Advent of the Archmage – ตอนที่ 151: หัตถ์เปลวเพลิง (ส่วนที่5)

ณ ปราสาทโมรานี่

 

วาร์ตัน เองก็เกรี้ยวกราดมากจนทำให้เขากลายเป็นคนไม่มีเหตุผล สิ่งที่เขาอยากจะทำตอนนี้มีแค่โจมตี ลิงค์ เท่านั้น

 

ลิงค์ ค่อนข้างตกใจที่พี่ของเขาโกรธมากขนาดนี้ ปกติ วาร์ตัน เป็นที่รู้จักกันว่าเขาเป็นคนอารมณ์ร้ายที่ชอบทำตัวเป็นหัวหน้าในปราสาทที่ซึ่งคำพูดของเขาคือกฏ แต่เขาคิดไม่ถึงว่า วาร์ตัน จะกลายเป็นจอมเผด็จการขนาดนี้ นี่มันไม่ใช่แค่หยิ่งยโสหรือทระนงตัวแล้ว-นี่มันบ้าชัดๆ!

 

ลิงค์ รู้สึกว่าเขาจะต้องสั่งสอน วาร์ตัน แทนพ่อของเขา ไม่อย่างนั้นสักวันนึงเขาอาจจะเดินทางผิดและสร้างความเสียหายที่ไม่สามารถย้อนกลับได้แก่ตระกูล

 

มันเป็นความจริงที่ วาร์ตัน เป็นนักรบเลเวล 4 แต่เขาไม่ได้ถืออาวุธใดๆเลยในตอนนี้  และเขาก็ไม่ได้สวมชุดเกราะของเขาเช่นกัน ในอีกด้านหนึ่ง ลิงค์ มีเวทมนตร์ให้ใช้มากมายเพียงแค่ให้เขากวักมือเลือกที่จะใช้มัน-ลูกแก้ว, นกหวีดหรือแม้กระทั่งระเบิดเพลิง-ไม่ว่าจะเป็นอันไหนมันก็สามารถฆ่า วาร์ตัน ได้ภายในเวลาไม่ถึงวินาที

 

แต่แน่นอนเขาไม่สามารถทำอย่างนั้นได้และจะไม่ทำอย่างนั้นเด็ดขาด หลังจากคิดอยู่พักนึง ลิงค์ ก็ตัดสินใจที่จะใช้เวทย์ที่เขาเพิ่งเรียนไปล่าสุด-หัตถ์เปลวเพลิงรูปแบบดัดแปลง, หัตถ์วัลแคน เวทมนตร์นี้มีพลังมากกว่าพี่ชายคนละแม่ของเขาโดยสิ้นเชิงและมันสามารถตรึงเขาได้โดยที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ

 

แต่ทันใดนั้น ในตอนที่ ลิงค์ ตัดสินใจได้ ก็มีบุคคลปริศนาปรากฏมาจากที่ไหนก็ไม่รู้และพุ่งมาทาง ลิงค์ และ วาร์ตัน ร่างกายของคนๆนั้นถูกปกคลุมด้วยออร่าต่อสู้สีเดียวกันกับวาร์ตัน เพียงแต่ว่ามันเข้มข้นกว่า

 

แต่ว่าคนๆนั้นไม่ได้เล็งมาที่ ลิงค์ แต่บุคคลปริศนาคนนั้นตรงไปที่ วาร์ตัน แทน

 

วาร์ตัน ไม่ทันรู้ตัวและไม่มีเวลาป้องกันตัวจากผู้โจมตี เขาถูกบังคับให้ถอยหลังไปห้าหรือหกก้าว หลังจากนั้นผู้โจมตีก็ตรึงเขาไว้กับกำแพงที่อยู่ข้างหลังเขา

 

ในตอนนั้นเองในที่สุด ลิงค์ ก็ได้รู้ว่าบุคคลปริศนาคนนั้นเป็นใคร เขาสูงกว่า 6 ฟุตและร่างกายก็กำยำอย่างกับหมีและมีลักษณะภายนอกที่ดูหยาบเหมือนหินผาและดูมีอายุประมาณ 25 ปี เขาคือพี่ชายคนรองของ ลิงค์, ไคลน์ โมรานี่

 

“นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเราสามพี่น้องกลับมาเจอกันที่บ้าน” เขาพูดด้วยความโกรธ ขณะที่จ้องเข้าไปในดวงตาของ วาร์ตัน “แล้วนี่คือวิธีที่พี่ชายคนโตอย่างนายต้อนรับพวกเรางั้นเหรอ?

 

“ไอน้องชั่ว ปล่อยฉันนะ!” ณ ตอนนี้ วาร์ตัน เริ่มที่จะใจเย็นลงหน่อยแล้ว เขาพยายามที่จะดิ้นแต่ ไคลน์ ก็ไม่ยอมปล่อยเขา หลังจากนั้นไม่นาน ไคลน์ ก็ปล่อยพี่ของเขาแล้วก็ก้าวถอยออกมาสองสามก้าว

 

ตอนนี้ วาร์ตัน ได้เป็นอิสระจาก ไคลน์ แล้ว เขาระงับความโกรธไว้ในตัวของเขาด้วยกำลังทั้งหมดและมองไปที่ ไคลน์ ด้วยความโกรธ จากนั้นเขาก็จัดเสื้อของเขาให้เป็นระเบียบและหันมาหา ลิงค์

 

“อย่าคิดนะว่าแกจะมาล้อเล่นกับฉันได้เพียงเพราะแกได้เรียนรู้เทคนิคเล็กน้อยจากสถาบันเวทมนตร์น่ะ ฮึ?” วาร์ตัน เยาะเย้ย “แกอย่าลืมนะว่าฉันเป็นหัวหน้าของปราสาทหลังนี้และไม่มีใครที่จะขัดคำสั่งหรือดูถูกฉันได้ ถ้าแกมีปัญหาหล่ะก็เตรียมตัวโดนไล่ตะเพิดได้เลย!”

 

จากนั้น วาร์ตัน ก็หันหลังและเดินออกไปจากห้องโถงโดยไม่รอให้ ลิงค์ ได้โต้ตอบเลย

 

ลิงค์ ขมวดคิ้วแน่นจนเขาต้องนวดขมับของเขา จากการกระทำเมื่อสักครู่กับพี่ชายคนโตของเขาเขาก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่า วาร์ตัน นั้นวางท่าและเย่อหยิ่ง, หุนหันพลันแล่นและไม่มีความอดทนและที่แย่ที่สุดคือความโง่เขลาและความไม่ยอมประณีประนอมต่อคนอื่น พูดสั้นๆก็คือ เขาเหมือนกับลูกชายนิสัยเสียของขุนนางทั่วไป

 

ในขณะเดียวกัน พี่ชายคนรองของ ลิงค์ , ไคลน์ ก็ทนกับ วาร์ตัน ไม่ได้จนเขาต้องทุบลงตรงจุดที่ วาร์ตัน เคยยืนอยู่

 

“ไม่ว่าจะช้าหรือเร็วครอบครัวของเราก็ต้องตกสู่เงื้อมมือของเขา!” ไคลน์ โวยวาย

 

เขาเป็นอัศวินของอาณาจักรที่ประจำการอยู่ที่ป้อมเงินที่อยู่ห่างจากป้อมเหล็กดำไปทางเหนือกว่า 100 ไมล์และมันก็เป็นป้อมปราการที่ใหญ่เป็นอันดับสองของอาณาจักร

 

เขาได้ยินมาว่าพ่อของเขาล้มป่วยหนัก ดังนั้นเขาจึงขอคำอนุญาติพิเศษจากหัวหน้าของเขาเพื่อกลับบ้านซักพักในช่วงเทศกาลฤดูหนาว อีกทั้งเขายังได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับน้องเล็กของเขาว่าเขาได้ประสบความสำเร็จในการเรียนเวทมนตร์และกำลังจะกลับบ้านเช่นกัน ดังนั้น ไคลน์ จึงหวังที่จะเห็นทุกคนกลับมาอยู่พร้อมหน้าหลังจากที่ไม่ได้เจอกันเป็นเวลานาน

 

แม้ว่าเขาจะไม่ได้ชอบ ลิงค์ เอามากๆในอดีต เพียงเพราะว่าเขานั้นไม่ชอบน้องของเขาที่อ่อนแอและเป็นคนเงียบๆ แต่เขาก็ไม่เคยแกล้ง ลิงค์ ด้วยตัวเองเลย และตอนนี้เขาก็เป็นอัศวินของอาณาจักรที่ไปประจำการอยู่ไกลบ้านเป็นเวลานาน เขาจึงเริ่มที่จะให้ความสำคัญกับความสามัคคีในตระกูลมากกว่าที่ผ่านมา

 

เหตุผลนั้นก็ง่ายๆ ถ้าเกิดว่าความสัมพันธ์ภายในตระกูลไม่แข็งแรงหรือไม่มีใครในตระกูลที่โดดเด่น มันก็เป็นเรื่องง่ายที่จะถูกตระกูลอื่นที่ทรงพลังกว่าชักใยและเขาจะแย่งชิงทุกอย่างที่เรามีไป

 

การที่จะมีใครซักคนในตระกูลที่โดเด่นนั้นขึ้นอยู่กับดวงล้วนๆ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้ยาก ดังนั้นจึงต้องมีความสามัคคีกันภายในตระกูล และนั่นคือเหตุผลที่ ไคลน์ ให้ความสำคัญกับความรักและความสามัคคีเพื่อที่จะรักษาความแข็งแกร่งและตำแหน่งของตระกูลเอาไว้

 

แต่แล้วสิ่งที่เขาเห็นเป็นอย่างแรกหลังจากรีบกลับมาที่บ้านก็คือภาพของพี่ชายคนโตแสนเย่อหยิ่งที่กำลังแกล้งน้อยชายคนเล็กอยู่ต่อหน้าคนทั้งตระกูล ซึ่งนั่นทำให้เขาโกรธเป็นอย่างมากและทำให้เขากระทำไปอย่างที่เห็น

 

ตอนนี้ วาร์ตัน ได้ออกไปจากห้องแล้ว ไคลน์ จึงใจเย็นลงและหันมาคุยกับน้องเล็กของเขา

 

“ไม่เลวหนิ เจ้าหนู” เขาพูด

 

ไคลน์ ได้ออกไปเห็นโลกกว้างมาหลายปี นั่นจึงทำให้ความคิดของเขาเปิดกว้างไม่เหมือนกับ วาร์ตัน ที่อยู่ที่นี่มาตลอดช่วงชีวิตของเขา  ไคลน์ สามารถมองออกได้อย่างง่ายดายว่าเทคนิคการร่ายเวทย์ที่น้องชายของเขาใช้ใส่ วาร์ตัน นั้นรวดเร็วมาก และเขายังสามารถควบคุมเวทย์ที่เขาร่ายได้อย่างเหมาะสม การที่จะประสบความสำเร็จได้มากขนาดนี้ภายในระยะเวลาแค่ 1 ปีนั้นนับว่าค่อนข้างดีมากเลยทีเดียว

 

ยังไงก็ตาม ในสายตาของ ไคลน์ ออร่าเวทมนตร์ของ ลิงค์ ก็ยังคงจางมากๆ ดังนั้นเลเวลของเขาก็คงจะไม่ได้สูงมากในตอนนี้ ที่เขาจัดการไล่ วาร์ตัน ออกไปนั้นอาจเป็นเพราะช่วงหลังเขานั้นควบคุมไม่ได้ และมันก็มากไปแล้วสำหรับตอนนี้ ในที่สุดพวกเขาก็มีนักเวทย์ในตระกูล โมรานี่ ซักที และนี่ทำให้ ไคลน์ ดีใจมาก

 

ในอีกด้านนึง ลิงค์ รู้ว่า ไคลน์ นั้นเป็นผู้ชายขี้เล่นที่ชอบไล่ตามผู้หญิง เขาจำได้ว่า ไคลน์ ชอบที่จะจีบและแทะโลมผู้หญิงสวยๆทุกคนที่เขาพบ แต่นอกจากเรื่องนั้นแล้วเขาก็ไม่เคยเห็นพี่ชายของเขาจริงจังเลย เขาไม่เคยสนใจ ลิงค์ ในอดีตเลยแต่เขาก็ไม่เคยทำให้ชีวิตของเขาลำบากเหมือนกับที่ วาร์ตัน ทำ ดังนั้น ลิงค์ จึงไม่มีความรู้สึกที่ไม่ดีกับ ไคลน์ เลย เขาเห็นว่า ไคลน์ ยิ้มให้เขาดังนั้นเขาจึงผ่อนคลายลงเช่นกันและหยุดร่ายเอเดลไวซ์ในที่สุด

 

“มันก็แค่เทคนิคเล็กน้อยที่ผมเรียนมาหน่ะ” เขาพูดกับ ไคลน์ ด้วยรอยยิ้ม จากนั้นเขาก็หันกลับไปหาแม่ของเขาและจับมือของเธออย่างนุ่มนวล เธอนั้นตัวซีดเซียวและสั่นระริกจากสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น

 

“ไม่เป็นไรครับ แม่” ลิงค์ ทำให้เธอมั่นใจ “วาร์ตัน ก็แค่สับสนนิดหน่อย”

 

“ผมได้ยินมาจาก เทรเวอร์ ว่าร่างกายของพ่อกำลังอ่อนแอ” ลิงค์ พูด “เขาป่วยหรอครับ?เกิดอะไรขึ้น?” ลิงค์ ไม่ได้รับข่าวจากบ้านของเขาเลยในช่วงหลังมานี้และเขาก็ไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นภายในบ้านของเขา

 

“พ่อตกลงจากหลังม้าเมื่อสองอาทิตย์ก่อน” ไคลน์ พูด  สีหน้าของเขาดูเศร้าโศก “เขาไม่เป็นอะไรมากในตอนที่มันเกิดขึ้น แต่ว่าบาดแผลของเขานั้นรุนแรงขึ้นในวันถัดมา นักบวชได้มาเยี่ยมเขาหลายครั้งแล้วแต่เขาก็ยังคงไม่ดีขึ้น ฉันได้ยินมาว่าร่างกายของเขาอ่อนแอเกินกว่าที่จะทนต่อเวทย์ศักดิ์สิทธ์ที่รุนแรงได้”

 

พื้นฐานของเวทย์ศักดิ์สิทธ์ก็คือการกระตุ้นศักยภาพของร่างกายให้ซ่อมแซมและรักษาตัวเอง นักบวชจะพูดว่าคนๆนั้นไม่สามารถทนต่อเวทย์รักษาได้ก็ต่อเมื่อคนๆนั้นใกล้ถึงขีดจำกัดและไม่สามารถช่วยเหลือได้แล้ว

 

ลิงค์ รู้สึกตกใจมากกับการเปิดเผยนี้ เขาไม่ได้คิดว่าเขาจะกลับมาในช่วงเวลาที่ยากลำบากอย่างนี้ เขาคิดเองเออเองว่า วาร์ตัน นั้นป้องกันไม่ให้เขาเข้าไปหาไวส์เคาท์ก็เพราะว่าเขาไม่ต้องการให้ ลิงค์ สร้างความสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับพ่อของเขา แต่ตอนนี้มันดูเหมือนว่าเขาแค่เป็นห่วงอาการของพ่อและไม่อยากให้ ลิงค์ ไปรบกวนเขา  ตอนนี้จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไม วาร์ตัน ถึงเกรี้ยวกราดขนาดนั้น

 

“ไปหาเขากันเถอะครับ” ลิงค์ พูด

 

ไคลน์ พยักหน้า และจากนั้นพี่น้องทั้งสองคนก็ได้เข้าไปในห้องของไวส์เคาท์ด้วยกัน

 

ห้องของพ่อของพวกเขานั้นอยู่ที่ชั้นสองของปราสาทซึ่งมันอยู่ห่างแค่เพียงนิดเดียวจากจุดที่พวกเขาอยู่ในตอนนี้ เมื่อพวกเขาไปถึงประตู ลิงค์ ก็เห็นนักบวชเดินออกมาจากห้องพร้อมกับคนรับใช้ของปราสาท แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะยังไม่รู้สึกตัวถึงการมาถึงของสองพี่น้องเลย

 

“ท่านเทพแห่งแสงได้เรียกตัวท่านไวส์เคาท์แล้ว” นักบวชพูดกับคนรับใช้ “เขาอาจะมีชีวิตอยู่ได้อีกแค่1อาทิตย์แต่ไม่มากไปกว่านี้แล้ว พวกเจ้าทุกคนต้องเตรียมตัวกับสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้”

 

ไคลน์ ได้ยินทุกคำพูดของนักบวชอย่างชัดเจน เขารีบเดินไปหานักบวชอย่างรวดเร็ว

 

“ไม่มีทางที่จะช่วยเขาได้เลยหรือครับ?” เขาถามด้วยความอ้อนวอน

 

นักบวชตกใจที่เห็น ลิงค์ กับ ไคลน์ จากนั้นเขาก็มองไปรอบๆและพบว่าที่นั่นมีสมาชิกในครอบครัวของไวส์เคาท์อยู่ครบ ดังนั้นเขาจึงส่ายหัวและตอบอย่างนุ่มนวลด้วยใบหน้าที่บ่งบอกว่ามันไม่สามารถช่วยได้แล้ว

 

“ในตอนนี้ท่านไวส์เคาท์ไม่มีสติแล้วและออร่าพลังชีวิตของเขาก็แทบจะดับลงแล้ว” เขาพูด “ข้าเกรงว่าข้าจะไร้พลังต่อความต้องการของเทพแห่งแสง”

 

จากนั้นนักบวชก็โค้งคำนับและออกไป

 

ไคลน์ ถอนหายใจยาวและพวกเขาทุกคนต่างก็ยืนเงียบ จากนั้นพี่น้องทั้งสองก็เดินเข้าไปในห้องของไวส์เคาท์  ลิงค์ เห็นพ่อของเขาที่มีผมหงอกนอนอย่างไร้ชีวิตเหมือนกับแผ่นกระดาษอยู่ที่บนเตียงต้นโอ๊คขนาดใหญ่ การหายใจของเขาไม่ปกติและช้ามากๆและหน้าของเขาก็ซีดมากๆด้วย เขาดูแทบจะไม่ต่างกับศพเลย

 

ลิงค์ รู้ทันทีว่านักบวชนั้นไม่ได้พูดเกินจริงเรื่องอาการของพ่อตั้งแต่แรกเห็น จากสภาพของเขา ไวส์เคาท์ไม่น่าอยู่ได้เกินกว่า 3 วัน และไม่มีความหวังเลยที่เขาจะรอดจากอาการโคม่าได้ วาร์ตัน ไม่ควรห้ามเขาในการมาเยี่ยมพ่อ เพราะมันไม่สามารถทำอะไรได้แล้วในตอนนี้

 

สองพี่น้องอยู่ในห้องของพ่อของพวกเขาอยู่พักนึงโดยไม่ปริปากพูดซักคำ พวกเขายังคงไม่พูดไม่จาแม้ว่าจะออกจากห้องมาแล้ว ลิงค์ ไม่ได้รู้สึกเศร้ามากนัก แต่เขาก็รู้สึกได้ถึงบรรยากาศความเศร้าที่ปกคลุมอยู่รอบตัว

 

พวกเขาปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยไม่พูดอะไรเลยอยู่พักนึง จากนั้นเสียงนาฬิกาบอกเวลา 6โมงก็ดังขึ้น-มันคือเวลาอาหารเย็นของปราสาทโมรานี่

 

แม้ว่าพี่ชายคนโตของ ลิงค์ จะไม่ได้ตั้งใจที่จะจัดงานเลี้ยงฉลองที่เขาได้กลับมาที่ปราสาท แต่เขาก็ยังคงสั่งให้คนรับใช้ของเขาจัดอาหารที่ค่อนข้างหรูหราสำหรับทุกคน

 

ในห้องรับประทานอาหารนั้นมีคนอยู่เพียงแค่ 5 คน-สามพี่น้องโมรานี่, มอลลี่ และแม่ของลิงค์, ลิลิธ วาร์ตัน นั่งที่หัวโต๊ะของโต๊ะกินข้าวในขณะที่ ไคลน์ นั่งอยู่ที่ด้านขวาของเขา ส่วน ลิงค์ นั่งอยู่ตรงกลางของโต๊ะ จากนั้นเขาก็หันไปเห็นแม่และพี่สาวของเขาและตกใจที่พบว่าพวกเขานั้นยืนอยู่ข้างกันอย่างเหนียมอายด้วยความลังเล ขณะที่มองไปที่ วาร์ตัน กลัวว่าเขาจะไม่อนุญาติ

 

“พวกเธอมัวยืนทำอะไรกัน?” วาร์ตัน ตะคอก “นั่งซะสิ!”

 

หลังจากนั้น ลิลิธ และ มอลลี่ ก็กล้าที่จะนั่งลงบนเก้าอี้ ลิงค์ ขมวดคิ้วเพราะภาพพวกนี้ทำให้เขาสงสัยว่า มอลลี่ และแม่ของเขาไม่เคยได้รับอนุญาติให้นั่งกินข้าวร่วมโต๊ะกับ วาร์ตัน เลยในตอนที่เขาไม่อยู่บ้าน นั่นเป็นเพียงแค่สิ่งที่เขาคิดเท่านั้น ดังนั้น ลิงค์ จึงตัดสินใจที่จะยังไม่พูดอะไรตอนนี้

 

ไม่กี่นาทีต่อมา วาร์ตัน ก็ทำลายความเงียบในห้องรับประทานอาหารลง

 

“มอลลี่” เขาเริ่มพูด เขาใช้เวลาในการพูดแต่ละคำ “สุขภาพของท่านพ่อยิ่งทรุดลงเรื่อยๆในตอนที่พวกเราคุยกันอยู่นี้ พวกเราจะต้องไม่ทำให้การหมั้นล่าช้าไปมากกว่านี้ นี่คือสิ่งที่เขาได้ตัดสินใจไว้ก่อนที่เขาจะล้มป่วยหมดสติ”

 

มอลลี่ ค่อยๆตัดเสต็กเนื้อกวางตุ๋นในจานของเธออย่างช้าๆและเธอก็ตัวสั่นขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินการพูดถึงการหมั้น หน้าของเธอซีดเผือดเหมือนกระดาษในทันทีและเธอก็โกรธที่ไม่สามารถหนีไปจากมันได้

 

ลิลิธ ดูเหมือนว่ามีอะไรจะพูดแต่เธอก็ห้ามตัวเองไว้ก่อนที่เธอจะปริปากพูด รอยย่นที่อยู่ระหว่างคิ้วของเธอนั้นเข้มขึ้นกว่าเดิมอีกในตอนนี้

 

“วาร์ตัน” ลิงค์ พูดหลังจากที่เขาวางมีดลง เขาไม่สามารถหยุดความคิดของเขาได้อีกแล้ว “นายพูดถึงการหมั้นอะไรหน่ะ? ทำไมฉันถึงไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันเลย?”

 

วาร์ตัน กระแอมและเคี้ยวเนื้อที่อยู่ในปากของเขาอย่างช้าๆโดยไม่รีบตอบคำถามของ ลิงค์

“มันเป็นการตัดสินใจของพ่อ” ในที่สุดเขาก็พูดออกมา “คนที่มาขอ มอลลี่ หมั้นคือลูกชายคนโตของบารอน แอโรว จากประเทศเดลต้า มันคือความปรารถนาครั้งสุดท้ายของพ่อ”

 

“ไม่!” มอลลี่ โวยวายในทันที ในที่สุดเธอก็พูด “มันไม่ใช่ความปรารถนาของคุณพ่อ! นายต่างหากที่เป็นคนเกลี้ยกล่อมให้คุณพ่อทำอย่างนั้น!” ดวงตาของเธอเป็นสีดำเข้มเหมือนกับ ลิงค์ และตอนนี้มันก็ปริ่มไปด้วยน้ำตา มันดูเหมือนกับบ่อของน้ำหมึกเลย

 

จากนั้นเธอก็หันไปหา ลิงค์ และมองตรงเข้าไปในดวงตาของเขา

 

“ลูกชายคนโตของบารอนของประเทศเดลต้านั้นเป็นคนวิปริต!” เธอบอกกับเขา “เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุการขี่ม้าและหลังจากนั้นเขาก็ทรมานผู้หญิงเพื่อความสนุกมาตลอด เขามีภรรยา ก3 คนและพวกเธอทั้งหมดก็ตายเพราะการกระทำอันป่าเถื่อนของเขา! ฉันจะไม่มีวันแต่งงานกับผู้ชายแบบนั้นอย่างเด็ดขาด!”

 

มอลลี่ เฝ้าสังเกตน้องชายของเธอมาตลอดตั้งแต่ที่เขากลับมา เธอพบว่ามันมีอะไรที่แตกต่างในตัวเขาในตอนนี้และนั่นทำให้เธอเชื่อใจในตัวเขามากกว่าที่เธอเคยในตอนที่เขายังเป็นน้องคนเล็กของเธอ เขาดูมีภาวะผู้นำและเป็นคนที่เชื่อใจได้ มันอาจจะเป็นฟางเส้นสุดท้ายของเธอ แต่เธอรู้สึกว่า ลิงค์ เป็นคนเดียวเท่านั้นที่จะช่วยเธอจากชะตากรรมอันโหดร้ายได้

 

รอยย่นบนหน้าผากของ ลิงค์ ยิ่งเข้มขึ้นเมื่อเขาได้ยินพี่สาวของเขาพูด แต่เขาก็ยังไม่ได้ตอบอะไรและนั่งครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ ในอีกด้านหนึ่ง วาร์ตัน ไม่สามารถทนมันได้อีกต่อไปแล้ว

 

“หุบปากซะ!” เขาตะโกนพร้อมกับทุบโต๊ะ

 

มอลลี่ หยุดพูดในทันทีและกัดปากของเธออย่างแรงจนเลือดไหล เธอไม่กล้าพอที่จะขัดคำสั่งของพี่ชาย ยังไงซะเขาก็ยังคงเป็นชายที่มีอำนาจมากที่สุดในปราสาทหลังนี้

 

วาร์ตัน หัวเราะเยาะ จากนั้นเขาก็หันไปหา ลิงค์

 

“น้อยรัก” เขาพูด “บารอน แอโรว นั้นยินดีที่จะต้อนรับน้องสาวของพวกเราสู่ครอบครัวของเขาโดยไม่ต้องการค่าสินสอดไม่เพียงแค่นั้นเขายังเสนอเงิน 1,000 เหรียญทองเป็นค่าตอบแทนอีกด้วย ลูกชายของเขาอาจจะทำตัวไม่ดีบ้างเป็นบางครั้งแต่ฉันมั่นใจว่าเขาไม่ใช่คนวิกปริตอย่างแน่นอน มอลลี่ จะยังคงปลอดภัยถ้าเธอระวังตัว ยังไงก็ตามนี่คือสิ่งที่พ่อต้องการ”

 

ลิงค์ ไม่สนใจกับคำพูดของ หวาร์ตัน เขามองไปที่แม่และพี่สาวของเขาและเห็นว่าพวกเขาโศกเศร้าขนาดไหน ลิงค์ วางมีดลงและเช็ดปากของเขาด้วยผ้าเช็ดปากที่อยู่ข้างจานของเขา เขารู้แล้วว่าเขาต้องทำอะไรในตอนนี้

 

“ฉันไม่เห็นด้วยกับข้อตกลงนี้” ลิงค์ พูด

 

เห็นได้ชัดว่า วาร์ตัน โกรธมาก ดวงตาของเขาปูดออกมาเหมือนกับว่ามันจะระเบิดออกจากหัวของเขา

 

“เอาหน่า อย่าทะเลาะกันเลย” ไคลน์ ขัดจังหวะ “เราค่อยมาคุยเรื่องนี้กันหลังทานข้าวก็ได้ มาทานอาหารให้อร่อยกันเถอะ โอเคมั้ย?”

 

วาร์ตัน ทำเสียงฟืดฟัดใส่ ไคลน์ เขายังคงไม่พอใจที่น้องชายของเขาได้รับโอกาสออกไปท่องโลกกว้างและได้เป็นอัศวินกล้าหาญขณะที่เขานั้นยังคงติดอยู่ในปราสาท

 

“น้องชาย” เขาพูด “นายคงไม่ลืมนะว่าชุดเกราะและอาวุธของนายนั้นใช้เงินของตระกูลซื้อไปในราคา 1,500 เหรียญทองหน่ะ ซึ่งนั่นเท่ากับรายได้ 3 ปีเลยนะ! คิดดูว่าตระกูลของเราได้เสียสละไปเพื่อนายขนาดไหน แถมพวกเรายังไปติดหนี้กับ-“

 

“โอเค พอได้แล้ว!” ไคลน์ ทุบโต๊ะด้วยมีดและส้อมของเขาและเดินออกไปจากห้องรับประทานอาหาร เขาไม่คิดที่จะอยู่ที่นั่นและทรมานกับการสั่งสอนอันน่ากลัวของ วาร์ตัน อีกแล้ว

 

วาร์ตัน หัวเราะดังสนั่นเหมือนกับเด็กที่ชนะในการต่อสู้ และตอนนี้ก็ถึงเวลาจัดการกับน้องชายคนเล็กอีกคนแล้ว

 

“การตัดสินถือว่าเป็นอันเด็ดขาด” เขาบอกกับ ลิงค์ “สิ่งที่นายคิดอยู่นั้นมันไม่มีความหมายหรอก”

 

“ฉันว่านายคิดผิดแล้วหล่ะพี่ชาย” ลิงค์ พูดพลางหัวเราะ “ฉันไม่ได้จะบอกนายในสิ่งที่ฉันคิด แต่ฉันจะทำมันด้วย ฉันจะพาแม่และ มอลลี่ กลับไปกับฉัน”

 

“อย่าโง่ไปหน่อยเลย!” วาร์ตัน ตอบกลับอย่างเหยียดหยาม “นายจะวางแผนดูแลพวกเขายังไง? นายเป็นแค่นักเวทย์ฝึกหัดที่เพิ่งเรียนเวทมนตร์ไปแค่ 1 ปีเองนะ ฉันพนันได้เลยว่าแค่ดูแลตัวเองนายยังทำไม่ได้เลย! อะไร…นั่นมันอะไรกัน?”

 

“ดูเหมือนว่านายจะไม่ได้สังเกตแหวนที่อยู่ในมือของฉันเลยสินะ?” ลิงค์ พูด เขายิ้มพร้อมกับชูมือขึ้นเพื่อแสดงให้ วาร์ตัน เห็นสัญลักษณ์บารอนที่ได้รับมาจากกษัตริย์ “กษัตริย์ ลีออน ได้พระราชทานแหวนวงนี้ให้กับฉันเพื่อเป็นข้อพิสูจน์ว่าตอนนี้ฉันเป็นบารอนที่มีที่ดินเป็นของตัวเองแล้ว และอีกไม่นานท่านพ่อก็จะจากพวกเราไป ฉันจะพอแม่กับ มอลลี่ กลับไปที่ที่ดินของฉันและจะดูแลพวกเขาด้วยตัวเอง”

 

คำพูดของ ลิงค์ กระแทกใส่ วาร์ตัน เหมือนกับก้อนอิฐเป็นตันๆ เขานั่งเหวอและไม่สามารถโต้ตอบได้ ในตอนนั้นดวงตาของแม่ของ ลิงค์ และ มอลลี่ ส่องประกายไปด้วยความปิติยินดี

 

ในตอนนั้นเอง พวกเขาก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงร้องของ ไคลน์ ที่ดังมาจากด้านนอกของปราสาท

 

“พวกเราถูกโจมตี!”

Advent of the Archmage

Advent of the Archmage

Type: Author: , ,
เรื่องย่อ ลิงค์เป็นอาร์จเมจที่เก่งที่สุดในทุกๆเซิร์ฟเวอร์ เขาเพิ่งจะโค้นล้มบอสที่แข็งแกร่งที่สุด,เจ้าแห่งความลึก โนโซม่า ด้วยปาร์ตี้ของเขา อย่างไรก็ตาม,แทนที่เขาจะกลับไปที่เมื่อง เขากลับถูกส่งตัวไปที่พื้นที่ลับด้วยพิกเซลCG มันให้ความรู้สึกเหมือนกับสูญญากาศ และภายในนั้นก็ได้มีเสียงที่ยิ่งใหญ่และมากด้วยอำนาจที่เรียกตัวเองว่าพระเจ้าแห่งแสงสว่างดังขึ้น “ลิงค์ เจ้าเต็มใจที่จะเป็นผู้ช่วยชีวิตที่จะดึงโลกแห่งฟิรูแมนออกจากความปั่นป่วนไหม?” ภารกิจที่ยิ่งใหญ่นี้มันอะไรกัน! ถ้ามันเป็นโลกจริง ลิงค์ คงจะปฏิเสธไปในทันที อย่างไรก็ตามเขาก็มีความแน่วแน่ที่จะเป็นฮีโร่ในเกมส์ “จัดไปเลย!” ลิงค์ ตอบอย่างมั่นใจ “ถ้างั้นก็ขอให้เจ้าโชคดี” และนั่นจะเป็นการเริ่มต้นการเดินทางที่เต็มไปด้วย เวทย์มนตร์,มิตรภาพ,การทรยศ,ความรัก และความสิ้นหวังของ ลิงค์ ในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปของฟิรุแมน Link was the top Archmage in the entire server. He had just defeated the strongest boss, the Lord of The Deep, Nozama with his party. However, instead of going back to town, he was transported to a secret location with pixelated CG. It sort of felt like a vacuum, and within it came a glorious and commanding voice that calls himself the God of Light. “Link, would you be willing to be the saviour who will pull the World of Firuman out from the churning abyss?” What a huge mission! If it was in the real world, Link would have rejected it immediately. However, he was bent on being the hero in game. “Bring it on!” Link answered confidently. “Then, best of luck.” And so began Link’s journey of magic, friendship, betrayal, love and despair in the ever changing World of Firuman.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset