A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน – ตอนที่ 1724 อานุภาพของวานรยักษ์

แค่โจมตี กระบี่บินทั้งหมดก็พังทลาย ชายหนุ่มเขาสีทองไม่มีเจตนาจะหยุด หลังจากระฆังสีขาวเปล่งเสียงร้องกังวานอีกสองครั้ง ระลอกคลื่นสีขาวโพลนที่หมุนวนก็ปรากฏขึ้น

แทบจะในเวลาเดียวกันนั้น เทวรูปที่แผ่นหลังของชายหนุ่มก็สำแดงสมบัติสองชิ้นในมือออกมา อ้าปากออกพ่นไอสีดำวนล้อมรอบร่างกายของเขาเอาไว้

เสียงกรีดร้องโหยหวนของภูตผีดังขึ้น เส้นไหมสีเขียวมรกตจำนวนนับไม่ถ้วนในไอสีดำปรากฏขึ้นรางๆ แผ่กลิ่นอายคละคลุ้งออกมา

การลงมือของชายหนุ่มเขาสีทองในครั้งนี้ คาดไม่ถึงว่าจะสำแดงอิทธิฤทธิ์ต่างๆ ออกมาในเวลาเดียวกัน ส่วนใหญ่ล้วนมีเจตนาสังหารหานลี่

หานลี่เห็นสถานการณ์เช่นนี้ ก็พลันใจหายวาบ

สำหรับการโจมตีอื่นๆ ยังไม่ทันวางใจ แต่การโจมตีด้วยอิทธิฤทธิ์ห้วงเวลาที่ระฆังสีขาวส่งออกมา เขากลับรู้สึกหวาดกลัว

ทว่าเป็นเพราะพลังปราณยังไม่ฟื้นฟูกลับมา เขาจึงไม่มีเจตนาจะต่อสู้พัวพันอยู่ที่นี่นานนักเช่นกัน เมื่อตัดสินใจแล้ว ก็ร่ายคาถาทันที

ร่างทองที่อยู่ด้านข้างเปล่งแสงสีม่วงทองออกมา เปล่งเสียงสวดมนต์ภาษาสันสกฤต อักขระสีม่วงลอยโคจรอยู่ท่ามกลางลำแสงสีทอง

แขนข้างหนึ่งเริ่มรางเลือน แล้วตะปบไปกลางอากาศ ใบมีดสั้นสีทองปรากฏขึ้นในมือของเขา

ใบมีดชำรุดเปล่งเสียงครวญออกมา!

พลังปราณฟ้าดินในรัศมีสองสามลี้เปล่งเสียง “ตูม” ออกมา ราวกับถูกเรียกหาจนระเบิดออก ทยอยกันกลายเป็นหมอกลำแสงห้าสีปรากฏขึ้นจำนวนนับไม่ถ้วน คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นม่านลำแสงห้าสีปกคลุมทั่วทั้งท้องฟ้า

และเป็นเพราะที่นี่อยู่ในแดนกว้างเย็น ถึงได้ทำให้ไอวิญญาณฟ้าดินมีปรากฏการณ์ที่น่าตกตะลึงเช่นนี้

ม่านลำแสงมีไอวิญญาณที่น่าตกตะลึงผสมอยู่ ทำให้ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าอดที่จะหน้าเปลี่ยนสีไม่ได้

แต่ไม่รอให้เขาได้มีปฏิกิริยาตอบสนองอันใด ร่างทองก็มีไอวิญญาณหมุนวนโคจรไปมาไม่หยุด หมอกลำแสงสีทองไล่ไปตามแขนแล้วทะลักเข้าไปในใบมีดสีทอง

เดิมร่างทองมีความสูงประมาณสองจั้ง หลังจากกะพริบวาบๆ คาดไม่ถึงว่าจะเตี้ยลง

ใบมีดสั้นชำรุดที่เดิมเปล่งแสงสีทองออกมา พลันรางเลือน คาดไม่ถึงว่าจะสร้างภาพลวงตาใบมีดที่สมบูรณ์แบบออกมา

ข้อมือที่ถือใบมีดสั่นเทาเล็กน้อย เสียงร้องที่ดังออกมาจากใบมีดสีทองหยุดชะงัก แต่ม่านลำแสงห้าสีกลางอากาศกลับหมุนคว้าง ทะลักลงมาด้านล่าง แล้วทยอยกันจมหายเข้าไปในใบมีดสีทอง

แค่สองสามชั่วลมหายใจ ใบมีดสีทองก็ดูเหมือนจะถูกดูดเข้าไปในม่านลำแสงจนเกลี้ยงราวกับหลุมที่ไม่มีบ่อ

ใบมีดสีทองที่เดิมมีขนาดสองสามฉื่อ พลันยืดยาวขึ้นจนมีขนาดสองสามจั้ง ผิวของมันมีอักขระเปล่งแสงสว่างวาบ แล้วสับลงมาที่ฝั่งตรงข้ามอย่างเงียบเชียบ

ลำแสงสีทองสายหนึ่งบินออกมาจากใบมีดสีทอง แรกเริ่มมีขนาดสองสามฉื่อ แต่หลังจากกะพริบวาบ ก็กลายเป็นลำแสงสีทองที่ไม่มีที่สิ้นสุด พุ่งตรงไปฝั่งตรงข้าม

เมื่อชายหนุ่มเห็นกระแสน้ำสีเหลืองก็พลันตกตะลึง แต่มาถึงขั้นนี้แล้ว แน่นอนว่าย่อมไม่อาจพูดให้หานลี่ยั้งมือได้

ทันใดนั้นเขาก็ผิวปาก ในเวลาเดียวกันนิ้วชี้ก็ชี้มาทางหานลี่ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

ชั่วขณะนั้นระลอกคลื่นสีขาว เพลิงเมฆา เปลวเพลิงลำแสงสามสี ไอสีดำพลันหมุนวน แล้วทยอยกันพุ่งไปหาระลอกคลื่นยักษ์สีทอง

เมื่อเพลิงเมฆา ไอสีดำ เปลวเพลิงลำแสงสัมผัสกับระลอกคลื่นสีทอง ก็ระเบิดเสียงดังสนั่นออกมา แต่จากนั้นก็กะพริบวาบแล้วทยอยกันสลายหายไป ไม่อาจต้านทานได้เลยสักกระผีก

กลับเป็นระลอกคลื่นสีขาวที่เข้ามาประชิดลำแสงสีทอง ต่างก็เปล่งเสียงระเบิดประหลาดๆ ออกมา ลำแสงทั้งสองตัดสลับกันไปมา ท่าทางยืนหยัดไม่ยอมอ่อนข้อให้กัน

“อาวุธสวรรค์ทมิฬศักดิ์สิทธิ์!”

ชายหนุ่มที่เดิมกำลังรู้สึกสงสัย เห็นฉากนี้ทันใดนั้นก็รู้สึกจิตใจหนักอึ้ง

คาดไม่ถึงว่าเขาจะเข้าใจผิดคิดว่าใบมีดชำรุดสวรรค์ทมิฬและระฆังใบเล็กอยู่ในระดับเดียวกัน

ทว่าเมื่อคิดเช่นนั้น ก็ไม่นับว่าแตกต่างกันมาก

หากว่ากันตามอานุภาพบริสุทธิ์ของใบมีดชำรุดสวรรค์ทมิฬที่แยกออกเป็นหลายส่วน ย่อมคล้ายคลึงกับอาวุธสวรรค์ทมิฬศักดิ์สิทธิ์

ไม่อาจกระตุ้นอานุภาพของสมบัติสวรรค์ทมิฬได้ มีเพียงใช้อิทธิฤทธิ์ลอกเลียนแบบส่วนหนึ่งของสมบัติสวรรค์ทมิฬเท่านั้น

ยามนี้ชายหนุ่มพลันขยับข้อมือ โยนระฆังสีขาวบริสุทธิ์ในมือไปกลางอากาศ บีบนิ้วเข้าหากัน แล้วร่ายคาถาไปทางระฆังอย่างช้าๆ

เสียงเพรียก “เคร้งๆ” ดังออกมาจากระฆัง

นิ้วมีลำแสงสีโลหิตปรากฏขึ้นรางๆ ทุกการร่ายคาถา ใบหน้าของเขาพลันซีดขาวขึ้นส่วนหนึ่ง

หลังจากที่เสียงระฆังดังขึ้นสองสามครั้ง ใบหน้าของชายหนุ่มก็ไร้สีโลหิต

เห็นได้ชัดว่าเสียงสูงของระฆัง ทำลายปราณแท้ไปมหาศาลกว่าที่คนธรรมดาจะจินตนาการได้ แม้ว่าผู้นี้จะมีพลังยุทธ์อยู่ในระดับหลอมสุญตาขั้นสุดยอด หลังจากร่ายไปสองสามครั้งก็มีสีหน้าไม่อาจรับไหวเช่นกัน

ทว่าผลจากเสียงร้องของระฆังจำนวนมาก ก็ทำให้รู้สึกหูอึ้ง ทัศนียภาพรอบด้านรางเลือน ถูกพลังของหลักการลากไปกลางอากาศ

แน่นอนว่าเขาย่อมตกใจจนสะดุ้งโหยง แต่ทันใดนั้นก็ร่ายอาคม เกราะมารสีดำบนร่างมีอักขระสีดำปรากฏขึ้นเป็นชั้นๆ

อักขระเหล่านี้หมุนวนไปมา ทยอยกันระเบิดออก

ชั่วพริบตาพายุหมุนสีดำพลันปรากฏขึ้น เกิดเป็นพลังมหาศาลที่ไร้รูปร่าง ห่อหุ้มเขาเอาไว้อย่างแน่นหนา

แม้ว่าพลังของหลักการจะแปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็แค่ทำให้พายุหมุนบิดเบี้ยว และลดอานุภาพของพลังมหาศาลไร้รูปร่าง แต่กลับไม่อาจทำอันใดหานลี่ที่อยู่ตรงใจกลางได้

ทว่าหลังจากที่เสียงระฆังที่สองดังขึ้น พายหมุนก็เปล่งเสียงดัง “ปัง” ไม่อาจต้านทานผลกระทบได้อีก แล้วพลันสลายหายไป

หลังจากที่เสียงระฆังครั้งที่สามดังขึ้น เกราะมารของหานลี่ก็เปล่งแสงสีดำเจิดจ้าออกมา ลำแสงสีดำรอบๆ พลิ้วไหวอยู่กลางอากาศ เปล่งเสียงกรีดร้องออกมา

พลังของหลักการมีผลกับเกราะมารเหนือฟ้าแล้ว ทำให้ลำแสงสีดำสั่นคลอน

หานลี่เคยควบคุมสมบัติสวรรค์ทมิฬอยู่สองสามครั้ง จะไม่รู้ความร้ายกาจของพลังหลักการได้อย่างไร หน้าเปลี่ยนสีไปหลายครั้ง รีบร้อนใช้มือหนึ่งร่ายคาถา

เสียงฟ้าผ่าดังขึ้น แผ่นหลังมีลำแสงสีเขียวขาวเปล่งแสงสว่างวาบ ปีกขนนกแวววาวคู่หนึ่งปรากฏออกมา

และในยามนั้นเองเสียงระฆังที่สามก็ดังมา ลำแสงสีดำที่แผ่ออกมาจากเกราะมารแข็งตัว คาดไม่ถึงว่าจะปริแตกราวกับของจริง

หานลี่เห็นเหตุการณ์เช่นนั้น มุมปากพลันกระตุก ไม่ลังเลใดๆ อีก กระพือปีกที่แผ่นหลัง

เสียงฟ้าผ่าดังขึ้น หานลี่กลายเป็นประจุไฟฟ้าสีเขียวขาวหายวับไปจากที่เดิม

ครู่ต่อมาจุดเดิมที่เขายืนอยู่นั้น บรรยากาศพลันบิดเบี้ยว คาดไม่ถึงว่ามีหลุมดำราวกับอากาศพลังทลายลงปรากฏขึ้น

คาดไม่ถึงว่าหานลี่จะหลบหลีกได้ เสียงระฆังครั้งที่สามกลายเป็นพลังของอากาศโจมตีไป

แต่ชั่วพริบตาที่เสียงระฆังครั้งที่สี่ดังขึ้น อากาศที่ห่างออกไปยี่สิบกว่าจั้งพลันปรากฏขึ้น ลำแสงสีขาวกลุ่มหนึ่งระเบิดออก ด้านในมีเงาร่างคนที่มีประจุไฟฟ้าปกคลุมโซซัดโซเซออกมา

นั่นก็คือหานลี่ที่เพิ่งจะจมหายไปกลางอากาศ

คาดไม่ถึงว่าเคล็ดวิชาอัสนีหลีกหนีจะถูกเสียงระฆังทำลายได้อย่างง่ายดาย

หลังจากที่เสียงเคร้งๆ ดังขึ้นอีกครั้ง หานลี่ก็รู้สึกเพียงว่าบรรยากาศรอบด้านตึงแน่น ร่างทั้งร่างหมุนวน ถูกพลังของหลักเกณฑ์ห่อหุ้มลงมาจนไม่อาจหลบหลีกได้

พลังของหลักเกณฑ์กลายเป็นพลังมหาศาลแล้วร่อนลงมาที่ตัวของเขา

จากนั้นพลังนี้ก็รีดแน่นแล้วดึงไปรอบด้าน คาดไม่ถึงว่าจะฉีกร่างของหานลี่เป็นชิ้นๆ

แต่ในยามนั้นเอง หานลี่พลันเบิกตาขึ้น ร้องตะโกนราวกับเสียงฟ้าผ่ากลางวันแสก!

ลำแสงสีทองบนร่างเปล่งแสงเจิดจ้าราวกับดวงอาทิตย์ เกิดเป็นขนยาวสีเหลืองทองจำนวนนับไม่ถ้วน ในเวลาเดียวกันเขี้ยวยาวๆ ก็เผยออกมาจากปาก ชั่วพริบตาก็กลายเป็นวานรยักษ์สีเหลืองทอง

ความสูงประมาณห้าหกจั้ง หน้าตาน่าเกลียดน่ากลัว แขนขาหนาใหญ่ ราวกับมีพลังมหาศาล

วานรยักษ์เปล่งเสียงร้องคำรามออกมา แขนขาทั้งสี่โบกสะบัดไปในเวลาเดียวกัน

เสียง “ปัง” ดังสนั่นขึ้นในทันใด บรรยากาศรอบด้านราวกับถูกของอันใดสักอย่างโจมตีจนพังทลาย

จากนั้นวานรยักษ์ก็ดูเหมือนจะฉีกยิ้มอย่างโหดเหี้ยม สาวเท้ายาวๆ ร่างอันใหญ่โตพลิ้วไหว จากเดิมอยู่ห่างกว่าสามสิบจั้ง ชั่วครู่ก็มาอยู่ใกล้กับชายหนุ่มเขาสีทอง มือใหญ่ที่มีขนปกคลุมข้างหนึ่งกางนิ้วทั้งห้าออก ตะปบลงมาอย่างไม่เกรงใจ

พายุน่าสะอิดสะเอียนพัดไปทางชายหนุ่มแล้วกดลงมา

ส่วนชายหนุ่มเขาสีทองเมื่อเห็นตนเองที่สูญเสียพลังปราณแท้ไปจากการกระตุ้นการโจมตีของระฆังสองสามครั้ง คาดไม่ถึงว่าจะไม่มีผลลัพธ์ ก็ตกตะลึงจนตาค้าง เมื่อเห็นหานลี่กลายร่างเป็นวานรยักษ์อีก ก็ยิ่งไม่เชื่อสายตาของตนเอง

สำหรับวานรยักษ์ที่มาอยู่ข้างกายนั้น หลังจากโจมตีอย่างบ้าคลั่ง ชายหนุ่มกลับทำอันใดไม่ถูก ไม่ทันได้ร่ายคาถาอันใดใส่ระฆังให้ออกมาต้านทาน

แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจการแปลงกายเป็นวานรยักษ์ของหานลี่เลยสักนิด แต่จากกายเนื้อของวานรที่แข็งแกร่งจนต้านทานพลังของหลักเกณฑ์ได้ กลับเห็นอย่างชัดเจน และไม่กล้าดูแคลนเลยสักนิด

ดังนั้นภายใต้ความจนปัญญาของชายหนุ่ม จึงทำได้เพียงใช้มือหนึ่งร่ายอาคมอย่างรวดเร็ว เทวรูปสีฟ้าที่แผ่นหลังเปล่งแสงเจิดจ้า สองมือตะปบลงมา คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นใบมีดยักษ์สีฟ้า

ลำแสงเย็นเยียบเปล่งแสงสว่างวาบ เล่มหนึ่งพุ่งไปยังแขนที่มีขนปุกปุยซึ่งกำลังตะปบลงมา อีกเล่มหนึ่งกลับสับไปทางทรวงอกของวานรยักษ์ มีเจตนาจะใช้วรยุทธ์รวมพลังกันไว้

ทว่าเมื่อเห็นฉากนี้ ใบหน้าของวานรยักษ์กลับไร้ความรู้สึก ไม่สนใจใบมีดสีฟ้าที่กำลังสับลงมาหาตนเองเลยสักนิด กลับนำพลังปราณทั้งหมดในร่างรวมตัวกันอยู่ที่กรงเล็บที่กำลังตะปบลงมา

เสียงราวกับธาตุทองกระทบกันดังสนั่นขึ้น!

ใบมีดสีฟ้าจะไปต้านทานได้อย่างไร เมื่อสัมผัสกับกรงเล็บยักษ์ ก็ระเบิดจนสั่นสะเทือน ถูกโจมตีจนแหลกละเอียดราวกับกรงล้อตั๊กแตนตำข้าว

ส่วนใบมีดสีฟ้าอีกเล่มหนึ่งก็สับลงมาที่ร่างของวานรยักษ์ แต่กลับเปล่งแสงสีทองออกมา แล้วถูกดีดออกไป คาดไม่ถึงว่าจะไม่อาจแม้กระทั่งทะลวงขนของวานรยักษ์เลยสักนิด

“อ๊าก”

ชายหนุ่มเขาสีทองรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาแล้วจริงๆ ใจเต้นอย่างบ้าคลั่ง กระตุ้นเทวรูปที่แผ่นหลังอย่างไม่ต้องขบคิด

เทวรูปสีฟ้าขยายร่างใหญ่ขึ้นแล้วพุ่งขึ้นไปกลางอากาศ โบกสะบัดกำปั้นทั้งสองเช่นกัน

ในเวลาเดียวกันนั้นชายหนุ่มก็อ้าปากออก พ่นเส้นไหมสีเขียวมรกตผสมไอสีดำออกมา ยกแขนขึ้นอย่างรวดเร็วอีกครั้ง สีโลหิตฉายแวบผ่านบนใบหน้า นิ้วชี้มีลำแสงสีโลหิตเปล่งแสงสว่างวาบ ร่ายคาถาในระฆังสีขาวหิมะอย่างไม่เสียดายปราณแท้อีก

แต่เห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มยังดูแคลนพลังมหาศาลจากการแปลงกายของหานลี่ไปหน่อย

เมื่อเทวรูปสีฟ้าและกรงเล็บยักษ์สีเหลืองทองสัมผัสกัน ก็ถูกพลังมหัศจรรย์จากกรงเล็บทำให้สลายหายไป

ส่วนไอสีดำก็ยิ่งถูกกรงเล็บยักษ์ทำลายออก ไม่อาจต้านทานได้เลยสักนิด

เสียงฟ้าผ่าดังสนั่นขึ้น!

หลังจากที่ฝ่ามือของวานรยักษ์ร่อนลงมา มองดูชายหนุ่มเขาสีทองไร้ซึ่งลำแสงห่อหุ้มร่าง ตะปบลงไปที่หัวของชายหนุ่มอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า นิ้วทั้งห้าออกแรงบีบอย่างไม่ลังเล

เสียง “ปัง” ดังขึ้น

ท่ามกลางสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ หัวของชายหนุ่มพลันระเบิดออกราวกับแตงโม

ร่างไร้ศีรษะซวนเซ หมายจะล้มลงกับพื้นดิน!

A Record of a Mortal s Journey to Immortality

A Record of a Mortal s Journey to Immortality

Type: Author: ,
เจ้าบื้อที่สอง หานลี่ เด็กหนุ่มธรรมดาสามัญผู้ได้รับวาสนาให้ไปเข้าทดสอบเป็นศิษย์ในสำนักเล็กๆ แห่งหนึ่ง ทำให้เขาได้รู้จักกับโลกใบใหม่ที่หนุ่มน้อยชนบทอย่างเขาใฝ่ฝันอยากสัมผัสกับมันมาโดยตลอด ในโลกแห่งเซียน เหล่าผู้บำเพ็ญเพียรต่างฝึกฝนค้นหาเส้นทางเพื่อก้าวเข้าสู่ความเป็นนิรันดร์ ทว่าเส้นทางที่แม้กระทั่งผู้บำเพ็ญเพียรซึ่งมีพรสวรรค์สูงส่งแต่กำเนิดยังต้องผ่านความยากลำบากเท่าไหร่กว่าจะไปถึงจุดนั้น แล้วเด็กหนุ่มปุถุชนเช่นเขาจะทำได้หรือ? ด้วยความสามารถอันธรรมดาสามัญของเขาจะเอาตัวรอดในโลกแห่งเซียนนี้ไปได้อย่างไร? เส้นทางแห่งความสำเร็จช่างอยู่ห่างไกลเสียเหลือเกิน… คัมภีร์วิถีเซียนเป็นนิยายจีนย้อนยุคเล่าเรื่องการเดินทางอันน่าติดตามของหานลี่ ผู้ต้องใช้ทั้งไหวพริบและพลังยุทธ์ในการฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ด้วยตัวคนเดียว มาร่วมเดินทางไปกับหานลี่ ผู้เย้ยฟ้าท้านรกเพื่อแสวงหาเส้นทางแห่งการเป็นเซียนด้วยกันเถอะ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset