48 Hours a Day – ตอนที่ 16 เอาชีวิตรอดบนเกาะร้าง X

ตอนที่ 16 เอาชีวิตรอดบนเกาะร้าง X

 

 

เบลล์มีร่างกายที่แข็งแรงมาก แม้ว่าเขาจะเหนื่อยล้าและสูญเสียน้ำจากการลอยอยู่ในทะเลมาแสนนาน แต่เมื่อเขาได้รับอาหารและน้ำดื่ม ได้พักผ่อนและได้อยู่ในสภาะแวดล้อมที่เหมาะสม  เขาก็กลับมามีร่างกายแข็งแรงดังเดิมภายในไม่ถึง 2 วัน

 

จางเฮงไม่ได้รีบร้อนที่จะออกเดินทาง พื้นที่บนเกาะนี้ไม่ได้เล็กแต่ก็ไม่ใหญ่ จางเฮงใช้เวลาในการเดินไปรอบๆเกาะเพียง 8 ชั่วโมงเท่านั้น และการไปถึงป่าที่อุดมสมบูรณ์นั้นใช้เวลานานกว่าแต่กระนั้นมันคงใช้เวลาแค่ 3 วันจากกระท่อมนี้ไปถึงใจกลางเกาะ

 

ถ้าสมมติฐานของเขาถูกต้อง เบลล์มีชีวิตอยู่ได้แค่ 19 วันและนั้นหมายความว่าพวกเขายังมีเวลาให้เตรียมตัวอีกเยอะ

 

หลังจากอยู่ร่วมกันเป็นเวลาสองวัน จางเฮงก็พอเข้าใจเกี่ยวกับความสามารถของเพื่อนใหม่

 

ความเชี่ยวชาญด้านการเอาตัวรอดของเบลล์ต่างจากของเอ็ดและเด็กหนุ่มกางเกงขาสั้น; เขาถนัดด้านการล่าสัตว์และมีสัญชาตญาณการเอาตัวรอด – ทักษะที่จำเป็นสำหรับการสำรวจป่า

 

ตอนนี้จางเฮงสร้างอุปกรณ์ได้หลายชนิดและครบครันสำหรับการหาที่พัก, การหาน้ำดื่มและอุปกรณ์สำหรับเอาชีวิตรอดพื้นฐานอื่นๆอีกมากมาย

 

จากพืชผักธรรมดาๆในสวนของเขาและเล้าเปล่าที่ไม่มีอะไรเลยนอกจากมิกกี้เม้าส์ เห็นได้ชัดว่าจางเฮงไม่ได้เข้าใจในธรรมชาติที่เขาอาศัยอยู่ ณ ตอนนี้เสียเท่าไหร่

 

แล้วนั้นยิ่งเป็นเรื่องจริงเมื่อพูดถึงการจำแนกชนิดพันธุ์พืชและสิ่งมีชีวิตต่างๆ – จุดอ่อนที่จางเฮงและคนสมัยใหม่ในเมืองส่วนใหญ่เป็น

 

มีพืชอยู่มากมายหลายชนิดในป่าแต่ไม่รู่ว่าอันไหนหรือส่วนไหนที่กินได้ และกลัวตกเป็นเหยื่อของการกินอาหารมีพิษเข้าไป จางเฮงจึงหยิบแค่มันฝรั่งและหัวหอม – ซึ่งเป็นอะไรที่เขาจำได้

 

 

 

เช่นเดียวกันกับกรณีของสัตว์ป่า จนถึงตอนนี้เขาก็ยังคิดว่ามิกกี้เมาส์นั้นน่าเกลียดสิ้นดี; ไม่เคยคิดเลยว่าที่จริงแล้วมันเป็นนกประจำชาติของมอริเชียสที่สูญพันธุ์ไป

 

นักสำรวจที่เขาช่วยชีวิตไว้ท้ายที่สุดก็มาช่วยชดเชยข้อบกพร่องของเขาได้

 

เมื่อรู้ว่าเหลือเวลาไม่มาก จางเฮงตัดสินใจที่จะพาเบลล์ไปทัวร์รอบๆเกาะ

 

เบลล์สอนเขาให้แยกแยะและเลือกเก็บทรัพยากรหลากหลายชนิดจากป่า

 

จางเฮงประหลาดใจมากว่าที่ผ่านมา 1 ปีนี้ เขาไม่ได้มีความรู้เกี่ยวกับทรัพยากรในป่าเลย – เขานั่งอยู่บนกองขุมทรัพย์แต่กลับไม่รู้วิธีใช้มัน

 

แต่ยิ่งจางเฮงฟังเพื่อนเขามากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งรู้สึกว่ามันไม่ง่ายเพราะว่ามันดูเหมือนเบลล์ถือว่าทุกอย่างที่เขามองเป็น ‘ของที่กินได้เมื่อถูกตัดหัวออก’

 

บ่ายของวันที่ 10 ชายทั้งสองเดินกลับบ้าน จางเฮงรู้สึกพอใจมากกับผลตอบแทนที่ได้จากการเดินทางระยะสั้นนี้ ถ้าหากว่ามันไม่มีอะไรในใจกลางเกาะ อย่างน้อยเขาก็ได้เรียนรู้อะไรมากมายใน 10 วันที่ผ่านมา

 

ยิ่งไปกว่านั้นเบลล์เป็นยังผู้ฟังและเป็นเพื่อนคุยที่ดีมาก

 

หลังจากพักผ่อนได้สักวัน จางเฮงก็ปลูกเมล็ดพืชที่เก็บรวบรวมได้จากการเดินทางปลูกลงในแปลงผัก ขณะที่เขาทำเช่นนั้นเขาได้รับข้อความอีกฉบับหนึ่งในทันที

 

[รวบรวมผักได้มากกว่าสิบชนิดสำเร็จ สกิลการเอาตัวรอดจากป่าเลื่อนขึ้นจากเลเวล 1 เป็นเลเวล 2 เกมพอยท์ +5 สามารถอ่านที่หน้าข้อมูลตัวละครเพื่อดูรายละเอียดข้อมูล… ]

 

จนถึงตอนนี้ จางเฮงยังไม่รู้เลยว่าเกมพอยท์มันเอาไว้ใช้ทำอะไร และรวมกับที่เขาได้มาก่อนหน้านี้ตอนนี้ก็เขามีคะแนนรวมทั้งหมด 16 คะแนนแล้วที่แสดงบนหน้าข้อมูลตัวละครของเขา

 

ดูเหมือนว่านี่จะเป็นระบบการให้รางวัล เมื่อตรงตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ก็จะได้รับรางวัลเป็นคะแนน เหมือนกันกับ 11 คะแนนก่อนหน้านี้ซึ่งมาจากการจุดไฟ การสร้างบ้านและการล่าสัตว์

 

จางเฮงไม่ได้ต้องการอะไรพวกนี้ เขาเป็นผู้เล่นประเภทที่ปล่อยให้สิ่งต่างๆเป็นไป ตราบที่เขาจะผ่านเลเวล; แน่นอนว่าเขาไม่ใช่พวกหัวดื้อมุทะลุที่จะต้องเอาชนะทุกอย่างของเกมให้ได้ ครั้งนี้เป็นเพียงเพราะเขาเล่นเกมนี้ด้วยตัวเองมานานเกินไป เขาต้องบรรลุความสำเร็จเหล่านั้นแม้ว่าเขาจะไม่ต้องการก็ตาม

 

เขารู้ว่ามีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับผลการประเมินที่หน้าข้อมูลตัวละคร

 

มันเขียนว่า

 

[ผลประเมิน: ผู้เล่นทั่วไปไม่มีคุณสมบัติที่น่ายกย่อง แต่มีสกิลการเอาตัวรอดในป่าและสกิลยิงธนู และไม่คิดว่าจะอยู่เกิน 5 รอบแรก]

 

 

 

จางเฮงค่อนข้างสงสัยเพราะเขาคิดว่าสกิลยิงธนูของเขาก็ค่อนข้างดีและเขามีความรู้มากพอที่จะเอาตัวรอดในสภาวะแบบนี้แล้ว – เขาจะอยู่ไม่ถึง 5 รอบได้ยังไง? งั้นผู้เล่นคนอื่นๆละ?

 

ความคิดนี้แวบเข้ามาในหัวของเขา หลังจากนั้นจางเฮงกลับไปสานต่อสิ่งที่เขาสนใจทำอยู่ให้เสร็จ

 

หลังจากพักคืนนึง ทั้งคู่ฟื้นตัวจนเกือบกลับสู่สภาพเดิมจากความเหนื่อยล้าในการเดินทางสั้นๆ และสภาพร่างกายของพวกเขาก็อยู่ในระดับที่ดีที่สุดแล้ว

 

ต่อไปก็ถึงเวลาสำหรับเหตุการณ์หลัก

 

จางเฮงเหวี่ยงคันธนูและกระบอกลูกธนูเข้าไปเหนือไหล่ คืนก่อนที่พวกเขาจะออกไปเขาได้เตรียมเสบียงทั้งอาหารและน้ำไว้สำหรับสองคน เขาและเบลล์ต่างแบกของของตัวเอง ถ้าพวกเขากินอยู่อย่างประหยัดเสบียงเหล่านี้ก็เพียงพอสำหรับหนึ่งสัปดาห์

 

พร้อมกับเบลล์นักล่าที่อยู่ข้างๆเขา เขาไม่จำเป็นต้องกังวลว่าอาหารจะหมดเลย

 

ตอนที่จองเฮงยื่นหอก 2 อันให้เพื่อนของเขา เบลล์ส่ายหน้าและโชว์มีดที่เอวให้ดู “แค่นี้ก็พอแล้วสำหรับฉัน”

 

จางเฮงพลันอิจฉาที่เห็นมีดเพราะเขาคิดถึงมีดพกสวิสของเขา… ตั้งแต่ที่เขาถูกทิ้งมาที่เกาะร้างนี้ เขาก็ไม่เคยเห็นสิ่งที่ทำจากเหล็กอีกเลย เขาคิดถึงตอนที่เขาอยู่กับเอ็ดตอนนั้นเขาตัดต้นไม้โดยใช้เปลือกหอยจนสำเร็จ ปลายหอกที่เขาถืออยู่นั้นถูกเผาและเหลาให้แหลมคม

 

ถึงอาวุธจะทรงประสิทธิภาพแค่ไหนก็เทียบไม่ได้เลยกับของจริง

 

ยิ่งไปกว่านั้นความงดงามของมีดก็บ่งบอกถึงความชำนาญของช่างที่สรรค์สร้างมีดเล่มนี้ขึ้นมา และมีชื่อของเบลล์สลักไว้

 

“ถ้านายชอบมันมากขนาดนั้น ฉันให้นายก็ได้นะตอนที่เรารอดไปได้แล้ว นายจะมาที่บ้านฉันก็ได้ แล้วเดี๋ยวฉันจะได้แนะนำนายให้รู้จักกับภรรยาและลูกชายของฉัน”

 

แม้ว่าเขารู้ว่าวันนั้นไม่มีวันมาถึง แต่จางเฮงก็ขอบคุณนักสำรวจอย่างสุภาพ

 

เมื่อพวกเขาพร้อมแล้วทั้งคู่ก็เริ่มเดินทางสู่ป่าอันอุดมสมบูรณ์ แค่เพียงคืนแรกจางเฮงก็ตระหนักว่าเขาโชคดีมากแค่ไหนที่มีเบลล์อยู่กับเขา

 

แม้ว่าเขาจะมีการเตรียมตัวมาอย่างดี แต่เขาประเมินความอันตรายในป่าต่ำเกินไป

 

คนคนหนึ่งไม่สามารถตื่นตัวตลอด 24 ชั่วโมงได้ โดยเฉพาะตอนกลางคืนเมื่อป่าไม่เงียบเป็นพิเศษและดูเหมือนว่าจะมีพุ่มไม้ที่ทำให้เกิดเสียงดังกรอบแกรบในความมืด

 

 

 

ในครึ่งคืนแรกจางเฮงตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา เขากระชับมือจับหอกทุกครั้งที่ได้ยินเสียงหรือการเคลื่อนไหว ในที่สุดเขาก็รู้สึกว่าเขาไม่สามารถทำแบบนี้ไปได้ตลอด ในคืนที่ไม่ได้นอนได้ทำให้จิตใจของเขาจะทุกข์ทรมานและตอบสนองช้าลง

 

จางเฮงบังคับตัวเองให้หลับตาลง

 

 

มันใช้เวลาสักพักกว่าเขาจะเลิกสนใจเสียงรอบข้างและเข้าสู่การกึ่งหลับกึ่งตื่น แต่ในตอนนั้นเองเขาก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่างมาสัมผัสแถวกะบังลม

 

นี่เป็นช่วงเวลาที่จางเฮงเซื่องซึมมากที่สุด เขาจึงไม่ลืมตากระทั่งสิ่งใดก็ตามเริ่มพันกันรอบตัวและบีบร่างกายเขา จนเขารู้สึกหายใจไม่ออกและทันใดนั้นดวงตาของเขาก็เบิกโพลงและเห็นสิ่งที่พันกันรอบตัวเขาอยู่

 

มันเป็นงูหลามยาวประมาณ 3 เมตรและลำตัวหนากว่าแขนของจางเฮง ท้องของมันเป็นสีขาวและหลังของมันถูกปกคลุมไปด้วยจุดที่เหมือนก้อนเมฆสีน้ำตาล

 

จางเฮงพยายามดิ้นเพื่อให้ตัวเองหลุดออกมาแต่เขาก็ยกแขนขึ้นมาไม่ได้เลย มันรัดเขาแน่นมากและรู้สึกราวกับว่ากระดูกจะหัก

 

โชคยังดีที่การขัดขืนของเขาทำให้เบลล์ตื่น

 

“งูหลามชนิดนี้เป็นสายพันธุ์ย่อยของงูหลามอินเดีย – เป็นหนึ่งในหกสายพันธุ์งูที่ใหญ่ที่สุดในโลก พบได้ทั่วไปในป่าฝนเขตร้อน พวกมันแข็งแกร่งและศัตรูน้อย แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีจุดอ่อน” เบลล์เอื้อมมือไปแตะที่หางของงูยักษ์และทิ่มอย่างรวดเร็วเข้าที่จุดหนึ่ง แล้วงูหลามก็คลายตัวออก

 

เมื่อจางเฮงหลุดออกมาได้แล้ว เบลล์ก็อธิบายว่า“ทวารหนัก – มันเป็นจุดอ่อนที่สุดของงูหลาม โจมตีส่วนนี้จะช่วยให้นายมีเวลาหนีมัน” จากนั้นเขาก็ควักมีดแล้วแทงเข้าที่หัวงู

 

“นี่ไม่ใช่โชคร้ายซะหน่อย เราได้อาหารมาฟรีๆ สำหรับพรุ่งนี้เช้าแล้ว”

48 Hours a Day

48 Hours a Day

เติบโตมากับพ่อแม่ที่เป็นนักวัตถุนิยมพิสดาร คนที่ทิ้งเขาไว้กับตาเพื่อไปทำงานที่ต่างประเทศ จางเฮงเรียนรู้ที่จะปรับตัวและไม่ยึดติดกับการเปลี่ยนแปลงในชีวิต แต่ไม่นานเขาก็ได้เรียนรู้ความจริงที่ประหลาดของโลกใบนี้ ในวันหนึ่งตอนเที่ยงคืนเวลาหยุดชะงักลงและเขาพบว่าตัวเองอยู่ในโลกที่เงียบงัน คืนนั้นเขาค้นพบว่าตนเองมีเวลาเพิ่มขึ้นมามากกว่าคนอื่นอีก 24 ชั่วโมง และมันคือจุดเริ่มต้นของการผจญภัย ความสามารถที่เพิ่งค้นพบนี้มีแต่จะยิ่งรายล้อมไปด้วยปริศนาเมื่อชายชราแปลกหน้ามาบอกว่าตนคือคนให้ของขวัญแก่จางเฮง ‘ของขวัญแห่งเวลา’ และเลือกเด็กหนุ่มเข้าให้เป็นส่วนหนึ่งของเกม ‘เปลี่ยนชีวิต’ ลึกลับในนามของเขา หารู้ไม่ว่าการที่จางเฮงตกลงรับข้อเสนอนั้นทำให้ชีวิตเขาเข้าไปพัวพันกับหลากหลายเรื่องราวและรับรู้ความลับของโลกใบนี้ – การตัดสินใจที่ไม่สามารถกลับไปแก้ไขได้

Comment

Options

not work with dark mode
Reset