Advent of the Archmage – ตอนที่ 145: เก็บเกี่ยวของรางวัลทั้งหมด!

เอร์เรร่า ตรงกลับไปยังสถาบันในทันทีหลังจากที่ออกมาจากพระราชวังเพื่อที่จะรายงานเหตุการณ์ที่ถนนหยกให้กับผู้อาวุโส ลิงค์ นั้นเป็นเพียงแค่นักเวทย์ที่ไม่มียศหรือตำแหน่งในตอนนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องรีบไปไหน เขาใช้เวลาในการพักผ่อนอยู่ที่โรงแรงในเมืองหลวง เฝ้ารอโฉนดที่ดินและจดหมายประกาศเกียรติคุณจากพระราชา

 

แม้ว่าจะมีภัยพิบัติร้ายแรงที่เกิดจากดาร์กเอลฟ์เมื่อไม่นานมานี้ แต่งานเทศกาลนักเวทย์ก็ยังคงจัดขึ้นตามปกติ ไม่เพียงแค่จำนวนคนที่เข้ามาร่วมงานจะไม่ลดลงเท่านั้น แต่ความจริงแล้ว คนยังแห่มาที่นี่เพิ่มเพื่อมาเยี่ยมชมสถานที่ที่เกิดภัยภิบัติในครั้งนี้อีกด้วย

 

เมื่อเห็นว่างานเทศกาลยังคงจัดอยู่ เอร์เรร่า จึงได้วางขายคทาไม้ขีดไฟของ ลิงค์ และอุปกรณ์เวทมนตร์อื่นๆของเขาไว้ที่ร้านขายอุปกรณ์เวทมนตร์ที่อยู่ในถนนหยก ลิงค์ มั่นใจว่าอีกไม่นานจะต้องมีใครซักคนมาซื้อมันไป

 

ลิงค์ พักอยู่ที่โรงแรมและไม่ได้ออกไปที่ไหนเลย เขาใช้เวลาทั้งวันอยู่ในห้องของเขาเพื่อที่จะสร้างกำไลข้อมือระเบิดเพลิงสำหรับผู้หญิงชุดดำ

 

เขาได้เขียนแบบร่างแบบคร่าวๆสำหรับกำไลข้อมือเสร็จตั้งแต่ตอนอยู่ที่พระราชวังแล้วและได้ใช้เวลาอีกวันนึงในการทำให้รายละเอียดของมันเสร็จสมบูรณ์ ในเช้าของวันที่สอง เขาพร้อมที่จะเริ่มลงมือทำจริงแล้ว

 

เขามีอุปกรณ์ที่ดีที่สุดอยู่ในมือครบทั้งหมด-ทอเรียม, ทองคำและคริสตัลเพลิง ยิ่งไปกว่านั้น ไม่มีใครที่จะมาขัดขวางการทำงานของเขาได้ ดังนั้น ลิงค์ จึงสามารถทุ่มกำลังทั้งหมดของเขาในการจัดการกับวัตถุดิบคุณภาพสูงที่มีโครงสร้างและรูปแบบอันซับซ้อนได้ เมื่อเวลาผ่านไป เขาก็เริ่มจดจ่อกับงานมากขึ้นและมีความสุขกับมัน ไม่มีอะไรในโลกที่เขาอยากจะทำอีกแล้วในตอนนี้

 

การดำเนินงานทั้งหมดนั้นใช้เวลาไปทั้งสิ้น 3 วันถ้วน หลังจากนั้น ลิงค์ ก็ได้ทำกำไลข้อมือระเบิดเพลิงที่สวยงามสำเร็จ แกนหลักของมันทำมาจากทองและเส้นตัวนำเวทมนตร์ของมันทำมาจากทอเรียม ส่วนคริสตัลเพลิงนั้นถูกใช้เป็นสื่อนำในการผนึกเวทมนตร์ลงไปในกำไลข้อมือ

 

กำไลนั้นมีรูปร่างเหมือนกับนกฟินิกซ์ที่ห่อหุ้มข้อมือของผู้สวมใส่โดยส่วนหัวของมันจะเชื่อมต่อกับส่วนหางของมัน ฟินิกซ์ นั้นเป็นที่รู้จักกันดีว่ามันตายในเปลวเพลิงและฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้งจากขี้เถ้าของมัน มันจึงกลายเป็นดีไซน์ที่ใช้ในการสร้างกำไลระเบิดเพลิงนี้ ขนแต่ละขนมีความประณีตเนื่องจากทักษะอันชำนาญของ ลิงค์ และรอบๆขนแต่ละขนนั้นประกอบไปด้วยเส้นของทอเรียม ในขณะที่เม็ดคริสตัลเพลิงนั้นถูกวางไว้ที่ใจกลางของขน พวกมันทำหน้าที่เป็นสื่อนำในการผนึกเวทมนตร์ และเม็ดคริสตัลเพลิงที่ใหญ่ที่สุดก็ได้ถูกทำเป็นตาของฟินิกซ์ มันเป็นอุปกรณ์เวทมนตร์ที่สวยบริสุทธิ์อย่างแท้จริงทั้งในด้านดีไซน์และฟังก์ชั่น

 

คริสตัลเพลิงที่เป็นส่วนตาของนกนั้นต่างกับอันอื่นที่อยู่บนขนนก คริสตัลที่อยู่บนขนนั้นมีส่วนขอบที่คมกริบเพื่อที่จะสะท้อนแสงบนกำไลในตอนที่มันขยับ ส่วนคริสตัลเพลิงที่อยู่ในส่วนตานั้นถูกขัดให้เป็นรูปหยดน้ำที่มีประกายอันมีสเน่ห์ลึกลับ-ในความเป็นจริง มันเป็นเพราะดวงตานี้แหละที่ทำให้กำไลฟินิกซ์ดูเหมือนกับว่ามีชีวิตอยู่

 

มองจากลักษณะภายนอกที่ไม่เหมือนใคร กำไลนี้ช่างไม่มีที่ติเลยจริงๆ

 

ส่วนฟังชั่นของกำไลนั้น ลิงค์ ได้ใส่ทักษะเวทมนตร์ระดับสูงสุดเข้าไป 2 อย่างในการดัดแปลงเวทย์ระเบิดเพลิงที่ใส่ลงไปในกำไลฟินิกซ์-การสะท้อนและความแม่นยำ เขายังออกแบบรูปแบบเส้นของรูนให้แข็งแกร่งเพื่อที่จะไม่ให้ยิงพลาดหรือถูกทำลายได้นอกเสียจากว่ามันจะถูกกระทำด้วยพลังจากภายนอก

 

และท้ายที่สุด ลายเซ็นของ ลิงค์ ที่ทิ้งไว้บนกำไลข้อมือ แม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่ของขวัญแต่เขาก็ยังคงคิดที่จะทิ้งหลายเซ็นของเขาเอาไว้ในงานของเขาเพราะว่าชิ้นงานที่สำเร็จแต่ละชิ้นนั้นจะเป็นแหล่งที่มาของความภูมิใจสำหรับนักเวทย์เสริมพลัง ดังนั้น ลิงค์ จึงใส่ลายเซ็นของเขาเอาไว้ในกำไลข้อมือในจุดที่จะถูกซ่อนเอาไว้เมื่อสวมใส่

 

ตอนนี้กำไลเสร็จสมบูรณ์แล้ว  หัวใจของ ลิงค์ เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจในขณะที่เขาตรวจสอบสินค้าที่เสร็จแล้ว เขารู้สึกไม่ค่อยเต็มใจที่จะต้องยกสิ่งนี้ให้กับคนอื่น

 

จากนั้นเขาก็เก็บกำไลข้อมือและกลับไปที่โต๊ะทำงานของเขาเพื่อที่จะตรวจดูวัตถุดิบที่เหลืออยู่ เขาพบว่าเขามีทอเรียม 1 ออนซ์,ทองคำ 3 ออนซ์และคริสตัลเพลิงที่แบ่งส่วนแล้วเหลืออยู่ 15 ชิ้น

 

เขาเก็บวัตถุดิบพวกนี้เอาไว้สำหรับตัวเองในอนาคต

 

นี่เป็นตอนที่เขาได้เข้าใจว่านักเวทย์เสริมพลังนั้นสามารถทำเงินได้เยอะขนาดไหน เขาไม่สงสัยอีกแล้วว่า เอร์เรร่า สามารถหาเงินมากมายจากทักษะเสริมพลังของเธอเพื่อซื้อวัตถุดิบปริมาณมากขนาดนั้นได้ยังไง เพียงแค่ส่วนที่เหลือจากวัตถุดิบก็สามารถนำไปขายได้เงินในปริมาณนึงแล้ว

 

ด้วยความที่งานของเขาเสร็จแล้ว ทุกอย่างที่เหลืออยู่ก็คือรออย่างทดทน ลิงค์ มั่นใจว่าผู้หญิงชุดดำจะต้องมาหาเขาแน่ในอีกไม่นานนี้ ดังนั้นในระหว่างนี้เขาจึงพักอยู่ในโรงแรมและอ่านตำราเวทมนตร์ เมื่อเขามีเวลาเหลือ เขาก็จะเอากล่องไม้ที่เขาได้มาจากเจ้าชาย ฟิลลิป ออกมาเพื่อตรวจสอบมัน

 

กล่องไม้นั้นดูน่ารักและถูกสร้างมาอย่างดีด้วยการแกะสลักอันประณีตบนพื้นผิวของมัน จากนั้น ลิงค์ ก็ถึงกับสับสน ในตอนที่เขาเปิดมันออกและพบว่าของที่อยู่ภายในนั้นมีแค่เพียงก้อนหินสีขาวที่มีขนาดเท่านิ้วโป้งเท่านั้น

 

ใช่ มันเป็นหินที่ดูธรรมดาและไม่มีอะไรเลย ตัวหินนั้นเพียงแค่ดูมีลักษณะเฉพาะและมีพื้นผิวที่ลื่น แต่นอกเหนือจากนั้น ลิงค์ ก็ไม่เห็นอะไรที่มันพิเศษในหินก้อนนี้เลย

 

เขาไม่สามารถตรวจจับกระแสมานาหรือจุดใดๆที่มีรูปแบบของรูนบนหินก่อนนี้ได้เลย และมันก็ไม่มีการผันผวนของพลังงานแผ่ออกมาจากมันด้วย-พูดง่ายๆคือ หินสีขาวก้อนนี้ไม่ต่างอะไรกับก้อนหินเก่าๆที่สามารถพบได้ตามริมฝั่งแม่น้ำเลย

 

เจ้าชายไม่ได้ล้อฉันเล่นใช่มั้ย? ลิงค์ สงสัย เขาคิดอะไรถึงให้หินสีขาวก้อนนี้กับฉัน?

 

ลิงค์ รู้สึกสับสนและไม่คิดว่าจะมีเหตุผลใดที่เจ้าชายจะมอบของขวัญที่แปลกประหลาดนี้ให้กับเขา หลังจากที่ตรวจสอบมันอย่างละเอียดอยู่พักนึง หน้าต่างแจ้งเตือนก็เด้งขึ้นมาที่หน้าอินเทอเฟส

 

หินสีขาว (ไม่สามารถทำลายได้)

คุณภาพ: ไม่ทราบ

ผล: ไม่ทราบ

(หมายเหตุ:ของขวัญจากเจ้าชายฟิลลิป)

 

ดี อย่างน้อยมันก็จริงที่หินก้อนนี้ไม่สามารถทำลายได้ ลิงค์ ได้ลองพยายามใช้ทักษะการเสริมพลังเพื่อเปลี่ยนคุณสมบัติและลักษณะภายนอกของมัน แต่ว่าไม่มีเทคนิคใดๆของเขาในตอนนี้ที่สามารถส่งผลกับก้อนหินได้เลย ถ้าไม่ใช่เพราะคุณสมบัติที่แปลกประหลาดของมัน ลิงค์ คงจะโยนมันไปซักมุมนึงของห้องและทิ้งมันไว้ตรงนั้นตั้งนานแล้วอย่างแน่นอน

 

หรือว่ามันจะทำมาจากวัตถุดิบที่มีคุณภาพสูงจนเกินกว่าความสามารถของฉันในตอนนี้ที่จะทำอะไรกับมันได้? ลิงค์ สงสัย มันจะมีอะไรแบบนั้นอยู่ด้วยงั้นหรอ?

 

หลังจากตรวจสอบอยู่อีกซักพัก ลิงค์ ก็ยอมแพ้ในที่สุดและถอนหายใจอย่างรุนแรง จากนั้นเขาก็ปิดกล่องไม้และใส่มันกลับเข้าไปในจี้เหมือนเดิม นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเจอกับของที่เป็นปริศนาตั้งแต่ที่เขาเข้ามายังโลกใบนี้

 

วันต่อมา ในที่สุดผู้ส่งสารจากพระราชวังก็ส่งจดหมายประกาศเกียรติคุณและโฉนดที่ดินจากพระราชามาให้ แม้ว่ามันจะเป็นเพียงเอกสารทางการ แต่พวกมันก็ยังคงมีคุณภาพสูงและประกอบไปด้วยเครื่องประดับที่ดูสวยหรู ตัวเอกสารนั้นถูกประทับตราด้วยตราประทับหลวงที่มีคุณสมบัติทางเวทมนตร์และซับซ้อนมากยากที่จะเลียนแบบ และที่สำคัญที่สุดก็คือ เอกสารนี้คือประกาศจากราชาอย่างชัดเจนว่าตอนนี้ ลิงค์ ได้เป็นผู้สืบทอดยศบารอนของอาณาจักรนอร์ตันที่มีอำนาจอยู่ในเขตที่ดินที่รกร้าง เฟิร์ด แล้ว

 

โฉนดที่ดินนั้นยังทำเครื่องหมายอาณาเขตในด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้และทิศตะวันตกเฉียงเหนือของที่รกร้าง เฟิร์ด เอาไว้อย่างชัดเจน ทำให้ไม่มีข้อพิพาทใด ๆเกิดขึ้น

 

อย่างเดียวที่บ่งบอกว่าราชา ลีออน นั้นกลัวว่าบารอนคนใหม่นั้นจะดูน่าสงสารจนเกินไป เขาจึงใส่ส่วนชายฝั่งที่อยู่ด้านทิศตะวันออกของที่รกร้าง เฟิร์ด ไว้ภายใต้ความเป็นเจ้าของของ ลิงค์ ด้วยเช่นกัน แม้ว่าทะเลนั้นจะเต็มไปด้วยแนวปะการังและไม่เหมาะที่จะทำเป็นท่าเรือ แต่อย่างน้อยมันก็เต็มไปด้วยปลาและสัตว์ทะเลซึ่งสามารถทำให้การตกปลานั้นเป็นไปได้ แม้ว่ามันจะเป็นไปไม่ได้ที่จะรวยได้ด้วยสิ่งนั้นอย่างเดียวก็ตาม แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้บารอนคนใหม่ไม่อดตาย

 

ราชา ลีออน นั้นเป็นคนที่มีน้ำใจและใจดีจริงๆ จากนั้น ลิงค์ ก็ได้ตรวจดูเอกสารทางการของเขาต่อด้วยความพึงพอใจและในตอนนั้นความคิดที่จะกลับบ้านก็ผุดขึ้นมาในหัวของเขา

 

ร่างกายนี้ที่วิญญาณของเขาได้อาศัยอยู่เป็นลูกชายคนเล็กของไวส์เคานท์ ฮามิลตัน โมรานี่ เขาได้ออกจากบ้านมามากกว่า 1 ปีแล้วและยังได้เข้าเรียนในสถาบันเวทมนตร์อันมีเกียรติได้สำเร็จและยังได้รับการแต่งตั้งยศ บารอน อีก มันถึงเวลาที่เขาจะกลับบ้านแล้ว

 

แน่นอน เขาไม่ได้จะกลับไปที่บ้านเพื่อโชว์ความสำเร็จของเขา แต่เพียงเพราะเขานึกถึงหน้าที่ที่เขาจะต้องทำที่บ้านขึ้นมาได้

 

มันไม่มีเหตุผลที่เขาจะต้องเป็นห่วงพ่อของเขา-ยังไงซะเขาก็เป็นไวส์เคานท์ ที่มีลูกๆและหลานๆคอยดูแล คนที่ ลิงค์ เป็นห่วงจริงๆก็คือคุณแม่

 

แม่ของ ลิงค์ นั้นไม่ใช่ภรรยาคนแรกของไวส์เคานท์ที่ตายหลังจากอุ้มท้องลูกของไวส์เคานท์ได้เพียงแค่ 2 คน จากนั้นเขาก็รู้สึกเหงาเขาจึงแต่งงานกับแม่ของ ลิงค์ ที่อุ้มท้องลูกสาวของเขาและลูกชายอีกคน  แน่นอน ลูกชายคนสุดท้องก็คือ ลิงค์ ขณะที่ลูกสาวอีกคนนั้นคือพี่สาวคนโตของ ลิงค์ ที่ตอนนี้ก็อายุมากแล้วแต่เพราะไวส์เคานท์สามารถให้เงินค่าสินสอดกับเธอได้แค่เล็กน้อย จึงยังไม่มีคนที่เหมาะสมมาขอแต่งงานกับเธอเลย

 

ภรรยาคนแรกของไวส์เคานท์นั้นมาจากตระกูลขุนนางอื่นที่มีอำนาจ ลูกชายคนโตนั้นเป็นทายาทของ ไวส์เคานท์ ดังนั้นวันนึงเขาจะต้องสืบทอดทั้งที่ดินและยศถาบรรดาศักดิ์ ในขณะที่ลูกชายคนที่สองตอนนี้ก็ได้เป็นอัศวินเต็มตัวที่มีอนาคตอันสดใส  ในอีกด้านนึงแม่ของ ลิงค์ นั้นมาจากตระกูลเล็กๆที่ไม่มีชื่อเสียงหรือลาภยศของตัวเอง ลูกชายคนโตทั้งสองของไวส์เคานท์นั้นไม่มีความเคารพในตัวเธอเลยแม้แต่นิดเดียวและพยายามที่จะไล่เธอออกจากปราสาทของไวส์เคานท์มาโดยตลอดตั้งแต่วันที่เธอแต่งงานเข้ามาในครอบครัวนี้ในวันแรก

 

ลิงค์ จำได้ว่าพวกเขาไล่แม่ของเขาออกจากปราสาทได้สำเร็จเมื่อ 5 ปีก่อน เธอถูกไล่ออกจากปราสาทโดยลูกคนโตและตอนนี้อาศัยอยู่ในกระท่อมเล็กๆที่ชนบท พี่สาวของเขาได้รับอนุญาตให้อยู่ในปราสาทต่อในฐานะเครื่องมือที่ใช้ในการผูกมิตรทางการเมืองด้วยการให้เธอไปแต่งงานกับตระกูลที่เหมาะสม

 

นี่คือสิ่งเหม็นเน่าที่เกิดขึ้นภายในครอบครัว โมรานี่, ลิงค์ ไม่มีความตั้งใจที่จะแทรกแซงมัน เขาไม่สามารถเปลี่ยนอดีตได้ แต่เขายังคงมีความสามารถที่จะทำให้ปัจจุบันดีขึ้นได้ เขามีความสามารถที่จะช่วยสนับสนุนคุณแม่ได้ในตอนนี้ ดังนั้นเขาจึงวางแผนที่จะเตรียมการจัดการอย่างเหมาะสมเพื่อที่จะให้เธอมาอาศัยอยู่กับเขาได้ ลิงค์ ไม่สามารถทนเห็นเธอใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับความยากจนและขาดการดูแลได้

 

ไม่ใช่ว่า ลิงค์ ตัดสินใจที่จะช่วยเธอเพราะมีอารมณ์มาเกี่ยวข้องหลังจากที่เขาได้ไปพบกับเธอ แต่เพียงเพราะว่ามันเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่ต้องทำต่างหาก

 

ที่ดินของตระกูล ฮามิลตัน นั้นอยู่ในประเทศปักเป้าที่อยู่ในทางเหนือกว่า 100 ไมล์ของป่าเกอร์เวนท์ มันใช้เวลาไม่นานในการไปที่นั่น ลิงค์ คิด

 

จากนั้นเขาก็เริ่มเขียนจดหมายถึงที่บ้าน เล่าเหตุการณ์คร่าวๆเกี่ยวกับความเป็นอยู่ของเขาในตอนนี้และบอกวันที่เขาน่าจะไปถึงที่บ้าน หลังจากที่เขาเขียนเสร็จเขาก็ได้เอามันไปหย่อนที่ตู้ไปรษณีย์ที่หน้าทางเข้าของโรงแรม

 

ในตอนที่เขากลับมาที่ห้อง เขารู้สึกได้ถึงบางอย่างที่แปลกไปในห้องของเขา เหมือนกับว่ามีบางอย่างที่แตกต่างอยู่ที่นี่

 

เขามองหาไปทั่วห้องและไม่เห็นใครอยู่ที่นั่นเลย ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกถึงบางอย่างจากที่หางตาของเขา-มีกาสีดำอยู่ที่โต๊ะอ่านหนังสือของเขาจ้องมาที่เขาด้วยดวงตาที่มันวาว

 

“ผมรู้ว่าคุณต้องมา” ลิงค์ พูดพลางปิดประตู  ในตอนที่เขาหันหน้ากลับมา เอเลนอร์ ก็ได้แปลงร่างกลับเป็นคนเรียบร้อยแล้ว

 

“อุปกรณ์ของฉันเสร็จหรือยัง?” เธอถามพร้อมกับหยิบอุปกรณ์เสริมพลังที่อยู่บนโต๊ะ เธอสังเกตเห็นเศษที่เหลืออยู่บนอุปกรณ์และสามารถคาดเดาคำตอบของคำถามของเธอได้ “ฉันคิดว่ามันเสร็จแล้ว ใช่มั้ย?”

 

ลิงค์ พยักหน้าและยื่นกำไลระเบิดเพลิงให้กับเธอ

 

ตาของ เอเลนอร์ ลุกวาวในตอนที่เธอเห็นกำไลข้อมือ เธอหมุนมันไปมาและจับมันอย่างนุ่มนวลด้วยมือของเธอ มันยิ่งดูน่าประทับใจมากขึ้นเมื่อเป็นสิ่งที่ ลิงค์ สร้างขึ้น เธอถือกำไลข้อมืออย่างระมัดระวังด้วยความกลัวที่เธออาจจะทำมันแตก

 

“ไม่ต้องห่วง” ลิงค์ พูดพร้อมกับหัวเราะ “ผมสร้างมันออกมาให้แข็งแรง มันไม่แตกหรอกถ้าคุณไม่ทุบมันด้วยค้อนนะ”

 

คำพูดของ ลิงค์ นั้นไม่ได้รับความสนใจเพราะ เอเลนอร์ นั้นกำลังหลงใหลอยู่กับกำไลฟินิกซ์อยู่อย่างเต็มที่ เธอลองสวมมันบนข้อมือของเธอและพบว่ามันพอดี-มันไม่แน่นเกินไปและหลวมเกินไป และมันยังให้ความรู้สึกลื่นและหรูหราด้วยในตอนที่เธอถูมันกับผิวหนังของเธอ

 

“มันช่างน่าเหลือเชื่อ!” เอเลนอร์ อุทาน เธอชอบมันตั้งแต่แรกเห็น เธอคงจะเต็มใจที่จะใส่กำไลนี้ตลอดเวลาแม้ว่ามันจะไม่มีพลังเวทมนตร์ก็ตาม

 

โอ๊ะ ใช่แล้ว ฉันต้องเช็คเวทมนตร์ในกำไลด้วย จากนั้นยิ่งเธอตรวจดูกำไลมากเท่าไหร่เธอก็ยิ่งทึ่งกับคุณภาพอันสุดยอดของมันมากเท่านั้น

 

“มีอะไรบางอย่างแปลกๆในเวทย์ระเบิดเพลิงนี้” เอเลนอร์ พูด “มันเป็นแบบเดียวกับที่เธอใช้ตอนต่อสู้นี่? โอ้ แต่เธอไม่เพียงแค่เพิ่มความแม่นยำของมัน เธอได้ใส่เอ่อ…โครงสร้างอันสวยงามสำหรับเวทย์นี้ด้วย!”

 

จากนั้นเธอจึงเลิกมองไปที่กำไลและจ้องไปที่ ลิงค์ ด้วยความสงสัยแทน

 

“เธอไม่กังวลหรอว่าฉันอาจจะเรียนเวทมนตร์ลับของเธอจากกำไลข้อมือนี้หน่ะ?” เธอถาม

 

กำไลข้อมืออันนี้อันเดียวก็สามารถทดแทนทักษะการต่อสู้ประชิดตัวที่เธอขาดไปได้แล้วเพราะเธอสามารถร่ายเวทย์ระเบิดเพลิงได้โดยแทบไม่ต้องใช้เวลาเลย-เธอขนลุกพอคิดว่าเธอได้ครอบครองพลังที่น่ากลัวขนาดนั้น

 

“คุณจะทำอะไรก็ได้ตามที่คุณต้องการ” ลิงค์ ตอบพลางยักไหล่ “ผมเพียงแค่ต้องพยายามให้ถึงที่สุด เมื่อผมตัดสินใจที่จะทำอะไร ถ้าไม่ทำมันผมจะนอนไม่หลับหน่ะ”

 

เขาเพียงแค่ใส่เวทย์ขั้นสูงสุดลงไปในกำไลข้อมือ ยังไงซะคุณค่าของมันเมื่อรวมกันแล้วมันก็เป็นเพียงแค่เล็กน้อยเมื่อเทียบกับคัมภีร์แห่งความรู้ นอกจากนี้ เขาไม่ได้วางแผนที่จะหยุดพัฒนาตัวเองในเร็วๆนี้ เขาจะเรียนเวทย์ที่ทรงพลังมากกว่าระเบิดเพลิงในอนาคตอย่างแน่นอน ยังไงซะระเบิดเพลิงก็ไม่ใช่อาวุธที่ดีที่สุดที่เขามีในคลัง ความจริงสิ่งที่ช่วยให้เขาได้เปรียบในการต่อสู้คือความเร็วในการร่ายเวทย์ดั่งสายฟ้าและความช่วยเหลือจากระบบเกมต่างหาก

 

แม้ว่า เอเลนอร์ จะคิดต่าง แต่เธอก็ยังคงชื่นชมกำไลที่แสนประณีตต่อและถอนหายใจออกมา เพราะคุณภาพของมันเกินกว่าที่เธอคาดเอาไว้มาก เธอคิดว่าเธอได้ทำการแลกเปลี่ยนที่โชคดีแล้ว

 

จากนั้นเธอก็ยื่นคัมภีร์แห่งความรู้ให้กับ ลิงค์

 

“ฉันได้ศึกษาคัมภีร์นี้ทั้งหมดแล้ว” เธอพูด “ฉันไม่คิดว่าฉันจะได้ความรู้จากสิ่งที่ฉันได้เรียนรู้ไปแล้วนะ ฉันจะยกมันให้กับนายเพื่อตอบแทนที่นายช่วยชีวิตฉัน”

 

แม้ว่าจะไม่มีกำไลอันประณีต แต่หนี้ที่ เอเลนอร์ ติด ลิงต์ ในตอนที่เขาช่วยชีวิตเธอในวันก่อนที่ถนนหยกเพียงอย่างเดียวก็เพียงพอที่จะให้เธอยกคัมภีร์นี้ให้กับเขาแล้ว

 

“แต่ว่าไม่ใช่ว่ามัน…?” ลิงค์ สับสนไปพักนึง แม้ว่าเขาจะจดบันทึกรายละเอียดทุกอย่างของคัมภีร์เอาไว้ก่อนหน้านี้แล้วก็ตาม ดังนั้นเขาอาจจะไม่ต้องการมันแต่ว่า…คัมภีร์นั้นก็ยังสำคัญอยู่ดีเพราะเขาสามารถใช้มันเพื่อตามหาคัมภีร์แห่งความรู้ที่เหลืออยู่อีก 5 แผ่นได้ พอเขาคิดถึงจุดนี้ ลิงค์ ก็ตัดสินใจที่จะรับของขวัญจาก เอเลนอร์ ในทันที

 

“โอเค” ลิงค์ พูด “ผมจะรับมันไว้ ขอบคุณนะ”

 

เอเลนอร์ พยักหน้าของเธอ แม้ว่าหัวใจของเธอจะรู้สึกหนักอึ้งก็ตาม คัมภีร์นี้เป็นสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดที่อยู่กับเธอมาตลอดในช่วง30ปีที่ผ่านมา เธอนั้นรู้สึกเสียใจเล็กน้อยที่จะต้องจากกับมันนับจากนี้เป็นต้นไป แต่ว่า มันสายไปแล้วที่เธอจะเปลี่ยนใจ ดังนั้นเธอจึงสูดหายใจเข้าลึกๆและเก็บความรู้สึกของเธอไว้

 

“ฉันมีอย่างอื่นอีกที่จะบอกกับเธอ”จากนั้นเธอก็พูดต่อ “เธอยังจำนักดาบดาร์กเอลฟ์ที่หนีไปได้หรือเปล่า?”

 

“แน่นอน ผมจำได้” ลิงค์ ตอบ เขาตกใจที่อยู่ๆ เอเลนอร์ ก็ถามขึ้นมา

 

“ดี ฉันจับเธอได้แล้ว” เธอพูด

 

“เธออยู่ที่ไหน?” ลิงค์ ถามอย่างรวดเร็ว

 

“ออกจากเมืองฮอทสปริงและกลับไปที่สถาบันเวทมนตร์อีสโควฟซะ” เธอพูด “ฉันจะไปเจอกับเธอระหว่างทาง ระวังตัวด้วยและอย่าให้ใครสะกดรอยตามได้ คนของMI3กำลังตามรอยเธออยู่ในตอนนี้”

 

“เข้าใจแล้ว”

Advent of the Archmage

Advent of the Archmage

Type: Author: , ,
เรื่องย่อ ลิงค์เป็นอาร์จเมจที่เก่งที่สุดในทุกๆเซิร์ฟเวอร์ เขาเพิ่งจะโค้นล้มบอสที่แข็งแกร่งที่สุด,เจ้าแห่งความลึก โนโซม่า ด้วยปาร์ตี้ของเขา อย่างไรก็ตาม,แทนที่เขาจะกลับไปที่เมื่อง เขากลับถูกส่งตัวไปที่พื้นที่ลับด้วยพิกเซลCG มันให้ความรู้สึกเหมือนกับสูญญากาศ และภายในนั้นก็ได้มีเสียงที่ยิ่งใหญ่และมากด้วยอำนาจที่เรียกตัวเองว่าพระเจ้าแห่งแสงสว่างดังขึ้น “ลิงค์ เจ้าเต็มใจที่จะเป็นผู้ช่วยชีวิตที่จะดึงโลกแห่งฟิรูแมนออกจากความปั่นป่วนไหม?” ภารกิจที่ยิ่งใหญ่นี้มันอะไรกัน! ถ้ามันเป็นโลกจริง ลิงค์ คงจะปฏิเสธไปในทันที อย่างไรก็ตามเขาก็มีความแน่วแน่ที่จะเป็นฮีโร่ในเกมส์ “จัดไปเลย!” ลิงค์ ตอบอย่างมั่นใจ “ถ้างั้นก็ขอให้เจ้าโชคดี” และนั่นจะเป็นการเริ่มต้นการเดินทางที่เต็มไปด้วย เวทย์มนตร์,มิตรภาพ,การทรยศ,ความรัก และความสิ้นหวังของ ลิงค์ ในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปของฟิรุแมน Link was the top Archmage in the entire server. He had just defeated the strongest boss, the Lord of The Deep, Nozama with his party. However, instead of going back to town, he was transported to a secret location with pixelated CG. It sort of felt like a vacuum, and within it came a glorious and commanding voice that calls himself the God of Light. “Link, would you be willing to be the saviour who will pull the World of Firuman out from the churning abyss?” What a huge mission! If it was in the real world, Link would have rejected it immediately. However, he was bent on being the hero in game. “Bring it on!” Link answered confidently. “Then, best of luck.” And so began Link’s journey of magic, friendship, betrayal, love and despair in the ever changing World of Firuman.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset