A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน – ตอนที่ 1685 เคล็ดวิชาผสานการโจมตี

ดวงตาที่สามบนหัวทั้งสี่ของอสูรยักษ์เปล่งแสงสีเงินออกมา คาดไม่ถึงว่าจะพุ่งออกไปราวกับพายุระเบิด ครานั้นล้วนไม่มีท่าทีจะหยุดพัก

เมื่อเส้นสีเงินพุ่งออกไป หลิวสุ่ยเอ๋อร์ก็พยายามหลบหลีกสุดชีวิต เห็นได้ชัดว่าได้เอาอิทธิฤทธิ์ท่าไม้ตายและสมบัติออกมาใช้แล้ว

นอกจากกระสวยสีเงินแล้ว ก็แบ่งกันสำแดงธงเล็กๆ สีขาวโพลนและกรงสีทองออกมา

ธงสีขาวกลายเป็นหมอกสีขาว ด้านในมีอักขระหมุนวน จนเริ่มเลือนราง

ส่วนกรงสีทองก็หมุนวนอย่างรวดเร็ว เกิดเป็นระลอกคลื่นสีทอง หมุนวนไปทางอสูรยักษ์ราวกับคลื่นพายุ

ส่วนหลิวสุ่ยเอ๋อร์นั้น นอกจากเทวรูปพันแขนที่แผ่นหลังแล้ว ปากบางก็พ่นดอกบัวสีฟ้าออกมา ทุกดอกล้วนมีสีสันแวววาว สวยสดงดงามเป็นอย่างมาก

ดอกบัวน้ำแข็งเหล่านี้มีอานุภาพยิ่งใหญ่ ช่างไม่ธรรมดาจริงๆ

การโจมตีที่ทำลายการป้องกันอื่นๆ บางครั้งก็พุ่งไปหาเส้นไหมสีเงินตรงหน้า ล้วนถูกดอกบัวน้ำแข็งเหล่านั้นหมุนวนแล้วโจมตีไป

ทั้งสองพลันระเบิดตัวออก แล้วสลายหายไปในเวลาเดียวกัน

ดอกบัวน้ำแข็งที่หญิงสาวผู้นี้สำแดงออกมาเห็นได้ชัดว่ากินแรงมาก ทุกครั้งที่นางพ่นออกมา สีหน้าก็จะซีดขาว พ่นออกมากว่าร้อยดอกในระยะเวลาสั้นๆ  หญิงสาวผู้นี้จึงถูกหมอกลำแสงห่อหุ้มเอาไว้ แม้กระทั่งเริ่มซวนเซ

นี่ก็เพราะหลิวสุ่ยเอ๋อร์เห็นหานลี่มาถึง ถึงได้พยายามต้านทานต่อไป มิเช่นนั้นหากอสูรยักษ์สี่หัวรวมร่างกัน ก็คงหันหน้าหนีไปตั้งนานแล้ว

ยามนี้เห็นหานลี่และสือคุนมาถึงทันเวลา หญิงสาวผู้นี้ก็มีสีหน้ายินดี ปากพลันเอ่ยอย่างเร่งเร้า

“สหายทั้งสอง อสูรยักษ์ตัวนี้ร้ายกาจเกินไป รีบสำแดงเคล็ดวิชาลับผสานการโจมตีเร็วเข้า!”

หานลี่ที่เดิมกำลังมองไปยังอสูรยักษ์ด้านล่างแล้วคิดจะลงมือได้ยินคำนี้พลันตกตะลึง แต่ทันใดนั้นก็พยักหน้า ฝ่ามือสีดำสนิทพลันร่ายอาคม หมอกลำแสงสีเทาที่แผ่นหลังพวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า กลายเป็นม่านลำแสงยิ่งใหญ่

สือคุนที่อยู่อีกด้านพลันลังเลเล็กน้อย แล้วร้องตะโกนด้วยเสียงต่ำๆ ออกมาเช่นกัน ลำแสงวิญญาณบนผิวกลายเป็นสีดำสนิท นิ้วทั้งห้าบนมือทั้งสองกางออก เส้นไหมสีเทาจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกมา

ส่วนหลิวสุ่ยเอ๋อร์เองก็เปลี่ยนไปร่ายอาคม เทวรูปที่แผ่นหลังหายวับไป กลายเป็นกรงล้อสีเทาปรากฏขึ้นแทน

กรงล้อลำแสงสีเทาเลือนราง คาดไม่ถึงว่าจะหมุนวนอย่างรวดเร็ว และยิ่งไปกว่านั้นอักขระจำนวนนับไม่ถ้วนล้นทะลักออกมาจากกรงล้อลำแสง ที่แตกออกก็รวมตัวกันใหม่ในพริบตากลายเป็นอักขระยักษ์นิรนาม ค่อยๆ ปรากฏขึ้นที่ใจกลางของกรงล้อลำแสง

หลิวสุ่ยเอ๋อร์หลุบตาลง ปากพลันพ่นคาถาที่ฟังไม่เข้าใจออกมา

อสูรยักษ์สี่หัวเห็นฉากนี้ก็ดูเหมือนว่าจะสัมผัสได้ว่าแย่แล้ว ทันใดนั้นก็รู้สึกโกรธเกรี้ยว ดวงตาสีเงินในหัวทั้งสี่พ่นลำแสงสีเงินที่หนากว่าปกติออกมา จากนั้นก็เปล่งแสงสว่างวาบแล้วรวมตัวกัน คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นเสาลำแสงยักษ์ขนาดเท่าปากชามสายหนึ่ง ตรงไปหาหลิวสุ่ยเอ๋อร์ ในเวลาเดียวกันเงาร่างสีดำขนาดยักษ์สิบกว่าตัวก็แยกร่าง ออกเป็นสองกลุ่ม พุ่งตรงไปหาหานลี่และสือคุนอย่างดุดัน

พวกมันยังไม่ทันได้เข้าใกล้ พลันมีเสาลำแสงพ่นออกมาเป็นสายๆ ร่างกายพลันเปลี่ยนรูป กลายเป็นตาข่ายสีดำท่ามกลางไอสีดำ พุ่งตรงไปครอบหัวหานลี่และพวกทั้งสอง

แต่ก็เป็นแค่ร่างแยกของอสูรตาสีเงินเท่านั้น แน่นอนว่าหานลี่ย่อมไม่เห็นมันอยู่ในสายตา

หลังจากหัวเราะอย่างเย็นชา หานลี่ยังไม่ทันได้ยกแขนยกขา เปลวเพลิงสีเงินก็บินออกมาจากร่างโดยอัตโนมัติ หลังจากหมุนวนรอบหนึ่ง พลันขยายใหญ่ขึ้นหลายเท่า กลายเป็นเปลวเพลิงสีเงินขนาดสองสามจั้ง

ดวงแสงเพลิงนี้แค่หมุนติ้วๆ ก็ระเบิดออกโดยอัตโนมัติ เปลวเพลิงสีเงินจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกมา

เสาลำแสงสีดำพุ่งมาอยู่ตรงหน้าหานลี่ โล่ผลึกวารีเปล่งแสงสว่างวาบแล้วปรากฏขึ้น

เสาลำแสงแค่กะพริบวาบ ก็แฉลบผ่านข้างกายของหานลี่ไป

ส่วนเงาสีดำที่กลายเป็นตาข่ายยักษ์นั้น ไม่ทันได้ครอบลงมาก็ถูกลูกไฟสีเงินโจมตีอย่างหนักหน่วง

ผลคือเปลวเพลิงสีเงินพลันแผดเผา ชั่วพริบตาก็กลืนตาข่ายสีดำเข้าไปข้างใน กลายเป็นควันสีเขียวสลายหายไป

ส่วนสือคุนที่อยู่ด้านข้าง แม้ว่าจะไม่ได้จัดการคู่ต่อสู้อย่างราบเรียบดังหานลี่ แต่ก็อ้าปากออก พ่นกระจกทองแดงออกมา

กระจกพลันสั่นคลอนพ่นเปลวเพลิงสามสีออกมา ไม่เพียงจะทำให้เสาลำแสงสีดำสลายหายไปได้อย่างง่ายดาย แม้กระทั่งรองตาข่ายเส้นไหมสีดำที่ห่อหุ้มเขาเอาไว้ขึ้นมา ทำให้พวกมันไม่อาจร่อนลงมาได้เลยสักนิด

ส่วนหลิวสุ่ยเอ๋อร์ที่เผชิญหน้ากับเสาลำแสงสีเงินขนาดใหญ่ พลันอดที่จะหน้าเปลี่ยนสีไม่ได้ แต่มือหนึ่งก็ร่ายอาคมประหลาดๆ โดยไม่พูดอันใด มือหยกข้างหนึ่งยื่นนิ้วเรียวออกไปพลางชี้ไปที่เสาลำแสงสีเงินที่กำลังดาหน้าเข้ามาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

กรงล้อลำแสงสีเทาที่แผ่นหลังเปล่งเสียงหึ่งๆ คาดไม่ถึงว่าจะหลุดออกมาจากฝ่ามือของหญิงสาว แล้วบินไปหาเสาลำแสงสีเงิน

เสาลำแสงสีเงินเปล่งแสงสว่างวาบ แล้วโจมตีไปยังอักขระตรงใจกลางกรงล้อลำแสงอย่างแรง

อักขระยักษ์ในกรงล้อหมุนวนอย่างรวดเร็ว สุดท้ายก็เลือนหายไป ไม่อาจมองเห็นได้เลยสักนิด

เรื่องแปลกประหลาดพลันปรากฏขึ้น

เสาลำแสงจมหายเข้าไปในอักขระราวกับโคลนจมลงสู่มหาสมุทร แล้วเปล่งแสงสว่างพลันหายวับไป

ครู่ต่อมาตรงหน้าของอสูรยักษ์พลันมีหมอกลำแสงสีเทาเปล่งแสงสว่างวาบ อักขระจำนวนมากเปล่งแสงสว่างวาบ จากนั้นผิวของอักขระพลันเปล่งแสงสีเงินออกมา พ่นเสาลำแสงสีเงินหนาๆ ที่เหมือนกันทุกระเบียบนิ้วออกมา พลางตรงไปหาอสูรยักษ์

คาดไม่ถึงว่าอิทธิฤทธิ์อันน่าเหลือเชื่อที่หลิวสุ่ยเอ๋อร์สำแดงออกมาเมื่อครู่ จะดึงเสาลำแสงสีเงินเข้าไป แล้วพุ่งกลับมาอีกครั้ง

ทว่าเห็นได้ชัดว่าเคล็ดวิชาต้องสูญเสียพลังจำนวนมาก ใบหน้าที่เดิมซีดขาวอยู่แล้วของหลิวสุ่ยเอ๋อร์ คาดไม่ถึงว่าจะเจือสีแดงระเรื่อที่ผิดปกติปรากฏออกมา แต่ร่างกายกลับยืนได้อย่างมั่นคง

และยิ่งไปกว่านั้นใบหน้าพลันแดงระเรื่อ เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับในทันที

อสูรยักษ์สี่หัวเห็นการโจมตีของตนเองพุ่งกลับมาอย่างคาดไม่ถึงก็ตะลึงงัน แน่นอนว่าย่อมเปลี่ยนเป็นตกตะลึงระคนโกรธเกรี้ยว แต่ก็ทำได้เพียงเปล่งแสงสว่างวาบจากเนตรสีเงินอย่างจนปัญหา ปล่อยลำแสงสีเงินสี่สายออกมาอีกครั้ง

เสียง “ตูม” ดังขึ้น ลำแสงสีเงินสองสายปะทะเข้าด้วยกัน ลำแสงที่เจิดจ้ากลุ่มหนึ่งระเบิดออก ระลอกคลื่นยักษ์สลายออก ทุกแห่งที่กวาดผ่านไปทำให้บรรยากาศรอบๆ บิดเบี้ยวไปเล็กน้อย แล้วเกิดเสียงหึ่งๆ ขึ้นพร้อมกัน

ชั่วลมหายใจนั้นนิ้วทั้งสิบของหลิวสุ่ยเอ๋อร์พลันร่ายไปกลางอากาศอย่างต่อเนื่อง

อาคมหลากสีพุ่งออกมาเป็นสายๆ เปล่งแสงสว่างวาบ แล้วทยอยกันจมหายไปอย่างไร้ร่องรอย

“ไป”

หลิวสุ่ยเอ๋อร์ร้องอุทานออกมา นิ้วชี้ไปที่กรงล้อลำแสงสีเทาตรงหน้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

กรงล้อลำแสงสั่นเทา อักขระเปล่งแสงสว่างวาบที่ใจกลาง คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นเสาลำแสงสีเทาพ่นออกมา

ยามนี้หานลี่และสือคุนเองก็ร่ายอาคมด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึกเช่นกัน

หมอกลำแสงสีเทาและเส้นไหมสีเทาพุ่งไปเหนือหัวอสูรยักษ์สี่หัวอย่างรวดเร็วราวกับเคลื่อนย้ายกาย

ทั้งสามแค่เปล่งแสงสว่างวาบ แล้วร่วมร่างกันอย่างไร้ซึ่งการขัดขวาง กลายเป็นดวงแสงยักษ์ขนาดสิบจั้ง

ลำแสงสีเทาขมุกขมัว แต่ผิวพลันมีอักขระขนาดเท่ากำปั้นจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น ทยอยกันเปล่งแสงเจิดจ้า

จากนั้นหลังจากเสียงอึกทึกดังขึ้น ดวงแสงพลันแตกออกเป็นเสี่ยงๆ อักขระทะลักออกมาจากด้านในดวงแสงราวกับคลื่นน้ำ

หานลี่และพวกทั้งสามเห็นฉากนี้ ก็ใช้มือหนึ่งร่ายอาคมที่คุ้นเคยทันที ปากพลันบริกรรมคาถาอีกครั้ง

กลางอากาศพลันมีฉากแปลกประหลาดปรากฏขึ้น

อักขระที่บินออกมาจากดวงแสงเหล่านั้นพลันหมุนวนอย่างช้าๆ แล้วพลันพุ่งลงมาด้านล่างราวกับพายุอสูรยักษ์ระเบิด

ดาหน้ากันมาอย่างหนาแน่น ทุกตัวล้วนเหมือนสายฝนแห่งความพินาศ

อสูรยักษ์ด้านล่างย่อมสัมผัสได้ถึงพลังความน่ากลัวที่แฝงอยู่ในอักขระเหล่านั้น ภายใต้เสียงคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว หัวทั้งสี่พลันรวมตัวเข้ากับหัวตรงกลาง คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นหัวยักษ์ขนาดใหญ่กว่าเดิมเท่าหนึ่ง

อสูรตัวนี้ไม่เพียงจะมีเขาแหลมๆ ราวกับเขากวางอยู่บนหัว ยังมีเขี้ยวยาวสองสามจั้งสองเขี้ยวงอกออกมาจากปากล่าง ลำแสงเย็นยะเยียบเปล่งแสงสว่างวาบ ราวกับใบมีดยักษ์สองเล่มอย่างไรอย่างนั้น

แต่สิ่งที่ทำให้ยิ่งตกตะลึงก็คือ หน้าผากของอสูรตัวนี้มีตาสีเงินเรียงแถวกันอยู่สี่ตา กวาดไปรอบๆ ไม่หยุด ไม่มีท่าทีหยุดพัก

ส่วนอักขระที่ร่อนลงมาจากกลางอากาศฝั่งตรงข้าม ดวงตาสีเงินทั้งสี่ของอสูรตัวนี้ก็กวาดมองไปพร้อมกัน รูม่านตามีลำแสงสีเงินไหลวนโคจร ดวงแสงสีเงินจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นเหนือหัวของเขาทันที ทุกดวงมีขนาดเท่าหัวแม่มือ แต่ทันใดนั้นก็กลายเป็นลำแสงสีเงินพุ่งออกไปกลางอากาศ

ในเวลาเดียวกันอสูรตัวนี้พลันสูดลมหายใจเข้า แล้วอ้าปากออก พ่นดวงแสงสีดำสนิทราวกับน้ำหมึกออกมา

เมื่อดวงแสงนี้หลุดออกจากปาก ก็ขยายใหญ่ขึ้นทันที แค่เปล่งแสงสว่างวาบก็กลายเป็นม่านลำแสงสีดำ ห่อหุ้มร่างของอสูรตัวนี้เอาไว้

ม่านลำแสงหนาแน่นราวกับของจริง ในเวลาเดียวกันผิวก็เปล่งแสงวาบๆ ไม่หยุด เผยรูปร่างประหลาดๆ ออกมา

หานลี่มองเห็นฉากนี้ สองตาอดที่จะหรี่ลงไม่ได้ ลำแสงเย็นเยียบเปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป

และในยามนั้นเองลำแสงสีเงินและอักขระพลันโจมตีเข้ากลางอากาศ จากนั้นก็ทยอยกันกลายเป็นดวงลำแสงแล้วระเบิดออก

ยามนั้นปราณแท้กลางอากาศพลันเกิดความโกลาหล ไอวิญญาณคุกรุ่น คาดไม่ถึงว่าจะก่อตัวกันกลายเป็นพายุหมุนสูงร้อยจั้งเศษ แล้วแผ่ไปรอบด้านอย่างบ้าคลั่ง ราวกับว่าจะกลืนกินทุกอย่างเข้าไป

ถึงแม้จะเป็นหลิวสุ่ยเอ๋อร์และสือคุนก็อดที่จะหน้าเปลี่ยนสีไม่ได้ ทยอยกันพุ่งออกไปสิบกว่าจั้ง ทยอยกันสำแดงสมบัติป้องกันตัวออกมาต้านทานไว้เบื้องหน้า

ทว่าในยามนั้นเองหานลี่ที่เดิมลอยอยู่กลางอากาศ พลันกระพือปีกที่แผ่นหลัง กลายเป็นประจุไฟฟ้าสีเขียวขาวสายหนึ่ง เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป

ครู่ต่อมาม่านลำแสงสีดำด้านล่างก็หลบไปด้านข้าง ระลอกคลื่นปรากฏขึ้น หานลี่ที่มีประจุไฟฟ้าสีเขียวขาวห่อหุ้มอยู่พลันปรากฏขึ้นอย่างแปลกประหลาด

ท่ามกลางม่านลำแสงอสูรยักษ์ตัวนั้นพลันเปล่งเสียงร้องคำรามต่ำๆ ไม่หยุด ดวงตาทั้งสี่เปล่งแสงสีเงินสว่างวาบ คาดไม่ถึงว่าร่างกายจะเริ่มมีเกล็ดสีดำปรากฏขึ้น คางทั้งสองฝั่งเริ่มมีเคราสีดำยาวๆ งอกออกมาสองกระจุก ประกอบกับหางบางๆ เริ่มหนาขึ้น และดวงตายักษ์ราวกับตะเกียงคู่นั้น เป็นอสูรวิญญาณกิเลนตัวหนึ่ง

ปากของอสูรตัวนี้เปล่งแสงสีดำสว่างวาบ กลิ่นอายน่ากลัวส่งออกมาจากด้านใน ให้ความรู้สึกขนลุกซู่

หานลี่พลันรู้สึกตกตะลึง แต่ใบหน้ากลับไร้ซึ่งความรู้สึก มุมปากกระตุกเล็กๆ ร่างกายพลันเปล่งแสงสีทองสว่างวาบ เงาลวงตาสามเศียรหกกรพลันบินออกมาจากร่างของเขา

เงาร่างคนสะบัดแขนข้างหนึ่ง ในมือพลันมีใบมีดชำรุดสีทองเรืองรองปรากฏขึ้น พลางสับไปทางม่านลำแสงสีดำเบาๆ

……

ห่างจากการต่อสู้ของหานลี่และพวกไปไม่รู้กี่หมื่นลี้ เงาอสูรสีทองตัวหนึ่งกำลังนำอสูรลับสามตาสองสามตัวกระโจนผ่านป่าพุ่งไปข้างหน้า

ฉับพลันนั้นร่างของมันก็เปล่งแสงสีทองสว่างวาบ คาดไม่ถึงว่าจะหยุดชะงักอยู่บนกิ่งไม้ และหันหน้าไปมองทางที่มาแวบหนึ่ง ในดวงตาสีดำสนิทมีแววตาตกตะลึงระคนสงสัยปรากฏขึ้น

A Record of a Mortal s Journey to Immortality

A Record of a Mortal s Journey to Immortality

Type: Author: ,
เจ้าบื้อที่สอง หานลี่ เด็กหนุ่มธรรมดาสามัญผู้ได้รับวาสนาให้ไปเข้าทดสอบเป็นศิษย์ในสำนักเล็กๆ แห่งหนึ่ง ทำให้เขาได้รู้จักกับโลกใบใหม่ที่หนุ่มน้อยชนบทอย่างเขาใฝ่ฝันอยากสัมผัสกับมันมาโดยตลอด ในโลกแห่งเซียน เหล่าผู้บำเพ็ญเพียรต่างฝึกฝนค้นหาเส้นทางเพื่อก้าวเข้าสู่ความเป็นนิรันดร์ ทว่าเส้นทางที่แม้กระทั่งผู้บำเพ็ญเพียรซึ่งมีพรสวรรค์สูงส่งแต่กำเนิดยังต้องผ่านความยากลำบากเท่าไหร่กว่าจะไปถึงจุดนั้น แล้วเด็กหนุ่มปุถุชนเช่นเขาจะทำได้หรือ? ด้วยความสามารถอันธรรมดาสามัญของเขาจะเอาตัวรอดในโลกแห่งเซียนนี้ไปได้อย่างไร? เส้นทางแห่งความสำเร็จช่างอยู่ห่างไกลเสียเหลือเกิน… คัมภีร์วิถีเซียนเป็นนิยายจีนย้อนยุคเล่าเรื่องการเดินทางอันน่าติดตามของหานลี่ ผู้ต้องใช้ทั้งไหวพริบและพลังยุทธ์ในการฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ด้วยตัวคนเดียว มาร่วมเดินทางไปกับหานลี่ ผู้เย้ยฟ้าท้านรกเพื่อแสวงหาเส้นทางแห่งการเป็นเซียนด้วยกันเถอะ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset