนแรกที่ก้าวขึ้นสู่เวที  

 

 

 

 

 

แนวสายตาของเก๋อหลาง กวาดมองไปยังบรรดาอัจฉริยะฝั่งตน สุดท้ายเลือกคนหนึ่ง “นายขึ้นไป!”  

 

 

 

 

 

คนๆนี้ มิใช่คนที่เอ่ยปากด่าฉินเฟิงคนก่อน แต่แน่นอนว่าเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุด  

 

 

 

 

 

“ไม่ต้องออมมือ ตีมันหนักๆให้ฉัน แค่อย่าฆ่าก็พอ”   

 

 

 

 

 

เก๋อหลางใช้กำลังภายในปิดกั้นบรรยากาศโดยรอบ ป้องกันไม่ให้คนอื่นๆได้ยิน สนทนากันเพียงสองคน   

 

 

 

 

 

ลักษณะของคนที่เก๋อหลางเลือกลงประลอง ดูเป็นคนดื้อด้านเกเร แม้จะเคารพเก๋อหลาง แต่ก็ไม่คิดประจบสอพลอ เห็นได้ชัดว่าเป็นคนหนุ่มที่เข้มแข็งคนหนึ่ง  

 

 

 

 

 

“นายพลเก๋อโปรดวางใจ ผมจะทำให้เขาอดเข้าร่วมงานประลองอีกสามวันข้างหน้า อัดเขานอนจมเตียงเป็นผักไปนานถึงสามเดือนเต็ม!”  

 

 

 

 

 

เก๋อหลางพอได้ฟังก็อารมณ์ดียิ่ง เอ่ยทันที “และหลังจากเรื่องนี้จบลง นายจะได้ความดีความชอบ!”  

 

 

 

 

 

“อา! เช่นนั้นก็ขอแสดงความยินดีกับนายพลเก๋อล่วงหน้าเช่นกัน ที่กำลังจะได้ตบแต่งภรรยา!”  

 

 

 

 

 

“เหอะ! ฉันจะแต่งกับยัยนั่นซะที่ไหนกัน? ก็แค่อยากจะทำลายท่าทีที่ดูสูงส่ง ฉุดดึงเธอลงมาย่ำยีก็เท่านั้นเอง!” นัยต์ตาของเก๋อหลางฉายแววหยาบโลน  

 

 

 

 

 

ซางฮันไม่ใช่ผู้หญิงสวยก็จริง แต่สถานะของเธอสูงเกินไป ดังนั้นเก๋อหลางอยากทำให้เธออับอาย เกิดความอัปยศ!  

 

 

 

 

 

รับฟังถึงจุดนี้ ชายหนุ่มไม่เอ่ยคำใดอีก เพราะอย่างไรเสีย ซางฮันก็เป็นผู้ใช้พลังเลเวล A เขาจำเป็นต้องระมัดระวังคำพูดเกี่ยวกับเธอ  

 

 

 

 

 

ไม่นาน เขาก็ก้าวขึ้นไปบนเวทีประลอง ยืนหยัดเบื้องหน้าฉินเฟิง  

 

 

 

 

 

“ตัวแทนจากตะวันตกรัฐหยางซัง ผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล D3 — อ้ายโตว โปรดชี้แนะด้วย!”  

 

 

 

 

 

อ้ายโตว เห็นได้ชัดว่าในบรรดาอัจฉริยะรุ่นเยาว์จากภาคตะวันตก เขาคือลูกรักของพระเจ้าที่แข็งแกร่งที่สุด  

 

 

 

 

 

ขณะที่รุ่นเยาว์ที่แกร่งสุดในภาคเหนือ คือฮั่นจุน ที่เพิ่งสามารถเข้าสู่เลเวล D1ไปหมาดๆ ส่วนคนอื่นที่เพิ่งตัดผ่าน เป็นแค่เลเวล D0 เท่านั้น  

 

 

 

 

 

อย่างไรก็ตาม ภาคตะวันตกกลับปรากฏรุ่นเยาว์เลเวล D3 ขึ้นอย่างกะทันหัน ไม่น่าแปลกใจเลย ว่าทำไมเก๋อหลางถึงมั่นใจขนาดนี้  

 

 

 

 

 

แต่พวกเขาคงคิดไม่ถึงแน่นอน ว่าทางฝั่งภาคเหนือ จะปรากฏสัตว์ประหลาดอย่างฉินเฟิงขึ้นอย่างกะทันหัน  

 

 

 

 

 

“ตัวแทนจากภาคเหนือรัฐทะเลเหนือ , ฉินเฟิง!”  

 

 

 

 

 

ฉินเฟิงแนะนำตัวบ้าง แต่ไม่ได้ประกาศระดับความแข็งแกร่งออกไป  

 

 

 

 

 

เวลานี้ เขาไม่สวมกระทั่งตราผู้ใช้พลัง เพราะยังไงซะ หากเขาสวม มันคงจะน่ากลัวเกินไป  

 

 

 

 

 

คิ้วของอ้ายโตวขมวดเข้าหากันเล็กน้อย แม้ฉินเฟิงไม่คิดเปิดเผยความแข็งแกร่ง แต่เขาก็ไม่ถามมันออกไป  

 

 

 

 

 

เพราะท้ายที่สุดแล้ว ในหัวใจของอ้ายโตว เขามั่นใจเต็มเปี่ยมในความแข็งแกร่ง ไม่ว่าอีกฝ่ายมีเลเวลเท่าไหร่ ย่อมไม่อาจโค่นตนได้  

 

 

 

 

 

พื้นที่ทางฝั่งตะวันตก อุดมไปด้วยสมุนไพรวิญญาณ อ้ายโตวบังเอิญกินสมุนไพรวิญญาณระดับ S เข้าไป ส่งผลให้พรสวรรค์ได้รับการชำระล้าง และฤทธิ์ของสมุนไพร ยังคงตกค้างอยู่ในตันเถียนของเขา ยังไม่อาจกลั่นกรองทั้งหมดได้โดยสมบูรณ์  

 

 

 

 

 

อย่างไรก็ตาม พลังงานที่กลั่นมาได้ในปัจจุบัน มันช่วยให้ความแข็งแกร่งของเขา พัฒนาการอย่างก้าวกระโดด  

 

 

 

 

 

ดังนั้น เมื่อเทียบกับฉินเฟิงแล้ว เขามั่นใจว่าความแข็งแกร่งของตน ไม่ด้อยไปกว่าฉินเฟิงแน่นอน  

 

 

 

 

 

“เริ่มประลองได้!”  

 

 

 

 

 

อ้ายโตวตั้งท่ายืดหยัด แสดงออกชัดว่าเตรียมป้องกันฉินเฟิง เผื่อในกรณีที่ฉินเฟิงเป็นผู้ใช้อบิลิตี้ เขาจะได้รับมือทัน  

 

 

 

 

 

ฉินเฟิงเริ่มขยับมือ เดิมเขาไม่ได้มีความคิดที่จะมาประลองอะไรแบบนี้ แค่ไม่อยากให้ซางฮันต้องอับอายเท่านั้นเอง ดังนั้นตัดสินใจไม่ลงมือหนักจนเกินไป  

 

 

 

 

 

ฉินเฟิงง้างแขนขวา ตั้งท่าเตรียมชก เงื้อมไปเบื้องหลัง กำลังภายในเข้าปกคลุมกำปั้นจนเห็นเป็นคลื่นอากาศ หลมอรวมกันราวกับเป็นหนึ่งเดียว  

 

 

 

 

 

วินาทีนั้นเอง ร่างเงากำปั้นพลันตัดอากาศสวนออกไป!  

 

 

 

 

 

“อะไร???” ดวงตาของอ้ายโตวเบิ่งกว้าง ร่างเงาหมัดนี้ รวดเร็วเกินไป มันใกล้เข้ามาโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว  

 

 

 

 

 

เขารู้เพียงแค่ว่า นี่มิใช่กระบวนท่าวรยุทธ หากแต่เป็นกำลังภายในเพียวๆ แต่ถึงกระนั้น กำลังภายในของหมัดนี้ ก็ยังยิ่งใหญ่เกินไป  

 

 

 

 

 

“จงหยุดให้ฉัน ว๊ากกกกกกกก!” ปราณกำลังภายในระเบิดออก ปกคลุมรอบกายอ้ายโตว สองแขนที่อัดฉีดไปด้วยกำลังภายใน ประกบกันตั้งการ์ด บดบังการโจมตีตรงหน้า  

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】
Status: Ongoing
อ่านนิยายโคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】ภายในตัวอาคารที่ถูกเสริมแกร่งด้วยเหล็กกล้า พื้นโถงทางเดินราวกับกระจกใส ทั้งแพทย์และพยาบาลต่างเดินกันให้วุ่นไปตลอดเส้นทาง   ที่นี่คือสถาบันวิจัยเขตชานเมืองใหม่ของเมืองเฉิงหยาง   ณ หนึ่งในพื้นที่บริเวณของสถาบัน กลุ่มวัยรุ่นหนุ่มสาวที่ทั้งตื่นเต้นระคนวิตกกังวล กำลังเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อ   “กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง! หมายเลข 2318 ฉินเฟิง กรุณาไปเข้ารับการฉีดยากระตุ้นในแอเรียที่ 3 ด้วย!”   “ถึงตาของฉันแล้- โครม!”   วัยรุ่นชายผุดลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว จนเจ้าตัวเสียหลัก สะดุดขาตัวเองล้มคะมำลงกับพื้น   เพียงได้ยินเสียงกระแทก ทุกคนก็พอจะรับรู้ได้ว่าการล้มหน้าฟาดของอีกฝ่ายรุนแรงขนาดไหน   “อ๊า! ฉินเฟิง!” เห็นถึงฉากนี้ โจวฮ่าวก็กลายเป็นตื่นตระหนก เขาเร่งก้าวไปข้างหน้าเพื่อช่วยเหลือสหายของตนอย่างร้อนรน   แล้วก็พบกับผลลัพธ์คาดไม่ถึง -ฉินเฟิงที่ล้มลงดันสลบไปซะอย่างงั้น!   “ชิบหายแล้ว ฉินเฟิง! นายคงไม่ได้หมดสติจริงๆหรอกใช่ไหม เล่นตลกอะไรในเวลาสำคัญแบบนี้เนี่ย? รีบตื่นขึ้นมาเร็วเข้า! ถึงเวลาฉีดยา ‘กระตุ้นพลัง’ ของนายแล้วนะ!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset