48 Hours a Day – ตอนที่ 37 โตเกียวดริฟท์ VII

ตอนที่ 37 โตเกียวดริฟท์ VII

 

“งานของแกก็ง่ายๆ — แค่มาที่นี่ตอนตี 1 ทุกเช้าและพาฉันไปที่ตลาดปลาสึกิจิ แล้วรอฉันระหว่างที่ฉันลงไปซื้อของ แล้วก็ขับรถพาฉันกลับมาที่นี่ หลังจากที่ฉันจัดเรียงสินค้าเสร็จแล้วแล้วแกก็จะต้องไปส่งพวกมันตามสถานที่ต่างๆตามที่พวกมันต้องไป นั่นเป็นงานทั้งหมดในแต่ละวัน ไอ้หนูเข้าใจแล้วใช่ไหม?”

 

“ตอนเช้ามืด ตี 1 เลยเหรอ?! ถ้างั้นผมจะมีเวลานอนบ้างไหมเนี่ย?” จางเฮงถาม คิ้วของเขาขมวดขึ้น

 

ทาเคดะ เท็ตสึยะยิ้มเผยให้เห็นฟันสีเหลือง “นั่นก็ขึ้นอยู่กับความเร็วในการส่งสินค้า ของแกแล้วแหละ! เอาล่ะ แกมีคําถามอื่นอีกไหม?”

 

“ผมมีอีกหนึ่งคําถามสุดท้าย”

 

“หืม?”

 

“ลุงคงจะช่วยให้ผมได้ใบขับขี่ก่อนใช่ไหม?”

 

“ใบหน้าของทาเคดะ เท็ตสึยะนิ่งแข็งไปเสียแล้ว “พูดอีกทีสิ?!”

 

“ผมไม่มีใบขับขี่ ถ้าผมจะไปส่งสินค้าให้กับลุง ผมก็จะต้องได้ใบอนุญาตขับขี่ก่อนใช่ไหมล่ะ?” จางเฮงตอบอย่างจริงใจ

 

“.. แกยังไม่มีใบขับขี่ และแกต้องการให้ฉันสอนวิธีแข่งรถเนี่ยนะ?!” ทาเคดะ เท็ตสึยะดูสิ้นหวัง “แกกําลังจะกวนประสาทฉันใช่ไหม? ทําไมคนที่ไม่เคยได้สัมผัสพวงมาลัยรถยนตร์เลยในชีวิตถึงได้สนใจอยากแข่งดริฟท์รถใต้ดินกันนะ?!”

 

“จริงๆแล้ว ผมก็ไม่สนใจจะแข่งดริฟท์รถอะไรหรอก แต่เพราะเหตุผลบางอย่างที่ผมเองก็บอกใครไม่ได้ ผมจําเป็นต้องเข้าร่วมการแข่งขันนั่น”

 

ทาเคดะ เท็ตสึยะจ้องไปที่จางเฮง ผ่านไปชั่วครู่เขาจึงกัดฟันพูดขึ้นมาว่า “ถ้าเป็นอย่างงั้นแกก็คงจะต้องอธิษฐานให้ขับรถเร็วกว่าตํารวจแล้วแหละ”

 

โตเกียวในยามเที่ยงคืนกับโตเกียวในยามเช้าตรู่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

 

ช่วงดึกดื่นค่ำคืนในตอนเที่ยงคืน คนส่วนใหญ่คงนอนหลับอยู่ที่บ้านเรียบร้อยแล้ว คงมีเพียงอาคารที่อยู่ตามริมถนนที่ยังมีแสงสว่างอยู่บางครั้งบางคราว จางเฮงออกจากมหาวิทยาลัยและขึ้นรถไฟขบวนสุดท้าย มันเกือบจะไม่มีใครเลยยกเว้นเสียแต่พนักงานมนุษย์เงินเดือนที่เหนื่อยล้า 2-3 คนและเกอิชาอีก 2 คนที่ใบหน้าเต็มไปด้วยสีสัน

 

เขาขึ้นฝั่งที่สถานีสุดท้าย และเดินต่อไปอีกไกลก่อนจะถึงร้านขายอาหารทะเลตามเวลาที่ตกลงกันไว้

 

อย่างไรก็ตามทาเคดะ เท็ตสึยะดูมีสติและสมาธิ แทนที่จะนอนกรนอยู่ชั้นบนเขากลับนั่งยองๆอยู่ในร้านเพื่อจัดเรียงลําดับรูปแบบการสั่งซื้อของ

 

เมื่อเขาได้ยินเสียงฝีเท้าที่อยู่ข้างหลังเขา เขาก็ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นไปมอง “ขอเวลาอีก 5 นาที”

 

หลังจาก 5 นาที เขาก็ขึ้นมาและหยิบปูสดที่เพิ่งตายใหม่ๆ 2 ตัวแล้วมัดมันไว้ด้วยเชือกฟาง เขาโยนกุญแจไปให้จางเฮงแล้วจากนั้นตะโกนขึ้นมาว่า “มาสิ!”

 

จางเฮงตามชายคนนั้นไปที่ลานจอดรถกลางแจ้งขนาดเล็กที่อยู่ใกล้ๆ ทาเคดะ เท็ตสึยะเขย่าประตูเหล็กและหลังจากนั้นครู่หนึ่งไฟก็สว่างขึ้น จากนั้นชายชราผู้มีหลังค่อมสวมเสื้อขึ้นขณะที่เขากําลังเดินมาแล้วปลดล็อคประตูออก

 

ทาเคดะ เท็ตสึยะยิ้มให้ชายชรา เขาพูดอะไรบางอย่างในภาษาญี่ปุนขณะที่เขาส่งปูให้และชี้ไปที่จางเฮง

 

ชายสูงอายุดูดีใจที่ได้รับปู – รอยยิ้มของเขาที่เหยียดออกทําให้เห็นรอยย่นบนใบหน้า เขาจ้องมองที่จางเฮงและพยักหน้าอย่างเป็นมิตรให้กับชายหนุ่ม

 

“คุณป – พูดตามตรงฉันไม่รู้ว่าชื่อจริงของเขาชื่อว่าอะไร แต่นั่นก็ไม่สําคัญ ไม่มีใครสนใจเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว อดีตหุ้นส่วนของเขาล่วงลับไปนานแล้วและหลังจากลูกๆของเขาไปต่างประเทศพวกเขาไม่เคยติดต่อเขาอีกเลย เขาจึงทํามาหากินด้วยลานจอดรถที่นี่แหละ และนี่ก็เป็นที่ๆเขาอยู่ด้วยเช่นกัน เราเป็นเพื่อนเก่ากันมาก่อน ฉันให้เขากับปูที่ตายไปแล้วกับเขาซึ่งนั้นขายไม่ได้ และเขาให้ฉันจอดรถที่นี่ได้ฟรี แล้วฉันก็ได้แนะนําแกให้เขาฟังเรียบร้อยแล้ว จากนี้ไปแกมารับรถและคืนรถที่นี่ได้เลย”

 

“ คันไหนเหรอ?” จางเฮงมองไปรอบๆลานจอดรถ และในที่สุดสายตาของเขาก็จ้องมองไปที่รถตู้สีเหลืองมัสตาร์ดที่มุมหนึ่งของลานจอดรถ

 

“สวยใช่ไหมล่ะ? รถ L300(Delica) รุ่นที่สองของมิตซูบิชิ เปิดตัวในปี 1982 เป็นรถตู้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อคันแรกในญี่ปุ่น!” ตอนที่เขาพูดถึงรถยนต์ ทาเคดะ เท็ตสึยะก็เหมือนกับกลายเป็นคนละคน! ดูเหมือนว่าลุงที่เศร้าสลดคนนั้นจะหายไปแล้ว เขาจุดบุหรี่ขึ้นและลากมือไปตามตัวรถ “มันใช้รหัส 4D56 เครื่องยนต์ดีเซล 2.5 ลิตรและแชสซีเดียวกับปาเจโร่ ซึ่งทรงพลังพอที่จะรับมือกับสภาพอากาศอันเลวร้ายและสภาพถนนที่ย่ำแย่มาก รถตู้คันนี้มีสมรรถนะเป็นออฟโรด…”

 

“1982? ลุงแน่ใจเหรอว่ามันยังวิ่งได้อยู่?” จางเฮงถามอย่างไม่แน่ใจ

 

“ไม่ต้องกังวล ฉันเจอมันในโรงเก็บขยะ และฉันได้ปรับแต่งภายในมันใหม่ รถระบบขับเคลื่อน 4 ล้อคันนี้ได้กลายเป็นรถระบบขับเคลื่อน 2 ล้อไปแล้ว ในแง่ของความเสถียรมันจะดีกว่าเมื่อก่อนมาก รถระบบขับเคลื่อน 4 ล้อจะเพิ่มน้ำหนักให้กับรถ แต่รถที่หนักเกินไปไม่ดีสําหรับคนขับ… มันใช้น้ำมันมากเกินไป และที่สําคัญที่สุด ฉันซ่อมเครื่องเล่นเทปแล้วด้วย!” ทาเคดะ เท็ตสึยะ เปิดที่นั่งข้างคนขับแล้วขึ้นไปบนรถและหยิบเทปคาสเซ็ทขึ้นมา

 

จางเฮงขึ้นไปนั่งในที่นั่งคนขับ หลังจากกลับถึงบ้านเมื่อเช้าวานนี้ เขาก็รีบค้นหาความรู้ในการขับรถอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะพวกวิดีโอ และรูปภาพบนเว็บ ยิ่งไปกว่านั้นเขายังดาวน์โหลดเกมจําลองการขับรถมาไว้บนโทรศัพท์ของเขาและเล่นตอนอยู่ในรถไฟใต้ดินระหว่างเดินทางมายังร้านค้า นั้นเป็นเหตุผลว่าทําไมตอนนี้ เขา….ถึง ยังไม่มีความมั่นใจเลย

 

จางเฮงหมุนผลักกุญแจที่ทาเคดะเท็ตสึยะให้มาเพื่อจุดสตาร์ทเครื่องยนต์ เขาไขไป 3 ครั้งกว่ารถจะสตาร์ทติดแล้วเคลื่อนตัวออกไป

 

ทาเคดะ เท็ตสึยะไม่สนใจเขาเลย เขารอจนกระทั่งยานพาหนะนี้คํารามเป็นสัญญาณว่าสตาร์ทติดแล้ว จากนั้นใส่เทปของวงชาเงะแอนด์อาสึกะเข้าไปในเครื่องเล่นบนแผงหน้ารถ แต่ก่อนที่รถจะสามารถเคลื่อนที่ไปได้ถึง 5 เมตร รถก็กระตุกและหยุดไปเสียอย่างนั้น ทาเคดะ เท็ตสึยะโยกตัวไปข้างหน้าอย่างแรงและศีรษะของเขาก็ไปกระแทกเข้ากับช่องเก็บของข้างบนที่นั่งข้างคนขับ!

 

จางเฮงพูดด้วยเสียงเรียบเฉยว่า “ขอโทษ ผิดเกียร์!”

 

ขณะที่เขาพูด เขาก็เปลี่ยนไปเกี่ยร์ 5

 

“จะไปสมัครเข้าร่วมการแข่งขันเมื่อไหร่บอกฉันก่อนนะ เดี๋ยวฉันจะซื้อประกันชีวิตให้แก ฉันคงจะเป็นผู้มีพระคุณของแกเลยแหละ ก็ได้ แกชนะแล้ว!” ทาเคดะ เท็ตสึยะกดหยุดที่เครื่องเล่นเทป “เริ่มด้วยเกียร์ 1 เหยียบคลัตช์ด้วยเท้าซ้าย เหยียบลงไปจนสุด จากนั้นก็ค่อยๆเหยียบคันเร่งด้วยเท้าขวา แล้วก็ค่อยๆถอนเท้าซ้ายออกจากคลัตช์ …”

 

หลังจากนั้นประมาณ 3 นาที ในที่สุดรถ L300 ก็ค่อยๆเคลื่อน ส่ายไปมาออกจากลานจอดรถ และภายใต้การจัดการของคุณปู่ มันก็ชนเข้ากับหัวดับเพลิงอย่างช้าๆ

 

โชคยังดี ที่นี่เป็นตอนเช้าตรู่และถนนก็ยังว่างเปล่า

 

จางเฮงขับรถตู้ไปยังถนนโล่งๆ ยังคงขับเซไปเซมาอยู่เรื่อยๆ ตอนที่เขามองไปยังที่นั่งผู้โดยสารข้างเขา เขาเห็นว่าทาเคดะ เท็ตสึยะ ได้คาดเข็มขัดนิรภัยอย่างคนซื่อสัตย์

 

จากการเดินทางปกติ 15 นาทีแต่จางเฮงใช้เวลาไปกว่า 25 นาที ระหว่างทางนั้นเครื่องยนต์หยุดทํางานไป 5 ครั้งและเขาขับรถฝ่าไฟแดงไปอีก 2 ครั้ง แถมยังขับรถเกยขอบอีก! โชคดีที่พวกเขามาถึงที่หมายได้แบบไม่มีอะไรเสียหาย

 

ตลาดปลาสึกิจิเป็นตลาดของอาหารทะเลที่ใหญ่ที่สุด ไม่เพียงแต่ในโตเกียวแต่เป็นในโลก ชาวประมงจากทั่วญี่ปุ่นจะส่งมอบผลผลิตที่จับได้มาขายที่นี่ ในยุครุ่งเรืองพวกเขาสามารถขายอาหารทะเลได้ถึง 3,200 ตันต่อวันคิดเป็นมูลค่า 3 พันล้านเยน ในทุกๆวันผู้ค้าส่ง กว่า 60,000 รายจะมาเลือกและเสนอราคาสินค้าที่พวกเขาต้องการ สําหรับพวกเขานี่ไม่ใช่แค่ตลาด แต่เป็นดั่งสนามรบ

 

จางเฮงดึงเบรกมือ

 

ทาเคดะ เท็ตสึยะกําลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขาก็เหมือนจะลืมไป สุดท้ายสิ่งที่เขาพูดก็คือ “รออยู่นี่” จากนั้นเขาก็โดดลงจากรถตู้และทักทายคนที่เขารู้จักชายคนนั้นหยิบบุหรีซองหนึ่งขึ้นมา และทั้งคู่ก็เดินเข้าไปในตลาดพร้อมกับพ่นลมหายใจออกมาเป็นควัน

 

เมื่อถึงเวลาที่ทาเคดะ เท็ตสึยะกลับมาที่รถนั่นก็ผ่านไปกว่า 1 ชั่วโมงแล้ว ที่ตามหลังมาคือรถยกที่บรรทุกกล่องอาหารทะเลตามที่เขาเลือกสรรค์ และสิ่งที่ทําให้ชายคนนี้ประหลาดใจนั่นก็คือแทนที่จะงีบหลับรอเวลาให้เขากลับมา จางเฮงกําลังฝึกฝนการขับรถอยู่! เมื่อเทียบกับการขับรถแบบกระตุกๆของเขาเมื่อเช้านี้ ฝีมือของเขาก็พัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

 

อย่างไรก็ตามทาเคดะเท็ตสึยะไม่ได้แสดงความเห็นอะไร แต่กลับพูดอย่างบ่นๆไปว่า “ลงมาแล้วช่วยขนของขึ้นรถตู้!”

48 Hours a Day

48 Hours a Day

เติบโตมากับพ่อแม่ที่เป็นนักวัตถุนิยมพิสดาร คนที่ทิ้งเขาไว้กับตาเพื่อไปทำงานที่ต่างประเทศ จางเฮงเรียนรู้ที่จะปรับตัวและไม่ยึดติดกับการเปลี่ยนแปลงในชีวิต แต่ไม่นานเขาก็ได้เรียนรู้ความจริงที่ประหลาดของโลกใบนี้ ในวันหนึ่งตอนเที่ยงคืนเวลาหยุดชะงักลงและเขาพบว่าตัวเองอยู่ในโลกที่เงียบงัน คืนนั้นเขาค้นพบว่าตนเองมีเวลาเพิ่มขึ้นมามากกว่าคนอื่นอีก 24 ชั่วโมง และมันคือจุดเริ่มต้นของการผจญภัย ความสามารถที่เพิ่งค้นพบนี้มีแต่จะยิ่งรายล้อมไปด้วยปริศนาเมื่อชายชราแปลกหน้ามาบอกว่าตนคือคนให้ของขวัญแก่จางเฮง ‘ของขวัญแห่งเวลา’ และเลือกเด็กหนุ่มเข้าให้เป็นส่วนหนึ่งของเกม ‘เปลี่ยนชีวิต’ ลึกลับในนามของเขา หารู้ไม่ว่าการที่จางเฮงตกลงรับข้อเสนอนั้นทำให้ชีวิตเขาเข้าไปพัวพันกับหลากหลายเรื่องราวและรับรู้ความลับของโลกใบนี้ – การตัดสินใจที่ไม่สามารถกลับไปแก้ไขได้

Comment

Options

not work with dark mode
Reset