Advent of the Archmage – ตอนที่ 117: แอนโทนี่, ผู้อาวุโสของสถาบัน

แอนโทนี่ อายุ 63 ปีแล้ว, แต่เขาไม่ได้เดินโงนเงนเหมือน เบล, ร่างกายของเขายังสุขภาพดีและแข็งแร็งมากๆมือกับขาของเขาก็คล่องแคล่วเหมือนคนหนุ่ม แล้วเขาก็ยังมีพลังงานอยู่ล้นเหลือและน่าจะสามารถใช้ชีวิตได้ถึงหนึ่งร้อยปี

 

ในเวลาเจ็ดโมงเช้า, เขายังอยู่ในสถาบันเวทย์มนตร์อีสโควฟ แต่เวลา 8 โมงเขาก็ไปอยู่ในเมืองสปริงแล้ว และเขาก็กำลังสนทนากับกลุ่มเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่เกี่ยวกับหน้าที่ของกองทัพนักเวทย์ และพอเวลาบ่าย 3 โมง, เขาก็ตัดสินผู้เข้าร่วมที่เหมาะสมที่สุดตามปกติ

 

การเดินทางกับกองทัพเป็นงานที่ท้าทาย แม้ว่านักเวทย์จะได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษ, แต่การเดินทางก็ยังต้องการนักเวทย์ที่มีกำลังกายภาพอยู่บ้าง, ดังนั้น, นักเวทย์ที่จะได้เข้าร่วมกับกองทัพจึงต้องมีอายุไม่ถึง 40 ปี ซึ่งในมุมมองของ แอนโทนี่, คนที่เหมาะสมที่สุดก็คือ ดาริส, อัจฉริยะคนแรกของคนรุ่นใหม่ในสถาบัน

 

ตั้งแต่อายุ 30 ปี, ดาริส ก็ก้าวหน้าไปจนได้เป็นนักเวทย์เลเวล 4 แล้วและอนาคตของเขาก็ดูสดใสมากๆ แอนโทนี่ เห็นเงาของตัวเองในอดีตในตัวของ ดาริส, ดังนั้นเขาจึงต้องการมอบโอกาสให้กับเขาในการเก็บเกี่ยวประสบการณ์และชื่อเสียง

 

ตอนแรก, เขาก็ดูๆลูกศิษย์ของเขา เอร์เรร่า อยู่เช่นกัน แต่โชคไม่ดีที่, เธอเป็นผู้หญิง, เพราะฉะนั้นเธอจึงไม่เหมาะสมกับตำแหน่งนี้ ในโลกแห่งเวทย์มนตร์, ไม่มีการแบ่งแยกระหว่างผู้ชายกับผู้หญิง—ในความเป็นจริง, มีนักเวทย์หญิงที่แข็งแกร่งอยู่มากมาย แต่ในกรณีนี้, การให้ผู้หญิงที่งดงามอย่าง เอร์เรร่า ทำงานอยู่ท่ามกลางกองทัพก็อาจจะไม่ใช่ความคิดที่ดี

 

ในเวลา 6 โมงเย็น, แอนโทนี่ เข้าร่วมการรับประทานอาหารมื้อใหญ่ที่กษัตริย์ ลีออน จัดเตรียมไว้ให้สำหรับเขา หลังจากการทักทายกันพอเป็นพิธีและพิธีการทางสังคม, เวลาก็ล่วงเลยไปถึง 2 ทุ่มแล้ว จากนั้นเขาก็รีบไปที่หอคอยวาร์ปของพระราชวัง, เตรียมพร้อมที่จะกลับไปที่สถาบัน

 

จนถึงตอนนี้, ทุกๆอย่างเป็นไปตามแผนการของเขา, และไม่มีอะไรทำให้ตารางเวลาของเขาคลาดเคลื่อน โดยรวมแล้ว, เขาพึงพอใจกับการเดินทางมาเมืองหลวงในครั้งนี้

 

แม้ว่า แอนนี่ มักจะไม่ชอบเข้าร่วมการประชุมที่น่าเบื่อหน่ายและการรับประทานอาหารพวกนี้, แต่เขาก็เข้าใจว่ามันเป็นหน้าที่ของเขาในฐานะผู้อาวุโสของสถาบันเวทย์มนตร์อีสโควฟ เรื่องทั้งหมดนี้ทำให้เขาเสียเวลาไปทั้งวัน, แต่ตอนนี้ทุกๆอย่างลงตัวแล้ว, เขาอยากจะกลับให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้และไม่อยากจะเสียเวลาในเมืองอื่นสักวินาทีเดียว

 

พอถูกปกคลุมด้วยแสงวูบวาบของออร่าเวทย์มนตร์, แอนโทนี่ ก็กลับมาที่สถาบันในที่สุด, สถานที่ที่เขาใช้เวลาชีวิตของเขาเกือบ 40 ปี แต่ขณะที่เขากำลังเดินลงมาจากหอคอยวาร์ป, แอนโทนี่ ก็ขมวดคิ้วขณะที่เขาสัมผัสได้ว่ามีอะไรบางอย่างไม่ถูกต้องที่สถาบันในวันนี้

 

ภายใต้รูนวาร์ป, แมกซิม, นักเวทย์ที่มีหน้าที่ดูแลหอคอยวาร์ป, กำลังยืนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆพร้อมกับคิ้วของเขาที่ขมวดขึ้นมาเล็กน้อยและใบหน้าที่เศร้าหมองของเขา แอนโทนี่ สัมผัสได้ในทันทีว่ามีบางอย่างสร้างปัญหาให้กับเขา

 

“แมกซิม, เกิดอะไรขึ้น?” แอนโทนี่ ถามพร้อมกับขมวดคิ้ว หนวดสีขาวของเขาดูเหมือนกับตั้งชันขึ้นมา, รูจมูกของเขาบาน, และริมฝีปากหนากับดวงตากลมโตของเขาก็เย็นวาบ เขาไม่ได้ดูโกรธ, แต่ท่าทางของเขาก็ดูจริงจังมากๆ

 

แมกซิม ทำความเคารพผู้อาวุโสในทันที, จากนั้นเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงที่กังวลมากๆ “ท่านครับ, เรามีปัญหาแล้ว”

 

“ปัญหาอะไร?” ผู้อาวุโสถาม

 

ใบหน้าของ แอนโทนี่ ตึงเครียดและบรรยากาศรอบๆตัวของเขาก็เริ่มอึมครึม ธาตุที่อยู่รอบๆตัวของเขาเริ่มปั่นป่วนขณะที่ทอร์นาโดลูกเล็กๆเริ่มก่อร่างขึ้นในอากาศรอบๆตัวเขา—สิ่งเหล่านี้คือผลกระทบที่นักเวทย์เลเวล 7 ที่แข็งแกร่งสามารถแสดงออกมารอบๆตัวของเขาได้

 

เหงื่อเริ่มไหลออกมาบนหน้าผากของ แมกซิม; เขารู้ว่าอารมณ์ของผู้อาวุโสนั้นสามารถรุนแรงได้ขนาดไหน แม้ว่าเขาจะมีความสุขุมเยือกเย็นอยู่เล็กน้อยด้วยอายุของเขา, แต่บรรยากาศกดดันที่เขาปล่อยออกมาในตอนนี้ที่เขาอารมณ์ไม่ดีก็รุนแรงพอที่จะข่มขู่ใครก็ได้ ในความเป็นจริง, ใครก็ตามที่ไม่เคยชินกับมันก็อาจจะกลัวจนตัวแข็งทื่อเลยด้วยซ้ำ

 

“ท่านครับ, ผมยังไม่รู้รายละเอียด” แมกซิม พูด “แต่จอมเวทย์ทุกคนไปรอท่านที่ห้องโถงแห่งความจริงแล้วครับ, เพราะฉะนั้นท่านจะได้รับข้อมูลที่ดีกว่าในตอนที่ท่านไปถึงที่นั่น”

 

ห้องโถงแห่งความจริงเป็นสถานที่ที่เอาไว้ใช้จัดประชุมเรื่องที่สำคัญมากๆ มีแค่นักเวทย์เลเวล 3 ขึ้นไปเท่านั้นถึงจะมีสิทธิเข้าร่วมการประชุมที่จัดขึ้นที่นี่ ซึ่งโดยปกติแล้ว, นักเวทย์เหล่านี้จะเป็นนักเวทย์ระดับสูงของสถาบัน

 

และตอนนี้, จอมเวทย์ทุกคนก็ไปรวมตัวกันที่นั้น แม้กระทั่ง แมกซิม, นักเวทย์เลเวล 5 ก็ยังรู้สึกกระอักกระอ่วนที่จะเปิดเผยรายละเอียดที่เขารู้ แอนโทนี่ สันนิษฐานว่าสาเหตุของพฤติกรรมนี้ต้องเป็นเรื่องร้ายแรงที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้จริงๆ คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันเพียงแค่คิดถึงมัน

 

เขาบังคับตัวเองให้สงบจิตใจของเขาเอาไว้แล้วตาม แมกซิม ไปยังฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของสถาบัน, ที่ห้องโถงแห่งความจริง

 

ตลอดทาง, พวกเขาพบกับนักเวทย์ฝึกหัดบางส่วนที่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ตระหนักถึงสถานการณ์อันเลวร้ายที่เกิดขึ้นในสถาบันเลย ท่าทีของพวกเขาไม่มีความกังวลหรือความกลัวอยู่, และเมื่อพวกเขาพบกับผู้อาวุโส, พวกเขาก็ทำความเคารพอย่างรวดเร็วและรีบหลีกทางให้

 

การค้นพบนี้ทำให้ แอนโทนี่ รู้สึกโล่งอก แม้ว่าสถานการณ์ในตอนนี้จะทำให้เขาหงุดหงิดอย่างมาก, แต่เขาก็ยังดีใจที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงเก็บทุกๆอย่างเอาไว้เป็นความลับจากนักเวทย์ฝึกหัด ซึ่งวิธีนี้ได้ป้องกันปัญหาจากเรื่องอื้อฉาวหรือการแพร่กระจายความตื่นตระหนกไปทั่วสถาบัน

 

ห้านาที่ต่อมา, พวกเขาก็ไปถึงทางเข้าห้องโถงแห่งความจริง

 

กำแพงเวทย์มนตร์ของห้องโถงแห่งความจริงถูกเปิดใช้และมีสีม่วง, บาเรียรูปครึ่งวงกลมปกคลุมทั้งห้องโถง ซึ่งนี่ได้ป้องกันผู้คนภายนอกจากการแอบฟังหรือใช้เวทย์มนตร์เพื่อสอดแนมสิ่งใดก็ตามที่เกิดขึ้นในห้องโถง

 

มีประตูเวทย์มนตร์ที่หนาและแข็งแกร่งอยู่หน้าห้องโถง แมกซิม รีบเดินนำหน้าและเปิดประตูให้ผู้อาวุโส พอประตูเปิดออก, แอนโทนี่ ก็สังเกตุเห็นว่ามีผู้คนไม่มากอยู่ข้างใน มีเพียงแค่หยิบมือเท่านั้นที่อยู่ที่นี่และพวกเขาส่วนใหญ่ก็มีผมสีขาว, และเป็นนักเวทย์มีอายุ

 

แมกซิม ไม่ได้เข้าไปในห้องโถงแต่ก้าวไปข้างๆเพื่อให้ผู้อาวุโสเข้าไปแทน แอนโทนี่ หายใจเข้าลึกๆแล้วเดินเข้าไปในห้องโถงจากนั้นประตูเวทย์มนตร์ก็ปิดข้างหลังเขาในทันที

 

เขามองไปรอบๆห้องโถงที่กว้างใหญ่และพบว่ามีจอมเวทย์ห้าคนกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะยาวที่เอาไว้ใช้สำหรับสภาสูงของสถาบัน มีสมาชิกหกคนในสภา: เกรนซี่, เฟนดัน, วอสเมียร์, ฮานสไวส์, แอนโดราส และเบล—ซึ่งทุกคนอยู่ที่นี่, ยกเว้น เบล

 

ในตอนที่พวกเขาเห็น แอนโทนี่, พวกเขาทั้งห้าก็ลุกขึ้นและทักทายผู้อาวุโส

 

ที่ใจกลางของห้องโถง, มีเด็กหนุ่มคนนึงยืนอยู่พร้อมกับหญิงสาวหน้าตาคุ้นเคยข้างๆเขา หลังจากนั้นเขาก็รับรู้ได้ว่าผู้หญิงคนนั้นคือนักเรียนคนโปรดของเขา, มอยร่า เด็กหนุ่มที่อยู่ข้างเธอดูเด็กมากๆ—เขาน่าจะอายุไม่ถึง 20 ปี แต่ แอนโทนี่ ก็สามารถสัมผัสออร่าที่แข็งแกร่งมากๆรอบตัวเขาได้ อย่างน้อยเขาก็ต้องเป็นนักเวทย์เลเวล 4

 

“คนนี้ใครกัน?” แอนโทนี่ ถามด้วยความประหลาดใจมากๆ เขาไม่เคยได้ยินว่ามีนักเวทย์เลเวล 4 ที่อายุไม่ถึง 20 อยู่ในสถาบันแห่งนี้ด้วย นักเวทย์ที่มีพรสวรรค์เช่นนี้ควรจะเป็นที่รู้จักไปทั่วทวีปฟิรุแมนสิ แต่ว่านี่ใครกัน, หรือว่าจะเป็น เวเวียร์, นักเวทย์ที่มีชื่อเสียงจากทางใต้?

 

เวเวียร์ เป็นนักเวทย์อายุ 19 ปีที่มีมานาไปถึงเลเวล 4 แล้ว เขาเป็นที่รู้จักกันในฐานะนักเวทย์หนุ่มที่มีพรสวรรค์มากที่สุดท่ามกลางมนุษย์ชาติ

 

จากนั้น ลิงค์ ก็ก้าวมาข้างหน้าพร้อมกับเอามือข้างหนึ่งไว้บนอกของเขาและอีกข้างไขว้หลังของเขา, เขาโค้งให้อย่างเคารพ

 

“ชื่อของผมคือ ลิงค์ โมรานี่” ลิงค์ พูด “ผมเป็นนักเวทย์ฝึกหัดของ เบล ครับ”

 

“ลิงค์ หรอ? โอ้, เจ้านั่นเอง” แอนโทนี่ พูด “ใช่แล้ว, ข้าจำได้ว่าเคยอ่านวิทยานิพนธ์ของเจ้า…ว่าแต่, เบล อยู่ที่ไหนหล่ะ?” ความสงสัยเริ่มครอบงำ แอนโทนี่ มากขึ้นเรื่อยๆ ถ้ามันเป็นปัญหาใหญ่จริงๆ, สมาชิกสภาทั้งหกคนก็ควรจะอยู่ที่นี่ แล้วทำไม เบล ถึงไม่อยู่หล่ะ?

 

ความแปลกประหลาดนี้ทำให้เขาลืมความสงสัยและความอยากรู้ของเขาในตัวนักเวทย์หนุ่มคนนี้

 

“อาจารย์คะ” เอร์เรร่า พูด, หลังจากที่ถอนหายใจออกมายาวๆ “เบล อยู่ตรงนั้นค่ะ”

 

จากนั้นเธอก็ชี้ไปที่มุมมืดที่อยู่ถัดจากรูปปั้น ในตอนที่ แอนโทนี่ มองไป, เขาก็เห็นคนสามคนอยู่ตรงกำแพง, ซึ่งทั้งหมดนั้นถูกกักตัวด้วยเวทย์กักขังมานา

 

แอนโทนี่ ไม่สามารถมองได้อย่างชัดเจนในตอนแรก, เพราะฉะนั้นเขาจึงเข้าไปใกล้ๆและหลี่ตามองให้ดี ในตอนที่เขาสามารถระบุตัวตนของคนตรงกำแพงได้, เขาก็สูดลมหายใจเข้าไปโดยไม่รู้ตัว

 

ในบรรดาทั้งสามคน, หนึ่งในพวกเขาแทบจะไหม้จนเกรียม, พร้อมกับผมที่ไหม้บนหัวทุกเส้น ลมหายใจของเขาหนักหน่วงและไม่เต็มที่ เขาดูน่ากลัวจริงๆ, แต่ไม่ได้น่ากลัวเท่ากับสองคนข้างๆเขา!

 

สองคนที่เหลือสูญเสียเนื้อและกล้ามเนื้อแทบทั้งหมดของพวกเขาไป พวกเขาเหลือแค่ชั้นผิวหนังที่หุ้มกระดูกของพวกเขา พวกเขาดูไม่แตกต่างไปจากโครงกระดูกเปล่าๆ หนึ่งในพวกเขามีไฟในดวงตาที่กำลังส่องประกายเหมือนกับไฟวิญญาณ และแม้ว่าพวกเขาจะถูกขังด้วยกักขังมานา, แต่ แอนโทนี่ ก็ยังสามารถสัมผัสถึงความอ่อนกำลังได้นอกจากออร่าอันเย็นยะเยือกที่แผ่ออกมาจากทั้งสอง

 

“แต่นั่นมัน ลิซ นะ!” แอนโทนี่ ตะโกน “ไม่สิ, เบล, นั่นเจ้าหรอ?”

