A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน – ตอนที่ 1458 เข็มอเวจีแม่น้ำโลหิต

ขณะที่มองดูไอหมอกที่อยู่เบื้องล่าง รูม่านตาของหานลี่ก็เปล่งดวงแสงสีน้ำเงินปราดหนึ่ง สายตามองทะลุไอสีเทาภายในชั่วพริบตา ทำให้มองเห็นสถานการณ์ที่อยู่เบื้องล่างอย่างชัดเจน

 

 

เขาสั่นแขนเสื้อคราหนึ่ง พายุหมุนพลันโหมซัดสาดออกมาจากแขนเสื้ออย่างบ้างคลั่ง ครู่ต่อมาก็พัดกลบไอหมอกจนโล่งแจ้งไปกว่าครึ่ง

 

 

ทิวทัศน์เบื้องล่างพลันมองเห็นรำไร

 

 

เบื้องล่างมีสระน้ำไม่ใหญ่อยู่หนึ่งสระดังคาด พื้นที่มีแค่ร้อยจั้งเศษเท่านั้น ส่วนสถานที่ที่ห่างจากสระน้ำเพียงสิบจั้งเศษ มีต้นไม้เตี้ยหลายสิบต้นขึ้นอยู่หร็อมแหร็ม ส่วนใหญ่ล้วนแตกต่างจากต้นใบเน่าที่อยู่รอบๆ

 

 

มีต้นไม้หลายต้นที่ตลอดทั้งลำต้นเป็นสีดำเขียว ที่ปลายกิ่งใบแต่ละสาขามีผลประหลาดสีดำเปรอะขนาดเท่ากำปั้นหนึ่งลูก

 

 

ผลเหล่านี้มีพื้นผิวขรุขระเป็นอย่างยิ่ง ทั้งยังมีรอยแยกเป็นเส้นเล็กๆ จำนวนนับไม่ถ้วน ภายในนั้นมีไอสีดำหมุนเวียนเข้าออกอยู่ลางๆ

 

 

หานลี่หรี่ตาลง พลางคิดทบทวนครู่หนึ่ง เหมือนกับผลเพลิงอเวจีที่บันทึกในคัมภีร์โบราณทุกประการอย่างที่คาดไว้จริงๆ

 

 

ไม่เพียงแต่หานลี่ คนอื่นๆ เมื่อได้เห็นผลไม่กี่ลูกนี้ ใบหน้าต่างก็เผยรอยยิ้มออกมา

 

 

“ศิษย์น้องเหลยพูดไม่ผิด เป็นผลเพลิงอเวจีจริงๆ” ไป๋ปี้พูดด้วยความปลื้มปิติ

 

 

“เด็ดลูกที่สุกแล้วลงมาเถอะ ดูท่าจะเพียงพอให้พวกเราแบ่งกันได้” หานลี่จ้องมองอีกสองสามหน จึงค่อยกล่าวอย่างช้าๆ สีหน้าท่าทีดูไม่รีบร้อนอยู่ตลอด

 

 

“หากเผ่าแดงสดพวกนั้นคิดจะดักซุ่มพวกเราที่ชั้นสาม ก็ให้พวกเขารอต่อไปเถอะ!” เหลยหลันเอ่ยด้วยท่าทางคล้ายกับกำลังหยอกล้อ

 

 

เห็นได้ชัดว่าจิตใจเบิกบานเป็นอย่างยิ่ง!

 

 

ฉินเสี่ยวย่อมดีใจเป็นอย่างมากเช่นกัน

 

 

ในระหว่างที่ทั้งสามคนคิดจะร่อนลงมาเด็ดผล จู่ๆ หานลี่ก็มีสีหน้าเคร่งขรึม พลันยื่นแขนข้างหนึ่งไปในที่ว่างแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ด้านหลังโดยไม่หันหน้ากลับไปมอง

 

 

ป้าบ!

 

 

มือใหญ่ห้าสีขนาดจั้งกว่าข้างหนึ่งปรากฏออกมาอย่างไร้สาเหตุ พลันตะปบลงไปข้างล่างอย่างไม่เกรงใจแม้แต่น้อย

 

 

ฉากที่น่าเหลือเชื่อพลันปรากฏขึ้น!

 

 

อากาศว่างเปล่าที่ถูกมือใหญ่ห้าสีกุมไว้ พลันเปล่งแสงโลหิตวูบหนึ่ง มือใหญ่สีโลหิตข้างหนึ่งก็สวนออกมาต้านรับไว้เช่นกัน

 

 

ตูม!” ห้านิ้วกับห้านิ้วปะทะเข้าด้วยกัน ภายใต้การผสมผสานระหว่างแสงโลหิตกับเพลิงแสงห้าสี ในชั่วพริบตาก็แตกสลายหายไปพร้อมกัน

 

 

“เอ๋”

 

 

“น่าสนุกดีเหมือนกัน!”

 

 

เสียงอุทานเบาๆ ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงดังออกมาพร้อมกัน

 

 

ฝ่ายที่ส่งเสียง “เอ๋” ออกมาเบาๆ คือหานลี่ที่หันหน้าไปแล้วมองเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้น

 

 

ส่วนฝ่ายที่กล่าวถ้อยคำออกมา คือหมอกโลหิตที่ปรากฏมือใหญ่สีโลหิตผลุบๆ โผล่ๆ

 

 

ภายในหมอกมีเงาคนร่างสูงใหญ่ตะคุ่มๆ อยู่ร่างหนึ่ง

 

 

“ท่านคือผู้ใด เหตุใดต้องทำลับๆ ล่อๆ ด้วย?” หานลี่จ้องมองหมอกโลหิตพลางเค้นคำพูดออกมาทีละคำด้วยท่าทางน่าสะพรึงกลัวผิดปกติ

 

 

“ระดับแม่ทัพวิญญาณแต่สังเกตเห็นข้าได้ ดูท่าจะมีปัญหาอย่างที่คาดไว้จริงๆ” เงาคนภายในหมอกโลหิตหัวเราะประหลาดอย่างลึกลับ คล้ายกับกำลังพูดกระซิบกระซาบคนเดียว

 

 

“พวกเจ้าไปเก็บผลเพลิงอเวจีกันต่อ แล้วให้คนใดคนหนึ่งส่งมาให้ข้าก็พอแล้ว” หานลี่ดวงตาเปล่งประกายวาบหนึ่ง พลันกวักมือไปทางพวกเหลยหลันสามคนที่กำลังตกตะลึงอยู่ข้างๆ แล้วกล่าวกำชับเสียงแข็ง

 

 

“เจ้าค่ะ!”

 

 

“น้อมรับคำสั่ง!”

 

 

“พี่หานระวังตัวด้วย!”

 

 

พวกเหลยหลันทั้งสามแม้ว่าจะดูพลังของเงาคนภายในหมอกโลหิตไม่ออก แต่เมื่อเห็นว่าหานลี่มีท่าทางเคร่งขรึมเช่นนี้ ใจก็เต้นโครมครามโดยไม่รู้ตัว รีบขานรับในทันที

 

 

จากนั้นทั้งสามคนก็กลายเป็นลำแสงหลีกหนี ร่อนลงไปยังผลเพลิงอเวจีที่อยู่เบื้องล่าง

 

 

“ทำไมรึ พวกเจ้าสนใจไม้ผลที่อยู่ข้างล่างพวกนั้นสินะ หึๆ แม้ว่าพวกมันจะไม่ใช่ของดีอะไร แต่ก็ไม่ใช่ของที่ได้มาโดยง่ายเช่นนั้น” เงาคนภายในหมอกโลหิตกวาดตามองพวกเหลยหลันไป๋ปี้หนหนึ่ง แล้วกล่าวเช่นนี้ด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ

 

 

หานลี่ใจหายวาบ พลันกระตุ้นจิตสัมผัส คิดจะเอ่ยปากเตือนพวกไป๋ปี้สามคนอย่างฉับพลัน แต่ก็สายไปแล้ว

 

 

เบื้องล่างเกิดเสียงดังสนั่นขึ้นคราหนึ่ง ทันใดนั้นภายในสระน้ำก็เกิดคลื่นมหึมาขึ้น ตามด้วยหนวดสีชมพูหลายเส้นที่กวาดคลื่นน้ำออก พร้อมกับลูกธนูวารีที่พวยพุ่งออกมาอย่างหนาแน่น

 

 

พวกไป๋ปี่ที่เพิ่งจะลงมาถึงริมสระน้ำ เห็นสิ่งนี้ก็ตกตะลึงยกใหญ่

 

 

ผลเพลิงอเวจีพวกนั้นก็อยู่ข้างหลังแล้ว ไหนเลยจะกล้าปล่อยให้หลุดมือไปได้ง่ายๆ ภายใต้ความจนใจของทั้งสามคน จำต้องพากันสำแดงอิทธิฤทธิ์เพื่อฝืนรับการโจมตีนี้

 

 

คนหนึ่งถูมือสองข้างคราหนึ่ง ปลดปล่อยประกายแสงสีเงินหยาบหนาออกมาหลายดวง อีกคนหนึ่งปล่อยเส้นไหมสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนพวยพุ่งผสมผสานที่เบื้องหน้า ส่วนฉินเสี่ยวอ้าปากคราหนึ่ง พ่นแสงอรุโณทัยสีเขียวออกมาผืนหนึ่ง

 

 

อิทธิฤทธิ์ทั้งสามชนิดผสานเข้าด้วยกัน ทันใดนั้นก็ปะทะเข้ากับหนวดและลูกธนูวารี

 

 

โครม!” ร่างของพวกเหลยหลันสามคนสั่นสะเทือน จึงอดไม่ได้ที่จะถอยหลังไปสองสามก้าว

 

 

ภายในสระน้ำส่งเสียงคำรามลั่นด้วยความเจ็บปวดคราหนึ่ง พลันเกิดคลื่นน้ำขึ้น ปีศาจสีน้ำตาลรูปร่างคล้ายปลาหมึกตัวหนึ่งโผล่ออกมาจากใต้น้ำ ดวงตาประหลาดสีเขียวจ้องเขม็งมาที่ริมสระ พร้อมกับทำท่าแยกเขี้ยวยิ่งฟัน ยื่นหนวดหลายเส้นออกมาจากใต้น้ำ แต่ละเส้นมีความสูงสิบจั้ง ทำให้ผู้ที่เห็นเป็นต้องหวาดกลัว

 

 

ศีรษะอันใหญ่โตของปีศาจตนนี้มีขนอ่อนสีน้ำเงินขึ้นอย่างหนานแน่น ทุกครั้งที่มันเหวี่ยงหนวด ก็จะเกิดเสียงแหวกอากาศขึ้น

 

 

สิ่งที่ยิ่งทำให้พวกเหลยหลันรู้สึกกลุ้มใจอย่างหนักก็คือ หนวดที่ได้รับบาดเจ็บเหล่านั้น หลังจากเปล่งแสงสีน้ำเงินวูบหนึ่ง บาดแผลก็สมานกันในชั่วพริบตา ฟื้นคืนสู่สภาพเดิม

 

 

ปีศาจตนนี้ไม่มีเจตนาจะยั้งมือแม้แต่น้อย มันได้เห็นบริเวณใกล้เคียงของสระน้ำเป็นอาณาเขตของมันไปแล้ว ครั้นเงยหน้าก็ส่งเสียงคำรามอย่างบ้าคลั่ง ภายใต้การเหวี่ยงหนวดหลายเส้นของมัน ฉับพลันก็ปล่อยแสงสีน้ำเงิน พุ่งเข้าไปโอบรัดทั้งสามคน

 

 

เพื่อผลเพลิงอเวจีแล้ว พวกเหลยหลันจึงไม่อาจถอยได้แม้แต่ก้าวเดียว จึงพากันร้องเสียงเบาแล้วสำแดงอิทธิฤทธิ์ออกไปต้อนรับขับสู้

 

 

ทันใดนั้นก็เกิดเสียงฟ้าร้องและระเบิดดังขึ้นอย่างไม่ขาดสาย ทั้งสามคนกับปีศาจรูปร่างคล้ายปลาหมึกก็ต่อสู้พัวพันกันอุตลุด

 

 

อีกด้านหนึ่ง หานลี่ดึงสายตาที่เหล่มองกลับมา ใบหน้าไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ ไม่เผยสีหน้าของความเป็นกังวลแม้แต่น้อย

 

 

แม้ว่าปีศาจตนนั้นจะดุร้ายป่าเถื่อน แต่หากเวลานานออกไปเล็กน้อย ย่อมไม่ใช่คู่มือของพวกเหลยหลัน บุตรสวรรค์ทั้งสามเป็นอันขาด แต่ผู้ที่อยู่ตรงหน้านี้เป็นศัตรูตัวฉกาจอย่างเห็นได้ชัด จึงต้องรับมืออย่างระมัดระวัง

 

 

“เจ้ากับหุ่นเชิดโลหิตที่ปรากฏตัวก่อนหน้านี้เกี่ยวข้องอะไรกัน?” หานลี่จ้องมองฝ่ายตรงข้าม พลันเอ่ยถามออกมาเช่นนี้

 

 

“หึๆ หุ่นเชิดโลหิต! พูดเช่นนี้ก็แสดงว่าตัวประหลาดเฒ่าตี้เซวี่ยได้ส่งคนมาแล้ว และพวกมันน่าจะถูกเจ้าเชือดทิ้งไปแล้วสินะ ดี ดีมาก! ค่อยคู่ควรให้ข้าออกโรงครั้งนี้หน่อย” ภายในหมอกโลหิตส่งเสียงหัวเราะเยาะออกมาครู่หนึ่ง ไม่มีเจตนาที่จะตอบคำถามของหานลี่แม้แต่น้อย

 

 

หานลี่ย่นคิ้วคราหนึ่ง ฝูงกระบี่บินภายในร่างพลันโลดเต้นด้วยอารมณ์คึกคักอยากจะลองดู

 

 

ทว่าในตอนนี้เอง ฉับพลันอีกฝั่งก็เกิดเสียงแหลมแสบแก้วหูดังขึ้น ทำให้เขาปวดหูสองข้างขึ้นมา

 

 

หานลี่ตกตะลึงอย่างหนัก ยังไม่ทันเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เบื้องหน้าก็มีลมหนาวจู่โจมใส่อย่างฉับพลัน เข็มโลหิตเล่มหนึ่งที่คล้ายขนหนึ่งเส้นก็พวยพุ่งออกมาจากกลางอากาศที่ใกล้เพียงลัดนิ้วมือ มาถึงบริเวณหว่างคิ้วของหานลี่

 

 

ด้วยระยะห่างที่ใกล้เช่นนี้ หานลี่จึงไม่สามารถโต้ตอบใดๆ ได้เลย

 

 

เห็นเพียงแสงโลหิตสว่างวาบ เข็มโลหิตก็แทงลงบนหน้าผากของหานลี่ราวกับภูตพราย

 

 

มุมปากของเงาคนในหมอกโลหิตกระตุกคราหนึ่ง พลันแสยะรอยยิ้มดุร้ายออกมา

 

 

อิทธิฤทธิ์นี้ สามารถทำให้เขาสังหารศัตรูที่แข็งแกร่งตั้งไม่รู้เท่าไหร่ ยังไม่เคยพลาดมือมาก่อน

 

 

เคร้ง!” เกิดเสียงโลหะกระทบดังก้อง เข็มเรียวเล็กคล้ายกับแทงลงบนแผ่นเหล็กกล้า ถูกสะท้อนลอยหมุนติ้วกลางอากาศ

 

 

หานลี่สีหน้าเปลี่ยนยกใหญ่ แขนข้างหนึ่งยื่นออกไปข้างหน้าอย่างเลือนราง คว้าเข็มโลหิตไว้ในมือ รอยยิ้มที่เพิ่งปรากฏบนใบหน้าของเงาคนภายในหมอกโลหิตก็แข็งค้างโดยพลัน

 

 

“กายเนื้อของเจ้าสามารถต้านทานเข็มอเวจีแม่น้ำโลหิตของข้าได้?” ดูเหมือนเงาคนภายในหมอกโลหิตรู้สึกยากที่จะเชื่อ

 

 

ทว่าหานลี่กลับไม่พูดจาแม้แต่คำเดียว เพียงแค่คลายนิ้วทั้งหาออกอย่างช้าๆ ที่เบื้องหน้า

 

 

เห็นเพียงเข็มโลหิตเล่มนั้นเด้งไปมาในฝ่ามือไม่หยุด ราวกับมีชีวิต ทว่าในฝ่ามือก็ปรากฏเพลิงแสงห้าสีออกมาทีละแผ่น ทำให้เข็มเล่มนี้ไม่สามารถออกห่างได้เกินชุ่นกว่า

 

 

สีหน้าของหานลี่ดูย่ำแย่มาก ถึงกับเขียวคล้ำอยู่หน่อยๆ ความหนาวเย็นอย่างสุดขั้ววนเวียนอยู่ภายในจิตใจไม่สูญหาย

 

 

การจู่โจมทีเผลอของอีกฝ่ายในครั้งนี้ ทำให้เขารู้สึกเหมือนได้วนหน้าประตูยมโลกไปรอบหนึ่งแล้วเดินกลับมาอีกครั้งจริงๆ

 

 

หากไม่ใช่เพราะกายเนื้อของเขาเหนือกว่าอสูรปีศาจในระดับเดียวกันมาก ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหนังหรือกระดูกก็แข็งแรงทนทานกว่าศาสตราอาคมทั่วไป หากเปลี่ยนเป็นผู้บำเพ็ญเพียรเผ่ามนุษย์คนหนึ่ง คงได้ซี้ม่องเท่งลงตรงนี้แล้ว

 

 

แต่เป็นเช่นนี้ ก็ขู่ขวัญให้เขาเหงื่อออกทั้งตัวแล้ว ความรู้สึกอยู่หรือตายที่แทบจะเฉียดไหล่ผ่านไปนี้ เขาไม่ได้สัมผัสมานานหลายปีแล้ว

 

 

ความตกตะลึงของเงาร่างในหมอกโลหิตก็ไม่น้อยไปกว่าหานลี่เช่นกัน!

 

 

ศัตรูที่กายเนื้อแข็งแกร่งถึงระดับนี้ มันไม่เคยได้ยินมาก่อนจริงๆ จึงอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าหานลี่เป็นเผ่าวิญญาณเหาะเหินจริงๆ หรือไม่ และเป็นปีศาจที่กายเนื้อแข็งแกร่งแปลงกายมาหรือไม่

 

 

สีหน้าของมันค่อนข้างลังเลเช่นกัน

 

 

ในตอนนี้เอง หานลี่ชู่มือขึ้นช้าๆ พลางเปล่งเสียงประหลาดภายในดวงตา ทันใดนั้นก็แค่นเสียงออกมาคราหนึ่ง

 

 

เงาคนภายในหมอกโลหิตรู้สึกเหมือนสมองระเบิด ราวกับถูกคนใช้แท่งเหล็กแหลมออกแรงแทงเข้าไป ความเจ็บปวดทรมานอย่างสาหัสพลันโลดแล่นขึ้นมา

 

 

แม้ว่าเงาคนร่างนี้จะทรงอิทธิฤทธิ์อย่างที่ปีศาจระดับเดียวกันไม่อาจเทียบได้ แต่ก็ยังต้องดิ้นด้วยความเจ็บปวดทรมานบนร่างอย่างห้ามไม่อยู่ แทบจะโก้งโค้งตัวลงไปในทันที

 

 

เกือบจะในเวลาเดียวกัน เศษเสี้ยวของสติที่ยังหลงเหลือของมันสัมผัสได้ถึงสายลมอ่อนๆ ที่โชยมาจากด้านหลัง ตามด้วยความหนาวเหน็บอันแปลกประหลาดส่งมายังบริเวณเอวอย่างฉับพลัน

 

 

คนผู้นี้ตกตะลึงอย่างหนัก คิดที่จะหลบหนี แต่ด้วยความเจ็บปวดทรมานของจิตสัมผัสจึงทำให้มือไม้เคลื่อนไหวเชื่องช้าผิดปกติ จะหลบหลีกก็ไม่ทันการแล้ว

 

 

มันทำได้เพียงเปล่งเสียงร้องเบาๆ จากปากคราหนึ่ง บนร่างพลันเปล่งแสงโลหิตเจิดจ้า ปรากฏเป็นเกราะเกล็ดสีเขียวรูปลักษณ์แปลกตา ต้านความหนาวประหลาดไว้เบื้องหน้า แล้วป้องกันทั้งร่างอย่างมิดชิดไร้ช่องโหว่

 

 

ฉึก!” ลำแสงสีทองสายหนึ่งแทงลงบนเกราะเกล็ดอย่างไม่ปรานี ทว่าจมเข้าไปได้เพียงหลายชุ่นก็ไม่สามารถเจาะลึกได้กว่านี้อีก แสงสีทองพลันดับวูบ ปรากฏเป็นกระบี่บินสีทองแวววาวยาวฉื่อกว่าเล่มหนึ่ง

 

 

ที่แท้ก็เป็นกระบี่ไผ่เขียวผึ้งเมฆาของหานลี่

 

 

และเบื้องหลังของหมอกโลหิตซึ่งไกลออกไปหลายจั้ง หานลี่ก็กำลังยืนอยู่ตรงนั้นด้วยใบหน้าตื่นตะลึง

 

 

ในขณะเดียวกับที่เขาปล่อยจิตทิ่มแทงออกไปเมื่อครู่ ก็สำแดงอิทธิฤทธิ์ของปีกวายุอัสนี อาศัยเคล็ดวิชาวายุหลีกหนี กลายเป็นสายลมอ่อนเคลื่อนย้ายมาถึงที่นี่ในชั่วพริบตา แล้วใช้กระบี่ฟันฉับไปในหมอกโลหิตอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ

 

 

ทว่าคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายยังประคองสติได้เสี้ยวหนึ่ง ปล่อยเกราะเกล็ดรูปร่างแปลกประหลาดออกมา คิดไม่ถึงว่าจะต้านทานความแหลมคมของกระบี่ไผ่เขียวผึ้งเมฆาเอาไว้ได้

 

 

นี่มันเกราะศึกอะไรกัน คาดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะแข็งแกร่งเพียงนี้

 

 

หานลี่รู้สึกตกตะลึงอยู่ในใจ

 

 

“รนหาที่ตาย!”

 

 

ภายในชั่วพริบตา เงาคนภายในหมอกโลหิตก็ฟื้นสติจากจิตทิ่มแทงได้ทั้งหมด กระบี่เมื่อครู่ของหานลี่ ทำให้มันรู้สึกหวาดกลัวภายหลังไม่หยุด ภายใต้ความโกรธเกรี้ยว มันกลับหลังหันพลางอ้าปาก ลำแสงสีโลหิตสายหนึ่งก็โถมทะลักออกมาอย่างบ้าคลั่ง

 

 

ทว่าหานลี่กลับไม่มีเจตนาที่จะฝืนรับการโจมตีนี้ ปีกสองข้างบนแผ่นหลังพลันสั่นระริก แล้วหายไปอย่างไร้ร่องรอยท่ามกลางประกายแสงอัสนีสีเขียวขาว

 

 

           ครู่ต่อมา ณ จุดเดิมที่หานลี่ยืนก่อนหน้า เกิดเสียงฟ้าร้องดังเกริกก้องคราหนึ่ง ร่างของเขาก็ปรากฏที่นั่นอีกครั้ง

 

 

สีหน้าของเขาสงบนิ่งเหมือนปกติ ราวกับว่าตั้งแต่เริ่มไม่เคยออกห่างจากที่นี่เลย

 

 

ในตอนนี้ ฝั่งตรงข้ามส่งเสียงร้องเบาๆ คราหนึ่ง หมอกโลหิตค่อยๆ พลิกตัวแล้วสลายหายไป พลันปรากฏโฉมหน้าที่แท้จริงของเงาคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามออกมา

 

 

คิดไม่ถึงว่าจะเป็นปีศาจร่างมนุษย์หัวมังกรสีแดงโลหิตตนหนึ่ง!

 

 

“มังกรโลหิต!”

 

 

รูม่านตาหานลี่พลันหดเล็กลง

A Record of a Mortal s Journey to Immortality

A Record of a Mortal s Journey to Immortality

Type: Author: ,
เจ้าบื้อที่สอง หานลี่ เด็กหนุ่มธรรมดาสามัญผู้ได้รับวาสนาให้ไปเข้าทดสอบเป็นศิษย์ในสำนักเล็กๆ แห่งหนึ่ง ทำให้เขาได้รู้จักกับโลกใบใหม่ที่หนุ่มน้อยชนบทอย่างเขาใฝ่ฝันอยากสัมผัสกับมันมาโดยตลอด ในโลกแห่งเซียน เหล่าผู้บำเพ็ญเพียรต่างฝึกฝนค้นหาเส้นทางเพื่อก้าวเข้าสู่ความเป็นนิรันดร์ ทว่าเส้นทางที่แม้กระทั่งผู้บำเพ็ญเพียรซึ่งมีพรสวรรค์สูงส่งแต่กำเนิดยังต้องผ่านความยากลำบากเท่าไหร่กว่าจะไปถึงจุดนั้น แล้วเด็กหนุ่มปุถุชนเช่นเขาจะทำได้หรือ? ด้วยความสามารถอันธรรมดาสามัญของเขาจะเอาตัวรอดในโลกแห่งเซียนนี้ไปได้อย่างไร? เส้นทางแห่งความสำเร็จช่างอยู่ห่างไกลเสียเหลือเกิน… คัมภีร์วิถีเซียนเป็นนิยายจีนย้อนยุคเล่าเรื่องการเดินทางอันน่าติดตามของหานลี่ ผู้ต้องใช้ทั้งไหวพริบและพลังยุทธ์ในการฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ด้วยตัวคนเดียว มาร่วมเดินทางไปกับหานลี่ ผู้เย้ยฟ้าท้านรกเพื่อแสวงหาเส้นทางแห่งการเป็นเซียนด้วยกันเถอะ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset