A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน – ตอนที่ 1406

 เผ่าวิหคสวรรค์กับการบวงสรวง

 

 

 

“ทะลวงจุดคอขวดล้มเหลวเป็นครั้งที่สามแล้ว ดูแล้วแค่อาศัยการฝึกบำเพ็ญเพียรอย่างหนัก คงไม่อาจทะลวงจุดคอขวดได้ในระยะเวลาสั้นๆ มีเพียงต้องหาหนทางอื่นแล้ว” หานลี่เอ่ยพึมพำกับตัวเอง ทันใดนั้นก็พลิกฝ่ามือ สิ่งที่มีมีลายหงส์เพลิงสีดำปรากฎขึ้น

 

 

นั่นก็คือขวดขวดสีเงินที่บรรจุยาลูกกลอนเพลิงทมิฬเอาไว้สามเม็ด

 

 

แม้นว่ายาลูกกลอนเพลิงทมิฬจะเลื่องเชื่อว่าเป็นยาลูกกลอนที่ดีที่สุดในทะลวงจุดคอขวดของระดับเทพแปลงขั้นปลาย แต่จากประสิทธิภาพที่แข็งแกร่งของมันแล้ว จึงนำมาใช้กับผู้บำเพ็ญเพียรระดับเทพแปลงขั้นกลางได้ แต่แค่อานุภาพจะมากเกินไปสักหน่อย หากผู้บำเพ็ญเพียรที่มีพลังยุทธ์ไม่ถึงหรือว่ากายเนื้ออ่อนแอกินเข้าไป กลับจะทำให้ถูกเพลิงหงส์ทมิฬที่แฝงอยู่ในตัวยาเผาไหม้จนตาย

 

 

หานลี่มีกายเป็นเพลิงกลืนวิญญาณ ประกอบกับเป็นผู้ฝึกตนคู่บำเพ็ญเพียร แน่นอนว่าจึงไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ หลังจากกินเข้าไปแล้ว ก็ช่วยให้เขาทะลวงจุดคอขวดได้

 

 

แต่เช่นนั้นการพัฒนาขึ้นไปอยู่ระดับหลอมสูญ หากขาดยาลูกกลอนเพลิงทมิฬไปเม็ดหนึ่ง อัตราการทะลวงจุดคอขวดก็ลดลงไปไม่น้อยแล้ว

 

 

ถึงอย่างไรเสียยาลูกกลอนเพลิงทมิฬระดับนี้ ก็ไม่ใช่สิ่งที่หาได้ง่ายๆ การทะลวงจุดคอขวดขั้นกลางของเขา เป็นปัญหาที่ต้องเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็วอยู่แล้ว มีผู้บำเพ็ญเพียรจำนวนนับไม่ถ้วนที่ติดอยู่ในระดับเทพแปลงขั้นกลางไปชั่วชีวิต จากจำนวนผู้บำเพ็ญเพียรระดับหลอมสูญที่น้อยกว่าผู้บำเพ็ญเพียรระดับเทพแปลงนั้น ก็ทำให้รู้ว่าการพัฒนาระดับของมันยากขนาดไหน ดังนั้นเมื่อทะลวงจุดคอขวด แน่นอนว่ายิ่งมียาลูกกลอนช่วยมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีมากเท่านั้น

 

 

เมื่อขบคิดซ้ำๆ ในใจอยู่นาน มุมปากของหานลี่ก็เผยรอยยิ้มขมขื่นออกมา แล้วเก็บขวดยาในมือเข้าไปในกำไลเก็บของ

 

 

ทว่าหานลี่เองก็ไม่ได้คิดจะกักตนต่อ หยัดกายลุกขึ้นเดินไปยังประตูห้องลับ

 

 

ด้านนอกห้องลับ ไม่รู้ว่าหุ่นเชิดวานรยักษ์รออยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

 

 

หานลี่พลันขมวดคิ้ว ไม่ทันได้พูดอะไร หุ่นเชิดกลับสาวเท้ายาวๆ ออกมาข้างหน้า สองมือประสานเข้าด้วยกันส่งของที่เหมือนกับไม้กระบองสีเหลืองอ่อน ด้านบนมีลวดลายสีเขียวเข้มที่เป็นเอกลักษณ์มาให้ นั่นก็คือผลสวรรค์ทมิฬ