 

เขารู้ว่ามีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้น, แต่เขายังไม่ได้เตรียมใจสำหรับการเปิดเผยที่น่าตกใจเช่นนี้

 

แม้ว่ารูปร่างของ เบล จะเปลียนไปจนจำไม่ได้, แต่เขาก็ยังเป็นคนที่ แอนโทนี่ รู้จักมาเกือบ 40 ปี, เพราะฉะนั้นเขาจึงจำบุคคลที่น่ากลัวนี้ได้ในทันทีว่าเป็นเพื่อนร่วมงานและเพื่อนเก่าของเขา เบล

 

ชายคนนี้ขยับเล็กน้อย, จากนั้นเขาก็ถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วงด้วยความเสียใจ

 

“ใช่, แอนโทนี่” เบล พูด “ข้าเอง”

 

พอเรื่องมันก้าวหน้าไปจนถึงขั้นนี้, เบล ในตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรไปจากชายแก่ที่จิตใจบอบช้ำ เขาไม่ได้อยู่ในสภาพบ้าคลั่งที่เขาเป็นก่อนหน้านี้อีกต่อไป

 

“เกิดอะไรขึ้น?” แอนโทนี่ ถามด้วยน้ำเสียงที่สิ้นหวัง จากนั้นเขาก็เดินตรงไปหาพวกเขาแล้วชี้คทาของเขาไปที่ เฉด “มันหลอกเจ้าหรอ?”

 

แอนโทนี่ ยังไม่สามารถทำใจเชื่อ เบล ได้ว่า, นักเวทย์ที่เขารู้จักตลอดหลายปีมานี้จะเริ่มเดินบนเส้นทางแห่งความมืด

 

“มันเป็นความตั้งใจของข้าเอง” เบล พูด “เพื่อนของข้า, ข้ากลัวว่าจะทำให้เจ้าผิดหวัง”

 

ตอนนี้, เบล ใจเย็นลงแล้ว พอเรื่องมันมาถึงจุดนี้, เขาก็ตระหนักได้ว่าไม่ว่าสิงใดก็ตามที่เขาทำไปมันไม่สามารถเอากลับคืนมาได้แล้ว, และเขาก็แม้แต่จะขอให้ไว้ชีวิต สิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดในตอนนี้คือความตายอย่างสงบ

 

แอนโทนี่ เงียบไปพักใหญ่ๆ หลังจากนั้น, เขาก็หันไปหา มอยร่า แล้วพูด “มอยร่า, บอกข้ามาว่าเกิดอะไรขึ้น”

 

เอร์เรร่า พยักหน้า จากนั้นเธอก็เริ่มอธิบายเรื่องที่เธอบังเอิญสัมผัสได้ถึงออร่าของเวทย์มนตร์แห่งความมืดบนตัว ดาริส และเกิดสงสัยขึ้นมา, เพราะฉะนั้นเธอจึงขอให้ ลิงค์ ช่วยเธอสืบสวนพวกเขา และในท้ายที่สุดในตอนที่ความจริงถูกเปิดเผย ดาริส ก็ดักซุ่มโจมตี ลิงค์ แต่ก็พ่ายแพ้ให้กับเขา จากนั้นเธอก็อธิบายเรื่องที่ เบล หนีไปที่หอคอยแห่งความมืดในสระหมอกและเรื่องที่เขาพ่ายแพ้และถูกจับตัวที่นั่น เธอเราทุกๆอย่างที่เกิดขึ้น, เว้นแต่รายละเอียดที่แท้จริงเกี่ยวกับการต่อสู้ของพวกเขา, ซึ่งไม่มีอะไรหลุดออกมาเลย

 

ในตอนที่เธอพูดจบ, แอนโทนี่ ก็มองตรงไปที่ ลิงค์ เอร์เรร่า พูดออกมาอย่างเรียบง่าย, แต่อันตรายร้ายแรงที่พวกเขาต้องเผชิญนั้นก็เห็นได้ชัดกับ แอนโทนี่ มีประเด็นแปลกๆในคำอธิบายของ เอร์เรร่า ที่เขาพบว่าน่าสงสัยเช่นกัน, แต่ถึงกระนั้นนี่ก็ไม่ใช่เวลามาถามคำถามพวกนี้

 

“เพื่อนเก่าของข้า” แอนโทนี่พูด ขณะที่เขาหันไปหา เบล “เจ้ามีอะไรจะพูดอีกไหม?”

 

“ข้าทำให้เจ้าผิดหวังในฐานะนักเวทย์” เบล พูดขณะที่ส่ายหัว เขาดูผิดหวังและหดหู่ “ข้าไม่มีอะไรจะพูดแก้ตัวแล้ว”

 

“ดาริส, แล้วเจ้าหล่ะ?” แอนโทนี่ ถามขณะที่หันไปหาหัวหน้านักเรียนของ เบล

 

ดาริส ได้รับบาดเจ็บรุนแรง, และตอนนี้เขาก็ต้องเผชิญหน้ากับการกดดันของ แอนโทนี่, สถานการณ์ในตอนนี้ค่อนข้างจะมากเกินไปสำหรับเขาทำให้เขาหายใจลำบาก

 

“ผะ ผะ…ผมไม่อยากตาย!” เขาพูดออกมาในที่สุด

 

แอนโทนี่ ถอนหายใจออกมายาวๆแล้วเงียบไปพักใหญ่ๆ จากนั้นเขาก็หันไปหาสมาชิกของสภาที่เหลืออยู่ห้าคน

 

“สุภาพบุรุษและสุภาพสตรีทุกท่าน, เบล ได้เลือกเดินทางผิด, แต่ข้าเชื่อว่าเขาไม่ได้ก่ออาชญากรรมที่ร้ายแรงจริงๆ, และความรู้และไหวพริบของเขาในด้านเวทย์มนตร์ก็ยังคงมีคุณค่าและน่าประทับใจ เพราะฉะนั้นข้าจึงเสนอให้ปิดกั้นมานาของเขาเพื่อไม่ให้ใช้เวทย์มนตร์ได้อีก, และขังเขาเอาไว้ในหอคอยแห่งอสุรา (หมายเหตุ: นี่คือคุกของสถาบันสำหรับนักเวทย์ที่กระทำผิด) ส่วน ดาริส, เขาควรจะถูกถอดพลังเวทย์ออกและส่งไปที่ศาลเมืองริเวอร์โควฟเพื่อชดใช้ความผิดของเขา และสำหรับ…เขา…”

 

“ชื่อของเขาคือ เฉด ค่ะ” เอร์เรร่า พูด “เขาเป็นเนโครแมนเซอร์เลเวล 5”

 

“ใช่, เนโครแมนเซอร์ เฉด” ผู้อาวุโสพูดต่อ “สำหรับเขา, ข้าขอตัดสินให้เขารับโทษที่ร้ายแรงที่สุด, และข้าขอเสนอให้เผาเขาเป็นการลงโทษ”

 

จากนั้นจอมเวทย์ทั้งห้าก็สุมหัวกันและปรึกษาเรื่องนี้

 

พวกเขาบางส่วนคิดว่าบทลงโทษของ เบล เบาเกินไปในแง่ของหลักฐานที่พิสูจน์ว่าเขาฆ่าคนขับรถม้าของสถาบันจริงๆ แต่, ก็ไม่มีพวกเขาคนไหนหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาพูดเพราะพวกเขาไม่ต้องการจะขัดแย้งกับผู้อาวุโส ยังไงซะ เบล ก็เป็นเพื่อนร่วมงานของพวกเขามานาน, และถึงแม้จะมีความผิดทั้งหมดที่เขาทำไป, แต่ก็ไม่มีใครต้องการตัดสินโทษที่รุนแรงกับเขา หลังจากไตร่ตรองกันอยู่พักใหญ่ๆ, นักเวทย์ที่แข็งแกร่งเป็นอันดับสองของสถาบัน, เกรนซี่, ก็ยืนขึ้นและประกาศคำตัดสินของพวกเขา

 

“ท่านครับ, พวกเราทุกคนเห็นด้วยว่าข้อเสนอของท่านยอดเยี่ยมมากครับ” เกรนซี่ พูด

 

เรื่องนี้สำคัญมากและต้องให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสถาบันเป็นคนตัดสินใจเท่านั้น, ดังนั้น เอร์เรร่า กับ ลิงค์ จึงสามารถทำได้แค่สังเกตุการณ์อยู่ข้างๆและไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมตัดสินใจ เมื่อถึงคำตัดสิน, โชคชะตาของ เบล, เฉด และ ดาริส ก็ถูกปิดผนึกไปตลอดกาล, และไม่มีโอกาสเปลี่ยนแปลงได้

 

เบล ก้มหัวลงและไม่พูดอะไร ไม่มีใครรู้ว่าความคิดอะไรกำลังแล่นอยู่ในหัวของเขาในเวลานี้ ดวงตาของ ดาริส ไม่มีชีวิตชีวาและจากนั้นไม่นาน, เขาก็ไม่สามารถยืนได้อีกต่อไปและทรุดลงกับพื้น สำหรับ เฉด, เขาเงียบตลอดเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ เขารู้ว่าเขาจบแล้ว ดวงไฟวิญญาณดวงที่สองของเขาได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง, เพราะฉะนั้นเขาจึงยอมแพ้กับชะตากรรมของตัวเอง

 

จากนั้น แอนโทนี่ ก็หันไปหา เอร์เรร่า กับ ลิงค์ และความภูมิใจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่รุนแรงตามปกติของเขาอยู่ครู่นึง

 

“พวกเจ้าทั้งสอง” ผู้อาวุโสเริ่มพูด “พวกเจ้าได้เสี่ยงชีวิตเปิดเผยความมืดที่ซ่อนอยู่ในสถาบัน และพวกเจ้าก็ทำมันด้วยการตัดสินใจอย่างระมัดระวังเพื่อรักษาชื่อเสียงที่ดีของสถาบันเอาไว้ ความกล้าและความฉลาดของพวกเจ้าสมควรได้รับรางวัล!”

 

Advent of the Archmage

Advent of the Archmage

Type: Author: , ,
เรื่องย่อ ลิงค์เป็นอาร์จเมจที่เก่งที่สุดในทุกๆเซิร์ฟเวอร์ เขาเพิ่งจะโค้นล้มบอสที่แข็งแกร่งที่สุด,เจ้าแห่งความลึก โนโซม่า ด้วยปาร์ตี้ของเขา อย่างไรก็ตาม,แทนที่เขาจะกลับไปที่เมื่อง เขากลับถูกส่งตัวไปที่พื้นที่ลับด้วยพิกเซลCG มันให้ความรู้สึกเหมือนกับสูญญากาศ และภายในนั้นก็ได้มีเสียงที่ยิ่งใหญ่และมากด้วยอำนาจที่เรียกตัวเองว่าพระเจ้าแห่งแสงสว่างดังขึ้น “ลิงค์ เจ้าเต็มใจที่จะเป็นผู้ช่วยชีวิตที่จะดึงโลกแห่งฟิรูแมนออกจากความปั่นป่วนไหม?” ภารกิจที่ยิ่งใหญ่นี้มันอะไรกัน! ถ้ามันเป็นโลกจริง ลิงค์ คงจะปฏิเสธไปในทันที อย่างไรก็ตามเขาก็มีความแน่วแน่ที่จะเป็นฮีโร่ในเกมส์ “จัดไปเลย!” ลิงค์ ตอบอย่างมั่นใจ “ถ้างั้นก็ขอให้เจ้าโชคดี” และนั่นจะเป็นการเริ่มต้นการเดินทางที่เต็มไปด้วย เวทย์มนตร์,มิตรภาพ,การทรยศ,ความรัก และความสิ้นหวังของ ลิงค์ ในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปของฟิรุแมน Link was the top Archmage in the entire server. He had just defeated the strongest boss, the Lord of The Deep, Nozama with his party. However, instead of going back to town, he was transported to a secret location with pixelated CG. It sort of felt like a vacuum, and within it came a glorious and commanding voice that calls himself the God of Light. “Link, would you be willing to be the saviour who will pull the World of Firuman out from the churning abyss?” What a huge mission! If it was in the real world, Link would have rejected it immediately. However, he was bent on being the hero in game. “Bring it on!” Link answered confidently. “Then, best of luck.” And so began Link’s journey of magic, friendship, betrayal, love and despair in the ever changing World of Firuman.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset