A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน – ตอนที่ 1716 เสาลำแสง

หานลี่แววตาเปล่งประกาย มองเก้าอี้สีเขียวบนแท่นสูง สีหน้าเคร่งขรึม

“หรือว่าต้องเดินไปให้ถึงในภาพดวงดารา นั่งลงบนเก้าอี้ถึงจะได้ หากเป็นเช่นนั้น จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายก็ไม่อาจรู้ได้แล้ว” หว่างคิ้วของหานลี่เผยความลังเลออกมา

ที่นี่ถูกซ่อนเอาไว้อย่างลึกลับ ความลับที่ซ่อนอยู่จะต้องไม่ธรรมดาแน่ และของที่ถูกเซียนให้ความสำคัญเช่นนี้ หากไม่ตรวจสอบให้ดี เขาจะทำใจจากไปได้อย่างไร

แต่ความน่ากลัวของเขตแดนลวงตาในภาพวาดของตำหนักดาราเมื่อครู่ ก็ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวการควบคุมร่างทองไปนั่งอยู่บนเก้าอี้ตรงใจกลางภาพวาด

“ช่างเถิด เดิมอันตรายและวาสนาก็อยู่ด้วยกันอยู่แล้ว ปกติแล้วยิ่งอันตรายมากวาสนาก็ยิ่งมาก ร่างทองหลอมสำเร็จแล้ว มากสุดก็ให้ทารกวิญญาณที่สองเสี่ยงอันตรายหน่อย แต่หากพลาดโอกาสนี้ไป คงไม่อาจพบซากปรักหักพังของเทพเซียนในแดนวิญญาณได้อีกเป็นครั้งที่สอง”

หานลี่ขบคิดอยู่นาน หลังจากมุมปากกระตุกเล็กน้อย ในที่สุดใบหน้าก็เผยสีหน้าตัดสินใจออกมา

แม้ว่ายามปกติเขาจะเป็นคนที่รอบคอบมาก แต่เมื่อเผชิญหน้ากับความเย้ายวนใจจากสมบัติของเทพเซียน ก็ตัดสินใจเช่นนี้

แทบจะในเวลาเดียวกัน ใบหน้าของร่างทองพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์ ดวงตาสีดำสนิทพลันกลอกไปมา ร่างทองสาวเท้ายาวๆ ไปที่เก้าอี้

หลังจากผ่านไปชั่วครู่ ร่างทองสูงใหญ่ก็หยุดชะงักอยู่หน้าเก้าอี้สีเขียวมรกต แววตาเปล่งประกาย ดูเหมือนว่าขนาดของเก้าอี้ไม่เหมาะสมกับความสูงใหญ่ของเขา นั่งลงไปยากลำบากมาก

ทันใดนั้นร่างทองก็ใช้มือหนึ่งร่ายอาคม ผิวเปล่งแสงสีทองสว่างวาบ ร่างกายหดเล็กลงอย่างรวดเร็ว จนมีขนาดสองสามจั้ง จากนั้นถึงได้นั่งลงบนเก้าอี้ และเอามือวางบนที่พักแขนทั้งสองตามจิตสำนึก ปากก็เริ่มบริกรรมคาถาอีกครั้ง

ครั้งนี้ตามมาด้วยเสียงบริกรรมคาถาสะท้อนไปมา ร่างทองเกิดความเปลี่ยนแปลงทันที

เห็นเพียงเก้าอี้ใต้ร่างของเขาเปล่งแสงสีเขียวสว่างวาบ อักขระยันต์สีเงินปรากฏขึ้นบนเก้าอี้ทีละตัววนล้อมรอบร่างทองไปมา

จากนั้นเสียงบริกรรมคาถาค่อยๆ สูงขึ้น กลางอากาศเหนือแท่นสูงมีลำแสงห้าสีปรากฏขึ้น และยิ่งไปกว่านั้นยังหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าหมอกห้าสีจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังลอยวนเวียนอยู่กลางอากาศ ดูงดงามเป็นอย่างมาก

หานลี่พลันรู้สึกหัวใจบีบรัด จ้องเขม็งไปยังทุกอย่างที่อยู่บนแท่นบูชาด้วยตาที่ไม่กะพริบ

แทบจะในพริบตาที่ดวงลำแสงห้าสีปรากฏขึ้น ภาพวาดดวงดาราขนาดยักษ์บนแท่นบูชาก็เปล่งแสงสีทอง เงิน ขาว สามสีออกมา

ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาราในลำแสงเปล่งแสงสว่างวาบ ทยอยกันกลายเป็นลำแสงสามสีแล้วปริแตกออก หมอกลำแสงหมุนวนอีกครั้ง ชั่วพริบตาก็กลายเป็นตัวอักษรลูกอ๊อดสีเงิน อักขระจ้วนทองและอักขระสีขาวที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน กลายเป็นเขตอาคมลำแสงมหัศจรรย์ ห่อหุ้มทั้งแท่นสูงเอาไว้

หุ่นเชิดเกราะสีเงินทั้งเก้าและเทวรูปร่างทองบนเก้าอี้ อยู่ตรงจุดอันตรายของเขตอาคมลำแสงพอดี กลายเป็นรูปภาพเชื่อมโยงกันที่แปลกประหลาด

หานลี่เห็นเช่นนั้นแววตาพลันเปล่งประกาย แต่ก็ไม่ได้ทำอันใด

ทารกวิญญาณที่สองพ่นคาถาออกมา จนถึงประโยคสุดท้าย

แววตาของหุ่นเชิดทั้งเก้าฉายแวววาวโรจน์ ในที่สุดก็มีการเคลื่อนไหวแล้ว

เห็นเพียงหุ่นเชิดทั้งหมดสาวเท้าออกมาก้าวหนึ่ง บ้างก็ก้าวไปข้างหน้าบ้างก็ก้าวไปข้างหลัง ทุกคนอยู่ห่างจากตำแหน่งเดิมไปครึ่งก้าว

ทว่าแค่ความเปลี่ยนแปลงนี้ ระลอกคลื่นของเขตอาคมก็ปรากฏขึ้น ขานรับกับเขตอาคมลำแสง ทำให้เหตุการณ์ในเขตอาคมเปลี่ยนแปลงไป

ดวงลำแสงห้าสีที่เดิมลอยอยู่กลางอากาศ ค่อยๆ สั่นเทา แล้วโจมเข้ามาในเขตอาคมลำแสงราวกับพายุฝนกระหน่ำ

แทบจะในเวลาเดียวกันนั้น สองมือของหุ่นเชิดทั้งเก้าก็คว้าขวานสีเงินเอาไว้ เปลวเพลิงลำแสงสีเหลืองทองทะลักออกมาจากร่างของพวกมัน

เปลวเพลิงสีทองและเกราะสีเงินเสริมจุดเด่นให้กันและกัน ทำให้หุ่นเชิดเหล่านี้มีท่าทางน่าเกรงขามราวกับขุนพลอย่างไรอย่างนั้น

แต่หุ่นเชิดเหล่านี้ล้วนไม่ใช่สิ่งที่ดูดีแต่ภายนอก ในเวลาเดียวกันที่เปลวเพลิงสีทองทะลักออกมานั้น พลังแรงกดมหาศาลก็ทยอยกันส่งมาที่ร่างของหุ่นเชิดเหล่านี้

ความแข็งแกร่งของพลังแรงกดนี้ ทำให้ไอวิญญาณฟ้าดินในบริเวณรอบแท่นสูงพลันหมุนวน สุดท้ายก็กลายเป็นพายุหมุนสีทอง ส่งเสียงกรีดร้องแล้วพุ่งแฉลบออกไป

หานลี่ที่อยู่ห่างออกไปสามสิบจั้ง ถูกขอบของพายุหมุนแฉลบผ่านร่างไปเล็กน้อย ผลคือพลันหน้าเปลี่ยนสี ราวกับว่าถูกพลังมหาศาลอันใดสักอย่างโจมตีก็ไม่ปาน ลำแสงสีทองบนร่างเปล่งแสงสว่างวาบ พุ่งออกไปราวกับลูกธนูยักษ์

ครานั้นเขาพลันปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งห่างออกไปยี่สิบจั้งเศษ เงาร่างโซซัดโซเซ แล้วถึงได้ยืนได้อย่างมั่นคง

หุ่นเชิดเหล่านี้แผ่พลังแรงกดออกมา คาดไม่ถึงว่าจะน่ากลัวมาก

แม้ว่าจากระดับศักดิ์สิทธิ์ธรรมดาๆ ของเขาและกายเนื้อที่แข็งแกร่งสองสามส่วนแล้ว ก็ไม่อาจต้านทานมันได้แม้เพียงครู่

หานลี่ทั้งตกตะลึงระคนหวาดกลัว

ทว่าเขาในยามนี้ไม่สนใจสิ่งอื่นแล้ว รีบร้อนเงยหน้าขึ้นมองไปยังแท่นสูง

เห็นเพียงร่างของนักรบชุดเกราะทั้งเก้ามีลำแสงสีทองทะลักออกมา ขวานยาวสีเงินที่เดิมชี้ไปบนท้องฟ้าสั่นเทา พ่นเสาลำแสงสีทองออกมาสายหนึ่ง และพุ่งมาที่ลำแสงสีเหลืองทองกลางอากาศ

เปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายไป

ชั่วขณะนั้นลำแสงพลันเปล่งเสียงประหลาดๆ อย่าง “ตูม” ออกมา ด้านในมีหมอกลำแสงหมุนวนอย่างรวดเร็ว ระลอกคลื่นยักษ์ก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ

เสียง “พรึ่บ” ดังขึ้น ลำแสงสามสีในเขตอาคมลำแสงยักษ์หมุนวน อักขระสามสีที่แทบจะมีขนาดเท่าเขตอาคมลำแสงปรากฏขึ้น เปล่งแสงสว่างวาบแล้วพุ่งไปกลางอากาศ

หลังจากผ่านไปชั่วครู่ อักขระยักษ์ก็จมหายเข้าไปในระลอกคลื่นสีทอง

หมอกลำแสงสีทองหมุนวนอย่างรุนแรง เสียงฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ ดังขึ้น จากนั้นระลอกคลื่นก็แผ่ออกมาจากคลื่นยักษ์

เสียง “ตูมๆ” ดังอึกทึกขึ้น เสาลำแสงสีทองที่หนากว่าเดิมสองสามเท่าพ่นออกมาจากขวานสีเงินของนักรบชุดเกราะ มีขนาดเท่าปากชามอย่างไรอย่างนั้น

ส่วนเขตอาคมลำแสงบนแท่นบูชาก็เปล่งแสงเจิดจ้ายิ่งขึ้น คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นม่านลำแสงสามสีที่ดูเหมือนจริง ห่อหุ้มทั้งแท่นบูชาเอาไว้

ภายในม่านลำแสง อักขระสีทองเงินจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏออกมา อักขระต่างๆ พุ่งไปหาร่างทองพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์บนเก้าอี้

ทั้งเขตอาคมลำแสงถูกกระตุ้นจนถึงขีดสุด คาดไม่ถึงว่าจะเปล่งเสียงแสบแก้วหูราวกับเสียงฟ้าคำรามออกมา!

แทบจะในเวลาเดียวกันนั้น ฉับพลันนั้นหานลี่ก็สัมผัสได้ว่ารอบๆ มืดมน เมื่อเพ่งพินิจมองชั่วขณะนั้นพลันใจเต้น

เขาอยู่ในดวงดารายักษ์ที่เคยมีประสบการณ์มาแล้วอีกครั้ง

แต่แค่ครั้งนี้ดูเหมือนว่าจะอยู่ตรงมุมประหลาด เมื่อมองจากที่สูงลงไปด้านข้างพลันมีดวงดาราสีขาวโพลนลอยอยู่

ส่วนร่างทองและเก้าอี้ รวมทั้งเขตอาคมลำแสงสามสีใต้ฝ่าเท้า นักรบชุดเกราะ ระลอกคลื่นสีทองล้วนอยู่ในดวงดารา

หานลี่สะบัดแขนเสื้ออย่างแทบจะไม่ต้องขบคิด กระบี่บินสองสามชุ่นบินออกมา

หมุนวนรอบหนึ่ง แล้วกลายเป็นลำแสงสีเขียวสายหนึ่ง ลำแสงเย็นเยียบเปล่งแสงสว่างวาบ!

ทุกแห่งที่ลำแสงสีเขียวกวาดผ่านไป ดวงดาราจำนวนนับไม่ถ้วนถูกก่อกวนจนกระจัดกระจาย

หานลี่เห็นเช่นนี้ ก็ขมวดคิ้ว แต่ในใจกลับผ่อนคลายลง

ดวงดารานี้ดูเหมือนจะไม่ใช่เขตอาคมลวงตา ครั้งนี้จิตสัมผัสของเขารักษาอาการตื่นรู้เอาไว้ได้ และไม่ได้สูญเสียความเป็นตัวเองไปในชั่วพริบตา

ทว่าความคิดนี้เพิ่งจะแวบผ่านในหัวของหานลี่ไป ระลอกคลื่นสีเหลืองทองก็รุนแรงขึ้นหลายเท่า

ระลอกคลื่นราวกับมีรูปร่าง กลายเป็นระลอกคลื่นที่มองเห็นได้ด้วยตาเนื้อ พ่นออกมา และกระจายไปทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน

ทุกแห่งที่กวาดไป กลางอากาศล้วนรางเลือน ดวงดาราทั้งหมดสั่นเทาในชั่วพริบตา ไม่อาจมีอิสระได้

เสียงแหวกอากาศดังสนั่นขึ้น เสาลำแสงสีขาวนวลหนาๆ พ่นออกมาจากระลอกคลื่นสีเหลืองทอง เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป โจมตีไปยังเขตอาคมลำแสงบนแท่นบูชา ห่อหุ้มร่างทองพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์บนเก้าอี้เอาไว้

เสียงฟ้าผ่าดังออกมาจากเสาลำแสง และมีอักขระยันต์ห้าสีแฝงอยู่ด้วย แม้ว่าหานลี่จะอยู่ห่างออกไปยี่สิบสามสิบจั้ง ก็ยังสัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณที่บริสุทธิ์ในเสาลำแสง แต่เมื่อพิจารณาอย่างละเอียด ที่แฝงอยู่ด้านในเป็นแค่ไอวิญญาณเท่านั้น ดูเหมือนว่าจะมีกลิ่นอายที่คล้ายคลึงกับดวงดาราแฝงอยู่

ทารกวิญญาณที่สองที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบสนอง ชั่วพริบตาที่เสาลำแสงมาถึงตัว ชั่วพริบตานั้นก็สัมผัสได้ว่าบรรยากาศรอบด้านร่างทองตึงแน่น พลังมหาศาลที่ไม่อาจต้านทานได้กดทับลงมาบนร่างของมัน

แม้ว่าจากพลังของร่างทอง แม้แต่นิ้วหนึ่งนิ้วก็ไม่อาจกระดิกได้เลยสักนิด

พลังวิญญาณบริสุทธิ์ในเสาลำแสงรวมทั้งอักขระห้าสีพยายามทะลักออกมาจากร่างทองอย่างสุดชีวิตราวกับคลื่นน้ำ คาดไม่ถึงว่าจะไม่อาจต้านทานได้เลยสักนิด

ร่างของหานลี่ที่อยู่ไกลเห็นเหตุการณ์นี้ ก็อดที่จะหน้าเปลี่ยนสีไม่ได้

ห่างไปแค่นี้ ทารกวิญญาณที่สองและทารกวิญญาณหลักพลันรักษาระดับความสนิทสนมกันได้ เทวรูปร่างทองสัมผัสได้ถึงทุกอย่าง มันแทบจะมีความรู้สึกเหมือนกันอย่างไรอย่างนั้น

ภายใต้พลังวิญญาณบริสุทธิ์และอักขระห้าสีที่บรรจุเข้ามา ทารกวิญญาณที่สองซึ่งฝึกฝนไอมารสวรรค์ทมิฬจนอยู่ในระดับยอดสุดของระดับก่อกำเนิดขั้นกลาง คาดไม่ถึงว่าจะเข้าสู่ระดับก่อกำเนิดขั้นปลายในพริบตา ราวกับว่าจุดคอขวดระดับขั้นปลายเดิมนั้นไม่มีอยู่อย่างไรอย่างนั้น

ไม่ใช่แค่นี้เคล็ดวิชามารของทารกวิญญาณที่สองยังตกอยู่ในพลังมหัศจรรย์อันน่าเหลือเชื่อของเสาลำแสง พลังยุทธ์เพิ่มขึ้น พริบตานั้นก็จมหายเข้าไปในระดับยอดสุดของระดับขั้นปลาย แล้วพบกับจุดคอขวดของระดับเทพแปลง

เมื่อเผชิญหน้ากับสิ่งที่ยากลำบากนี้ หานลี่ในตอนแรกก็เตรียมการเอาไว้มากมาย ข้ามผ่านอุปสรรคด้วยความกล้าๆ กลัวๆ

ทารกวิญญาณที่สองแค่สัมผัสได้ว่าเสาลำแสงสีขาวโพลนสั่นเทาสองสามครั้ง เสียงสวดภาษาสันสกฤตแหลมสูงขึ้น คาดไม่ถึงว่าจะเดินไปบนหนทางแบนๆ นั้นได้อย่างง่ายดาย เข้าสู่ระดับเทพแปลงขั้นต้น

พลังยุทธ์ยังเพิ่มมากขึ้น…

และทุกอย่างที่เกิดขึ้น ล้วนผ่านไปไม่ถึงสิบอึดใจเท่านั้น

หานลี่แค่คิดดูแล้ว แทบไม่กล้าเชื่อข่าวคราวที่ส่งมาจากทารกวิญญาณที่สอง

ทว่าสิ่งที่ทำให้เขาตกตะลึงยิ่งกว่าก็คือ เขาเห็นด้วยตาของตัวเอง ร่างทองพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์สามเศียรหกกรเริ่มแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ท่ามกลางเสาลำแสงสีขาว สุดท้ายก็กลายเป็นของเหลวสีทอง ลอยอยู่ในเสาลำแสง

ทารกวิญญาณที่สองที่มีไอสีดำรอบกาย ปรากฏออกมาใต้เสาลำแสง

แต่ไม่รอให้หานลี่ได้ตกตะลึง เข้าใจสถานการณ์ว่าดีหรือร้าย อักขระห้าสีส่วนหนึ่งก็มีขนาดเล็กเท่าเมล็ดข้าวสาร จากนั้นก็บรรจุเข้าไปในของเหลวสีทองเหล่านั้น แล้วจมหายไปอย่างไร้ร่องรอย

ของเหลวสีทองเหล่านี้ราวกับถูกพลังนิรนามชำระล้างรอบแล้วรอบเล่า

ฉับพลันนั้นร่างของหานลี่และทารกวิญญาณก็เปล่งเสียงร้องอันเจ็บปวดจนถึงดวงจิตวิญญาณออกมาพร้อมกัน

ร่างที่มีไอสีดำหมุนวน เรือนกายสั่นเทาไม่หยุด ส่งเสียง “เอื๊อก” ออกมา ลำแสงสีทองเปล่งแสงสว่างวาบแล้วร่อนลงมาจากท้องฟ้า

A Record of a Mortal s Journey to Immortality

A Record of a Mortal s Journey to Immortality

Type: Author: ,
เจ้าบื้อที่สอง หานลี่ เด็กหนุ่มธรรมดาสามัญผู้ได้รับวาสนาให้ไปเข้าทดสอบเป็นศิษย์ในสำนักเล็กๆ แห่งหนึ่ง ทำให้เขาได้รู้จักกับโลกใบใหม่ที่หนุ่มน้อยชนบทอย่างเขาใฝ่ฝันอยากสัมผัสกับมันมาโดยตลอด ในโลกแห่งเซียน เหล่าผู้บำเพ็ญเพียรต่างฝึกฝนค้นหาเส้นทางเพื่อก้าวเข้าสู่ความเป็นนิรันดร์ ทว่าเส้นทางที่แม้กระทั่งผู้บำเพ็ญเพียรซึ่งมีพรสวรรค์สูงส่งแต่กำเนิดยังต้องผ่านความยากลำบากเท่าไหร่กว่าจะไปถึงจุดนั้น แล้วเด็กหนุ่มปุถุชนเช่นเขาจะทำได้หรือ? ด้วยความสามารถอันธรรมดาสามัญของเขาจะเอาตัวรอดในโลกแห่งเซียนนี้ไปได้อย่างไร? เส้นทางแห่งความสำเร็จช่างอยู่ห่างไกลเสียเหลือเกิน… คัมภีร์วิถีเซียนเป็นนิยายจีนย้อนยุคเล่าเรื่องการเดินทางอันน่าติดตามของหานลี่ ผู้ต้องใช้ทั้งไหวพริบและพลังยุทธ์ในการฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ด้วยตัวคนเดียว มาร่วมเดินทางไปกับหานลี่ ผู้เย้ยฟ้าท้านรกเพื่อแสวงหาเส้นทางแห่งการเป็นเซียนด้วยกันเถอะ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset