Advent of the Archmage – ตอนที่ 204: หุ่นเชิดเวทย์มนตร์อันไร้เทียมทาน ส่วนที่ 4

พระราชวังใต้ดิน

 

น้ำเสียงสดใสดังไปทั่วพระราชวังใต้ดิน “ภารกิจเสร็จสิ้น ภัยคุกคามถูกกำจัด”

 

ดาบเรียวยาวของนานะแทงทะลุหน้าอกของลิงค์ในขณะที่เลือดสดๆไหลทะลักออกมาจากบาดแผลที่เกิดจากดาบสีน้ำเงินอ่อน ลิงค์จับดาบของนานะเอาไว้ในมือของเขาขณะที่เขายิ้มออกมาอย่างอ่อนแรง

 

“หึ, ช้าไปหน่อยนะ”

 

จังหวะต่อมา, ลิงค์ก็กลายเป็นภาพลางๆด้วยกันกับเซลีน, ที่ยังอยู่กลางอากาศ, และกระโหลกกับร่างไร้หัวของแวนซ์, ที่อยู่ในระหว่างการร่ายเวทย์ ในช่วงจังหวะสุดท้าย, ลิงค์ได้ใช้ปฏิกิริยาตอบสนองอันรวดเร็วของเขาเพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีเผด็จศึกของนานะและได้เปิดใช้เวทย์มิติของเขาเพื่อหลบหนีโดยไม่ลังเล

 

หุ่นเชิดเวทย์มนตร์ตัวนี้น่ากลัวเกินไป มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะเธอแม้ว่าพวกเขาทั้งสามคนจะรวมพลังกันก็ตาม พวกเขาทำได้แค่หนีแล้วค่อยกลับมาอีกทีหลังจากที่คิดแผนให้ละเอียดกว่านี้

 

หลังจากเสียงอันแผ่วเบา, พวกเขาทั้งสามก็หายไปจากพระราชวังใต้ดิน นานะรู้สึกประหลาดใจกับเหตุการณ์นี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่แปลกประหลาดเช่นนี้ตั้งแต่ตอนที่เธอถูกสร้างขึ้นมา เธอยืนนิ่งอย่างไร้อารมณ์อยู่พักนึงก่อนที่จะพูดด้วยน้ำเสียงสดใส “ยืนยัน, ภัยคุกคามยังไม่ถูกกำจัด เป้าหมายถูกกำหนดแล้ว เริ่มการไล่ล่า”

 

เสียงระเบิดอากาศดังจนสามารถได้ยินได้, และในจังหวะต่อมา, เธอก็หายไปจากตำแหน่งของเธอแล้วปรากฏตัวขึ้นที่ทางเข้าห้องโถง เสียงระเบิดอากาศดังก้องไปทั่วพระราชวังอีกครั้งนึงแล้วนานะก็เริ่มต้นการไล่ล่าของเธอ

 

บนหน้าผาที่อยู่ด้านนอกพระราชวังใต้ดิน, ลิงค์, เซลีน, แล้วก็แวนซ์ได้ปรากฎตัวออกมา

 

นี่เป็นประสบการณ์ครั้งที่สองของเซลีนที่ได้สัมผัสกับเวทย์ข้ามมิติ ดังนั้นเธอจึงสามารถรวบรวบสติของเธอได้เร็วพอ อย่างไรก็ตาม, แวนซ์ยังมึนงงอยู่บ้างในขณะที่กะโหลกของเขากำลังกลิ้งกับพื้น ถ้าไม่ใช่เพราะปฏิกิริยาตอบสนองอันรวดเร็วของลิงค์, กะโหลกของเขาก็อาจจะตกหน้าผาไปแล้ว

 

พอหยิบกะโหลกของเขาขึ้นมาแล้ววางมันบนร่างกายของเขา, แวนซ์ก็ขยับกระดูกอายุพันปีของเขาจนเกิดเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดแล้วในที่สุดเขาก็กลับมาเป็นปกติ

 

เขาถามในทันที “นั่นเป็นเวทย์ระดับตำนานหรอ?”

 

“ทำนองนั้น” ลิงค์พยักหน้า

 

แวนซ์อ้าปากค้างแล้วพูดอย่างไม่เชื่อ “ข้าได้ยินมาว่าเจ้าเป็นผู้ถูกเลือก ดูเหมือนว่ามันจะไม่ใช่เรื่องโกหกนะ”

 

ลิงค์ยิ้มอย่างขมขื่นแล้วพูดออกมา “ตอนนี้อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องนี้เลย ผมรู้สึกว่าพวกเรายังไม่พ้นจากอันตราย”

 

ขณะที่เขาพูด, เขาก็กุมบาดแผลของเขาเอาไว้ด้วยมือของเขาแล้วเริ่มรวบรวมธาตุน้ำเพื่อปิดปากแผลของเขาด้วยน้ำแข็ง แม้ว่าบาดแผลจะไม่ได้ทำความเสียหายกับอวัยวะภายในของเขา, แต่มันก็ทะลุไปจนถึงเส้นเลือดและสร้างความเจ็บปวดอย่างมาก

 

หลังจากปิดแผลสำเร็จ, ลิงค์ก็ร่ายเวทย์ธาตุแห่งการรักษาใส่ตัวเองก่อนที่จะดื่มยาฟื้นพลังระดับสูงตามไป แล้วในที่สุดเขาก็รู้สึกพอใจกับกระบวนการฟื้นฟูของเขา ในตอนนี้เขาแค่ต้องไปหานักบวชเมื่อเขากลับไปที่ป่าเกอร์เวนท์เพื่อฟื้นสภาพร่างกายของเขาให้สมบูรณ์

 

ในตอนที่เขารู้สึกปลอดภัย, เซลีนก็ชี้ไปที่พื้นที่ที่อยู่ใต้หน้าผาในทันทีแล้วกรีดร้อง “ดูนั่น, นั่นมันหุ่นเชิดเวทย์มนตร์!”

 

“ฉันเห็นแล้ว!” ลิงค์แทบจะพูดไม่ออกแล้วยืนขึ้น “ตอนนี้พวกเรายังเอาชนะเธอไม่ได้, รีบไปกันเถอะ!”

 

ลิงค์จะไม่ประเมินค่าความสามารถของตัวเองสูงเกินไปอีกครั้ง แวนซ์กับเซลีนเองก็รู้สึกหวาดกลัวพอๆกันกับขอบเขตพลังของนานะ และแน่นอนว่าพวกเขาไม่มีความมั่นใจว่าจะชนะในการต่อสู้อีกครั้งนึง ดังนั้นพวกเขาจึงเห็นด้วยกับลิงค์ในทันทีสำหรับเรื่องหนี อย่างไรก็ตาม, หุ่นเชิดเวทย์มนตร์นั้นเคลื่อนที่เร็วเกินไป มันเป็นไปไม่ได้ที่จะวิ่งเร็วกว่าเธอเมื่ออยู่บนพื้น ดังนั้นลิงค์จึงถามแวนซ์ “เธอบินไม่ได้ใช่ไหม?”

 

แวนซ์ยิ้มอย่างขมขื่นแล้วพูด “ก็อาจจะไม่นะ ข้าไม่ได้ใส่ความสามารถนั้นให้เธอ แต่ใครจะรู้หล่ะ?”

 

“ถ้างั้นก็บินกันเถอะ”

 

เวทย์บินเป็นสิ่งที่ลิงค์มีในคลังแสงของเขา เขาอัญเชิญอินทรีวายุออกมา

 

อินทรีวายุ

เวทย์ทั่วไป เลเวล 5

มานาที่ใช้: 100 แต้มสำหรับการอัญเชิญ, 10 แต้มต่อวินาทีหลังจากนั้น

ผล: นี่เป็นเวทย์บินที่มีความเร็วสูงมากๆ

 

เดิมทีลิงค์เรียนเวทย์นี้ก็เพื่อที่จะเดินทางให้ไวขึ้นในขณะที่เขากำลังรีบไปจากตำแหน่งนึงไปอีกตำแหน่งนึง สามวินาทีต่อมา, อินทรีธาตุลมบริสุทธิ์ขนาดยักษ์ก็ปรากฏตัวเบื้องหน้าพวกเขา

 

“ขึ้นมา” ลิงค์ขี่นกอินทรี พอเห็นว่าเซลีนกำลังจะบินด้วยปีกของตัวเอง, เขาก็พูด “เซลีน, เก็บแรงของเธอเอาไว้”

 

“ก็ได้” จากนั้นเซลีนก็ล่อนลงบนหลังของนกอินทรีอย่างนุ่มนวล คนที่ขึ้นนกอินทรีคนสุดท้ายก็คือแวนซ์

 

นกอินทรีส่งเสียงร้องแล้วสยายปีกของมันอย่างสง่าผ่าเผย จากนั้นมันก็กระโดดเข้าไปกลางอากาศแล้วบินไปทางทะเลในทันที

 

นี่ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุดของลิงค์ แม้ว่าอินทรีวายุจะรวดเร็วและสามารถเดินทางในระยะกว่า 1,000 ไมล์ได้ในระยะเวลาหนึ่งชั่วโมง, แต่ลิงค์ก็ยังไม่มั่นใจว่าพวกเขาจะสามารถหนีหุ่นเชิดเวทย์มนตร์ที่มีความเร็วสูงสุดที่ 2,000 ฟุตต่อวินาทีพ้นไหม

 

“หวังว่าหุ่นเชิดตัวนั้นจะไม่เร็วเท่านี้ในตอนที่อยู่ในน้ำนะ” ลิงค์ยิ้ม พอคิดว่ามืออาชีพเลเวล 6 สองคนและเลเวล 7 หนึ่งคนพ่ายแพ้ให้กับสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นยับเยินขนาดนี้—มันก็ค่อนข้างจะรู้สึกน่าอายจริงๆ

 

หลังจากบินไปได้แค่ไม่กี่วินาที่, แวนซ์ก็เตือน “ลิงค์, เร็วกว่านี้อีก! เธอกำลังไล่พวกเรามาทันแล้วนะ!”

 

ลิงค์ยังคงพยายามเร่งความเร็วนกอินทรียักษ์อยู่ในตอนที่เขาตกใจกับคำพูดของแวนซ์ เขาเหลียวหลังไปดูแล้วเห็นว่านานะอยู่บนหน้าผาแล้ว จากนั้นเธอก็กระโดดออกจากหน้าผาอย่างมุ่งมั่นแล้วพุ่งตรงมาที่พวกเขา

 

ด้วยการใช้ความเร็วสูงสุด 2,000 ฟุตต่อวินาทีของเธอ, การกระโดดของเธอจึงแทบจะเหมือนกับกระสุนปืนใหญ่ ระยะห่างระหว่างทั้งสองฝ่ายลดลงอย่างรวดเร็ว

 

อย่างไรก็ตาม, หุ่นเชิดเวทย์มนตร์ไม่สามารถบินได้ มันเห็นได้ชัดว่าเธอกำลังเดินทางเป็นเส้นพาราโบล่า จากนั้นลิงค์ก็สั่งให้อินทรีวายุหักเลี้ยวอย่างกระทันหัน ภายในเวลาหนึ่งวินาที, หุ่นเชิดสาวใบหน้างดงามตัวนี้ก็มาถึงระยะที่ใกล้พอที่จะปล่อยการโจมตี อย่างไรก็ตาม, ด้วยความที่เธอเลี้ยวกลางอากาศไม่ได้, เธอจึงพลาดโอกาสไป

 

พวกเขาทั้งสามที่อยู่บนหลังนกอินทรีถอนหายใจด้วยความโล่งอก หุ่นเชิดตัวนี้มีความเร็วและตัวตนที่ยากจะต่อต้าน แม้กระทั่งลิงค์ก็รู้สึกกดดันในตอนที่ต่อสู้กับมัน

 

อย่างไรก็ตาม, มีเรื่องแปลกๆเกิดขึ้น

 

หุ่นเชิดเวทย์มนตร์โยนอะไรบางอย่างกลางอากาศ ลิงค์สังเกตุดูกระบวนการทั้งหมดอย่างระมัดระวังแล้วตระหนักได้ว่ามันคือหินก้อนใหญ่ ขณะที่หินลอยอยู่กลางอากาศ, ร่างของหุ่นเชิดก็หักเลี้ยวกลางอากาศ! จากนั้นเธอก็พุ่งมาหานกอินทรีด้วยความเร็วสูงสุดของเธอ!

 

นี่มันเหี้xอะไรเนี่ย? เธอกำลังใช้หลักโมเมนตัมกับฟิสิกส์ใช่ไหม? หุ่นเชิดตัวนี้มันบ้าชัดๆ! ลิงค์คิด

 

โมเมนตัมเป็นหนึ่งในสามกฏพื้นฐานของกฎทรงพลังงาน*บนโลก จรวดใช้ทฤษฎีเหล่านี้เพื่อที่จะบินในสูญญากาศ ซึ่งกฏพวกนี้ก็ถูกนำมาใช้ในโลกแห่งฟิรุแมนเช่นกัน ในตอนที่นานาโยนหินไปยังทิศทางตรงข้ามของสถานที่ที่เธอต้องการจะไปนั้น, มันก็เปรียบเสมือนกับการที่ไอพ่นเจ็ทถูกเปิดใช้ แน่นอนว่า, ร่างกายของเธอจะหันไปยังทิศทางตรงข้ามกับที่เธอโยนหิน

 

นี่เป็นเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด ขณะที่นานะเข้าใกล้พวกเขาทั้งสาม, ลิงค์ก็ทำอะไรไม่ถูก พวกเขากำลังจะประสานงากัน

 

ทุกคนต่างก็พูดไม่ออก ไหงหุ่นเชิดตัวนี้ถึงโหดเหี้ยมขนาดนี้!

 

ลิงค์เป็นคนแรกที่ตอบสนอง เขายกเลิกอินทรีวายุในทันทีแล้วคว้าเอวเซลีนเอาไว้ จากนั้นเขาก็ยกคทาของเขาขึ้นแล้วร่ายเวทย์สนามพลังต้านทานเวกเตอร์ใส่นานะ

 

สนามพลังต้านทานเวกเตอร์นั้นเป็นเวทย์เลเวล 1 มันเป็นเวทย์มนตร์ระดับต่ำและไม่ได้แข็งแกร่งเลย อย่างไรก็ตาม, เวทย์มนตร์ทุกบทล้วนมีข้อดีของมัน, ไม่ว่ามันจะดูไร้ประโยชน์แค่ไหนก็ตาม ซึ่งเวทย์สนามพลังต้านทานเวกเตอร์นี้ก็ใกล้เคียงกับคำว่าเหมาะสมสำหรับสถานการณ์นี้

 

บรรยากาศเบลอไปครู่นึงในขณะที่สนามพลังชนเข้าใส่นานะจากด้านข้าง

 

นานะมีความเร็วสูงมากเมื่ออยู่บนพื้น อย่างไรก็ตาม, เธอพึ่งจะใช้หินในมือของเธอไปและอยู่กลางอากาศที่ไม่มีแรงเสียดทานให้เธอใช้ประโยชน์ ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถหลบเวทย์นี้ได้และโดนพลังกระแทกอย่างเต็มที่

 

จากนั้นหุ่นเชิดก็เอียงไปด้านข้างเล็กน้อยในขณะที่ลิงค์ใช้แรงต้านของการกระแทกร่อนผ่านนานะไป

 

จากนั้นพวกเขาทั้งสองฝ่ายก็สวนกันกลางอากาศในขณะที่ระยะห่างระหว่างพวกเขากว้างขึ้นอีกครั้ง

 

นานะหมดทางเลือกแล้วในครั้งนี้เพราะเธอกำลังจะตกลงไปในทะเลอย่างหมดหนทาง จากนั้นลิงค์ก็อัญเชิญอินทรีวายุออกมาอีกครั้งในขณะที่อยู่กลางอากาศก่อนที่จะสั่งให้มันไปรับแวนซ์, ที่ตอนนี้กำลังลอยอย่างเอ้อระเหยด้วยเวทย์ลอย

 

ด้วยเสียงซู่วและเสียงคลื่นกระแทกกัน, นานะก็ตกลงไปในทะเล พวกเขาทั้งสามเฝ้ามองจากหลังนกอินทรีด้วยความหวาดกลัว

 

“เธอจะยังไล่ตามพวกเรามาอีกไหม?” เซลีนถาม, ทั้งๆที่ยังรู้สึกตกใจกับการเผชิญหน้าก่อนหน้านี้

 

“ข้าก็ไม่รู้ แต่ว่า, เมื่อก่อนข้าได้ตั้งค่าให้เธออยู่ในโหมดไล่ล่าไร้สิ้นสุดเอาไว้นะ” แวนซ์รู้สึกสับสนอย่างสมบูรณ์ สีร้อยปีก่อน, เขาแค่รู้สึกไม่ไว้ใจพลังของนานะเพียงเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม, เขาก็ไม่สามารถทนทำลายผลผลิตนี้ที่เขาใช้เวลาในการสร้างนานขนาดนี้ได้เช่นกัน ดังนั้นเขาจึงออกคำสั่งให้นานะเข้าสู่สภาพหลับลึก แต่เขาก็หารู้ไม่ว่า 400 ปีต่อมา, ไม่ใช่แค่เธอจะตื่นขึ้นมาเท่านั้น, แต่เธอยังพัฒนาจนถึงจุดที่เขาไม่สามารถแม้แต่จะตอบโต้ในการต่อสู้โดยตรงได้ด้วย

 

แวนซ์รู้สึกว่าตัวเองโง่มากที่สร้างหุ่นเชิดเวทย์มนตร์ที่เขาไม่สามารถควบคุมได้ขึ้นมา

 

ลิงค์มองไปที่พื้นทะเลแล้วสังเกตุระลอกคลื่นบนผิวน้ำอย่างระมัดระวัง จากนั้นเขาก็ถอนหายใจแล้วพูดออกมา “โหมดไล่ล่าไร้สิ้นสุดยังทำงานอยู่ เธอยังคงวิ่งอยู่ในขณะที่อยู่ใต้น้ำ แวนซ์, ดูเหมือนว่าพวกเราจะถูกทำเครื่องหมายเอาไว้ เธอถึงสามารถระบุตำแหน่งของพวกเราได้ไม่ว่าพวกเราจะไปที่ไหนก็ตาม คุณรู้ไหมว่ามันเป็นเครื่องหมายแบบไหน?”

 

“รู้สิ, แต่การลบมันนั้นเป็นไปไม่ได้หรอกนะ” แวนซ์ยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน

 

“ทำไมคุณถึงพูดแบบนั้นหล่ะ?”

 

“เครื่องหมายมันอยู่ที่เจ้า ในตอนที่นานาแทงดาบของเธอทะลุร่างกายของเจ้า, อนุภาคโลหะบนดาบของเธอก็เข้าไปในกระแสเลือดของเจ้า อนุภาคพวกนี้มีขนาดเล็กมากๆ วิธีเดียวที่จะทำลายมันได้ก็คือการสูบเลือดทั้งหมดของเจ้า”

 

สูบเลือดหรอ? นี่ไม่ใช่โลกที่สามารถถ่ายเลือดได้เมื่อไหร่ก็ตามที่ต้องการ ซึ่งนี่ก็หมายความว่าในตอนนี้พวกเขามีทางเลือกแค่สองทาง ทางแรกคือหนีไปตลอดชีวิตของพวกเขาจนกว่าหุ่นเชิดจะทำงานผิดปกติ และทางที่สองก็คือทำลายหุ่นเชิด

 

ในส่วนของการหนีจากการไล่ล่าของเธอนั้น, มันคงจะเป็นไปไม่ได้

 

“ถ้าให้ทั้งสองคนหนีไปก่อนแล้วผมพาเธอเข้าไปในป้อมทหารของนอร์ตันหล่ะ?”  ลิงค์พูด เขาไม่สามารถเอาชนะหุ่นเชิดตัวนี้ด้วยตัวคนเดียวได้ อย่างไรก็ตาม, เขาเชื่อว่าพลังของทั้งกองทัพนั้นเพียงพอที่จะยับยั้งเธอ

 

“มันไม่ได้ผลหรอก” แวนซ์ยิ้มอย่างขมขื่น

 

“ทำไมหล่ะ?” ลิงค์สับสน

 

“เธอไม่ใช่แค่หุ่นเชิดไร้เดียงสานะ เธอฉลาดมากและสามารถระบุถึงอันตรายได้ เธอจะไม่มีวันเข้าไปในป้อมปราการตัวคนเดียวหรอก เว้นเสียแต่ว่าเจ้าจะเตรียมใช้เวลาทั้งชีวิตของเจ้าในค่ายทหารหล่ะนะ, แถมเธอจะต้องหาโอกาสเผชิญหน้ากับเจ้าในการต่อสู้โดยตรงอย่างแน่นอน” แวนซ์เกลียดการที่เขาออกแบบหุ่นเชิดตัวนี้มาดีเกินไป เพราะว่าเขาไม่สามารถหาจุดอ่อนในแบบนี้ได้

 

บางทีอาจจะมีจุดนึงในอดีต อย่างไรก็ตาม, ในช่วง 400 ปีที่เขาจากไปนั้น, จุดอ่อนนี้ก็อาจจะถูกปกปิดด้วยการพัฒนาของเธอแล้วก็ได้

 

“พวกเราจะต้องหนีไปทั้งชีวิตจริงๆหรอ?” เซลีนไม่สามารถทำใจเชื่อได้ว่านี่จะเป็นวิธีตายของเธอ

 

แวนซ์ตกอยู่ในความเงียบแล้วมองไปที่ลิงค์, ลิงค์รู้ดีว่าแวนซ์กำลังคิดอะไรอยู่

 

“คุณอยากให้ผมใช้เวทย์เลเวล 9 จัดการกับเธอหรอ?”

 

แน่นอนว่ามันเป็นไปได้ที่จะใช้เวทย์เลเวล 9 ทำลายหุ่นเชิด อย่างไรก็ตาม, มันสิ้นเปลืองและสูญเปล่ามากในการเสียเวทย์เลเวล 9 ไปกับสิ่งประดิษฐ์ตัวหนึ่ง

 

“ข้าไม่คิดว่าจะมีทางเลือกอื่นแล้วนะ” แวนซ์ถอนหายใจ

 

“เดี๋ยว, ขอผมคิดก่อน” ลิงค์เริ่มนึกถึงฉากต่อสู้โดยละเอียด, โดยหวังว่าจะพบจุดอ่อนที่เขาสามารถใช้ประโยชน์ได้

 

พอใช้ความทรงจำเสมือนจริงของเขา, การเคลื่อนไหวของนานะก็เล่นย้อนในหัวของเขาเหมือนกับฉากหนัง หลังจากผ่านไปประมาณครึ่งนาที, ลิงค์ก็ลืมตาขึ้น

 

“นึกออกแล้ว!”

 

………………………………………………………………..

Advent of the Archmage

Advent of the Archmage

Type: Author: , ,
เรื่องย่อ ลิงค์เป็นอาร์จเมจที่เก่งที่สุดในทุกๆเซิร์ฟเวอร์ เขาเพิ่งจะโค้นล้มบอสที่แข็งแกร่งที่สุด,เจ้าแห่งความลึก โนโซม่า ด้วยปาร์ตี้ของเขา อย่างไรก็ตาม,แทนที่เขาจะกลับไปที่เมื่อง เขากลับถูกส่งตัวไปที่พื้นที่ลับด้วยพิกเซลCG มันให้ความรู้สึกเหมือนกับสูญญากาศ และภายในนั้นก็ได้มีเสียงที่ยิ่งใหญ่และมากด้วยอำนาจที่เรียกตัวเองว่าพระเจ้าแห่งแสงสว่างดังขึ้น “ลิงค์ เจ้าเต็มใจที่จะเป็นผู้ช่วยชีวิตที่จะดึงโลกแห่งฟิรูแมนออกจากความปั่นป่วนไหม?” ภารกิจที่ยิ่งใหญ่นี้มันอะไรกัน! ถ้ามันเป็นโลกจริง ลิงค์ คงจะปฏิเสธไปในทันที อย่างไรก็ตามเขาก็มีความแน่วแน่ที่จะเป็นฮีโร่ในเกมส์ “จัดไปเลย!” ลิงค์ ตอบอย่างมั่นใจ “ถ้างั้นก็ขอให้เจ้าโชคดี” และนั่นจะเป็นการเริ่มต้นการเดินทางที่เต็มไปด้วย เวทย์มนตร์,มิตรภาพ,การทรยศ,ความรัก และความสิ้นหวังของ ลิงค์ ในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปของฟิรุแมน Link was the top Archmage in the entire server. He had just defeated the strongest boss, the Lord of The Deep, Nozama with his party. However, instead of going back to town, he was transported to a secret location with pixelated CG. It sort of felt like a vacuum, and within it came a glorious and commanding voice that calls himself the God of Light. “Link, would you be willing to be the saviour who will pull the World of Firuman out from the churning abyss?” What a huge mission! If it was in the real world, Link would have rejected it immediately. However, he was bent on being the hero in game. “Bring it on!” Link answered confidently. “Then, best of luck.” And so began Link’s journey of magic, friendship, betrayal, love and despair in the ever changing World of Firuman.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset