48 Hours a Day – ตอนที่ 45 โตเกียวดริฟท์ XV

48 Hours a Day ตอนที่ 45 โตเกียวดริฟท์ XV

 

ตอนที่ 45 โตเกียวดริฟท์ XV

 

“แล้วหลังจากนั้นลุงทําอะไร?” จางเฮงถาม

 

“ฉัน… ไม่ได้ทําอะไรเลย” ดวงตาของทาเคดะเท็ตสึยะเปี่ยมไปด้วยความสํานึกผิด “ฉันไม่ควรทิ้งเขาไว้ที่นั่น ฉันอยากลงจากรถเพื่อไปดูเขา แต่ฉันได้ยินเสียงตํารวจมาจากอีก ฝั่งฉันกลัว ฉันเลยออกมาจากที่นั่น ฉันกลับรถแล้วออกจากทางหลวงไป”

 

“แล้วเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาทั้ง 2 คน?” อามิโกะถามขึ้นมา

 

“พ่อรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาจากในข่าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามีเยาวชนกระทําความผิด 2 คน กําลังแข่งซิ่งกันท่ามกลางการจราจรบนทางหลวงและชนรถบรรทุกที่กําลังขับตรงมา พบผู้เสียชีวิต 1 คนส่วนคนอื่นๆได้รับบาดเจ็บ คนขับรถที่บาดเจ็บได้รับการปฐมพยาบาลในห้องฉุกเฉิน แต่เขาก็เสียชีวิตลงในอีก 3 วันถัดมา”

 

“คนที่บาดเจ็บคือโคบายาชิหรือ…”

 

“คนนั้นคืออาซาโนะนาโอโตะ นอกเหนือจากเจ้านั่นจะมีชื่อเสียงในฐานะนักขับรถแข่งที่เก่งที่สุดของเนะริมะแล้ว เขายังมีเป็นอีกอย่างหนึ่ง คือลุงของเขาคือรองประธานตระกูลยากูซ่าที่ใหญ่ที่สุดในโตเกียว โอนิ ฮิโตมิ”

 

“โห งั้นก็ไม่แปลกใจเลย! นั่นคงเป็นเหตุผลที่ลุงถอนตัวออกจากโลกของการแข่งซิ่งและเปลี่ยนชื่อใช่ไหม?”

 

“ใช่ นั่นมันไม่ใช่การแข่งแบบเปิดเผย เพราะงั้นเลยไม่มีคนอื่นรู้เรื่องนี้นอกจากพวกเรา 3 คน ถึงแม้ว่าจะมีพยานคนอื่นๆที่เห็นเหตุการณ์บนทางหลวงเส้นนั้น แต่ทัศนวิสัยมันแย่มากและเราก็ขับรถสวนฝ่าการจราจรไป และจากคําให้การที่คลุมเครือนั้น ตํารวจจึงระบุไม่ได้ว่ามีรถยนตร์คันที่ 3 ด้วยหรือเปล่า ฉันกลัวว่าจะเข้าคุกและโอนิฮิโตมิจะแก้แค้นฉันเลย… เลือกที่จะเก็บตัวอยู่เงียบๆอีกครั้ง”

 

“ฉันไม่มีความสุขเลยที่หนีคดีมาแบบนี้ ทุกวันหลังจากวันนั้นฉันใช้ชีวิตด้วยความรู้สึกผิดกับโคบายาชิมาตลอด ถ้าฉันไม่ปล่อยให้อารมณ์ตัวเองมาอยู่เหนือเหตุผลและเปลี่ยนการตัดสินใจ และยังคงมั่นคงในการตัดสินใจของตัวเองว่าการแข่งครั้งนี้ไม่ควรเริ่มขึ้นตั้งแต่แรก เรื่องแบบนี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้น! ฉันก็เป็นคนหนึ่งที่เกือบตายไปแล้ว! แต่มันก็น่าประหลาดนะ เพราะคนแรกที่ตายไปจากพวกเราทั้ง 3 คนเป็นคนเดียวที่โหวตให้เลื่อนแข่ง หลังจากนั้นฉันเคยแอบไปที่บ้านของเขามา พ่อของเขาจากไปตั้งแต่เขาอายุยังน้อยและเขาเหลือเพียงแม่และน้องสาว และหลังจากเกิดเรื่องทั้งหมดนี้ขึ้น พวกเขาก็ย้ายออกจากโตเกียว”

 

“พ่อเจอกับแม่หลังจากนั้นใช่ไหม? แล้วถ้าเป็นอย่างงั้นทําไมพ่อไม่อยู่กับแม่ล่ะ?” อามิโกะเอ่ยถาม

 

“พ่อยังรู้สึกกังวลเสมอหลังจากเกิดอุบัติเหตุครั้งนั้น พ่อนอนหลับไม่ลงเลยและยังเก็บจดหมายลาตายไว้ใต้หมอนด้วย แต่เมื่อเวลาผ่านไปในตอนที่พ่อรู้ว่าทั้งตํารวจและโอนิฮิโตมิคงจะตามตัวพ่อไม่เจอ พ่อคิดว่ามันจบแล้ว จากนั้นพ่อเลยกลับมาใช้ชีวิตที่ดีอีกครั้งหนึ่ง ตอนนั้นเองที่พ่อได้เจอกับผู้หญิงที่รัก เราก็มีความสุขเหมือนคู่รักคู่อื่นๆ – เรากลายมาเป็นครอบครัว แล้วอีก 1 ปีครึ่งต่อมาเราก็มีลูก พ่อสาบานว่าจะไม่มีทางขับรถ อีกเด็ดขาดและไปเปิดร้านขายอาหารทะเล

 

“หลังจากการอดทนดิ้นรนกันไปในช่วงเริ่มแรก ร้านก็กําลังไปได้สวย ตอนแรกดูเหมือนว่าพ่อกําลังเดินไปถูกทางแล้ว มันเป็นเวลากว่า 6 ปีแล้วนะ นับตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งนั้นเวลานานมากพอที่จะลืมหลายสิ่งหลายอย่าง แต่พ่อไม่เคยคิดเลยว่าสักวันหนึ่ง ในปีนั้นเอง ฝันร้ายที่หลอกหลอนจะกลับมาตามหาพ่อจนเจอ”

 

“ พ่อหมายถึงอะไร?” อามิโกถาม

 

“คืนหนึ่ง ในตอนที่พ่อกําลังจัดของตามออเดอร์ลูกค้าอยู่คนเดียวในร้าน จู่ก็มีหินก้อนหนึ่งก็ลอยเข้ามาทางหน้าต่างกระจกแตกละเอียด! พ่อคิดว่าคงมีใครเล่นพิเรนทร์ แต่ตอนที่พ่อวิ่งออกไปหาตัวคนทํา พ่อกลลับไม่เห็นใครเลย พ่อเลยกลับไปที่ร้าน แล้วพอถึงรู้ว่าก้อนหินก้อนนั้นถูกห่อไว้ด้วยหนังสือพิมพ์เก่าๆ บทความหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์นั้นเกี่ยวกับอุบัติเหตุบนทางหลวงในปีนั้น และถัดลงมาจากหัวข้อข่าวก็มีคําที่เขียนด้วยเลือดเอาไว้ว่า – คิดว่าแกจะหนีพ้นเหรอ?”

 

ทาเคดะเท็ตสึยะสะบัดขี้เถ้าจากบุหรี่ของเขา “ไม่มีคนอื่นนอกจากเรา 3 คนที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในวันนั้น โคบายาชิ…เสียชีวิตในที่เกิดเหตุวันนั้น ส่วนอาซาโนะนาโอโตะก็นอนอยู่ใน ICU เป็นเวลา 3 วัน เขาบาดเจ็บสาหัส เนื้อข่าวในหนังสือพิมพ์บอกว่าเขาหมดสติ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาอาจจะไม่ตื่นขึ้นมาบ้าง แต่ยังไงซะนับจากตอนที่พ่อได้รับข้อความนั่นในหนังสือพิมพ์ ชีวิตของพ่อก็จบสิ้นแล้ว”

 

“ถ้างั้นจริงๆแล้วพ่อไม่ได้ติดการพนัน แต่พ่อแค่อยากหย่ากับแม่?”

 

“พ่อทําผิดพลาดไปเมื่อ 6 ปีก่อน ที่เอาโคบายาชิมาเกี่ยวข้องในการแข่งขัน และพ่อจะไม่ทําผิดซ้ำอีก” ทาเคดะ เท็ตสึยะ พูดเบาๆ “พ่อไม่กลัวตาย – นั่นเป็นจุดจบที่พ่อสมควรได้รับแล้ว! คนที่ชื่อว่าโยสุเกะทสึจิยะจริงๆได้ตายไปพร้อมกับโคบายาชิบนถนนเส้นนั้นไปแล้วแหละ ทาเคดะ เท็ตสึยะที่ยังอยู่เป็นเพียงความรู้สึกผิดและความอ่อนแอของ เขา

 

“จริงๆแล้วผมยิ่งอยากรู้ว่า ลุงใช้วิธีไหนหนีจากโอนิฮิโตมิครั้งแล้วครั้งเล่า” จางเฮงกล่าว

 

“ถ้าแกถามถึงเรื่องเมื่อหลายปีก่อนในตอนนั้น พวกนั้นคงหวังว่าจะเห็นฉันทนทุกข์ทรมาน หรือบางทีพวกเขาอาจต้องการยืดเวลาทรมานของฉันก็ได้ พวกนั้นไม่ได้มาหาฉันอีกจนกระทั่งเมื่อ 9 เดือนที่แล้ว ฉันได้รับโทรศัพท์ลึกลับบอกว่าโอนิ ฮิโตมิกําลังจะมาหาฉันในไม่ช้า เขาบอกให้ฉันเตรียมตัวไว้แล้วก็เล่าให้ฉันฟังว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืนนี้” ทาเคดะ เท็ตสึยะ นิ่งไปชั่วขณะ “เอาละ ฉันเล่าเรื่องของฉันเสร็จแล้ว อย่างที่ฉันบอกไปแล้ว เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับกับแก! โศกนาฏกรรมครั้งนั้นเกิดขึ้นเพราะฉัน เพราะงั้นมันเป็นเรื่องที่ถูกแล้วที่ฉันจะต้องจบด้วยตัวเอง”

 

“ลุงไม่เชื่อด้วยซ้ำ” จางเฮงตั้งข้อสังเกต “ไม่อย่างงั้น ลุงคงไม่ต้องแกล้งทําเป็นนักพนันอีกแล้วบังคับให้อามิโกะตัดขาดทุกอย่างจากลุง”

 

ทาเคดะเท็ตสึยะเงียบไป หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขายิ้มออกมา “ อย่างน้อยก็ต้องลอง จะให้ฉันอยู่เฉยๆก็ไม่ได้ใช่ไหมล่ะ?”

 

ดูเหมือนว่าเจ้าของร้านขายอาหารทะเลจะตัดสินใจแล้ว อามิโกะเริ่มกังวล เธอกําลังจะอ้าปากพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับหน้าแดงแทน

 

จางเฮงลุกขึ้นและหยิบเสื้อโค้ทข้างกายเขา “ลุงคือคนที่สอนผมขับรถ ไม่ว่าลุงจะเป็นคนประเภทไหน อย่างน้อยก็ให้ผมไปส่งลุงนะ”

 

ทาเคดะเท็ตสึยะไตร่ตรองและไม่ปฏิเสธข้อเสนอ เขามองตาจางเฮงและพูดขึ้นมาว่า “ดูแลอามิโกะแทนฉันให้ฉันดีๆด้วย”

 

ทั้ง 3 คนออกจากร้านอาหารด้วยทาเคดะเท็ตสึยะที่เดินอยู่ด้านหน้า ขณะที่เขากําลังเปิดประตูเพื่อที่รถตู้อยู่ๆเขาก็ตาปรือเหลือกขึ้น แล้วเขาก็ล้มตัวลงบนรถ

 

จางเฮงดึงชามซุปที่เขาถืออยู่กลับมาและบอกกับอามิโกะผู้ไร้เดียงสาว่า “ความผิดของเขาในอดีตคือในสิ่งที่เกิดขึ้นจากการตัดสินใจของเขาเอง เขาไม่ได้คิดที่จะจัดการกับเรื่องนี้ เขาคิดแต่จะไปตาย ฉันขอโทษด้วย นี่เป็นวิธีเดียวที่จะทําให้เขาได้สงบสติลงไปสักพักหนึ่ง”

 

“อา? เอ่อ.. อืม” อามิโกะใช้เวลาครู่หนึ่งกว่าจะเข้าใจ เธอยังคงงุนงงว่าทําไมจางเฮงถึงจับมือเธออย่างแผ่วเบาในตอนที่เธอกําลังจะพูด ซึ่งเธอเข้าใจเขาผิด

 

แต่สิ่งที่น่าแปลกคือ… อามิโกะรู้ตัวว่าเธอไม่ได้รังเกียจที่โดนจับมือแบบนั้น มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิดเอาไว้แต่แรก

 

อามิโกะยังคงครุ่นคิด ในตอนที่เธอได้ยินจางเฮงกล่าวว่า “รถคันนี้ไม่มีประกันและไม่มีใบตรวจสภาพรถ เราควรออกจากที่นี่กันก่อนดีกว่า ”

 

“อื้ม” เธอปืนเข้าไปในรถตู้และปิดประตู

 

จางเฮงสตาร์ทรถ แล้วจึงขับรถในทางเดิม 2 รอบ เพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีใครตามพวกเขามา 15 นาทีต่อมาเขาจอดรถ L300 ไว้ที่ลานจอดรถของซูเปอร์มาร์เก็ต เขาเปิดประตูออกและยื่นมือขวาออก

 

“ฉันมีปัญหานิดหน่อยกับทาเคดะเรื่องของพ่อเธอหน่ะ”

48 Hours a Day

48 Hours a Day

เติบโตมากับพ่อแม่ที่เป็นนักวัตถุนิยมพิสดาร คนที่ทิ้งเขาไว้กับตาเพื่อไปทำงานที่ต่างประเทศ จางเฮงเรียนรู้ที่จะปรับตัวและไม่ยึดติดกับการเปลี่ยนแปลงในชีวิต แต่ไม่นานเขาก็ได้เรียนรู้ความจริงที่ประหลาดของโลกใบนี้ ในวันหนึ่งตอนเที่ยงคืนเวลาหยุดชะงักลงและเขาพบว่าตัวเองอยู่ในโลกที่เงียบงัน คืนนั้นเขาค้นพบว่าตนเองมีเวลาเพิ่มขึ้นมามากกว่าคนอื่นอีก 24 ชั่วโมง และมันคือจุดเริ่มต้นของการผจญภัย ความสามารถที่เพิ่งค้นพบนี้มีแต่จะยิ่งรายล้อมไปด้วยปริศนาเมื่อชายชราแปลกหน้ามาบอกว่าตนคือคนให้ของขวัญแก่จางเฮง ‘ของขวัญแห่งเวลา’ และเลือกเด็กหนุ่มเข้าให้เป็นส่วนหนึ่งของเกม ‘เปลี่ยนชีวิต’ ลึกลับในนามของเขา หารู้ไม่ว่าการที่จางเฮงตกลงรับข้อเสนอนั้นทำให้ชีวิตเขาเข้าไปพัวพันกับหลากหลายเรื่องราวและรับรู้ความลับของโลกใบนี้ – การตัดสินใจที่ไม่สามารถกลับไปแก้ไขได้

Comment

Options

not work with dark mode
Reset