Advent of the Archmage – ตอนที่ 181:ความสงบก่อนพายุ

ในบ่อสวรรค์, หอคอยหนามสวรรค์

 

ในครั้งนี้ไม่ได้มีการดัดแปลงอะไรในโครงสร้างเวทย์มนตร์มากนัก ดังนั้นเวลาที่ใช้ทั้งหมดในการดัดแปลงจึงเป็นไปได้อย่างราบรื่น ด้วยเวลาเพียงแค่ 1 ชั่วโมงครึ่ง ลิงค์ก็ดัดแปลงเวทย์มนตร์สูงสุดสำหรับเพิ่มความเร็วการร่ายเวทย์ให้กับเวทย์มนตร์ได้สำเร็จ

 

และตอนนี้ มันก็ถึงเวลาที่เขาจะทำการทดลองขั้นสุดท้าย

 

หัตถ์วัลแคน!

 

เมื่อความคิดนี้เกิดขึ้นภายในจิตใจของ ลิงค์ อักขระวิญญาณก็ได้ทำให้ความคิดของ ลิงค์ หยุดไปชั่วขณะนึง และหลังจากนั้นโครงสร้างเวทย์มนตร์ของหัตถ์วัลแคนก็ปรากฏขึ้นมาที่ผนึกเวทย์ควบคุม แต่ก่อนที่ธาตุไฟจะเริ่มรวมตัวกัน ลิงค์ก็หยุดกระบวนการในทันที และนั่นก็ทำให้เวทย์สูงสุดปืนกลทำงานและมานาของเขาก็เริ่มที่จะสะท้อนกลับ!

 

ที่พื้นผิวของผนึกเวทย์มนตร์ส่องแสงสีขาวอ่อนออกมา และหลังจากนั้นไม่นานเวทย์เลเวล6 หัตถ์ไททันก็เริ่มก่อรูป เปลวเพลิงอันโชติช่วงได้มารวมตัวกันและกลายเป็นหัตถ์ไททันรูปแบบเล็ก

 

จากนั้น ลิงค์ ก็ได้ทดลองขยับหัตถ์ไททันรูปแบบเล็กในหลายๆรูปแบบ จนกระทั่งเขาลองท่าทางที่แตกต่างกันได้ประมาณ 200 ท่าโดยที่มันสำเร็จทั้งหมดเลย

 

ในที่สุดมันก็สำเร็จ ลิงค์ คิดพลางยิ้มไปด้วย หลังจากการทดลองทั้งหมดนี้ มานาของเขาได้ลดลงไปจนเหลือน้อยกว่า 200 แต้ม ถ้าเกิดว่าเขาไม่ได้ดื่มน้ำยาฟื้นฟูมาก่อนหน้านี้หล่ะก็ ตอนนี้มันก็คงจะกลายเป็น 0 ไปแล้ว

 

ในทันทีที่เขาหยุดใช้เวทย์ ก็มีแสงปรากฏขึ้นบนหน้าอินเตอเฟส ลิงค์ มองไปที่มันและพบว่ามันคือข้อความแสดงความยินดี

 

ผู้เล่นได้ก้าวข้ามขีดจำกัดความเร็วในการร่ายเวทย์ของเวทย์เลเวล 6, ผู้เล่นจะได้รับ 50 แต้มโอมนิเป็นของรางวัล

ผู้เล่นสร้างเวทย์สูงสุดเวทย์ใหม่-เวทย์ผสาน เสียงสะท้อนได้สำเร็จ, ผู้เล่นจะได้รับ 20 แต้มโอมนิเป็นของรางวัล

 

 

ด้วย 70 แต้มโอมนิที่ได้มาใหม่นี้ รวมกับของเดิมที่เขามีอยู่แล้ว 150 แต้ม ตอนนี้ลิงค์มีค่าโอมนิทั้งหมด 220 แต้ม ซึ่งเขามักจะระวังการใช้แต้มโอมนิอยู่เสมอเพื่อไม่ให้ใช้มากเกินไปเผื่อเอาไว้ในกรณีฉุกเฉิน

 

“แล้ว, ที่นายบอกว่าฉันก้าวข้ามขีดจำกัดได้หน่ะ” เขาพูดกับระบบเกม “นั่นก็หมายความว่านายต้องบันทึกระยะเวลาในการร่ายเวทย์ของฉันเอาไว้ด้วยสินะ แล้วฉันใช้เวลาร่ายเวทย์ไปเท่าไหร่ล่ะ?”

 

0.65 วินาที และคุณมีความเป็นไปได้ที่จะลดมันลงไปได้อีก 0.1 วินาที

 

 

ลิงค์พึงพอใจมากๆกับ 0.65 วินาทีนี้ มันเร็วมากจนเขาสามารถเอาไปใช้ต่อสู้กับนักรบเลเวล 6 ได้เลย และความเป็นไปได้ที่จะลดลงไปได้อีก 0.1 วินาทีนั้น ลิงค์มั่นใจว่าเขาจะทำมันได้เองเมื่อเขาฝึกฝนมันเยอะๆ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะพอแค่นี้  เขามองดูเวลาและพบว่ามันเพิ่งจะ 11 โมงครึ่ง เขายุ่งมาตลอดช่วงเช้าของวันนี้ และเขาก็เริ่มที่จะท้องร้องแล้ว ดังนั้นเขาจึงออกจากบ่อสวรรค์เพื่อที่จะไปหาข้าวกลางวันกิน

 

ในตอนที่เขามาถึงห้องโถงใหญ่ที่อยู่ชั้น 1 ของหอคอยเวทย์มนตร์ ลิงค์ก็สังเกตเห็นคนรับใช้นำอาหารมาไว้ที่โต๊ะแล้ว เซลาสซีกับลูกศิษย์คนอื่นๆของอาจารย์ใหญ่ต่างก็อยู่กันพร้อมกันที่โต๊ะเตรียมพร้อมที่จะรับประทานอาหาร

 

 

“ลิงค์!” เซลาสซีทักทายลิงค์หลังจากที่เห็นเขา “มากินข้าวด้วยกันไหมครับ?”

 

 

ลิงค์คิดว่ามันจะเป็นการหยาบคายถ้าปฏิเสธ อีกอย่างคือ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาได้รับประทานอาหารที่หอคอยเวทย์มนตร์ของอาจารย์ใหญ่ ดังนั้นเขาจึงเดินมาหาเซลาสซีกับนักเวทย์คนอื่นๆเพื่อที่จะร่วมโต๊ะกินข้าวด้วย หลังจากนั้นคนรับใช้ก็ได้นำจานและชุดช้อนส้อมมาให้เขา

 

“นี่นายยุ่งจนไม่มีเวลาโกนหนวดเลยหรอ ลิงค์?” นักเวทย์เลเวล 5 ที่มีชื่อว่าอีวาน แหย่เขา

 

จากนั้นลิงค์ก็ร่ายกระจกเวทย์มนตร์ออกมาในทันทีและสำรวจใบหน้าของตัวเอง ด้วยการมองแบบผ่านๆ ผิวหน้าอันหยาบกร้านและหนวดรกรุงรังที่ไม่ได้โกนของเขานั้นทำให้เขาดูแก่ขึ้นไป 10 ปีภายในระยะเวลา 1 เดือนที่ผ่านมานี้!

 

“นั่นสินะ คุณพูดถูก!” ลิงค์พูด “ผมว่ามันถึงเวลาที่ผมต้องไปหาช่างตัดผมแล้วหล่ะ!”

 

“คุณสามารถตัดผมทรงไหนก็ได้ตามที่คุณต้องการเลยครับ” เซลาสซีพูด “แต่อย่าโกนหนวดออกหมดนะครับ ไม่อย่างนั้นคุณจะดูเหมือนกับเด็กวัยรุ่นและจะไม่มีใครเชื่อว่าคุณเก่งจริงๆแล้วจะโดนดูถูกเอาได้!”

 

นักเวทย์ทุกคนที่อยู่ด้วยต่างก็พยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของเซลาสซี ลิงค์รู้สึกไม่ค่อยสบายใจที่หนวดของเขากลายเป็นจุดสนใจ เขาพึมพำเล็กน้อยเพื่อบอกว่าเข้าใจแล้วจากนั้นเขาก็ฟาดก้อนขนมปังที่คนรับใช้เพิ่งนำมาให้

 

“ผมหิวแล้ว! มากินกันเถอะนะ!” ลิงค์พูดอย่างกระตือรือร้น พยายามที่จะเปลี่ยนหัวข้อสนทนา และนั่นก็ทำให้นักเวทย์ทุกคนบนโต๊ะอาหารต้องระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

 

 

ระหว่างมื้ออาหาร พวกเขาบางคนก็ไม่ได้พูดคุยแต่กับเรื่องเวทย์มนตร์เท่านั้น แต่ยังคุยเรื่องประสบการณ์ในอดีตด้วยเช่นกัน ทุกคนนั้นต่างเป็นลูกศิษย์ของผู้อาวุโสและยังอยู่ในวัยหนุ่ม คนที่อายุมากสุดในหมู่พวกเขาคือ 41 ปี ยกเว้นนักกวีเซลาสซี พวกเขาทุกคนต่างเป็นนักเวทย์เลเวล 4 หรือสูงกว่า พวกเขาทุกคนได้เดินทางไปยังสถานที่ต่างๆมากมายและได้เห็นโลกภายนอกมามาก พวกเขาส่วนใหญ่นั้นมีเกียรติยศและชื่อเสียงและได้รับยกย่องให้เป็นนักเวทย์ระดับสูงในหมู่มนุษย์

 

 

ลิงค์ฟังเรื่องเล่าที่นักเวทย์พวกนี้เล่าอย่างกระตือรือร้นและได้รับประสบการณ์และมุมมองใหม่ๆจากเรื่องเล่าการผจญภัยของพวกเขา

 

“มีใครเคยได้ยินรึเปล่า” อยู่ๆอีวานก็พูดขึ้นมา “เกี่ยวกับข่าวลือเรื่องปีศาจระดับสูงที่อยู่ในเมืองหลวงของอาณาจักรสิงโตที่สมาคมนักเวทย์ทางใต้เป็นคนบอก”

 

“ข่าวลือนี้เชื่อถือได้แค่ไหน?” เซลาสซีพูด เขาสงสัยว่านี่เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า ถ้าเกิดว่ามีปีศาจระดับสูงอยู่จริงๆ พวกเขาก็จะต้องได้ข่าวเรื่องความวุ่นวายนี้แล้ว แต่ว่าสถาบันก็ยังไม่ได้รับรายงานอะไรเลยในช่วงนี้

 

หูของ ลิงค์ ผึ่งในตอนที่ได้ยินเรื่องราวแปลกๆนี้ จากความรู้ของเขา ไม่มีปีศาจระดับสูงตนใดที่ปรากฏตัวขึ้นในช่วงเวลานี้เลย ต่อให้พวกมันออกมา ทำไมพวกมันถึงไม่ถูกพบในอาณาจักรนอร์ตัน? ทำไมพวกมันถึงไปอยู่ทางใต้แทนหล่ะ?

 

“ใครจะไปสนใจหล่ะว่ามันน่าเชื่อถือหรือเปล่า?” อีวานพูด เขาคิดว่าข่าวลือนั้นเป็นเพียงแค่เรื่องที่คุยเพื่อความสนุกเท่านั้น “ยังไงซะมันก็ไม่เกี่ยวกับเรา ฉันได้ยินมาว่ามันไม่ได้มีแค่ตัวเดียวหรอกนะ แต่มันมีถึง 3 ตัว! และนายต้องไม่เชื่อนี่แน่ แต่พวกเขาบอกว่าหนึ่งในพวกมันนั้นสวยมากจนสามารถทำให้เวเวอร์หลงรักได้เลยหล่ะ! พวกนายทุกคนรู้จักเวเวอร์ นักเวทย์จากทางใต้ใช่ไหมหล่ะ?”

 

“แน่นอน” นักเวทย์อีกคนที่ชื่อว่าอาเธอร์เป็นคนตอบ “เขาเป็นลูกรักของสมาคมนักเวทย์!”

 

 

“ฉันจะบอกอะไรให้” อีวานพูดต่อด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “พวกเขายังบอกกันอีกว่าเวเวอร์นั้นหลงงมงายกับปีศาจสาวตนนี้มากและถูกความรักครอบงำจนไม่เป็นอันกินอันนอนเลย! ตอนนี้เขาผอมลงไปมาก แล้วนายกสมาคมก็เป็นห่วงเขามากจนหัวของเขากลายเป็นสีขาวภายในเวลาแค่อาทิตย์เดียว!”

 

 

“ร้ายกาจจริงๆ!” อาเธอร์หัวเราะอย่างรุนแรง “ชายที่ชื่อเวเวอร์คนนี้ถูกเล่าขานกันว่าเป็นคนที่มีความสามารถที่สามารถพบเจอได้ในรอบ 100 ปี แต่ใครจะไปรู้หล่ะว่ารสนิยมเรื่องผู้หญิงของเขาจะแปลกขนาดนี้!”

 

นักเวทย์ที่เหลือต่างก็พากันหัวเราะกับเรื่องที่อาเธอร์พูดและทุกคนต่างก็คิดว่าข่าวลือนี้เป็นเพียงแค่เรื่องตลก มีเพียงแค่ ลิงค์ เท่านั้นที่นั่งเงียบๆจดจ่ออยู่กับอาหารที่อยู่บนจานของเขา แต่จริงๆแล้ว เขาตกอยู่ในห้วงความคิดเกี่ยวกับข่าวลือจากทางใต้อยู่

 

ปีศาจระดับสูงที่สวยมากพอที่จะทำให้เวเวอร์หลงสเน่ห์ได้ หรือว่าจะเป็นเซลีน? ลิงค์สงสัยว่าปีศาจสาวที่อยู่ในข่าวลือนั้นจะต้องเป็นเซลีนอย่างแน่นอน  และอีก2ตนจะต้องเป็นทหารปีศาจที่พ่อของเธอส่งมาเพื่อจับเธอกลับไปสู่หุบเหวแน่ๆ

 

ลิงค์ไม่ค่อยพอใจเรื่องพฤติกรรมหลงไหลในความรักของเวเวอร์ และเขาก็ยังถูกรบกวนด้วยความคิดที่ว่าเซลีนจะต้องอยู่คนเดียวระหว่างที่ทหารปีศาจทั้ง 2 ตัวที่พ่อของเธอส่งมานี้กำลังตามล่าเธออย่างไม่ลดละ ถ้าเกิดว่าเขาสามารถทิ้งทุกอย่างไปได้เขาก็จะทำและจะรีบตรงไปทางใต้เพื่อตามหาเธอเดี๋ยวนี้เลย!

 

แต่เขารู้ตัวดีว่าเขาทำอย่างนั้นไม่ได้ ไม่ใช่ในขณะที่สถาบันยังอยู่ภายใต้ภัยคุกคามของแผนการกบฏจันทราทมิฬและการปลดปล่อยปีศาจทราวิส แต่ว่าการรู้เรื่องนี้ก็ไม่ได้ทำให้ความอยากไปหาเซลีนของเขาลดลงแต่อย่างใด

 

หลังจากนั้น เมื่ออีวานและนักเวทย์คนอื่นๆเปลี่ยนหัวข้อไปคุยเรื่องอื่น ลิงค์ก็ไม่ได้สนใจเรื่องที่พวกเขาคุยกันอีกแล้ว เขากินอาหารทั้งหมดของเขา, บอกลากับทุกคนแล้วก็ออกจากหนามสวรรค์ไปคนเดียว

 

 

ดวงอาทิตย์ยังคงอยู่สูงในตอนที่เขาออกมาจากหอคอยเวทย์มนตร์ แสงอาทิตย์อันสดใสและความจริงที่ว่าเขาแก้ปัญหาการร่ายเวทย์หัตถ์ไททันได้สำเร็จแล้วก็ทำให้ลิงค์รู้สึกผ่อนคลายลงเล็กน้อย เขาเดินเล่นไปรอบๆสถาบันอีกประมาน 10 กว่านาที  จากนั้นเขาก็เดินผ่านร้านตัดผม และจู่ๆเขาก็นึกเรื่องที่อีวานและเซลาสซีพูดเรื่องรูปลักษณ์ของเขาออก เซลีนคงไม่อยากเห็นฉันในสภาพซีดเซียวแบบนี้ ลิงค์คิด จากนั้นเขาก็ตัดสินใจเข้าไปในร้านตัดผมและตัดผมกับโกนหนวดของเขาออก

 

ในท้ายที่สุด ลิงค์ ก็ได้ตัดผมและโกนหนวดของเขาออกไปเล็กน้อย ตอนนี้เขาดูเหมือนกับคนที่มีอายุประมาณ 23 หรือ 24 ปีเลย เขาเดินออกจากร้านพร้อมกับความรู้สึกเหมือนกลายเป็นคนใหม่ พร้อมที่จะกลับไปที่หอคอยเวทย์มนตร์เพื่อที่จะไปอ่านตำราเวทย์มนตร์ของเขาต่อ

 

แต่แล้วเขาก็ต้องตกใจ เขาบังเอิญเจอไรไลกับเอร์เรร่าในระหว่างทางกลับหอคอย พวกเธอเดินจับมือกันและเดินเล่นอยู่ที่ลานแห่งแรงบัลดาลใจของไบรอัน ดูเหมือนว่าพวกเธอจะแค่ออกมาเดินเล่นหลังจากที่ทานข้าวเพื่อที่จะรับชมภาพอันสวยงามของฤดูใบไม้ผลิ

 

 

ไรไลเรียกลิงค์ในทันทีที่เธอเห็นเขา อีกด้านหนึ่งเอร์เรร่าก็เหมือนจะมองออกว่าลิงค์มีเรื่องกังวลหลังจากที่มองเขาเพียงแค่แวปเดียว

 

“เธอดูยุ่งมากเลยนะช่วงนี้” เอร์เรร่าพูด “ทำไมเราไม่คุยกันซักหน่อยหล่ะไปที่จัตุรัสกันเถอะ ดูสิว่าอากาศวันนี้มันดีแค่ไหนกัน?”

 

เอร์เรร่าคิดว่ามันคงจะเป็นเรื่องน่าอายในการที่ใครคนนึงหมกตัวเองอยู่ในหอคอยเวทย์มนตร์ทั้งๆที่ฤดูใบไม้ผลิอันสวยงามได้มาถึงหลังจากที่ผ่านฤดูกาลอันหนาวเหน็บไปแล้ว

 

หลังจากที่คิดอยู่พักนึงลิงค์ก็ตกลงเข้าร่วมกับทั้งสองคนเดินไปที่ลานแห่งแรงบัลดาลใจของไบรอัน ยังไงซะเขาก็ต้องการเวลาพักผ่อนและทำจิตใจให้ว่าง ดังนั้นการเดินเล่นซักหน่อยก็คงจะไม่เป็นอะไร

 

 

ในตอนที่พวกเขามาถึงลานกว้าง กลุ่มของดอกหางแมวสีเหลืองอร่ามก็ปรากฏขึ้นมาให้เห็นและกลิ่นหอมของต้นไม้ใบหญ้าที่ขึ้นมาใหม่ก็โชยจมูก  ไรไลตื่นเต้นกับลานกว้างเหมือนกับผีเสื้อ ในขณะที่ลิงค์กับเอร์เรร่าเดินคุยกันอย่างช้าๆอยู่ด้านหลังเธอ

 

“ผู้อาวุโสบอกฉันว่าเธอเชี่ยวชาญเวทย์เลเวล 6 แล้ว” เอร์เรร่าพูด “มันเป็นเรื่องจริงเหรอ?”

 

“ใช่ครับ มันคือเวทย์หมัดแห่งฟิโรมอธ” ลิงค์พูดพร้อมพยักหน้า เมื่อเห็นว่าเขาไม่สามารถปิดบังเอร์เรร่าได้เขาก็พูดต่อ “และผมก็ได้ดัดแปลงโครงสร้างเวทย์มนตร์ของมันสำเร็จแล้วด้วยเช่นกัน”

 

เอร์เรร่าถอนหายใจหลังจากที่ได้ยินคำตอบของลิงค์

 

“งั้น ฉันก็ไม่มีอะไรที่จะสอนเธอได้แล้วสินะ” เธอพูด “ฉันคิดว่ามันไม่น่าจะเป็นการดีหรอกที่จะให้เธออยู่ที่หอคอยเวทย์มนตร์เล็กๆของฉันต่อไป เธอมีแผนการอะไรในอนาคตรึเปล่าหล่ะ?”

 

ช่วงนี้มีคำถามมากมายอยู่ในหัวของลิงค์  ด้วยความที่เลเวลของเขาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ รายการเวทย์มนตร์ของเขาก็ค่อยๆเพิ่มความซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน สถาบันเวทย์มนตร์อีสโควฟนั้นอาจจะเต็มไปด้วยตำราหายากและมีค่าก็จริง แต่ลิงค์เกรงว่ามันอาจจะยังไม่พอต่อความกระหายในความรู้ของเขา เขาพบว่าเขาไม่สามารถหาหนังสือที่สามารถตอบคำถามของเขาได้อย่างง่ายดายเหมือนอย่างที่เคยทำมาก่อน ช่วงหลังๆมานี้เขาได้ใช้ความเข้าใจของตัวเองและการทดลองในการแก้ไขปัญหาในทฤษฏีเวทย์มนตร์มาโดยตลอด

 

หรือนี่จะถึงเวลาที่เขาจะต้องจบการศึกษาจากสถาบันเวทย์มนตร์แห่งนี้แล้วนะ?

 

 

“ในตอนนี้ดินแดนของผมเกือบจะจัดการไล่พวกโจรได้หมดแล้ว” ลิงค์พูดหลังจากเงียบไปพักนึง “ผมคิดว่ามันถึงเวลาที่ผมจะต้องออกจากสถาบันและมุ่งความสนใจไปที่การสร้างดินแดนของผมแล้วหล่ะหลังจากวันที่15 เมษายนนี้”

 

 

มีอีกแผนนึงในใจของเขาที่เขาไม่ได้บอกเอร์เรร่าซึ่งก็คือความตั้งใจของเขาที่จะลงใต้ไปหลังจากที่เขาจัดการเรื่องดินแดนของเขาเสร็จ  เขาจะต้องตามหาเซลีนให้พบไม่ว่ายังไงก็ตาม

 

“เป็นความคิดที่ไม่เลวเลยนี่” เอร์เรร่าพูด เธอคาดการณ์คำตอบของลิงค์เอาไว้แล้ว “ที่รกร้างเฟิร์ดอยู่ไม่ไกลจากที่นี่มากนัก ถ้าเกิดว่ามีปัญหาอะไรก็ส่งจดหมายมานะแล้วฉันจะพยายามช่วยเธออย่างเต็มที่”

 

 

“ขอบคุณครับ อาจารย์” ลิงค์ตอบด้วยความจริงใจ เอร์เรร่าได้ช่วยเขาเอาไว้เยอะมากตั้งแต่ที่เขาเริ่มเรียนเวทย์มนตร์ เขาคิดว่าเขาคงจะไม่สามารถก้าวสู่เลเวล 6 ได้เร็วขนาดนี้ถ้าไม่ได้รับการชี้แนะที่ไม่เห็นแก่ตัวและอดทนของเอร์เรร่า

 

“อย่าชมฉันเยอะเลย” เอร์เรร่าพูดพร้อมกับยิ้มอย่างอ่อนโยน “ฉันแค่ทำในสิ่งที่ฉันต้องทำในฐานะอาจารย์ก็เท่านั้นเอง”

 

ในตอนนั้นเอง เสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยพลังของไรไลก็ดังมาถึงหูของพวกเขา พอพวกเขาหันไปมอง พวกเขาก็พบว่าเธอกำลังเล่นว่าวเวทย์มนตร์ที่นักเวทย์ฝึกหัดเพิ่งจะให้เธออย่างมีความสุข

 

เมื่อพวกเขามองไปไกลขึ้นอีก พวกเขาก็เห็นว่ามีนักเวทย์ฝึกหัดอีกหลายคนในลานกว้างกำลังสนุกอยู่กับของเล่นเวทย์มนตร์ของพวกเขาอยู่เช่นกัน บางคนก็มีว่าวเหมือนกับที่ไรไลเล่นอยู่ ขณะที่บางคนก็มีตุ๊กตาเวทย์มนตร์หรือสัตว์เลี้ยงเวทย์มนตร์ของตัวเอง และคนที่ดูแก่กว่าพวกเขาหน่อยก็จะเดินไปรอบๆจัตุรัสและยืนมองดูพวกคนหนุ่มสาวเล่นของเล่นด้วยสีหน้าที่ดูผ่อนคลายและมีความสุข  ดูเหมือนว่าทุกคนกำลังอาบอากาศอันสุดมหัศจรรย์ของฤดูใบไม้ผลิอยู่ ทำให้บรรยากาศรอบๆตัวนั้นเต็มไปด้วยความอบอุ่นและความเป็นกันเอง

 

ลิงค์ชื่นชมภาพอันสนุกสนานที่อยู่ด้านหน้าของเขาอยู่พักนึง แต่แล้วความวิตกกังวลที่อยู่ภายในใจของเขาก็เริ่มผุดขึ้นมา และภาพที่อยู่ด้านหน้าของเขาก็ไม่ได้ดูสบายตาอีกต่อไป

 

 

ภายในเกมในชีวิตเก่าของเขา ลานกว้างแห่งแรงบันดาลใจของไบรอันในตอนนี้ได้กลายเป็นพื้นที่รกร้างที่มีหลุมอันกว้างใหญ่อยู่ตรงกลางแล้ว ในขณะที่หอคอยเวทย์มนตร์ที่อยู่รอบๆที่เคยตั้งตระหง่านอยู่ด้วยความภาคภูมิใจก็กลายเป็นเถ้าถ่านไปจนหมด ต้นไม้ทั้งหมดที่อยู่รอบสถาบันเองก็ถูกทำลาย ดอกไม้ที่เพิ่งบานก็เหี่ยวเฉาและถูกเหยียบย่ำ, ทั้งสถาบันถูกปกคลุมไปด้วยออร่าแห่งความมืดสีเขียวเข้ม

 

ศพของนักเวทย์ที่ตายแล้วมีอยู่ทั่วพื้นที่ไปหมด และส่วนใหญ่มันจะเละจนไม่สามารถระบุตัวตนของผู้ตายได้ และในบรรดาพวกเขาก็มีศพของอาจารย์ใหญ่แอนโทนี่อยู่ด้วย ซึ่งร่างกายของเขาก็เต็มไปด้วยรู เพราะเขานั้นได้เผาวิญญาณของตัวเองเป็นไพ่ตายเพื่อต่อสู้กับปีศาจทราวิส และที่แปลกมากๆก็คือ ร่างกายของเขายังคงยืนตระหง่านอยู่ และดวงตาของเขาก็ว่างเปล่าและกลายเป็นสีดำเพราะไฟที่เผาวิญญาณของเขา และเขาก็ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น มองไปที่ภาพของสถาบันที่ถูกทำลายลงต่อหน้าเขา

 

ฉากนี้เต็มไปด้วยความโศกเศร้าและความสิ้นหวัง

 

การพังทลายของสถาบันเวทย์มนตร์อีสโควฟนั้นส่งผลกระทบอันใหญ่หลวงต่อภาพรวมของกองกำลังของอาณาจักรนอร์ตันเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุนี้ อาณาจักรจึงขาดแคลนนักเวทย์ที่แข็งแกร่งที่จะเป็นกองกำลังอันแข็งแกร่งในสงครามและอาณาจักรก็อ่อนแอลงจนทำให้พ่ายแพ้ต่อการโจมตีของดาร์กเอลฟ์และล่มสลายไป

 

แล้วในครั้งนี้เหตุการณ์แบบเดิมจะเกิดขึ้นรึเปล่านะ? ลิงค์ไม่สามารถหยุดกังวลได้

 

ลิงค์ไม่มีคำตอบให้กับคำถามนี้ ภารกิจในการตามสืบแผนกบฏจันทราทมิฬของเขาก็ยังคงหลงเหลืออยู่ในระบบเกม ซึ่งนั่นพิสูจน์ได้ว่าศัตรูยังคงดำเนินการตามแผนที่ลิงค์ยังไม่รู้อยู่

 

ถ้าเกิดว่าปีศาจทราวิสถูกปลดปล่อย แล้วฉันจะสู้กับมันยังไง? ทางที่ดีที่สุดคือล่อมันให้ออกไปนอกสถาบันและฆ่ามันซะ แต่ว่าฉันจะทำสำเร็จเหรอ?ใครจะไปรู้หล่ะ…ทั้งหมดที่ฉันทำได้ก็คือทุ่มเททุกอย่างที่ฉันมีและสู้ไปจนกว่าจะตาย…

 

 

“ลิงค์…ลิงค์!” เอร์เรร่าพูดในตอนที่ลิงค์กำลังใช้ความคิด “เป็นอะไรรึเปล่า?”

 

“หือ?” ลิงค์ถูกดึงกลับมาสู่ความจริง ใบหน้าอันไร้ที่ติของเธอเป็นประกายจากแสงแดดอันสดใสที่อยู่ด้านหน้าเขา และแล้วลิงค์ก็รู้สึกได้ถึงความกังวลที่อยู่ในใบหน้าของเธอ

 

“ไม่มีอะไรครับ” ลิงค์พูดพร้อมกับส่ายหน้า “ผมแค่คิดเรื่องปีศาจทราวิสหน่ะ ถ้าเกิดว่า…”

 

“ไม่มีถ้าเกิดว่าทั้งนั้นแหล่ะ!” เอร์เรร่าพูดขัด คิ้วของเธอขมวดเข้มพร้อมกับส่ายหน้าอย่างรุนแรง “สถาบันได้ดำเนินมาตรการความปลอดภัยอย่างถึงที่สุดแล้ว ต่อให้ถ้าทราวิสถูกปล่อยออกมา พวกเราก็เตรียมตัวมาอย่างดีหากต้องเผชิญหน้ากับมัน!”

 

ลิงค์พยักหน้า เขารู้สึกมั่นใจขึ้นมาเล็กน้อยจากคำยืนยันของเอร์เรร่า เขาได้เปลี่ยนแปลงอะไรไปหลายอย่างหลังจากที่เขามายังโลกนี้ แต่ว่าเขาก็ไม่ได้สู้เพียงคนเดียว ยังมีผู้คนที่แข็งแกร่งอีกมากมายที่ต่อสู้กับความมืดเหมือนกับเขา ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เขามีความช่วยเหลือจากศิลานักปราชญ์ ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นที่จะต้องกังวลมากขนาดนั้น

 

“อาจารย์! ป้า เอร์เรร่า!” ไรไลร้องเสียงดังและวิ่งมาหาพวกเขาทั้งคู่ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสุข “ตามหนูมาเร็ว! ตรงนั้นมีดอกกล้วยไม้สีทองบานเต็มเลย พวกมันช่างสวยงามจริงๆ!”

 

กล้วยไม้สีทองนั้นเป็นพืชหายากที่มีชื่อเสียงของฟิรุแมนเพราะดอกอันสวยงามของมัน และมันก็ยังเป็นดอกไม้ประจำชาติของอาณาจักรนอร์ตันอีกด้วย

 

ความไร้เดียงสาของไรไลนั้นทำให้ลิงค์และเอร์เรร่ารู้สึกดีขึ้นมาก พวกเขาทั้งสองได้ทิ้งความกังวลเกี่ยวกับอนาคตข้างหน้าไปและตามเด็กสาวไปด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของพวกเขา

 

หากคนรุ่นต่อๆไปในอนาคตได้มองย้อนกลับมาดูประวัติศาสตร์ของสถาบันอีสโควฟผ่านทางบันทึกหล่ะก็ พวกเขาจะจดจำได้ว่าวันนี้เป็นแสงสุดท้ายอันริบหรี่ของความสงบสุขก่อนที่คืนวันแห่งความมืดมิดจะมาถึง

 

วันที่ 18 มีนาคม ปี 1057 ของปฏิทินศักดิ์สิทธ์ เป็นวันแรกที่เริ่มสงครามระหว่างกองทัพแห่งความมืดและดินแดนแห่งแสง มันเป็นที่รับรู้โดยทั่วกันว่าเป็นการต่อสู้ในค่ำคืนฤดูใบไม้ผลิ มันเป็นวันที่เต็มไปด้วยความสุขและความสงบสุข แต่ก็ไม่มีใครรู้เลยว่ามันคือช่วงเวลาสงบสุขสุดท้ายก่อนที่พายุมหึมาจะเข้ามา นอกเหนือจากสมาชิกระดับสูงในสถาบันแล้ว ก็แทบไม่มีใครรู้เลยว่ามีความมืดกำลังคืบคลานเข้ามาเขมือบสถาบันและ แน่นอน ทั้งดินแดนแห่งแสงด้วย

 

ในค่ำคืนแห่งโชคชะตานี้ พายุอันโหดร้ายได้พัดเข้ามายังสถาบันเวทย์มนตร์อีสโควฟ นักเวทย์หนุ่มสาวหลายคนตายไปทั้งที่ยังหลับอยู่ โดยไม่รู้เลยว่าอะไรที่เป็นคนฉกฉวยชีวิตของคนหนุ่มสาวเหล่านี้ไปอย่างรวดเร็วท่ามกลางค่ำคืนอันเงียบสงบ หอคอยเวทย์มนตร์ทั้งหลายที่เคยตั้งตระหง่านอยู่อย่างสง่างามก็พังทลายลงสู่พื้นดิน

 

 

และนี้ก็ยังเป็นวันที่นักเวทย์ลิงค์ โมรานี่ ได้ปลดปล่อยพลังที่เขาซ่อนไว้ออกมาเป็นครั้งแรก และการต่อสู้นี้ก็ได้ผลักดันเขาเข้าสู่การต่อสู้ระหว่างกองกำลังแห่งแสงและกองกำลังชั่วร้ายแห่งความมืดอย่างเป็นทางการอีกด้วย กล่าวได้เลยว่าวันนี้คือบรรทัดแรกของบทกวีมหากาพย์ของเขาที่เพิ่งถูกบันทึกไว้ –เซลาสซี มอร์มอนต์ นักประวัติศาสตร์และนักเวทย์ของสถาบันเวทย์มนตร์อีสโควฟ

Advent of the Archmage

Advent of the Archmage

Type: Author: , ,
เรื่องย่อ ลิงค์เป็นอาร์จเมจที่เก่งที่สุดในทุกๆเซิร์ฟเวอร์ เขาเพิ่งจะโค้นล้มบอสที่แข็งแกร่งที่สุด,เจ้าแห่งความลึก โนโซม่า ด้วยปาร์ตี้ของเขา อย่างไรก็ตาม,แทนที่เขาจะกลับไปที่เมื่อง เขากลับถูกส่งตัวไปที่พื้นที่ลับด้วยพิกเซลCG มันให้ความรู้สึกเหมือนกับสูญญากาศ และภายในนั้นก็ได้มีเสียงที่ยิ่งใหญ่และมากด้วยอำนาจที่เรียกตัวเองว่าพระเจ้าแห่งแสงสว่างดังขึ้น “ลิงค์ เจ้าเต็มใจที่จะเป็นผู้ช่วยชีวิตที่จะดึงโลกแห่งฟิรูแมนออกจากความปั่นป่วนไหม?” ภารกิจที่ยิ่งใหญ่นี้มันอะไรกัน! ถ้ามันเป็นโลกจริง ลิงค์ คงจะปฏิเสธไปในทันที อย่างไรก็ตามเขาก็มีความแน่วแน่ที่จะเป็นฮีโร่ในเกมส์ “จัดไปเลย!” ลิงค์ ตอบอย่างมั่นใจ “ถ้างั้นก็ขอให้เจ้าโชคดี” และนั่นจะเป็นการเริ่มต้นการเดินทางที่เต็มไปด้วย เวทย์มนตร์,มิตรภาพ,การทรยศ,ความรัก และความสิ้นหวังของ ลิงค์ ในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปของฟิรุแมน Link was the top Archmage in the entire server. He had just defeated the strongest boss, the Lord of The Deep, Nozama with his party. However, instead of going back to town, he was transported to a secret location with pixelated CG. It sort of felt like a vacuum, and within it came a glorious and commanding voice that calls himself the God of Light. “Link, would you be willing to be the saviour who will pull the World of Firuman out from the churning abyss?” What a huge mission! If it was in the real world, Link would have rejected it immediately. However, he was bent on being the hero in game. “Bring it on!” Link answered confidently. “Then, best of luck.” And so began Link’s journey of magic, friendship, betrayal, love and despair in the ever changing World of Firuman.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset