A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน – ตอนที่ 1779 พิษยะเยือก

สือหลุนได้ยินคำนี้ ชั่วขณะขณะนั้นพลันรู้สึกตกตะลึง แทบจะโยนถุงหนังไปด้านหลังอย่างไม่ต้องขบคิด

เสียง “ฟุ่บ” ดังขึ้น

ถุงหนังระเบิดออกกลางอากาศ ชั่วขณะนั้นผึ้งพิษสีโลหิตกลุ่มหนึ่งพลันปรากฏขึ้น

หลังจากเสียงหึ่งๆ ดังขึ้น ผึ้งโลหิตก็กลายเป็นกลุ่มเมฆสีโลหิต ปรากฏขึ้นและตรงเข้าไปปกคลุมชายหนุ่มที่อยู่ด้านหลังสือหลุนตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

ชายหนุ่มผู้ที่สำแดงเคล็ดวิชาหลีกหนีออกมา แล้วปรากฏตัวขึ้นนั่นก็คือหานลี่

เมื่อเห็นผึ้งโลหิตโผมาหาตน ก็หัวเราะน้อยๆ ออกมา

จำนวนของผึ้งโลหิตเหล่านั้นนับว่าไม่น้อย มีประมาณสามร้อยสี่ร้อยตัว อีกฝ่ายเลี้ยงดูพวกมันจนอยู่ในระดับโตเต็มวัย คงต้องทุ่มเทไปไม่น้อย แม้แต่ผู้บำเพ็ญเพียรระดับหลอมรวมพบเข้า เกรงว่าคงก็ต้องหวาดกลัวไปสองสามส่วน

สำหรับเขาแล้ว ย่อมไม่มีค่าอันใด

เขาไม่ได้ขยับตัว แค่อ้าปากออก

พ่นเปลวเย็นเยียบห้าสีออกมา ไอเย็นเยียบเปล่งแสงสว่างวาบ แล้วม้วนเอาผึ้งโลหิตกลุ่มนั้นเข้าไปข้างใน

เห็นเพียงลำแสงเย็นเยียบห้าสีหมุนวนโคจรไปมา ชั่วพริบตานั้นฝูงผึ้งโลหิตก็กลายเป็นก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่ลอยนิ่งอยู่กลางอากาศ

สือหลุนเห็นสถานการณ์เช่นนั้นย่อมตกตะลึงระคนโกรธเกรี้ยว แต่กับชูมือข้างหนึ่งขึ้น สำแดงกระจกโบราณสีเขียวบานหนึ่งออกมา

เห็นเพียงบานกระจกเปล่งแสงสว่างวาบ พ่นเสาลำแสงสีเขียวออกมา เปล่งแสงสว่างวาบแล้วมาอยู่ใกล้กับหานลี่แค่คืบด้วยความเร็วที่น่าพิศวง

หานลี่เลิกคิ้วน้อยๆ ไม่ทันได้หลบหลีก ตรงหน้ามีหมอกสีเทาม้วนวนเข้ามา ฉากลำแสงสีเทาปรากฏขึ้น

เสาลำแสงสีเขียวโจมตีไปยังม่านลำแสง แล้วจมหายเข้าไปในม่านลำแสงอย่างไร้ราวร่องรอยราวกับโคลนที่จมลงสู่มหาสมุทร

สือหลุนเองก็ตะลึงงัน ใบหน้าเต็มไปด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ

หานลี่กลับยกมือข้างหนึ่งขึ้นด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก นิ้วชี้ยื่นไปที่ฝั่งตรงข้ามเบาๆ

เส้นไหมสีเขียวดีดตัวออกมา เปล่งแสงสว่างวาบ แล้วสลายหายไปอย่างเงียบเชียบ

ครู่ต่อมาสือหลุนพลันรู้สึกว่าเบื้องหน้ามีลำแสงสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบ แฉลบผ่านหว่างคิ้วไป แล้วถูกเส้นไหมสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบปรากฏออกมาทะลวงผ่านศีรษะไป ร่างกายแข็งทื่อไม่อาจรู้สึกอันใดได้อีก

ส่วนเส้นไหมสีเขียวกลับไม่มีท่าทีจะหยุดยั้งเลยสักนิด หลังจากวนล้อมรอบร่างกายของสือหลุนอย่างรวดเร็ว ก็สับออกเป็นเจ็ดแปดส่วน

ซากศพร่วงโรยลงมาราวกับพายุโลหิต แม้แต่จิตวิญญาณดั้งเดิมที่ซ่อนอยู่ในร่าง ก็ถูกสังหารในพริบตา

“อ๊าก”

กลับเป็นบุรุษที่เพิ่งหนีรอดพ้นจากความตายมาได้หวุดหวิด ที่เห็นสถานการณ์เช่นนี้แล้วร้องอุทานออกมาด้วยเสียงแหบแห้ง

ผู้บำเพ็ญเพียรชุดดำสองคนที่กำลังต่อสู้กับไห่ต้าเซ่าและชี่หลิงจื่อ ย่อมมองเห็นฉากที่สือหลุนถูกสังหารเช่นกัน ทั้งสองพลันหน้าเปลี่ยนสี แขนขาทั้งสี่เย็นเยียบ ล้วนเผยสีหน้าตกตะลึงราวกับเห็นภูตผีออกมาอย่างไรอย่างนั้น

เมื่อหานลี่หันหน้าไปมองพวกเขาสองคนด้วยสายตาเย็นเยียบนั้น

ผู้ช่วยของสือหลุนทั้งสองใจหายวาบ แทบจะสลัดคู่ต่อสู้ออกพร้อมกัน คนหนึ่งปล่อยมีดบินเล่มหนึ่งออกมา กลายเป็นลำแสงสีขาวพุ่งหลีกหนีไปไกล

อีกคนหนึ่งหลังจากที่ควักยันต์วิเศษสีดำแผ่นหนึ่งแล้วตบไปบนเรือนร่าง ก็มีไอสีดำทะลักออกมา ปกคลุมร่างของทั้งสองเอาไว้ แล้วหมุนวนหมายจะหนีไปอีกด้าน

ส่วนไห่ต้าเซ่าและชี่หลิงจื่อ คนหนึ่งก็ไม่อาจพวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าได้ คนหนึ่งก็ยากจนจนไม่มีอาวุธเหาะเหิน จึงทำได้เพียงมองคู่ต่อสู้หนีไปไกลตาปริบๆ อดที่จะก่นด่าออกมาอย่างกลัดกลุ้มอยู่ที่เดิมไม่ได้

และในยามนั้นเองเสียงราบเรียบของหานลี่ก็ดังขึ้น

“จนถึงตอนนี้ ยังจะคิดหนีอีกหรือ!”

สิ้นเสียงร่างของหานลี่ก็มีเสียงฟ้าผ่าดังขึ้น ประจุไฟฟ้าสีทองสองสายดีดตัวออกมา หลังจากกะพริบวาบ ก็ไล่ตามมาด้านหลังผู้บำเพ็ญเพียรที่มีเงาร่างสีดำสองคนที่กำลังคิดจะหนี

เสียง “ปังๆ” ดังขึ้น ผู้บำเพ็ญเพียรสองคนกลายเป็นเถ้าถ่านภายในลำแสงอัสนีสีทองโดยไม่ได้แม้แต่จะแค่นเสียงหึ

ชั่วขณะนั้นไห่ต้าเซ่าและชี่หลิงจื่อที่กำลังกระทืบเท้าไม่หยุดพลันตกตะลึงเป็นไก่ตาแตก

หลังจากผ่านไปชั่วครู่ บุรุษรูปงามผู้นั้นถึงได้ส่งเสียงหึๆ แล้วเอ่ยขึ้น

“ชี่หลิงจื่อ เจ้าคือผู้บำเพ็ญเพียรระดับสร้างปราณ พี่หานเองก็เป็นผู้บำเพ็ญเพียรระดับสร้างปราณ แต่อิทธิฤทธิ์แตกต่างกันนัก เจ้าต้องใช้เวลาสักพักถึงจะจัดการคู่ต่อสู้ได้ พี่หานแค่โบกมือก็สังหารได้แล้ว ไม่ทราบว่าเป็นเพราะเจ้าอ่อนแอ หรือว่าพี่หานร้ายกาจเกินไป!”

ชี่หลิงจื่อที่ยังคงตกตะลึงได้ยินคำนี้ พลันได้สติคืนมา ทันใดนั้นก็อธิบายเสียงหลง

“ต้าเซ่า เจ้าเองก็เป็นผู้ฝึกตนระดับกลาง พูดถึงพละกำลังย่อมไม่ด้อยไปกว่าผู้บำเพ็ญเพียรระดับสร้างปราณ ก็จัดการคู่ต่อสู้ไม่ได้เหมือนกันมิใช่หรือ? อีกอย่างข้ายากจน มีแค่ ‘กระบี่ไม้รังไหมสีดำ’ เล่มเดียว เดิมก็ไม่อาจร่ายคาถาอันใดได้มากนักอยู่แล้ว”

“หึ ถึงอย่างไรเสียข้าก็มองว่าแค่นิ้วเดียวเจ้าสู้พี่หานไม่ได้ โชคดีที่ตอนแรกไม่ได้ถูกเจ้าหลอกให้เข้าร่วมอารามอู้ไห่ มิเช่นนั้นต้าเซ่าคงเสียเปรียบครั้งใหญ่แล้ว” สองมือของไห่ต้าเซ่าเปล่งแสงสีทองสว่างวาบ ชั่วขณะนั้นถุงมือสีทองคู่หนึ่งก็สลายหายไป กลับเป็นพัดด้ามหนึ่งแทน และสะบัดหัวเบาๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยสีหน้ารู้อยู่ตั้งนานแล้ว

ชี่หลิงจื่อกลับถูกคำพูดของไห่ต้าเซ่าทำให้หน้าแดงเถือก ครานั้นพลันหาข้อโต้แย้งไม่ถูก ทำได้แค่ส่งเสียงหึๆ อีกครั้งแล้วทำเป็นไม่ได้ยิน

ส่วนไห่ต้าเซ่าที่เป็นฝ่ายได้เปรียบอย่างง่ายดายในครั้งนี้ แน่นอนว่าย่อมพึงพอใจจนไม่พูดอันใดอีก

หานลี่พลันร่อนลงมาจากกลางอากาศ

“ข้าน้อยไป๋ฮั่วจี๋ ขอบังอาจเรียนถามชื่อเสียงเรียงนามของสหายทั้งสาม? ขอบพระคุณบุญคุณที่ช่วยชีวิต! มิเช่นนั้นข้าน้อยและบุตรสาวคงรักษาชีวิตเอาไว้ไม่ได้” ยามนี้บุรุษวัยกลางคนพลันพาเด็กหญิงเดินมา และคารวะขอบคุณทั้งสามด้วยสีหน้าซาบซึ้งใจ

แต่สายตาที่เขามองมายังหานลี่ กลับอดที่จะเผยแววเลื่อมใสออกมาอย่างไม่รู้ตัว

ถึงอย่างไรเสียเมื่อครู่หานลี่เพิ่งสำแดงความสามารถที่ตกตะลึงออกมา แค่ปะหน้าเพียงสองสามครั้ง ก็สังหารผู้บำเพ็ญเพียรในระดับเดียวกันสามคนได้ แถมยังมีท่าทางเหมือนไม่ได้ลงมือจริง

กำลังที่แท้จริงไม่ต่างอันใดกับผู้บำเพ็ญเพียรระดับหลอมรวมเท่าใดนัก

เห็นได้ชัดว่าไห่ต้าเซ่าและชี่หลิงจื่อถูกสิ่งมีชีวิตระดับเดียวกันแสดงความเคารพนบน้อมด้วยเป็นครั้งแรก

ทันใดนั้นทั้งสองคนก็เอ่ยว่า ‘เรื่องเล็กน้อย’ ด้วยท่าทียิ่งใหญ่ คนหนึ่งมีสีหน้าประดับไปด้วยรอยยิ้มพึงพอใจเพราะคำพูดของบุรุษวัยกลางคน และประกาศชีวิตของตนและหานลี่ออกไป

หานลี่มองทั้งสองคนอย่างราบเรียบแวบหนึ่ง แล้วกลอกตาไปมา แต่สายตากลับตกอยู่บนเรือนร่างของเด็กหญิงนามว่าไป๋กั่วเอ๋อร์

เด็กหญิงกำลังเขินอายยืนอยู่ด้านหลังบิดาของตน และใช้สายตาประหลาดใจพิจารณาหานลี่และพวกทั้งสาม          หลังจากที่นางประสานสายตากับหานลี่ กลับรู้สึกหวาดกลัวจนตัวสั่นเทา แล้วซ่อนอยู่ด้านหลังบุรุษวัยกลางคน

“เอ๋ บุตรสาวของท่านดูเหมือนจะผิดปกติ” อ่านได้ชั่วครู่ หานลี่ก็ร้องออกมาเบาๆ ใบหน้าเผยสีหน้าตกตะลึงออกมา

“อ๊ะ พี่หานมองพิษในร่างของนางออก!” บุรุษวัยกลางคนได้ยินคำนี้ ก็เผยสีหน้าตกตะลึงเช่นกันออกมา

“อืม ไอน้ำแข็งเย็นเยียบเข้าไปในจุดตันเถียนและชีพจรแล้ว หากไม่จำกัดล่ะก็ มากสุดก็อยู่ได้อีกเพียงสามปี ทว่าดูเหมือนว่าจะไม่ใช่พิษน้ำแข็งเย็นเยียบธรรมดาๆ หากจะรักษาจริงๆ ก็ยุ่งยากหน่อย” นัยน์ตาของหานลี่เปล่งแสงสีฟ้าสว่างวาบ เอ่ยคำพูดที่ทำให้บุรุษวัยกลางคนตกตะลึงออกมา

“อันใด สหายบอกว่าพิษนี้รักษาได้งั้นหรือ?” ไป๋ฮั่วจี๋แทบจะไม่เชื่อหูของตนเองพลางเอ่ยออกมาด้วยเสียงสั่นเทา

หานลี่หัวเราะน้อยๆ ออกมา ขณะที่คิดจะตอบ แต่พลันขมวดคิ้ว จากนั้นก็เงยหน้ามองขอบฟ้า ดูเหมือนว่าจะพบอันใดเข้า

คนอื่นๆ เห็นสถานการณ์เช่นนี้พลันตกตะลึง อดที่จะมองตามไปไม่ได้ แต่ไกลออกไปกลับเป็นท้องฟ้าที่ว่างเปล่า ไหนเลยจะมีความผิดปกติอันใด

“พี่หาน เจ้า…” ไห่ต้าเซ่าประกบพัด แล้วทนไม่ไหวอยากจะถามอันใดเข้า

แต่ในยามนั้นเอง ขอบฟ้าพลันมีลำแสงสีขาวสว่างวาบ สายรุ้งสีขาวสายหนึ่งปรากฏขึ้น และพุ่งแหวกอากาศมาทางพวกเขา

“เอ๋ ท่านยาย!”

เด็กหญิงเห็นสายรุ้งสีขาวที่อยู่ไกลออกไป ก็ปรบมือด้วยรอยยิ้มเบิกบาน บุรุษวัยกลางคนเผยสีหน้าดีอกดีใจออกมา

“เอ๋ ผู้บำเพ็ญเพียรระดับหลอมรวม? หรือว่าคือท่านอาวุโส ‘เซียนเย่ว์หัว’ ที่พวกเขาพูดถึงเมื่อครู่!” ชี่หลิงจื่อหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อยขณะเอ่ยกับหานลี่

หานลี่พยักหน้า สีหน้าราบเรียบ ไม่ได้เผยสีหน้าผิดปกติอันใดออกมา

หลังจากผ่านไปชั่วครู่ สายรุ้งสีขาวก็หม่นแสงลงเหนือทุกคน ชั่วขณะนั้นกลางอากาศพลันมีหญิงสาวสวมกระโปรงสีขาวอายุประมาณสามสิบปีเศษ หน้าตาสวยสดงดงามปรากฏขึ้น

“กั่วเอ๋อร์ เจ้าไม่เป็นไรสินะ” พอหญิงสาวปรากฏตัว เดิมก็มีสีหน้าร้อนใจ แต่เมื่อเห็นเด็กหญิงและบุรุษอย่างชัดเจน ชั่วขณะนั้นพลันเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลายลง

“ใต้เท้าแม่บุญธรรม กั่วเอ๋อร์ไม่เป็นอันใด เหตุใดท่านถึงมาที่นี่ได้ หรือว่ารู้ว่าลูกเขยกำลังประสบปัญหา” ไป๋ฮั่วจี๋ก้าวมาข้างหน้า คารวะไปกลางอากาศ แล้วเอ่ยถามด้วยความฉงนไปพร้อมกัน

“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว! ข้าได้ยินสหายสนิทคนหนึ่งบอกว่าพวกเจ้าดูเหมือนจะไปกับโจรภูเขาทิศใต้สามคนจากย่านร้านค้า โจรภูเขาทิศใต้สามคนมีชื่อเสียงเลื่องลือ ด้วยความกังวลจึงออกมาทันที หรือว่าสามคนนั้นคือโจรภูเขาทิศใต้ทั้งสามคน?” หญิงสาวตอบคำถามของบุรุษอย่างง่ายๆ สองสามประโยค เมื่อกลอกตามาชั่วขณะนั้นก็ตกอยู่บนเรือนร่างของหานลี่และพวกทั้งสาม แววตาฉายแววเย็นชา พลังแรงกดอันน่าตกตะลึงแผ่ไปที่ทั้งสามคนทันที

ไห่ต้าเซ่าและชี่หลิงจื่อพลันตกตะลึง ชั่วขณะนั้นพลันไม่อาจต้านทานพลังแรงกดได้จนถอยออกไปสองสามก้าว แม้กระทั่งแทบจะคุกเข่าลงไป

หานลี่มีสีหน้าเคร่งขรึม โบกมือข้างหนึ่งไปกลางอากาศ ชั่วขณะนั้นพลังไร้รูปร่างพลันทะลักเข้ามา

เสียง “ปัง” ดังขึ้น พลังแรงกดมหาศาลกลางอากาศถูกโจมตีจนสลายหายไป

“เอ๋ พวกเจ้าไม่ใช่โจรภูเขาทิศใต้ทั้งสามคน!” หญิงสาวใจหายวาบ พิจารณาหานลี่และพวกทั้งสามอย่างละเอียดอีกครั้ง ใบหน้างดงามเผยสีหน้าประหลาดใจออกมา

“ใต้เท้าแม่บุญธรรม ช้าก่อน! สหายทั้งสามไม่ใช่โจรภูเขาทิศใต้สามคน โจรภูเขาทั้งสามถูกสังหารไปแล้ว ข้าและกั่วเอ๋อร์โชคดีได้พวกเขาลงมือช่วยเหลือ และยิ่งไปกว่านั้นสหายหานผู้นี้ ดูเหมือนว่าจะมีวิธีกำจัดพิษในร่างของกั่วเอ๋อร์” บุรุษวัยกลางคนเห็นสถานการณ์เช่นนั้น ก็ร้องตะโกนไปทางหญิงสาวอย่างร้อนรน

“อันใด พวกเขามีวิธีรักษากั่วเอ๋อร์ เป็นเช่นนั้นจริงหรือ!” ได้ยินคำพูดแรกของไป๋ฮั่วจี๋ สีหน้าเย็นชาของหญิงสาวก็ผ่อนคลายลง แต่หลังจากเอ่ยประโยคสุดท้ายหน้าพลันเปลี่ยนสี ใบหน้าเต็มไปด้วยสีหน้ายินดี

“เรื่องนี้ ลูกเขยยังไม่ได้ถามไถ่พี่หานอย่างละเอียด ใต้เท้าแม่บุญธรรมก็มาถึงแล้ว” บุรุษวัยกลางคนหัวเราะอย่างขมขื่นออกมา และใช้สายตาส่งสัญญาณตำแหน่งของหานลี่ไปให้หญิงสาว

A Record of a Mortal s Journey to Immortality

A Record of a Mortal s Journey to Immortality

Type: Author: ,
เจ้าบื้อที่สอง หานลี่ เด็กหนุ่มธรรมดาสามัญผู้ได้รับวาสนาให้ไปเข้าทดสอบเป็นศิษย์ในสำนักเล็กๆ แห่งหนึ่ง ทำให้เขาได้รู้จักกับโลกใบใหม่ที่หนุ่มน้อยชนบทอย่างเขาใฝ่ฝันอยากสัมผัสกับมันมาโดยตลอด ในโลกแห่งเซียน เหล่าผู้บำเพ็ญเพียรต่างฝึกฝนค้นหาเส้นทางเพื่อก้าวเข้าสู่ความเป็นนิรันดร์ ทว่าเส้นทางที่แม้กระทั่งผู้บำเพ็ญเพียรซึ่งมีพรสวรรค์สูงส่งแต่กำเนิดยังต้องผ่านความยากลำบากเท่าไหร่กว่าจะไปถึงจุดนั้น แล้วเด็กหนุ่มปุถุชนเช่นเขาจะทำได้หรือ? ด้วยความสามารถอันธรรมดาสามัญของเขาจะเอาตัวรอดในโลกแห่งเซียนนี้ไปได้อย่างไร? เส้นทางแห่งความสำเร็จช่างอยู่ห่างไกลเสียเหลือเกิน… คัมภีร์วิถีเซียนเป็นนิยายจีนย้อนยุคเล่าเรื่องการเดินทางอันน่าติดตามของหานลี่ ผู้ต้องใช้ทั้งไหวพริบและพลังยุทธ์ในการฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ด้วยตัวคนเดียว มาร่วมเดินทางไปกับหานลี่ ผู้เย้ยฟ้าท้านรกเพื่อแสวงหาเส้นทางแห่งการเป็นเซียนด้วยกันเถอะ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset