Advent of the Archmage – ตอนที่ 197: อัจฉริยะผู้บ้าคลั่ง แวนซ์

เวลาหนึ่งสัปดาห์ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในขณะนั้นลิงค์ได้หมกตัวอยู่ในกระท่อมไม้และสร้างอุปกรณ์เวทย์มนตร์มาโดยตลอด

 

หลังจากที่เขาได้สมุดโน้ตมาจากจอมเวทย์ของสถาบันเวทย์มนตร์อีสโควฟ ทักษะการเสริมพลังของลิงค์ก็ได้ก้าวเข้าไปสู่ดินแดนใหม่ ภายในเวลาหนึ่งสัปดาห์ เขาสร้างอุปกรณ์เวทย์มนตร์ระดับอีพิคได้ถึง 2 ชิ้น ประกอบด้วยคทาเลเวล 5 และกำไลที่ใส่เวทย์มนตร์ป้องกันเลเวล 5 อีกอัน

 

แน่นอน กำไลนั้นสำหรับเซลีน มันประณีตมากจนทำให้เซลีนชื่นชอบมันมากจนเธอไม่ยอมวางมันลงเลยแม้แต่วินาทีเดียว

 

หลังจากนั้น พวกเขาทั้งคู่ก็มุ่งหน้าไปที่อ่าวฉลามเพื่อที่จะไปพบกับแวนซ์

 

เส้นทางการไปพระราชวังใต้ดินนั้นแคบเกินกว่าที่จะให้ดอเรียสผ่านได้ ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่เขาจะต้องตามพวกลิงค์ไป ดังนั้นเจ้าเสือจึงยังคงอยู่ที่พื้นที่ปลอดภัยของมันที่สร้างขึ้นมาเป็นพิเศษที่เทือกเขามอดไหม้ ลิงค์ยังได้เติมเต็มสัญญาของเขากับดอเรียสด้วยการสั่งให้ผู้คนนำอาหารมาให้เขา, แปลงขนให้เขา, แปรงฟันให้และขัดเล็บให้กับเขา อีกทั้งเขายังส่งคนออกไปเพื่อหาเสือนภาตัวเมียทั่วทั้งทวีปอีกด้วย

 

อ่าวฉลามนั้นอยู่ห่างกับเทือกเขามอดไหม้เพียงแค่ประมาณ 5 ไมล์ ดังนั้นลิงค์กับเซลีนจึงเดินไปแบบปกติได้ มันใช้เวลาการเดินไปถึงแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น

 

สายตาของเซลีนนั้นคมกริบราวกับเหยี่ยว; เธอมองเห็นโครงกระดูกสีขาวอยู่ไกลๆ กำลังนอนอยู่ที่หน้าผาหิน โครงกระดูกนั้นนอนอย่างสบายใจเฉิบและไร้ซึ่งความกังวลในตอนที่เขานอน แม้แต่มานาที่ปล่อยออกมาก็จางและอ่อนมากๆในขณะที่ในเบ้าตาของเขาก็มืดและว่างเปล่าไม่เห็นร่องรอยของไฟวิญญาณเลย ถ้าให้พูดง่ายๆก็คือ โครงกระดูกนี้ดูเหมือนกับว่ามันเป็นศพของคนตายที่นอนเปื่อยอยู่ที่นี่มากว่า 10 ปีแล้ว

 

“นั่นเขาเหรอ?” เซลีนถามอย่างไม่มั่นใจ “ไม่ใช่ว่าเขาดู…สบายเกินไปไหม?”

 

 

“ใช่ นั่นเขาหล่ะ” ลิงค์ตอบพร้อมกับพยักหน้า ไม่มีใครอีกแล้วที่ดูเรียบเนียนและส่องประกายดั่งหยกเหมือนกับโครงกระดูกคนนี้

 

หลังจากที่พวกเขามาถึงโครงกระดูก แวนซ์ยังคงนอนและไม่มีทีท่าว่าจะลุกขึ้น การตอบสนองเดียวที่เขาทำก็คือจุดไฟวิญญาณที่อยู่ในเบ้าตาของเขาขึ้นมา แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ยังคงจางมาก

 

“โอ้ เจ้ามาแล้วงั้นรึ” เขาพูด “เจ้ามาเร็วกว่าที่ข้าคิดเอาไว้อีกนะเนี่ย”

 

“คุณบาดเจ็บงั้นหรอ?” ลิงค์ถามเขาพร้อมกับจ้องไปที่เขาอย่างสงสัย

 

“บาดเจ็บหรอ? ไม่หรอก!” เขาตอบพร้อมกับเอามือโครงกระดูกของเขาขึ้นมาวางที่หน้าอกของเขา “ไม่ ข้าก็แค่เบื่อและไม่มีอะไรทำ ดังนั้นข้าจึงนอนเล่นอยู่ซักพักนึง”

 

แวนซ์ยังคงนอนอยู่และไม่มีท่าทีว่าจะลุกขึ้น

 

ลิงค์ขมวดคิ้วแน่นพอได้ยินคำตอบของแวนซ์ เขารู้สึกได้ถึงความเฉยเมยของลิซ ถ้าเขาสามารถนอนได้อย่างสบายบนหน้าผาในพื้นที่รกร้างแบบนี้ เขาจะไม่นอนเป็นปีๆเลยหรอในตอนที่เขาทวงคืนพระราชวังใต้ดินของเขาได้แล้ว?

 

จากนั้นลิงค์ก็หยิบคทาออกมาจากผ้าคลุมของเขาด้วยมือแห่งนักเวทย์และส่งมันให้กับแวนซ์

 

“นี่” เขาพูด “คทาของคุณ”

 

เปลวเพลิงในเบ้าตาของแวนซ์ลุกโชติช่วงขึ้นมาอีกครั้ง และเขาก็ลุกขึ้นมานั่งและหยิบคทาด้วยมือของเขา  เขาคิดว่าทักษะการเสริมพลังของลิงค์นั้นดีมากเนื่องจากเขาสังเกตุเห็นรายละเอียดอันลึกซึ่งบนคทาที่แสดงคุณภาพอันแสนประณีตออกมา

 

 

“หึหึ พื้นฐานทักษะของเจ้าค่อนข้างแน่นนะ” แวนซ์พูด “เจ้ายังคิดที่จะใช้ทอเรียมอีกด้วย มันเป็นวัตถุดิบที่ไม่เลวเลยนี่ โอ้..และโครงสร้างเวทย์มนตร์ของมัน…อ้า สุดยอดไปเลย นี่มันสุดยอดมากๆ!” เสียงของเขาดูมีชีวิตชีวาและเร่าร้อนมากขึ้นตอนนี้ และออร่าความเหนื่อยล้าของเขาก็ลดลงไปครึ่งนึง

 

แวนซ์ลุกขึ้นและลองใช้คทาด้วยการร่ายเวทย์แห่งความมืดเลเวล 1 ที่มีชื่อว่า บอลแห่งความเน่าเปื่อยไปที่หินตรงหน้าผา ในตอนที่มานาเกิดการผันผวน ลูกบอลสีเขียวเลือดขนาดเท่ากำปั้นก็ปรากฏขึ้นและพุ่งตรงไปที่หน้าผา เกิดเสียงสั่นสะเทือนตามมา และหลุมขนาดเท่าลูกบาสก็ปรากฏขึ้นมาบนพื้นผิวของหิน

 

“แถมมันยังใช้ได้ดีกับเวทย์มนตร์แห่งความมืดด้วยนี่!” แวนซ์ชมในทันที “ข้าต้องถามเจ้าหน่อยแล้วหล่ะ ไอหนู เจ้าเคยเรียนเวทย์มนตร์ดำมาก่อนงั้นเหรอ?”

 

ลิงค์ส่ายหน้าปฏิเสธ

 

“มันไม่ใช่อย่างนั้น” ลิงค์พูด “ผมเพียงแค่เรียนพื้นฐานของเวทย์ลึกลับมาจากจอมเวทย์ที่ชื่อเอเลนอร์เท่านั้นเอง และผมก็คิดว่าผมน่าจะเอามันเข้ามารวมในคทาได้”

 

 

“อ้า งั้นไม่น่าแปลกใจเลย”แวนซ์พูด “นี่มันมีชื่อรึเปล่า?”

 

“เปลวเพลิงสีเทา” ลิงค์ตอบ “สีเทานั้นบ่งบอกว่ามันสนับสนุนการใช้เวทย์ลึกลับและเวทย์มนตร์แห่งความมืด และเปลวเพลิงนั้นได้บ่งบอกความสามารถพิเศษในการโจมตีและเวทย์มนตร์โจมตีของมัน” ในสายตาของเขา สิ่งเหล่านี้คือจุดที่แข็งแกร่งที่สุดของคทานี้

 

เปลวเพลิงสีเทา

คุณภาพ:อีพิค

ผลที่ 1: ความเร็วในการปลดปล่อยมานาเพิ่มขึ้น80%

ผลที่ 2: พลังโจมตีของเวทย์มนตร์ธาตุเพิ่มขึ้น 60% และพลังโจมตีของเวทย์มนตร์ลึกลับเพิ่มขึ้น 80%

ผลที่ 3: มีเวทย์มนตร์เลเวล5- หัตถ์เปลวเพลิง(มีวงจรมานาภายในคทาที่สามารถผสมธาตุมืดลงไปในเวทย์มนตร์ได้เล็กน้อย ทำให้สร้างการโจมตีอันทรงพลัง- หัตถ์เปลวเพลิงเทาได้)

(หมายเหตุ:นี่เป็นของขวัญแก่ลิซ แวนซ์)

 

 

“เยี่ยมไปเลย” แวนซ์พูด เขาพึงพอใจกับคทาใหม่ของเขามาก “มันมีพลังน้อยกว่าคทาอันเก่าของข้าแค่เล็กน้อยเท่านั้นเอง” จากนั้นเขาก็หันไปหาเซลีนและหลังจากที่จ้องเธออยู่พักนึงเขาก็ขมวดคิ้วขึ้นมา

 

“นักรบปีศาจหรอ?” เขาถาม

 

เมื่อเทียบกับในอดีต ตอนนี้เซลีนสามารถปรับตัวกับท่าทีแบบนี้ได้แล้ว ตราบใดที่ลิงค์ไม่ได้สนใจตัวตนที่แท้จริงของเธอ เธอก็จะไม่สนใจในสิ่งที่คนอื่นคิดกับเธอเช่นกัน  และเธอก็ไม่มีความตั้งใจที่จะกังวลเรื่องการมอบเจตคติที่ดีให้กับคนที่แสดงท่าทีแบบนี้กับเธออีกด้วย

 

จากนั้นเซลีนก็เหล่ตาของเธอและพูดกับแวนซ์ด้วยน้ำเสียงที่น่ากลัว

 

“นายควรจะรู้เอาไว้นะ ลิซ” เธอพูด “ว่าฉันหน่ะเก่งเรื่องการหักกระดูกมาก”

 

 

“โอเค โอเค ใจเย็นนะ” ลิซพูดพร้อมกับยิ้มกว้าง “ข้าเพียงแค่พูดอย่างตรงไปตรงมาเท่านั้น ข้าไม่มีปัญหาหรอกหากลิงค์เชื่อใจเจ้า” จากนั้นเขาก็ปรบมือด้วยมือโครงกระดูกของเขาเป็นเสียงรัวๆ

 

“ไปกันเถอะ!” แวนซ์พูด “เวลามีค่า!”

 

“งั้น คุณนำทางไปเลย” ลิงค์พูดพร้อมกับขยับไปข้างๆ

 

“ไม่มีปัญหา” แวนซ์ตอบ เขาเดินไปข้างหน้าไม่กี่ก้าวแล้วก็กระโดดลงจากหน้าผา เขาไม่ได้ใช้เวทย์บินหรือเวทย์ลอยตัวในตอนที่เขากระโดดอีกด้วย

 

แน่นอนว่า หลังจากนั้น 3 วินาทีก็มีเสียงแตกของกระดูกดังขึ้นบนชายหาดสีขาวที่อยู่ด้านล่างของหน้าผา แวนซ์แตกกระจายกลายเป็นกองกระดูกอยู่บนพื้น

 

“…”

 

ลิงค์กับเซลีนมองหน้ากันด้วยความกลัว พวกเขาไม่สามารถรู้ได้ว่าแวนซ์นั้นเล่นตลกอะไรกับพวกเขา นี่เขาพึ่งจะฆ่าตัวตายงั้นหรอ?

 

ในตอนนั้นเอง โครงกระดูกที่กระจัดกระจายก็ได้เคลื่อนที่เข้ามารวมตัวกันอีกครั้ง และในที่สุดมันก็ก่อร่างขึ้นเป็นลิซอมตะอีกครั้ง จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นและโบกมือให้กับพวกเขา

 

“พวกเจ้ารออะไรกันอยู่หล่ะ?” เขาตะโกน “ลงมาเร็ว!”

 

 

แน่นอนว่านี่เป็นการกระทำที่น่าตกใจ  ลิงค์ไม่สามารถรู้ได้ว่าทำไมลิซถึงได้ทำอย่างนั้น  แม้ว่าร่างกายของเขานั้นจะเป็นอมตะและสามารถย้อนกลับคืนสู่สภาพเดิมได้ แต่มันคงจะไม่เสียเวลามากนักหรอกที่จะร่ายเวทย์ลอยตัว? แบบนั้นมันจะไม่ยิ่งประหยัดเวลามากกว่าเหรอ?

 

ยังไงก็ตามลิงค์ไม่ได้คิดว่ามันจำเป็นที่จะต้องพูดเรื่องนี้เพราะว่าแวนซ์ก็ไม่ได้เป็นอะไร จากนั้นเขาก็ร่ายเวทย์ลอยตัวให้กับตัวเองและกำลังจะร่ายให้กับเซลีนด้วยเช่นกัน แต่ว่าเขาก็เห็นเซลีนกางปีกของตัวเองออกและกระโดดลงจากหน้าผาไป ดังนั้นเขาจึงตามเธอไปและกระโดดลงจากหน้าผาเช่นกัน

 

ไม่นานนัก พวกเขาทั้งหมดก็ได้มาถึงชายหาดที่อยู่ด้านล่างหน้าผา

 

 

“ในตอนนี้ พวกเราเพียงแค่เดินทางลงใต้ตามชายหาดนี้ไป” แวนซ์พูด เขาเป็นคนนำทางและลิงค์กับเซลีนก็เดินตามหลังเขาไป  เส้นทางข้างหน้ามันคงจะเป็นการเดินทางที่ยาวไกล

 

“แวนซ์” ลิงค์พูด “แผนของนายหลังจากที่พวกเรายึดพระราชวังใต้ดินของนายคืนได้แล้วคืออะไร?”

 

“ข้าจะทำอะไรได้อีกหล่ะ?” ลิซตอบ “ที่นั่นมีโรงศพเย็นๆอยู่ ข้ากำลังคิดว่าข้าจะไปนอนหลับข้างในนั้นซะหน่อย”

 

“…” เซลีนรู้สึกว่าหลักเหตุผลของแวนซ์นั้นแปลกมาก “ถ้าเกิดว่านั่นเป็นทั้งหมดที่นายอยากทำ งั้นทำไมถึงไปทวงที่คืนหล่ะ? ไม่ใช่ว่านอนที่ไหนก็ได้หรอกหรอ?”

 

“เจ้าไม่เข้าใจหรอก” ลิซพูดพร้อมกับรอยยิ้ม

 

 

ลิงค์ไม่พูดอะไร ถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกว่าเขาจะสามารถเข้าใจเหตุผลของลิซได้ด้วยเหตุผลบางอย่าง

 

 

คนๆนี้เคยเป็นอัจฉริยะผู้บ้าคลั่งมาก่อนในอดีต ในการไล่ตามความจริงของเขา เขาได้ลองทุกวิธีการที่เป็นไปได้โดยไม่สนต่อคุณธรรมหรือจริยธรรม แต่ว่า เขาก็ไม่ได้ชั่วร้ายมาตั้งแต่แรก ดังนั้นเขาจึงรู้สึดผิดเรื่องคดีในอดีตของเขา แม้ว่าความจริงเขาจะเป็นคนบ้า แต่เขาก็มีชีวิตรอดมานานจนถึงอนาคต

 

แต่แล้ว ตอนนี้เขาก็เป็นลิซและถูกขังอยู่ในหอคอยอสุรามานานกว่า 400 ปี แพสชั่นของเขาได้หมดลงแล้ว และตอนนี้เขาก็เป็นเพียงแค่ผีของตัวเขาในอดีต ดอเรียสบอกว่าเขานั้นไม่ได้ต้องการที่จะออกจากหอคอย ซึ่งนั่นหมายความว่าคนนี้ๆไม่ได้ต่างอะไรกับศพเดินได้เลย

 

แล้วทำไมเขาถึงต้องการที่จะกลับไปที่พระราชวังใต้ดินขนาดนั้นหล่ะ? หรือว่าเพราะเขาจะไปเอาความทรงจำที่หายไปกลับคืนมา? หรือเพราะเขาเพียงแค่ต้องการความปลอดภัยในการนอนหลับไปตลอดกาล? ใครจะไปรู้หล่ะ?

 

น่าประหลาดนักที่ลิซยิ้มและพูดขึ้นมาอีกครั้งหลังจากที่เงียบไปพักนึง

 

“สาวน้อย” เขาพูด “เจ้าพูดถูกที่บอกว่าข้าสามารถนอนที่ไหนก็ได้ ข้าสามารถนอนที่หน้าผานั่นเป็นเวลา 100 ปีโดยที่ไม่ขยับเลยก็ได้ แต่ว่ามันมีของล้ำค่ามากเกินไปที่พระราชวังใต้ดินของข้าและมันจะน่าเสียดายหากปล่อยให้มันเน่าอยู่อย่างนั้น ต้องมีใครบางคนเอามันออกมาใช้”

 

หลังจากนั้น แวนซ์ก็มองไปที่ลิงค์และยิ้ม

 

“ซึ่งก็คือเจ้านั่นแหล่ะ เจ้าหนู” เขาพูด “เจ้ายังขาดแคลนหอคอยเวทย์มนตร์ที่เหมาะสม แต่ไม่ต้องกังวลไป พอข้าได้พระราชวังใต้ดินของข้ากลับมา เจ้าสามารถเอาอะไรที่เจ้าต้องการไปได้เลย มันคงจะเพียงพอที่จะช่วยให้เจ้าสร้างหอคอยเวทย์มนตร์ที่ยิ่งใหญ่ได้ ข้าต้องขอแนะนำเจ้าเลยนะว่าอย่าไปขอความช่วยเหลือจากใครที่สถาบันอีสโควฟ นักเวทย์พวกนั้นใช้การไม่ได้หรอก; พวกเขาใช้วัตถุดิบสิ้นเปลืองเกินไป เพื่อที่จะสร้างหอคอยเวทย์มนตร์ที่สมบูรณ์แบบ เจ้าจะต้องไปหาไฮเอลฟ์”

 

ลิงค์นั้นพูดไม่ออกในตอนที่ได้ยินคำพูดของแวนซ์ นี่เขาพึ่งจะบอกว่าเขาสามารถเอาอะไรไปก็ได้ที่เขาต้องการจากพระราชวังใต้ดินที่เขาจะไปเพื่อหาที่นอนเนี่ยนะ? มันมีอะไรแปลกๆในคำพูดพวกนี้; มันเหมือนกับว่าแวนซ์กำลังพูดสั่งอยู่เสียเลย

 

ลิงค์ไม่สามารถยับยั้งปากของเขาเอาไว้ได้อีกแล้ว

 

“คุณไม่ได้ตั้งใจที่จะทวงพระราชวังใต้ดินของคุณคืน ใช่ไหม?” เขาถาม

 

“ทำไมถึงพูดไร้สาระอย่างนั้นหล่ะ!” ลิซตอบด้วยรอยยิ้ม “ทำไมถึงคิดว่าข้าคิดแบบนั้น?ข้าจะทนอยู่เฉยๆได้ยังไงในเมื่อมีไอพวกคนเถื่อนนั่นมาเหยียบย่ำพระราชวังของข้าด้วยเท้าสกปรกๆของพวกมัน?”

 

ถึงอย่างนั้นมันก็ยังคงมีบางอย่างแปลกๆและถูกปกปิดไว้ในน้ำเสียงของเขา เหมือนกับว่ายังคงมีความจริงบางส่วนถูกปกปิดอยู่

 

“ฉันรู้สึกเหมือนกับว่าลิซไม่อยากที่จะมีชีวิตอยู่เลย” เซลีนกระซิบ “นี่เขาอยู่มานานแค่ไหนแล้ว?”

 

มีเพียงแค่ความรู้สึกเฉยชาและความรู้สึกผิดที่เซลีนสามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจนจากลิซ มันไม่เหมือนกับความรู้สึกที่ถูกไล่ตามและกดขี่อย่างที่เธอรู้สึก กลับกัน มันเป็นความรู้สึกเฉยเมยต่อชีวิตที่อยู่มานานเกินไปและพบเจอกับอะไรมามากมาย จนทำให้ความสนใจและแพสชั่นทั้งหมดได้หายไปจากหัวใจจนหมด

 

“เขาอยู่มา 1,000 กว่าปีแล้ว” ลิงค์ตอบพร้อมกับขมวดคิ้ว เขาต้องการที่จะให้แวนซ์ช่วยแนะนำเขาในการสร้างศิลปะการต่อสู้ที่สามารถให้ใครก็ได้ในกองกำลังฝึกฝน แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าความฝันของเขานั้นจะใหญ่เกินไป

 

“งั้นเขาก็เป็นลิซ 1,000 ปีหน่ะสิ..” เซลีนพึมพำด้วยความตกใจกับการเปิดเผยนี้ “ไม่น่าแปลกใจเลย…”

 

ในขณะเดียวกัน แวนซ์ก็ได้โบกมือของเขาเพื่อเร่งให้ทั้งสองคนเดินตามมา

 

“ทั้งสองคนหยุดคุยกันแล้วรีบเดินมาได้แล้ว!” เขาตะโกน “พวกเราใกล้จะถึงแล้ว เนโครแมนเซอร์พวกนั้นไม่ได้จัดการง่ายๆหรอกนะ!”

 

 

ลิงค์กับเซลีนไม่ได้พูดอะไรอีก; พวกเขาแค่เร่งฝีเท้าขึ้นและไล่ตามแวนซ์ให้ทัน พวกเขาเดินตามชายหาดมาประมาณ 15 ไมล์จนพวกเขาเจอเข้ากับหินกองใหญ่ แวนซ์จ้องไปที่มันและร่ายเวทย์ในทันที

 

“ไร้ร่องรอย!”

 

ไร้ร่องรอย

เวทย์ระดับสูงเลเวล 4

ผล: เวทย์มนตร์หายตัวแบบหมู่ที่สามารถบดบังเสียงและกลิ่นของเป้าหมายได้เกือบหมด

(หมายเหตุ:นี่เป็นเวทย์ที่แวนซ์เป็นคนคิดค้นขึ้นมาเอง)

 

แผ่นของออร่าที่ใสเหมือนน้ำพุ่งออกมาจากคทาของแวนซ์และกระจายออกไปรอบๆพวกเขาทั้งสามคน ภายในชั่วพริบตา เมื่อคนภายนอกมองมาจะเห็นเหมือนกับว่าพวกเขาได้หายไปในอากาศ

 

“เกิดอะไรขึ้น?” ลิงค์ถาม เขามองไปที่กองหินแต่ก็ไม่เห็นอะไรที่น่าสงสัยเลย

 

จากนั้นแวนซ์ก็ชี้ไปที่ด้วงสีดำที่ไต่อยู่ท่ามกลางกองหินนั้น

 

“เจ้าเห็นแมลงตัวนั้นไหม?” แวนซ์ถาม

 

 

ลิงค์กับเซลีนมองไปตามทางที่ชี้และก็เห็นแมลงตัวเล็กๆที่มีขนาดเท่านิ้วโป้ง เปลือกนอกของมันเปล่งประกายและเตะตามาก แต่ว่ามันก็เป็นเพียงแค่แมลงที่ดูธรรมดาๆ มันดูไม่แตกต่างจากแมลงตัวอื่นและมันก็ไม่ได้ปล่อยมานาหรือออร่าเวทย์มนตร์ออกมาเลย ถ้าไม่ใช่เพราะแวนซ์ ลิงค์คงจะเดินผ่านมันไปแล้วอย่างแน่นอน

 

“มันมีอะไรผิดปกติงั้นหรอ?” ลิงค์ถามอย่างสุภาพ ในด้านของเวทย์มนตร์แห่งความมืด แวนซ์นั้นเป็นนักเวทย์ที่เก่งกาจกว่าเขาเป็นอย่างมาก

 

“นี่คือด้วงที่ตายแล้วที่สร้างขึ้นมาจากวิธีการลับ” แวนซ์ตอบ “มันเป็นอุปกรณ์ตรวจจับขั้นสูงที่ใช้โดยเนโครแมนเซอร์ระดับสูง มันมีลักษณะเหมือนกับด้วงที่ยังมีชีวิตอยู่; มันไม่สามารถถูกปล่อยออกมาได้นานกว่า 1 ชั่วโมง ซึ่งนั่นก็หมายความว่ามีแขกคนอื่นอยู่ในพระราชวังใต้ดินของข้าในตอนนี้”

 

“พวกเราควรจะทำยังไงกับด้วงดี?” ลิงค์ถาม

 

“แค่ทำลายมันก็พอ” แวนซ์พูด จากนั้นเขาก็หันไปหาเซลีน “สาวน้อย ข้าต้องการหยดเลือดของปีศาจสำหรับเวทย์ของข้า”

Advent of the Archmage

Advent of the Archmage

Type: Author: , ,
เรื่องย่อ ลิงค์เป็นอาร์จเมจที่เก่งที่สุดในทุกๆเซิร์ฟเวอร์ เขาเพิ่งจะโค้นล้มบอสที่แข็งแกร่งที่สุด,เจ้าแห่งความลึก โนโซม่า ด้วยปาร์ตี้ของเขา อย่างไรก็ตาม,แทนที่เขาจะกลับไปที่เมื่อง เขากลับถูกส่งตัวไปที่พื้นที่ลับด้วยพิกเซลCG มันให้ความรู้สึกเหมือนกับสูญญากาศ และภายในนั้นก็ได้มีเสียงที่ยิ่งใหญ่และมากด้วยอำนาจที่เรียกตัวเองว่าพระเจ้าแห่งแสงสว่างดังขึ้น “ลิงค์ เจ้าเต็มใจที่จะเป็นผู้ช่วยชีวิตที่จะดึงโลกแห่งฟิรูแมนออกจากความปั่นป่วนไหม?” ภารกิจที่ยิ่งใหญ่นี้มันอะไรกัน! ถ้ามันเป็นโลกจริง ลิงค์ คงจะปฏิเสธไปในทันที อย่างไรก็ตามเขาก็มีความแน่วแน่ที่จะเป็นฮีโร่ในเกมส์ “จัดไปเลย!” ลิงค์ ตอบอย่างมั่นใจ “ถ้างั้นก็ขอให้เจ้าโชคดี” และนั่นจะเป็นการเริ่มต้นการเดินทางที่เต็มไปด้วย เวทย์มนตร์,มิตรภาพ,การทรยศ,ความรัก และความสิ้นหวังของ ลิงค์ ในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปของฟิรุแมน Link was the top Archmage in the entire server. He had just defeated the strongest boss, the Lord of The Deep, Nozama with his party. However, instead of going back to town, he was transported to a secret location with pixelated CG. It sort of felt like a vacuum, and within it came a glorious and commanding voice that calls himself the God of Light. “Link, would you be willing to be the saviour who will pull the World of Firuman out from the churning abyss?” What a huge mission! If it was in the real world, Link would have rejected it immediately. However, he was bent on being the hero in game. “Bring it on!” Link answered confidently. “Then, best of luck.” And so began Link’s journey of magic, friendship, betrayal, love and despair in the ever changing World of Firuman.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset