Advent of the Archmage – ตอนที่ 202: หุ่นเชิดเวทย์มนตร์อันไร้เทียมทาน ส่วนที่ 2

พระราชวังใต้ดิน

 

หลังจากที่เดินไปได้ประมาณ 150 ฟุต, พวกเขาก็เห็นร่างร่างนึงนอนบนพื้นซึ่งแขนของมันถูกตัดไป

 

“นี่มันโมเรสเทิร์น” แวนซ์กระซิบ

 

เซลีนก้มตัวลงอย่างรวดเร็วเพื่อตรวจสอบบาดแผลบนร่างกายของนักเวทย์วูดู หลังจากที่มองตั้งแต่หัวจรดเท้า, เธอก็อดอ้าปากค้างออกมาไม่ได้ “มันเป็นความเร็วการโจมตีที่ไวอะไรขนาดนี้เนี่ย!”

 

จากรูปร่างและความลึกของบาดแผลบนหน้าผากของโมเรสเทิร์น, เซลีน, ที่เป็นนักดาบ, สามารถระบุได้อย่างแม่นยำถึงความเร็วในการโจมตีอันน่าหวาดกลัวของหุ่นเชิดเวทย์มนตร์ มันเป็นระดับที่เธอทำได้แค่หวังเท่านั้น

 

ในขณะเดียวกันนั้นเอง, แวนซ์กับลิงค์ก็สังเกตุร่องรอยเวทย์มนตร์ที่เหลืออยู่ในพื้นที่

 

แวนซ์ใช้นิ้วหยิบกองฝุ่นสีขาวที่อยู่บนพื้นขึ้นมาแล้วกระซิบ “ดูเหมือนว่าไอแก่คนนี้จะร่ายเวทย์โนว่ากัดกร่อนก่อนที่มันจะตายนะ จากความผันผวนของเวทย์มนตร์ที่เหลืออยู่, เวทย์นี้ถูกปล่อยออกมาด้วยความเร็วที่สูงมาก จากที่ข้าประเมินดูเวลาที่ใช้ในการร่ายทั้งหมดนั้นน่าจะแค่ประมาณ 0.2 วินาทีเท่านั้น ตุลาการแห่งความมืดนี่เป็นคทาที่ทรงพลังจริงๆ”

 

ลิงค์ชี้ไปที่รอยเท้าที่อยู่ข้างๆแล้วพูด “รอยเท้าเล็กๆที่เหลืออยู่นี่น่าจะเป็นของหุ่นเชิดเวทย์มนตร์นะ”

 

แวนซ์มองตามแล้วพยักหน้า “ใช่ นานะมีรูปร่างเหมือนเด็กสาวอายุ 17 ปี…อย่าคิดแบบนั้นเชียวนะ! เหตุผลเดียวที่ข้าใช้รูปร่างแบบนี้ก็เพื่อทำให้ศัตรูหลงเสน่ห์!”

 

ลิงค์ยักไหล่แล้วตัดสินใจที่จะไม่แสดงความคิดเห็นกับการตัดสินใจนั้น เขาสังเกตุร่องรอยบนพื้นต่อ หลังจากผ่านไปได้ไม่กี่นาที, เขาก็พูดออกมา, “หลังจากที่หุ่นเชิดเวทย์มนตร์ตัวนี้ฆ่าโมเรสเทิร์น, เธอก็จากไปในทันที แล้วพอผ่านไปประมาณครึ่งนาที, โดเรียนก็ปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง เขามาหยุดอยู่ที่นี่…นี่น่าจะเป็นจุดที่คทาเคยอยู่นะ เขาหยิบมันขึ้นมาแล้วกลับไป”

 

จากนั้นลิงค์ก็เปลี่ยนมุมเพื่อสังเกตุร่องรอยในขณะที่เขาพูดต่อ “จากรอยเท้าที่อยู่บนพื้น, มีการระเบิดพลังสองจุด จุดแรกก็คือที่นี่, ที่หุ่นเชิดเคลื่อนไหวแบบแนวนอนเป็นระยะสามฟุต, และการโจมตีของเธอก็คือหลบอีกจุดนึงที่เป็นเวทย์สลายธาตุที่ถูกปล่อยออกมา แล้วจากนั้นเธอก็ต่อสู้กลับ”

 

ลิงค์พูดราวกับว่าเขาได้เห็นฉากการต่อสู้กับตาตัวเอง จากนั้นลิงค์ก็เดินไปที่ร่างของโมเรสเทิร์น เขาเห็นสสารสีขาวเหนียวๆและใช้นิ้วของเขาแตะมัน หลังจากที่ลองดมดู, เขาก็พูดต่อ “ในตอนที่หุ่นเชิดเวทย์มนตร์ตอบโต้, โมเรสเทิร์นกำลังจะปล่อยเวทย์หยากไย่ออกมา แวนซ์, คุณคิดว่าโมเรสเทิร์นใช้เวลาแค่ไหนในการร่ายเวทย์นี้?”

 

แวนซ์รู้ว่าลิงค์กำลังประเมินพลังของหุ่นเชิดเวทย์มนตร์ ดังนั้นเขาจึงยอมให้ความร่วมมือด้วย เขาสังเกตุสสารสีขาวแล้วพูด “ข้าเคยเห็นเขาร่ายเวทย์มาก่อน เขาเร็วมากๆ ความสำเร็จระดับนี้น่าจะใช้เวลาไม่ถึง 0.1 วินาที”

 

“ไม่ถึง 0.1 วินาทีหรอ? นี่มันคลุมเครือเกินไป ผมอยากให้ระบุให้เจาะจงกว่านี้” ลิงค์กดดัน

 

แวนซ์คิดกลับไปถึงสิ่งที่เขาเคยเห็นแล้วรายงานตัวเลขที่แม่นยำ “0.08 วินาทีน่าจะประมาณนั้นนะ”

 

จากนั้นลิงค์ก็วัดระยะห่างระหว่างจุดที่มีการระเบิดพลังสองจุดแล้วขมวดคิ้ว จากนั้นเขาก็พูดออกมา “ระยะห่างระหว่างรอยเท้าทั้งสองมีประมาณ 150 ฟุต ถ้าหุ่นเชิดเวทย์มนตร์โจมตีในขณะที่โมเรสเทิร์นกำลังร่ายเวทย์อยู่, ความเร็วของเธอก็น่าจะประมาณ 2,000 (0.3787ไมล์:0.60กิโลเมตร) ฟุตต่อวินาที แวนซ์, คุณคิดถูกแล้วหล่ะ, หุ่นเชิดเวทย์มนตร์ตัวนี้พัฒนาไปมากจริงๆ”

 

เซลีนตกตะลึง “ถ้าพิจารณาจากจุดออกตัวและจุดลงมือ, ความเร็วสูงสุดของเธอน่าจะมากกว่า 2,000 ฟุตต่อวินาทีนะ นี่มันบ้าไปแล้ว!”

 

การระเบิดพลังระดับนี้สามารถเทียบได้กับเวทย์เทเลพอร์ตระยะสั้นเลยก็ว่าได้

 

แวนซ์ยิ้มออกมาอย่างขมขื่นแล้วพูด “ดูเหมือนว่านานะจะเหนือกว่าที่ข้าคาดเอาไว้นะ แล้วตอนนี้พวกเราจะทำยังไงดีหล่ะ?”

 

แวนซ์ไม่มั่นใจว่าจะต่อสู้กับความเร็วในการตอบสนองและความเร็วในการโจมตีระดับนี้ได้ เขาคงจะไม่รอดพ้นความตายแน่ๆ! ไม่ต้องพูดถึงความอับอายที่เขาจะพ่ายแพ้ให้กับผลงานของตัวเอง

 

เซลีนหันไปมองลิงค์

 

ลิงค์ยังคงเงียบกริบ จากข้อมูลที่พวกเขามีในตอนนี้, เขาคำนวนขีดจำกัดพลังของหุ่นเชิดเวทย์มนตร์ตัวนี้อย่างรวดเร็ว หลังจากผ่านไปประมาณสามนาที, เขาก็พูดออกมา “มันค่อนข้างจะตึงมืออยู่หล่ะนะ, แต่พวกเรายังมีโอกาสอยู่ ยกตัวอย่างเช่น, ในตอนที่กำลังเคลื่อนด้วยความเร็วระดับนั้น, เธอจะไม่สามารถเปลี่ยนทิศทางได้ ซึ่งนี่สามารถสังเกตุได้จากร่องรอยการต่อสู้”

 

การเปลี่ยนระยะทางในขณะที่กำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็ว 2,000 ฟุตต่อวินาทีนั้นจะสร้างแรงสู่ศูนย์กลางขนาดยักษ์ที่จะสร้างแรงกดดันกับร่างกายของหุ่นเชิดเวทย์มนตร์อย่างมหาศาล และต่อให้ร่างกายของเธอแข็งพอที่จะทนแรงกดดันระดับนั้นได้ ,แต่พื้นที่อยู่ใต้เท้าของเธอก็คงจะไม่สามารถให้แรงเสียดทานที่เพียงพอที่จะเปลี่ยนทิศทางได้ นี่มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับแค่พลังของหุ่นเชิดเวทย์มนตร์, แต่ยังขึ้นอยู่กับขีดจำกัดทางสภาพแวดล้อมด้วย

 

เขามองไปที่เซลีนแล้วพูด “เอากำไลมาให้ฉันที; ฉันต้องทำการเปลี่ยนแปลงบางอย่างกับเวทย์ที่อยู่ในนี้”

 

กำไลที่เก็บเวทย์เอเดลไวซ์สีแดงเข้มเลเวล 5 เอาไว้นั้น ในฐานะที่เป็นผู้สร้างเวทย์นี้, แน่นอนว่าลิงค์เข้าใจเวทย์นี้เป็นอย่างดี เขาเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งว่าเวทย์นี้เองก็มีจุดผันผวนของเวทย์มนตร์ที่จะอยู่ประมาณ 0.06 วินาที ซึ่งนี่เป็นเวลาที่มากพอสำหรับหุ่นเชิดเวทย์มนตร์ในการเผด็จศึก และเพื่อที่จะรับรองความปลอดภัยของเซลีน, เขาต้องบีบระยะเวลาของจุดผันผวนของเวทย์มนตร์ให้อยู่ในช่วง 0.01 วินาที

 

เซลีนส่งกำไลเวทย์ป้องกันของเธอให้กับลิงค์ จากนั้นลิงค์ก็นั่งลงบนกองเศษหินแล้วเอาวัตถุดิบที่ดีที่สุดที่เขามีออกมา, ทอเรียมดาราเพลิง, จากนั้นเขาก็เริ่มเปลี่ยนทอเรียมธรรมดาในกำไลด้วยวัตถุดิบระดับสูง กระบวนการในการเปลี่ยนนั้นเร็วมากๆและสามารถสำเร็จได้ด้วยเวทย์มนตร์แทนที่ง่ายๆ มันใช้เวลาแค่สิบนาทีเท่านั้น จากนั้น, ลิงค์ก็ใช้เวทย์สนามพลังฮิกส์เพื่อซ่อมจุดอ่อนเล็กๆในกำไลอย่างระมัดระวัง ก่อนหน้านี้เขาไม่ค่อยมีเวลา, เขาจึงไม่ได้เจียระไนกำไลนี้ตามมาตรฐานปกติของเขา ตอนแรกเขาคิดว่าไม่มีใครในโลกนี้ที่จะสามารถใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนเล็กๆนี้ได้ อย่างไรก็ตาม, ในตอนนี้พอหุ่นเชิดเวทย์มนตร์ตัวนี้ปรากฏตัวขึ้นมา, เขาจะต้องป้องกันมันเอาไว้ก่อน

 

ทั้งกำไลนั้นมีจุดอ่อนประมาณห้าจุด แม้ว่าพวกมันจะไม่ได้เด่นชัด, แต่เมื่อผลของพวกมันมารวมกันก็ทำให้เวทย์เอเดลไวซ์สีแดงเข้มทั้งหมดไม่สมบูรณ์ คนธรรมดาคงจะไม่สามารถรู้สึกถึงความแตกต่างนี้ได้ อย่างไรก็ตาม, นักเวทย์ที่แข็งแกร่งนั้นสามารถบอกได้อย่างง่ายดายจากความผันผวนของมานาที่แผ่ออกมาจากกำไลนี้

 

หลังจากที่ลิงค์ปรับปรุงกำไลสำเร็จ, แวนซ์, ที่เฝ้าสังเกตุอยู่ตลอดเวลา, ก็อดปรบมือไม่ได้ “กำไลนี้มันช่างสวยงามจริงๆ!”

 

ลิงค์ยิ้มแล้วสวมกำไลที่ข้อมือของเซลีน กำไลที่เขาให้เซลีนก่อนหน้านี้นั้นมีคุณภาพระดับเดียวกับกำไลมังกรที่เขามอบให้เอเลนอร์ อย่างไรก็ตาม, คุณภาพของกำไลในตอนนี้แข็งแกร่งยิ่งกว่านั้น

 

“ตอนนี้, ฉันก็ไม่ต้องกังวลเรื่องที่หุ่นเชิดเวทย์มนตร์จะเจาะทะลุจุดเวทย์มนตร์ผันผวนได้แล้ว” ลิงค์พูดในขณะที่เขาจับมืออันเนียนนุ่มของเซลีน ลิงค์ไม่อยากปล่อยมันไปในขณะที่เขาลูบไล้มันอย่างอ่อนโยน

 

เซลีนแค่ยิ้มออกมาและไม่ได้ดึงมือของเธอกลับ

 

จากนั้นลิงค์ก็หันไปหาแวนซ์ในขณะที่จับมือของเธอ “การร่ายเวทย์ในทันทีนั้นต้องการสมาธิอย่างเต็มที่ ห้ามมีสิ่งกวนใจหรือความแปรปรวนในอารมณ์ของคุณ มีแค่การทำสิ่งเหล่านี้ให้ได้เท่านั้นถึงจะปล่อยเวทย์อันไร้ที่ติออกมาได้”

 

“ข้าจะทำอย่างเต็มที่”

 

แวนซ์ลูบกระโหลกอันเรียบเนียนของเขาและขาดความมั่นใจอย่างกระทันหัน มันเป็นเรื่องง่ายสำหรับสัตว์ประหลาดอายุหนึ่งพันปีอย่างเขาในการที่จะทำให้จิตใจสงบ แต่, สำหรับความแปรปรวนในอารมณ์นั้น…ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่, มันก็คงจะแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะทำในระหว่างการต่อสู้! คำขอนี้มันฝืนธรรมชาติพื้นฐานของมนุษย์!

 

ตอนนี้พอเตรียมการเสร็จสิ้น, ความสำเร็จของพวกเขาก็คงจะขึ้นอยู่กับการตอบสนองของพวกเขาทั้งหมด

 

“เอาหล่ะ, เข้าไปข้างในกันเถอะ”

 

พวกเขาทั้งสามเดินหน้าต่อ

 

ขณะที่พวกเขาเดินผ่านห้องรักษาความปลอดภัย, เส้นทางที่ยาวและคดเคี้ยวก็ปรากฏขึ้น มีรูปปั้นอันงดงามทั้งสองฝั่งของทางเดิน, และพื้นก็ถูกทำด้วยหยกดำทั้งหมด มันเป็นภาพที่รู้สึกยิ่งใหญ่

 

“พระราชวังใต้ดินมันควรจะให้ความรู้สึกแบบนี้สิ” ลิงค์พูดด้วยรอยยิ้ม

 

“นี่เป็นแค่การเริ่มต้นเท่านั้น” แวนซ์พูดด้วยความภาคภูมิใจ

 

ขณะที่พวกเขาเดินไปตามทางเดิน, พวกเขาก็รู้สึกได้ว่าพวกเขากำลังเดินไปตามทางลาดชันเล็กน้อยซึ่งพาพวกเขาไปยังระดับพื้นที่สูงขึ้น หลังจากที่วนไปได้สองรอบ, ประตูทองแดงขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้าของพวกเขา ประตูนี้มีความสูงอย่างน้อย 30 ฟุตและความกว้าง 24 ฟุต ฉากอันรุ่งโรจน์ที่เทพแห่งแสงได้สร้างโลกขึ้นมานั้นได้จารึกเอาไว้ที่สองฝั่งของประตู, ทำให้ประตูมีประวัติศาสตร์อันเข้มข้นและความรู้สึกยิ่งใหญ่

 

เซลีนรู้สึกตื่นตาตื่นใจกับภาพนี้, ขณะที่เธอจ้องไปที่แวนซ์อีกครั้ง “ฉันไม่คิดเลยนะว่าคุณจะมีรสนิยมที่ดีขนาดนี้”

 

ลิงค์เห็นด้วย

 

แวนซ์รู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก

 

ประตูถูกแง้มเอาไว้, แล้วพวกเขาก็เดินผ่านมันโดยไม่มีสิ่งกีดขวางอะไร ด้านหลังประตู, มีห้องโถงที่กว้างขวางมากๆ, มันมีความกว้างกว่า 2,000 ฟุต พื้นถูกสลักด้วยออบซิเดียน, และเพื่อที่จะรักษาความมั่นคงของห้องโถง, เสา 20 ต้นที่แต่ละต้นมีความกว้างเท่ากับผู้ใหญ่สองคนจึงถูกสร้างเอาไว้ ในทำนองเดียวกันนั้นเอง, รูปปั้นหินก็ถูกสลักเอาไว้ตามเสาแต่ละต้นเพื่อความงดงาม

 

พวกเขาทั้งสามเดินหน้าต่อไป, โดยใช้เสาเป็นที่กำบัง หลังจากที่เดินไปได้ประมาณ 60 ฟุต, พวกเขาก็ได้ยินเสียงดังขึ้นข้างหน้าพวกเขา

 

“เจ้านาย, โอเคไหมครับ?”

 

จากเสียง, มันสามารถบอกได้อย่างง่ายดายว่าเป็นนักดาบเวทย์มนตร์โดเรียน

 

แต่เขาเป็นเจ้าของพระราชวังใต้ดินไม่ใช่หรอ? จะมีอีกคนนึงได้ยังไงกัน? ใครกันแน่ที่เป็นเจ้าของ พวกเขาทั้งสามสับสน

 

ในตอนนั้นเอง, เสียงอันแจ่มใสก็ดังขึ้น

 

“ตัวหล่อลืนรอยต่อของรูนเวทย์มนตร์อยู่ในระดับ 89%, อยู่ภายใต้การคาดการณ์, หมายเลขสอง, เริ่มต้นใหม่!”

 

“ครับ, เจ้านาย” เสียงของดอเรียนดังขึ้นอีกครั้งขณะที่มีเสียงแปรงตามมา

 

ขณะที่พวกเขาฟังบทสนทนา, ความไม่เชื่อก็ปกคลุมใบหน้าของพวกเขา พวกเขาเข้าใจผิดมาโดยตลอด โดเรียนไม่เคยเป็นเจ้าของสถานที่แห่งนี้ เจ้าของพระราชวังที่แท้จริงนั้นก็คือหุ่นเชิดเวทย์มนตร์, ขณะที่โดเรียนเป็นแค่ข้ารับใช้เท่านั้น จู่ๆเรื่องทั้งหมดก็มีเหตุผลขึ้นมา โดเรียนเผชิญหน้ากับนักเวทย์เลเวล 7 โดยที่ไม่มีความหวาดกลัวได้ยังไง, แล้วทำไมเขาถึงขี้เหนียวขนาดนั้นและยอมอาศัยอยู่ในพระราชวังแห่งนี้แม้ว่าเขาจะเป็นนักดาบเวทย์มนตร์ที่แข็งแกร่งก็ตาม?

 

เหตุที่ทำให้เขาไม่ยอมไปจากที่นี่ไม่ใช่ความมั่งคั่ง, แต่เพราะเขาเป็นหุ่นเชิดเวทย์มนตร์!

 

จากนั้นลิงค์ก็มองไปที่แวนซ์ “นานะเป็นผลงานของคุณ ทำไมเธอถึงไม่เชื่อฟังคุณหล่ะ?”

 

แวนซ์ผายมือออกมาอย่างจนปัญญา “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน สี่ร้อยปีก่อน, นานะเป็นแค่หุ่นเชิดเวทย์มนตร์ที่ข้าสร้าง ข้าจะรู้ได้ยังไงว่าเรื่องมันจะกลายมาเป็นแบบนี้?”

 

“ถ้างั้น, คุณยังสามารถมอบคำสั่งให้เธอได้ไหม?” ลิงค์ถาม

 

เซลีนเองก็มองแวนซ์อย่างคาดหวัง ตราบใดที่เธอมีโอกาสในการหลีกเลี่ยงการต่อสู้กับหุ่นเชิดเวทย์มนตร์ตัวนี้, เธอก็จะรับมัน

 

แวนซ์พูดอย่างเศร้าสลด “ข้าเกรงว่าไมนะ ข้าดูไม่เหมือนกับข้าเมื่อ 400 ปีก่อนเลย นอกจากนี้, ก่อนที่ข้าจะถูกขัง, ข้าก็ได้เซตนานะเอาไว้ให้อยู่ในสภาพนอนหลับ ตอนนี้ที่เธอตื่นขึ้น, ข้าเกรงว่าต้องมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นแน่ๆ”

 

สี่ร้อยปีเป็นเวลาที่ยาวนาน มันเป็นความจริงที่สิ่งต่างๆมากมายสามารถเปลี่ยนไปได้

 

ลิงค์สูดหายใจเข้าลึกๆก่อนที่จะพูดออกมา “ถ้างั้นผมเดาว่าคงไม่มีวิธีอื่นอีกแล้วสินะ มาจัดการกันเถอะ ผมจะเริ่มการซุ่มโจมตีในขณะที่เซลีนช่วยผมป้องกันการโจมตีที่ไม่คาดคิด”

 

“เข้าใจแล้ว” เซลีนยืนขึ้นเบื้องหน้าลิงค์ในขณะที่เธอพูดด้วยความมุ่งมั่น

 

จากนั้นลิงค์ก็เริ่มรวบรวมมานาของเขา เขากำลังจะร่ายเวทย์หัตถ์ไททันเลเวล 6

 

ลิงค์สามารถร่ายเวทย์นี้ได้ในเวลา 0.5 วินาที ซึ่งนี่ก็นับว่าเร็วมากๆแล้ว อย่างไรก็ตาม, ในตอนที่เขาเริ่มรวบรวมมานา, ความผันผวนของเวทย์มนตร์ก็เจาะทะลุเวทย์ปกปิดของพวกเขา จากนั้นเสียงของนานะก็ดังก้องไปทั่วห้องโถง

 

“เตือนภัยผู้บุกรุก! ภัยคุกคามระดับ: 3 ดาว!”

 

จากนั้น, เด็กสาวที่มีหน้าตาอันไร้ที่ติและดวงตากลมโตสดใสก็ปรากฏขึ้น

 

เซลีนระวังนานะอย่างเต็มที่ ในตอนที่เธอเห็นนานะ, เธอก็เปิดใช้เวทย์สายเลือดเลเวล 6, โล่ออบซิเดียน ตามสัญชาติญาณของเธอ เวทย์นี้พิเศษมากๆ, เพราะมันจะไม่แทรกแซงเวทย์ที่ถูกร่ายในเวลาเดียวกัน นอกจากนี้, มันยังสามารถเปิดใช้ได้ทันที หลังจากที่เวทย์นี้ทำงาน, เซลีนก็กระตุ้นเวทย์เอเดลไวซ์สีแดงเข้ม ลิงค์ได้ใส่ความสามารถในการเก็บมานาเอาไว้ในกำไลด้วย เพราะฉะนั้นจึงทำให้เวทย์ถูกร่ายได้ในทันทีตามที่เซลีนต้องการ จากนั้น, ภายในเวลา 0.1 วินาที, โล่ออบซิเดียนเลเวล 6 ก็ปกคลุมสนามพลังสีแดงเข้มเลเวล 5

 

ในตอนที่สองเวทย์นี้ก่อตัวขึ้น, การโจมตีของนานะก็มาถึงแล้ว

 

มีร่างปรากฏขึ้นที่หน้าเวทย์เอเดลไวซ์สีแดงเข้ม เธอวิ่งเข้าใส่สนามพลัง, โดยไม่สนใจคลื่นความร้อนจากสนามพลังเลย แม้ว่าความร้อนดูจะไม่ได้ผลกับเธอ, แต่สนามพลังนี้ก็ดูเหมือนว่าจะลดความเร็วของเธอไปได้อย่างมหาศาล

 

อย่างไรก็ตาม, ความเร็วของเธอก็ยังเกินกว่ามาตรฐานอยู่ดี จากนั้นมีดในมือของเธอก็จ้วงเข้ามาเหมือนกับงูพิษ, เจาะทะลุเวทย์เอเดลไวซ์ก่อนที่จะทะลุการป้องกันชั้นที่สองของเซลีน, โล่ออบซิเดียน มันกำลังจะโดนร่างของเซลีนในเร็วๆนี้

 

นี่ไม่ใช่การโจมตีที่ใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนในเวทย์มนตร์ นานะแค่ใช้กำลังอันเหี้ยมโหดของเธอในการเจาะทะลุเวทย์ป้องกันระดับสูงทั้งสองนี้

 

ลิงค์ตกตะลึง ไหงเธอถึงมีพลังทำลายล้างสูงขนาดนี้เนี่ย!

 

Advent of the Archmage

Advent of the Archmage

Type: Author: , ,
เรื่องย่อ ลิงค์เป็นอาร์จเมจที่เก่งที่สุดในทุกๆเซิร์ฟเวอร์ เขาเพิ่งจะโค้นล้มบอสที่แข็งแกร่งที่สุด,เจ้าแห่งความลึก โนโซม่า ด้วยปาร์ตี้ของเขา อย่างไรก็ตาม,แทนที่เขาจะกลับไปที่เมื่อง เขากลับถูกส่งตัวไปที่พื้นที่ลับด้วยพิกเซลCG มันให้ความรู้สึกเหมือนกับสูญญากาศ และภายในนั้นก็ได้มีเสียงที่ยิ่งใหญ่และมากด้วยอำนาจที่เรียกตัวเองว่าพระเจ้าแห่งแสงสว่างดังขึ้น “ลิงค์ เจ้าเต็มใจที่จะเป็นผู้ช่วยชีวิตที่จะดึงโลกแห่งฟิรูแมนออกจากความปั่นป่วนไหม?” ภารกิจที่ยิ่งใหญ่นี้มันอะไรกัน! ถ้ามันเป็นโลกจริง ลิงค์ คงจะปฏิเสธไปในทันที อย่างไรก็ตามเขาก็มีความแน่วแน่ที่จะเป็นฮีโร่ในเกมส์ “จัดไปเลย!” ลิงค์ ตอบอย่างมั่นใจ “ถ้างั้นก็ขอให้เจ้าโชคดี” และนั่นจะเป็นการเริ่มต้นการเดินทางที่เต็มไปด้วย เวทย์มนตร์,มิตรภาพ,การทรยศ,ความรัก และความสิ้นหวังของ ลิงค์ ในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปของฟิรุแมน Link was the top Archmage in the entire server. He had just defeated the strongest boss, the Lord of The Deep, Nozama with his party. However, instead of going back to town, he was transported to a secret location with pixelated CG. It sort of felt like a vacuum, and within it came a glorious and commanding voice that calls himself the God of Light. “Link, would you be willing to be the saviour who will pull the World of Firuman out from the churning abyss?” What a huge mission! If it was in the real world, Link would have rejected it immediately. However, he was bent on being the hero in game. “Bring it on!” Link answered confidently. “Then, best of luck.” And so began Link’s journey of magic, friendship, betrayal, love and despair in the ever changing World of Firuman.

Recommended Series

Comment

Options

not work with dark mode
Reset