 

 

           หานลี่เห็นเจ้าสิ่งนี้ ก็มีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้น

 

 

           มือหนึ่งตะปบออกไปดูดของสิ่งนั้นเข้ามาอยู่ในมือ ในเวลาเดียวกันลำแสงสีฟ้าพลันเปล่งแสงสว่างวาบ เข้ามาอยู่ในครรลองสายตาของเขา

 

 

           ผลคือลำแสงขนาดเท่าเมล็ดถั่วเหลืองที่อยู่ด้านในในครานี้มีขนาดเท่าหัวมือมือแล้ว

 

 

           หานลี่ชั่งน้ำหนักสมบัติชิ้นนั้นในมือ ในใจอดที่จะรู้สึกกลัดกลุ้มขึ้นมาเล็กน้อยไม่ได้

 

 

           ข้อมูลของผลสวรรค์ทมิฬ หานลี่ได้ค้นคว้าอย่างละเอียดในร้านคัมภีร์โบราณของเมืองเทวะสวรรค์มาแล้วรอบหนึ่ง

 

 

           แต่สิ่งที่แปลกประหลาดก็คือ ไม่ว่าคัมภีร์จะมีเก่าแก่ขนาดไหน ก็ไม่เอ่ยถึงสิ่งนี้เลยสักนิด หากไม่ใช่เพราะเขาเคยได้ข้อมูลเกี่ยวกับเถาวัลย์เซียนทมิฬมาแล้วตอนที่อยู่ในแดนมนุษย์ เกรงว่าแม้แต่ผลสวรรค์ทมิฬคือสิ่งใด ก็คงไม่อาจรู้ได้

 

 

           ทว่าถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น ในเมื่อผลสวรรค์ทมิฬมีพลังแห่งกฎเกณฑ์สะสมอยู่ แน่นอนว่าจึงเป็นสมบัติขั้นสุดยอด

 

 

           แน่นอนว่าหานลี่ไม่เคยเปิดเผยมาก่อน

 

 

           หลังจากที่บรรจุพลังลมปรารเข้าไปในผลสวรรค์ทมิฬแต่ไร้ผลอีกครั้ง หานลี่ก็ใช้นิ้วลูบไปบนเจ้าสิ่งนั้น เผยสีหน้าครุ่นคิดออกมา

 

 

           สองสามปีที่ผ่านมา เขาแทบจะหยดของเหลวสีเขียวมรกตลึกลับลงไปในผลนี้มาโดยตลอด นอกจากลำแสงสีขาวที่สว่างขึ้นเล็กน้อยแล้ว ก็ไม่เห็นว่าเจ้าสิ่งนี้จะมีความพิเศษอะไรอีก

 

 

           แม้นไม่รู้ว่าใส่ของเหลวต่อไป ผลนี้จะมีประโยชน์ต่อเขาจริงๆ หรือไม่ แต่ตอนนี้ก็มีเพียงต้องทำต่อไปเท่านั้น

 

 

           หลังจากที่เก็บผลสวรรค์ทมิฬเข้าไปอย่างระมัดระวังแล้ว หานลี่ก็ไปดูในสวนสมุนไพรอีกเล็กน้อย

 

 

           เห็นเพียงในสวนสมุนไพรผลเห็ดมังกรและสมุนไพรอื่นๆ ที่ปลูกไว้เริ่มโตเต็มวัยแล้ว และยิ่งไปกว่านั้นยังถูกหุ่นเชิดเก็บรวบรวมไว้ในกำไลเก็บของอีกวงอยู่ชุดหนึ่ง

 

 

           แน่นอนว่าหานลี่พลันรู้สึกดีใจ ทันใดนั้นก็ย้ายผลวิญญาณเหล่านี้ไปในกำไลเก็บของที่ตนเองสวมอยู่ หลังจากทำทุกอย่างเสร็จสิ้น หานลี่ก็ใช้มือหนึ่งกวักเรียกหุ่นเชิดที่อยู่อยู่ข้างกายมาโดยตลอด

 

 

           ชั่วขณะนั้นทารกวิญญาณที่สองพลันบินออกมาจากร่างของหุ่นเชิดวานรยักษ์ หลังจากหมุนวนรอบหนึ่งก็จมหายเข้าไปในร่าง

 

 

           หานลี่หรี่ตาทั้งสองข้างลงเล็กน้อย ดูเหมือนว่าจะได้รับข่าวสารอะไรสักอย่าง หลังจากผ่านไปชั่วครู่ ก็ตบไปที่ท้ายทอย ปล่อยทารกวิญญาณที่สองกลับไปที่หุ่นเชิดอีกครั้ง ในเวลาเดียวกันก็หัวเราะอย่างเย็นชาออกมา

 

 

           “เป็นแค่ปีศาจระดับกลางสองสามตนยังกล้ามาหาเรื่องข้าถึงที่ ดูแล้วคงมีผู้ช่วยแน่”​

 

 

เอ่ยจบหานลี่ก็สาวเท้ายาวๆ ตรงไปยังห้องโถงในถ้ำพำนัก

 

 

เขตอาคมขนาดยักษ์และแท่นสูงๆ ราวกับแท่นบูชาปรากฎอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบๆ ตรงตาอาคมบนแท่นสูงๆ มีจานอาคมแปดเหลี่ยมตั้งอยู่!

 

 

หานลี่เองก็มิได้พูดมาก ชูมือขึ้นร่ายอาคมสองสามสายไปทางเขตอาคม

 

 

หลังจากเสียงหึ่งๆ ดังขึ้น เขตอาคมทั้งเขตก็เปล่งแสงสีขาวสว่างจ้า จากนั้นจานอาคมแปดเหลี่ยมที่อยู่ท่ามกลางลำแสงสีขาวก็มีม่านลำแสงสีเงินชั้นหนึ่งปรากฎขึ้น ด้านบนมีดวงไฟสีขาวกระพริบระยิบระยับ แทบจะกินพื้นที่ทั้งหมดของม่านลำแสงไป

 

 

ในเวลาเดียวกันที่หานลี่สร้างถ้ำพำนักแห่งนี้ คาดไม่ถึงว่าจะวางไข่มุกหมื่นมังกรจำนวนมากไว้รอบๆ ถ้ำพำนักในระยะสองสามร้อยลี้

 

 

ครานี้สายตาของเขากวาดไปบนม่านลำแสง และพบจุดลำแสงสีดำสองสามจุดที่กำลังกระพริบวาบๆ อยู่ห่างออกไปยี่สิบลี้เศษในทันที

 

 

สองมือของหานลี่พลันร่ายอาคม รอบกายเปล่งแสงสีเขียวสว่างจ้า กลายเป็นสายรุ้งสีเขียวสายหนึ่งพุ่งออกไปจากห้องโถง หลังจากกระพริบวาบ ก็สลายหายไปจากประตูของถ้ำพำนัก

 

 

ระยะห่างแค่นี้จากความเร็วที่น่าเหลือเชื่อของหานลี่ ก็แทบจะมาถึงเป้าหมายได้ในพริบตา

 

 

ตรงนั้นมีมังกรยักษ์ลายดอกไม้สามหัวอยู่ตนหนึ่ง อสูรน้อยสีเขียวมรกตหัวเป็นวัวตัวเป็นสิงโตอีกตนหนึ่ง และเงาลำแสงสีเทาจางๆ สายหนึ่งลอยอยู่กลางอากาศต่ำๆ กำลังปรึกษาอะไรกันสักอย่างอยู่

 

 

หลังจากที่หานลี่เปล่งแสงสว่างจ้า ปรากฎกายขึ้นกลางอากาศแล้ว ปีศาจสามตนที่อยู่ด้านล่างก็มิได้มีปฏิกิริยาเชื่องช้า กลายเป็นวายุปีศาจสองกลุ่ม ลำแสงสีเทาสายหนึ่งแตกฮือไป

 

 

แต่เมื่อหานลี่แค่นเสียงอย่างเย็นชา เส้นสีแดงสามสายก็พุ่งออกมาจากแขนเสื้อ หลังจากเปล่งแสงสว่างวาบก็หายวับไป มาปรากฎอยู่ด้านหลังวายุปีศาจและลำแสงสีเทา ลำแสงสีแดงสว่างจ้า พันรัดปีศาจและลำแสงทั้งสามเอาไว้แน่นจนไม่อาจขยับกายได้เลยสักนิด

 

 

หานลี่สะบัดแขนเสื้ออีกครั้ง ดึงเส้นไหมสีแดงสามสายกลับมา ปีศาจทั้งสามถูกดึงให้มาอยู่เบื้องหน้า

 

 

อสูรน้อยหัววัวและงูเหลือมยักษ์ต่างเผยสีหน้าหวาดผวาออกมา ปีศาจตนเดียวที่อยู่ในลำแสงสีเทากลับเอ่ยปากพูดภาษาอะไรสักอย่างออกมา

 

 

แม้นว่าสำเนียงจะแปลกประหลาด หานลี่จึงฟังไม่ออกเลยสักนิด แต่ฟังจากน้ำเสียงกลับดูเหมือนว่าจะมีเจตนาคุกคาม

 

 

หานลี่มีสีหน้าเคร่งขรึม แต่ก็ไม่ได้ตอบกลับอะไร แค่กวักมือกลางอากาศไปทางปีศาจที่อยู่ในลำแสงสีเทาเท่านั้น

 

 

ลำแสงห้าสีที่งดงามพุ่งออกไป

 

 

ลำแสงสีเทาที่ปกป้องปีศาจถูกลำแสงห้าสีกระทบเข้า ก็ละลายออกในชั่วพริบตาราวกับหิมะ

 

 

           ส่วนตัวของปีศาจเองพลันเปล่งเสียง “สวบ” ดังขึ้น ถูกหานลี่ดูดเข้ามาอยู่ในมือ นิ้วทั้งห้ากดไปที่ส่วนหัวของมัน

 

 

           เดิมทีปีศาจตนนี้มีขนาดความยาวแค่ครึ่งจั้ง เกล็ดสีทองรอบกายเปล่งแสงระยิบระยับ คาดไม่ถึงว่าจะเป็นปีศาจปลาที่มีแขนขาสี่ข้างงอกออกมาจากท้อง หัวของปีศาจปลาตนนี้มีแม้กระทั่งใบหน้าของมนุษย์ผู้ชาย แน่นอนว่าจึงทำให้ผู้คนรู้สึกขนลุกซู่

 

 

           หานลี่ไม่เคยพบปีศาจอะไรมาก่อน แม้นว่าปีศาจปลาระดับหกเบื้องหน้าจะน่ากลัว แต่แน่นอนว่าไม่มีทางทำให้เขาหน้าเปลี่ยนสีใดๆ ได้

 

 

           เห็นเพียงมือที่กดไปบนหัวของปีศาจตนนั้นของเขาเปล่งแสงสีทองสว่างวาบ  

 

 

           ชั่วขณะนั้นปีศาจตนนั้นพลันร้องครวญครางออกมา ร่างกายสั่นเทาสองสามครั้ง แล้วร่างกายพลันแข็งทื่อเป็นลมสลบไป

 

 

           คาดไม่ถึงว่าหานลี่จะสำแดงเคล็ดวิชาคนวิญญาณ เริ่มค้นหาสิ่งที่ตนเองต้องการในจิตสัมผัสของปีศาจตนนี้

 

 

           งูเหลือมสามหัวและอสูรน้อยหัววัวที่อยู่ด้านข้างเห็นสถานการณ์นี้ พลันตกใจจนร่างกายสั่นเทา แววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

 

 

           จากความสามารถของหานลี่ในตอนนี้ การค้นวิญญาณอสูรปีศาจระดับหกตนหนึ่ง แน่นอนว่าจึงเป็นเรื่องที่ง่ายดาย แค่เวลาเพียงหนึ่งกาน้ำชาก็ค้นหาทุกสิ่งในหัวของปีศาจตนนี้อย่างละเอียด

 

 

           “เผ่าวิหคสวรรค์ บวงสรวง องค์เป่ากวง” รอจนตัวหนังสือในประโยคปรากฎขึ้นในสมองของหานลี่แล้ว ก็ทำให้เขาตกตะลึง ทันใดนั้นลำแสงสีทองพลันหม่นแสงลง นิ้วทั้งห้าคลายออกในทันที

 

 

           ชั่วขณะนั้นปีศาจปลาพลันตกลงมาจากกลางอากาศ!

 

 

           และครู่ต่อมาเส้นไหมสีแดงที่มัดปีศาจตนนี้อยู่พลันขยายใหญ่ขึ้น ชั่วครู่ก็กลายเป็นโซ่เพลิงหนาๆ เส้นหนึ่ง จากนั้นก็หมุนวน เปลวเพลิงสีแดงสดกลุ่มหนึ่งพลันห่อหุ้มปีศาจตนนี้เอาไว้ ชั่วพริบตาก็หายวับไป

 

 

           โซ่เพลิงเปล่งแสงสว่างวาบกลายเป็นเส้นไหมสีแดงสายหนึ่ง เปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายเข้าไปในแขนเสื้อของหานลี่

 

 

           หานลี่เพิ่งจะหันหน้าไป สายตาพลันตกไปอยู่บนร่างของปีศาจที่เหลืออีกสองตน ใบหน้าไร้ซึ่งความรู้สึก

 

 

           “พวกเจ้าช่างโอหังไม่น้อย เพียงเพื่อดอกกระดิ่งพฤกษาถึงกับวางแผนกับถ้ำพำนักข้า?” หลังจากที่เขาเงียบกริบไปชั่วครู่ ก็เอ่ยปากออก คาดไม่ถึงว่าจะเอ่ยภาษาของเผ่าประหลาดออกมา

 

 

           จากการค้นวิญญาณไม่เพียงจะเข้าใจภาษาของเผ่าประหลาด และยังเข้าใจว่าเหตุใดอสูรปีศาจระดับกลางเหล่านี้ถึงสนใจถ้ำพำนักของตนเองอยู่หลายครั้ง

 

 

           “ไม่มีดอกกระดิ่งพฤกษา กลุ่มผู้ฝึกตนในระดับเดียวกันอย่างพวกเราในภูเขาเฮยอิ่นก็ไม่อาจรวบรวมของบวงสรวงได้ คงถูกเผ่าวิหคสวรรค์ขูดรีด และถูกสลายสติปัญญาอีกครั้ง ต่อให้รู้ว่านายท่านมีความสามารถขนาดไหน ก็จำใจต้องลองดูสักครั้ง” อสูรน้อยหัววัวเผยสติปัญญาที่สูงส่งออกมา มันเอ่ยปากตอบเขา

 

 

           “ดอกกระดิ่งพฤกษา เจ้าหมายถึงสมุนไพรชนิดนี้สินะ!” หานลี่หัวเราะหึๆ ออกมา มือหนึ่งพลิกฝ่ามือ ในมือมีดอกเล็กๆ สีม่วงดอกหนึ่งปรากฎขึ้น ภายนอกดูคล้ายกระดิ่ง กลิ่นหอมโชยออกมาเป็นระลอกๆ

 

 

           “ใช่แล้วเจ้าสิ่งนี้แหล่ะ แม้นว่าเทือกเขาเฮยอิ่นของพวกเราจะมีภูเขาวิญญาณอยู่ไม่น้อย แต่ดอกนี้ปรากฎในภูเขาที่ถ้ำพำนักของนายท่านตั้งอยู่” อสูรน้อยหัววัวจ้องเขม็งไปยังของที่อยู่ในมือของหานลี่อยู่นาน แล้วถึงได้เอ่ยพร้อมกับหัวเราะอย่างขมขื่น

 

 

           “ดอกนี้มีไอวิญญาณอยู่ไม่มากนัก ไม่อาจนำไปปรุงยาลูกกลอนอะไรได้ แต่กลับจัดอยู่ในอันดับแรกๆ ในบรรดาของบวงสรวงพันปีของพวกเจ้า ช่างแปลกประหลาดเสียจริง หากไม่มีมัน พวกเจ้าอาจจะถูกเผ่าวิหคสวรรค์ลงโทษอย่างเฉียบขาด ทว่าพวกเจ้าเพิ่งจะเจออสูรมังกรทะเลที่เพิ่งจะบรรลุระดับเทพแปลงสักตน ก็คิดว่าโจมตีถ้ำพำนักของข้าได้ มันโอหังเกินไปหน่อยกระมัง จุ๊ๆ นำแมลงผลึกกระดูกทองสิบคู่มาเป็นรางวัลก็พอจะยอมเสียทุนได้ ทว่าจากที่ข้ารู้ครึ่งผลึกครึ่งแมลงเหล่านี้มักจะซ่อนตัวอยู่ในหินแร่ล้ำค่าใต้ดิน หายากมาก ต่อให้พบหากถูกจับก็จะตายลงทันที กลายเป็นผลึกศิลาก้อนหนึ่ง พวกเจ้าจับแมลงผลึกกระดูกทองที่ยังเป็นๆ ได้อย่างไร” หานลี่ลูบใต้คาง หลังจากที่แววตาเปล่งประกาย ดูเหมือนว่าจะเอ่ยถามอีกครั้งอย่างตามอำเภอใจ

 

 

           “เรื่องนี้บอกนายท่านสักหน่อยก็ไม่เป็นไร ตอนนั้นหลังจากที่ที่นี่ถูกคนของเผ่าวิหคสวรรค์พบเข้า ในเทือกเขาเฮยอิ่นนั่นก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีผู้ที่มีพลังยุทธ์ลึกล้ำมากกว่าพวกเรา แต่พวกมันต่างถูกสามอาวุโสของเผ่าวิหคสวรรค์จกำจัดไปจนเกลี้ยง ที่พวกเราที่เหลืออยู่ได้รับอนุญาตให้ฝึกบำเพ็ญเพียรต่อ แน่นอนว่าเป็นเพราะพวกเรามีพรสวรรค์วิเศษ เมื่อร่วมมือกันก็สามารถรวบรวมของบวงสรวงทั้งหมดที่พวกมันต้องการได้ มิเช่นนั้นไหนเลยจะมีชีวิตอยู่จนมาถึงทุกวันนี้!” ฉับพลันนั้นอสูรน้อยหัววัวพลันเปล่งเสียงหัวเราะอย่างเย็นชาออกมา

A Record of a Mortal s Journey to Immortality

A Record of a Mortal s Journey to Immortality

Type: Author: ,
เจ้าบื้อที่สอง หานลี่ เด็กหนุ่มธรรมดาสามัญผู้ได้รับวาสนาให้ไปเข้าทดสอบเป็นศิษย์ในสำนักเล็กๆ แห่งหนึ่ง ทำให้เขาได้รู้จักกับโลกใบใหม่ที่หนุ่มน้อยชนบทอย่างเขาใฝ่ฝันอยากสัมผัสกับมันมาโดยตลอด ในโลกแห่งเซียน เหล่าผู้บำเพ็ญเพียรต่างฝึกฝนค้นหาเส้นทางเพื่อก้าวเข้าสู่ความเป็นนิรันดร์ ทว่าเส้นทางที่แม้กระทั่งผู้บำเพ็ญเพียรซึ่งมีพรสวรรค์สูงส่งแต่กำเนิดยังต้องผ่านความยากลำบากเท่าไหร่กว่าจะไปถึงจุดนั้น แล้วเด็กหนุ่มปุถุชนเช่นเขาจะทำได้หรือ? ด้วยความสามารถอันธรรมดาสามัญของเขาจะเอาตัวรอดในโลกแห่งเซียนนี้ไปได้อย่างไร? เส้นทางแห่งความสำเร็จช่างอยู่ห่างไกลเสียเหลือเกิน… คัมภีร์วิถีเซียนเป็นนิยายจีนย้อนยุคเล่าเรื่องการเดินทางอันน่าติดตามของหานลี่ ผู้ต้องใช้ทั้งไหวพริบและพลังยุทธ์ในการฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ด้วยตัวคนเดียว มาร่วมเดินทางไปกับหานลี่ ผู้เย้ยฟ้าท้านรกเพื่อแสวงหาเส้นทางแห่งการเป็นเซียนด้วยกันเถอะ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset