48 Hours a Day – ตอนที่ 11 เอาชีวิตรอดบนเกาะร้าง V

ตอนที่ 11 เอาชีวิตรอดบนเกาะร้าง V

 

 

จางเฮงก่อไฟได้สำเร็จ

 

นั่นหมายความว่าเมนูอาหารของเขาไม่ได้มีแค่มะพร้าวอีกต่อไปแล้ว จากนั้นไม่นานโดยการทำตามคำแนะนำของเอ็ด จางเฮงก็เจอเข้ากับหอยสังข์อยู่บนก้อนหินรอบชายหาด แถมยังโชคดีเจอปูและหอยนางรมอีกด้วย

 

มันช่างสดและหวานฉ่ำเต็มไปด้วยคุณค่าทางสารอาหาร แคลเซียม ธาตุเหล็ก ฟอสฟอรัส และวิตามินบี 2 อย่างที่เขาลือกันว่าคือน้ำนมแห่งท้องทะเล แต่น่าเสียดายที่แคลอรี่ที่ได้มาไม่สูงนัก แต่ละอย่างมีเพียง 70 แคลเท่านั้น สำหรับ Chowhound* นี่คงเป็นเรื่องที่ดี แต่เมื่ออยู่บนเกาะร้างแบบนี้ จางเฮงต้องการอาหารที่ให้แคลอรี่สูงมีคุณค่าและให้พลังงานที่จำเป็นต่อร่างกาย

 

เขาหิวโซมา 2-3 วันแล้วดังนั้นเขาจึงไม่ต้องกังวลเลยว่าแคลอรี่จะเกินและอ้วนขึ้น

 

ขอบคุณพระเจ้า พวกเขาจะได้กินอาหารดีๆแล้วคืนนี้

 

จางเฮงเก็บหอยสังข์ตัวเล็กๆมากว่า 70 ตัว หอยนางรม 6 ตัว ปูเสฉวนอีก 4 ตัวน่าเสียดายที่ตัวค่อนข้างเล็ก เอ็ดบอกเขาว่าปูเสฉวนมันกินได้แต่รสชาติเฉยๆ ยังไงซะทั้งคู่ก็ไม่ได้นั่งทานอาหารเย็นอยู่ในร้านระดับมิชลินสตาร์ เพราะงั้นรสชาติอาหารเลยไม่ใช่สิ่งสำคัญอะไร

 

เขาเห็นปลาว่ายอยู่ใกล้ชายฝั่งแต่เนื่องจากไม่มีอุปกรณ์เขาเลยทำได้เพียงมองมันว่ายห่างออกไป

 

นอกจากนี้พวกเขาก็เจอแอ่งน้ำเล็กๆเมื่อ 2 วันก่อน และด้วยเปลือกหอยของพวกมอลลัส* ที่เขาเก็บมา ทำให้เขาสามารถตักน้ำและถ่ายเทน้ำได้ แต่จากทั้งหมดที่กล่าวมา ทั้งคู่ก็เจอเข้ากับปัญหาเรื่องอุปกรณ์ในการต้มน้ำ เขาไม่มีถ้วยหรือชามและเปลือกหอยที่เขาใช้อยู่นั้นก็กันความร้อนได้ดีเกินไปจนทำให้น้ำไม่เดือดสักที

 

เอ็ดคิดครู่หนึ่งก่อนจะพูดออกมาว่า “ไปหาก้อนหินมา – ไม่เอาอันที่มีรูเยอะๆหรือเป็นชั้นๆนะ”

 

 

 

จางเฮงผงกหัวรับฟังคำสั่งของเอ็ด พวกเขาใช้เวลากว่า 20 นาทีในการเผาก้อนกรวดจนมันเปลี่ยนเป็นสีแดง แล้วเขารีบใช้กิ่งไม้หยิบมันวางลงในเปลือกหอย ไม่นานน้ำข้างในก็เริ่มเดือด

 

“ถึงจะมีน้ำข้างในไม่เยอะแต่ก็เพียงพอสำหรับเราสองคน” เอ็ดกล่าว

 

น้ำข้างในเปลือกหอยเดือดภายในไม่กี่นาที แต่ก็เพียงพอที่จะฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้

 

จางเฮงเก็บเกี่ยวทักษะการเอาตัวรอดเข้าสู่สมอง

 

เอ็ดเป็นครูที่ดีถึงจะได้รับบาดเจ็บที่เอวซึ่งทำให้เขาขยับตัวไม่ได้ปกติ แต่จางเฮงก็ได้รับประโยชน์จากความรู้และทักษะในการเอาตัวรอดอย่างครอบคลุมจากเพื่อนของเขา ฉะนั้นเขาจึงไม่มีอะไรจะติเกี่ยวกับความรับผิดชอบของเขาที่ต้องคอยเก็บเกี่ยวอาหารและน้ำดื่มสำหรับพวกเขาทั้งสองคน

 

ในขณะเดียวกันจางเฮงก็ไม่ได้หวังพึ่งเอ็ด; เขาหวังว่าเขาจะนำเอาความรู้ที่ได้รับจากเอ็ดไปใช้ได้เองได้จริงๆ – ไม่ใช่ว่าเขาจะทิ้งเอ็ดในภายหลัง กลับกันแล้วเขารู้สึกขอบคุณมากต่างหากที่มีเอ็ดอยู่ด้วย และถ้ามีอาหารเหลือเพียงแค่คำเดียวเขาเต็มใจที่จะแบ่งครึ่งนึงให้เอ็ด

 

แต่ถ้าจะให้พูดจางเฮงกลับสลัดลางสังหรณ์นี้ไม่ออก; เขาดูออกว่าสภาพของเอ็ดในตอนนี้นั้นแย่ลงกว่าวันแรกที่มาถึงชายหาด ไม่ว่าจะนอนพักมากเท่าไหร่อาการเขาก็ไม่ดีขึ้นเลย แถมครั้งล่าสุดที่จางเฮงเปลี่ยนผ้าพันแผลให้เอ็ดที่ขาและคอยห้ามเลือดก็ไม่มีอะไรที่เขาจะทำได้เลยเพื่อยับยั้งความเจ็บปวด

 

ไม่มียาปฏิชีวนะเตรียมพร้อมรอไว้อย่างในโรงพยาบาลในเมือง เพราะฉะนั้นถ้าแผลติดเชื้อมันก็รักษาไม่ได้

 

เขาเชื่อว่าอดีตร้อยเอกรู้เรื่องนี้มากกว่าเขา – แต่เอ็ดก็ยังไม่พูดถึงเรื่องนี้เลย 2-3 วันที่ผ่านมา

 

นี่เหมือนจะช่วยตอกย้ำลางสังหรณ์ของเขา เขาไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงกับเพื่อนเขา จางเฮงดูแลเอ็ดอย่างดีที่สุดที่เขาจะทำได้

 

ก่อนหมดวัน เอ็ดสอนจางเฮงทำอุปกรณ์จากหินง่ายๆ สอนใช้ถ่านไม้ทำความสะอาดฟัน สอนวิธีเก็บน้ำฝน สอนวิธีทำเชือกจากเถาวัลย์ สอนทำที่ดักปลาจากปะการัง…

 

เทียบกับครั้งแรกที่ทั้งคู่พึ่งมาถึงเกาะนี้ ทั้งสองผ่านภัยอันตรายมากมาย แต่ตอนนี้พวกเขามีของใช้เหลือเฟือ อาหารแห้งที่แขวนอยู่บนผนังถ้ำทำให้เขาไม่ต้องไปเผชิญกับสภาพอากาศเลวร้ายที่ทำให้ไม่สามารถออกไปหาอาหารข้างนอกได้ พวกเขาก็จะได้ไม่อดอยาก

 

ทุกอย่างดูเหมือนจะดีขึ้น และเวลา 40 วันก็ไม่ได้ดูไกลเกินเอื้อม

 

ตอนที่ความคิดนี้ปรากฏเข้ามาในหัวจางเฮง เรื่องเลวร้ายก็เกิดขึ้น

 

ในคืนที่ 16  อยู่ๆเอ็ดก็ไข้ขึ้นสูง เขาอุทิศเวลาและแรงทั้งหมดเพื่อดูแลเพื่อนของเขา เวลาค่อยๆเดินผ่านไป อาหารที่เขาตุนไว้เป็นเสบียงและน้ำก็ค่อยๆหมดลง ระยะการออกไปค้นหาของของเขาก็ลดลงอย่างมาก อาหารที่เขาจัดเตรียมไว้ลองรับวันฝนตกก็ถูกใช้ไปในช่วงเวลาวิกฤตแบบนี้

 

 

 

สิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุดก็คืออาการของเอ็ด ที่ดูแล้วไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นเลย

 

ตอนที่จางเฮงแกะเสื้อที่ถูกใช้เป็นผ้าพันแผลที่ขาของเอ็ดออก เขาเลยค้นพบว่า รอยแผลแคบลึกบนผิวหนังได้ลุกลามอย่างรวดเร็วจนลึกเห็นไปถึงกระดูก

 

ตั้งแต่เมื่อวาน อดีตร้อยเอกกองทัพทหารอังกฤษอยู่ในขั้นโคม่า

 

 

อาหารเล็กๆน้อยๆในถ้ำก็ค่อยๆลงไปร่อยหรอเรื่อยๆ ในไม่นานพวกเขาแทบจะไม่เหลืออาหารอยู่เลย

 

ท้ายที่สุดในคืนที่ 19 เอสปรือตาขึ้นมา เขาหันไปหาเฮงแล้วพูดพึมพำกับจางเฮงอย่างกึ่งจะไม่ได้สติว่า “รู้ไหมอะไรที่สำคัญที่สุดในการเอาชีวิตรอดจากป่า? มันไม่ใช่การชื่นชมกับความสำเร็จที่ทำไปได้เมื่อวานหรอกนะ แต่มันคือการชีวิตทุกวันให้ดีกว่าเดิม นายต้องหาวิธีเอาชนะธรรมชาติให้ได้นะ”

 

จางเฮงถูตาของเขาและยิ้มอย่างเศร้าสร้อย “เอ็ด นั้นไม่ใช่สิ่งที่นายบอกฉันเมื่อคราวที่แล้วหนิ”

 

แต่คราวนี้เอ็ดไม่ได้ตอบอะไรกลับมา

 

จางเฮงเอานิ้วไปอังใต้จมูกเอ็ด แล้วพบว่าเพื่อนเขาไม่หายใจอีกต่อไปแล้ว

 

ถึงเขาจะเตรียมใจกับการจากไปของเอ็ด กระนั้นเขาก็เศร้าอยู่ดี แม้ทั้ง 2 จะไม่ได้ใช้เวลาด้วยกันมากนักแต่ยังไงก็ต้องขอบคุณเอ็ดที่คอยสอนให้จางเฮงสามารถเดินสำรวจป่าแบบนี้ได้

 

เป็นความสัมพันธ์ที่คอยแบ่งปันความรู้อย่างครูกับนักเรียน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เป็นเพื่อนเช่นกัน

 

จางเฮงขุดหลุมในป่าใกล้ๆถ้ำแล้วฝังเอ็ด และเพื่อป้องกันสัตว์ป่าที่จะมาทำลายหลุมศพ เขาได้ล้อมรั้วรอบหลุมไว้ด้วยกิ่งไม้แหลมคม

 

เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น เขาลากร่างกายตนที่หิวโซออกมาที่หาดเพื่อหาอาหาร

 

ข่าวดีก็คือเขามาได้ครึ่งทางของ 40 วันแล้ว แม้เขาจะต้องอยู่คนเดียวอีกครั้งแต่เขาก็มั่นใจว่าเขาจะรอดจากเกาะนี้ไปได้

 

ในตอนเที่ยงวันของวันที่ 20  กับดักปะการังของจางเฮงจับปลามาได้ 2 ตัว หมายความว่าเขาจะได้กินอาหารเต็มอิ่มก่อนเข้านอน

 

แต่เมื่อจางเฮงได้คิดว่าโชคร้ายคงได้ผ่านพ้นไปแล้ว เขาก็ได้ยินเสียงดังขึ้นเข้ามาในหู

 

 

 

[แจ้งเตือน! แจ้งเตือน! ตรวจพบความผิดปกติในภารกิจ! ข้อผิดพลาดเกี่ยวกับเวลา]

 

 

[รายงานข้อผิดพลาด]

 

[เปิดใช้งานสิทธิ์ขั้นที่สอง, ยืนยันการอนุมัติ, ยกเลิกรายงาน…]

 

[กำจัดข้อผิดพลาดอย่างถาวรโดยการตัดสินใจตามลำดับ]

 

[ไม่เปลี่ยนเป้าหมายบททดสอบ; โปรดทราบ! โปรดทราบ! เวลากลับถูกเปลี่ยนจาก 40 วันไปเป็น 520 วัน]

 

หัวจางเฮงจะระเบิดจากชุดข้อความที่เพิ่งได้รับ ตอนที่เขาได้รวบรวมข้อมูลอันโหดร้ายนี้กับความเปลี่ยนแปลงที่คาดไม่ถึงนั้น สายตาของเขาพลันมองไปที่ข้อมือขวา

 

เข็มนาฬิกาทั้ง 3 ชี้ขึ้นตรงกัน

 

ไม่มีทางน่า เขามัวแต่หมกมุ่นอยู่ในการเรียนรู้วิธีเอาตัวรอดในป่า และสั่งสมประสบการณ์จากสถานการณ์หลายรูปแบบ เขาลืมไปว่าเขามีนาฬิกา 24 ชั่วโมงอยู่ที่ข้อมือ

 

ในคืนแรกๆที่เข้ามาถึงเกาะ เขาไม่ได้เข้าไปในโลกที่หยุดนิ่ง แล้วเขาเลยคิดว่ามันคงไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาในเกมนี้ เขาไม่คิดเลยว่าเกมจะมีอะไรซ่อนอยู่อีก!

 

สิ่งแรกที่เข้ามาในความคิดของจางเฮงก็คือ 520 วันมาจากไหน เวลาที่เพิ่มมาทุกวันมันก็แค่ 24 ชั่วโมง แต่หลังจากคูณ 480 เข้าไป ก็ทำให้เขาค้นพบกับตัวเลขที่น่ากลัว

 

 

 

 

 

***

Chowhound – แบรนด์เว็บไซต์อาหารที่ดูแลโดย CBS Interactive

มอลลัส/มอลลัสกา – เป็นไฟลัมหนึ่งของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง คือสัตว์ที่มีลำตัวนิ่ม ส่วนใหญ่มีเปลือกแข็งหุ้มอยู่ภายนอก

48 Hours a Day

48 Hours a Day

เติบโตมากับพ่อแม่ที่เป็นนักวัตถุนิยมพิสดาร คนที่ทิ้งเขาไว้กับตาเพื่อไปทำงานที่ต่างประเทศ จางเฮงเรียนรู้ที่จะปรับตัวและไม่ยึดติดกับการเปลี่ยนแปลงในชีวิต แต่ไม่นานเขาก็ได้เรียนรู้ความจริงที่ประหลาดของโลกใบนี้ ในวันหนึ่งตอนเที่ยงคืนเวลาหยุดชะงักลงและเขาพบว่าตัวเองอยู่ในโลกที่เงียบงัน คืนนั้นเขาค้นพบว่าตนเองมีเวลาเพิ่มขึ้นมามากกว่าคนอื่นอีก 24 ชั่วโมง และมันคือจุดเริ่มต้นของการผจญภัย ความสามารถที่เพิ่งค้นพบนี้มีแต่จะยิ่งรายล้อมไปด้วยปริศนาเมื่อชายชราแปลกหน้ามาบอกว่าตนคือคนให้ของขวัญแก่จางเฮง ‘ของขวัญแห่งเวลา’ และเลือกเด็กหนุ่มเข้าให้เป็นส่วนหนึ่งของเกม ‘เปลี่ยนชีวิต’ ลึกลับในนามของเขา หารู้ไม่ว่าการที่จางเฮงตกลงรับข้อเสนอนั้นทำให้ชีวิตเขาเข้าไปพัวพันกับหลากหลายเรื่องราวและรับรู้ความลับของโลกใบนี้ – การตัดสินใจที่ไม่สามารถกลับไปแก้ไขได้

Comment

Options

not work with dark mode
Reset