Advent of the Archmage – ตอนที่ 211: เรื่องบางอย่างเกี่ยวกับการพัฒนาที่ดิน

ในตอนที่เขากลับมาถึงที่ดินของเขา ลิงค์ก็ได้รับการต้อนรับโดยบุคคลคุ้นเคย 2 คนที่มาจากสถาบันเวทมนตร์อีสโควฟ คนแรกก็คือเพื่อนรักของเขาเอเลียร์ดที่ไม่ได้เจอกันมาซักพักนึงแล้ว ส่วนอีกคนก็คือไรไลเด็กสาวแสนน่ารักที่เป็นลูกศิษย์ของเขา

 

 

เอเลียร์ดกำลังจะเดินเข้าไปหาลิงค์ในตอนที่เขาเห็นเขา แต่ว่าเขาก็ต้องหยุดด้วยความตกใจเมื่อได้เห็นเสือยักษ์ ดอเรียสทำหน้าบึ้งในตอนที่เขาสังเกตุเห็นปฏิกิริยานี้

 

“ช่างขี้ขลาดอะไรอย่างนี้” เขาพูดเย้ยหยัน

 

พอลิงค์กระโดดลงจากหลังของเขา ดอเรียสก็ลุกขึ้นยืนและเชิดหัวขึ้นด้วยความภาคภูมิใจ แล้วเดินเก๊กท่าไปยังคอกของเขา

 

วันนี้มีคนแปลกหน้ามากมาย ดังนั้นเขาต้องทำให้ดีที่สุดเพื่อสร้างความประทับใจให้แก่พวกเขา!

 

 

ในขณะเดียวกัน ลิงค์ก็เดินมาหาเอเลียร์ดด้วยรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าของเขา

 

“ครั้งนี้นายหาเวลามาหาฉันได้ยังไงกันเนี่ย?” ลิงค์ถาม พร้อมกับตบหลังของเอเลียร์ด

 

 

เอเลียร์ดนั้นได้รับแรงกระตุ้นอย่างมากและกลับไปเรียนเวทมนตร์ต่อในตอนที่เขาได้ยินว่าลิงค์โค้นล้มปีศาจทราวิสลงได้ด้วยเวทมนตร์เลเวล 9 พอเขากลับมาที่สถาบัน เอเลียร์ดก็เริ่มที่จะหมกมุ่นกับการเรียนเพียงอย่างเดียวเหมือนกับที่ลิงค์เคยทำในอดีต

 

 

เอเลียร์ดหัวเราะเป็นการตอบกลับแล้วชี้ไปที่หุ่นเชิดเวทมนตร์ยักษ์ที่อยู่ข้างๆเขาและดึงไรไลเข้ามา

 

 

“ฉันได้ยินมาว่านายใช้เงินไป 15,000 เหรียญทองเพื่อสั่งซื้อเจ้ายักษ์นี่จากสถาบัน” เอเลียร์ดพูด “ดังนั้นฉันก็เลยมาที่นี่เพื่อดูว่านายได้ใช้เงินของนายอย่างคุ้มค่าหรือไม่ แถม ไรไลบอกว่าอยากจะมาพบอาจารย์ของเธอด้วย ดังนั้นฉันก็เลยพาเธอมาด้วย”

 

 

ไรไลก้าวมาข้างหน้าแล้วโค้งคำนับลิงค์ด้วยความเคารพ

 

ลิงค์รู้สึกตัวว่าเขาได้ปล่อยให้ลูกศิษย์ของเขาเรียนด้วยตัวเองและฝากเธอเอาไว้กับเอร์เรร่ามาโดยตลอดในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ เขารู้สึกผิดที่เขาละเลยเธอขึ้นมาในทันที

 

“เธอสนใจมาอยู่ที่นี่ซักเดือนสองเดือนไหม?” ลิงค์ให้ข้อเสนอกับไรไลพร้อมกับลูบหัวของเธอเบาๆ “ตอนนี้ฉันกำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนาที่ดินของฉัน ดังนั้นฉันคิดว่ามันน่าจะมีอะไรให้เธอได้ดูและเรียนรู้เยอะเลยนะ”

 

 

“ค่ะ อาจารย์” ไรไลตอบ เธอกังวลว่าการมาเยี่ยมของเธอจะเป็นการรบกวนของอาจารย์ของเธอ แต่ตอนนี้หลังจากที่เธอได้ยินจากปากของเขาว่าการมาของเธอนั้นได้รับการต้อนรับ ความกังวลทั้งหมดก็หายไปจากใจของเธอแล้วรอยยิ้มก็ผุดขึ้นมาบนหน้าของเธอ

 

“ตอนนี้เธอจะไปเดินสำรวจสถานที่ก็ได้นะ” ลิงค์พูดพร้อมกับตบไหล่ของเด็กสาวเบาๆ จากนั้นไรไลก็เริ่มที่จะเดินไปรอบๆค่ายในเทือกเขามอดไหม้

 

 

ที่นี่มีสิ่งที่น่าสนใจเยอะแยะไปหมดเลย! ไรไลคิดด้วยความตื่นเต้น อย่างเช่น, แมวยักษ์ที่พูดได้ตัวนั้น ช่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าตลกจริงๆ!

 

เอเลียร์ดมองไปรอบๆเทือกเขามอดไหม้แล้วหันกลับมาหาลิงค์

 

 

“ตอนนี้นายได้กลายเป็นลอร์ดปกครองที่ดินแล้วจริงๆสินะ” เขาพูดอย่างเอาจริงเอาจัง “ทั้งๆที่นายก็มีอายุเท่ากับฉัน แต่นายดูโตกว่าฉันเยอะเลย แถมยังมีความสามารถมากกว่าฉันด้วย”

 

 

“นั่นก็แค่ภายนอกเท่านั้นแหล่ะ” ลิงค์ตอบด้วยรอยยิ้ม “พวกมันไม่ได้หมายถึงทุกอย่างหรอก มานี่สิ ไปดูหุ่นเชิดไถดินกันเถอะ”

 

 

จากนั้นพวกเขาทั้งคู่ก็เดินไปหาหุ่นเชิดเวทมนตร์ แล้วลิงค์ก็เดินวนรอบๆมัน, ตรวจสอบรายละเอียดทุกจุดของมันอย่างระมัดระวัง

 

หุ่นเชิดเวทมนตร์นั้นสูงประมาณ 15 ฟุตและมีส่วนบนเหมือนกับมนุษย์ในขณะที่ส่วนล่างของมันเป็นคันไถยักษ์ 2 อัน ทั่วทั้งร่างกายของมันทำขึ้นมาจากดินเหนียวต่อต้านเวทมนตร์ และนั่นก็ทำให้มันดูเหมือนว่าทำมาจากเซรามิค ผิวนอกทั้งหมดของมันนั้นถูกปกคลุมไปด้วยรูนเวทมนตร์ ในขณะที่คริสตัลที่อยู่ตรงกลางหน้าอกของมันก็คือ—แก่นมานาของมัน

 

 

ลิงค์ทำให้มั่นใจว่าเขาได้ตรวจสอบรายละเอียดทุกส่วนของหุ่นเชิดเวทมนตร์ เขาพยักหน้าแล้วขมวดคิ้วเป็นบางครั้งในตอนที่เขากำลังตรวจสอบหุ่นเชิดเวทมนตร์ โดยหลักๆแล้วมันเป็นไปตามที่เขาต้องการ แต่ความงดงามของมันนั้นไม่ได้ละเอียดอ่อนอย่างที่เขาหวังเอาไว้ เพราะนิสัยติดความสมบูรณ์แบบของเขา ลิงค์จึงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่เขาก็รู้ว่าการทำงานของหุ่นเชิดเวทมนตร์ลักษณะนี้ไม่จำเป็นต้องมีความสมบูรณ์ในด้านโครงสร้างของมัน ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะไม่ยกข้อตำหนิเล็กๆของเขาขึ้นมา

 

ในขณะเดียวกัน, นักเวทย์ฝึกหัดที่เป็นคนรับหน้าที่มาส่งหุ่นเชิดเวทมนตร์ตัวนี้ก็กำลังยืนอยู่อย่างกังวล

 

 

“หุ่นเชิดเวทมนตร์ไถดินนั้นสามารถไถลงไปในดินได้ลึกถึง 5 ฟุต” เขาเริ่มอธิบาย “ตราบใดที่มันถูกเติมมานาอย่างสม่ำเสมอ มันก็จะสามารถทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมงโดยที่ไม่มีหยุดพักเลยได้อย่างน้อย 1 ปีครับ”

 

“มันมีประสิทธิภาพแค่ไหน?” ลิงค์ถาม

 

 

“ในกรณีของที่รกร้างเฟิร์ด” เขาตอบ “ถ้าเกิดว่ามันทำงานในพื้นที่ราบ มันจะสามารถไถได้ 100 เอเคอร์ภายในเวลา 24 ชั่วโมง แต่ถ้าเกิดว่ามันทำงานในพื้นที่ลาดชัน มันก็จะสามารถทำงานได้ประมาณ 80 เอเคอร์ใน 1 วันครับ”

 

100 เอเคอร์ใน 24 ชั่วโมง—นั่นก็หมายความว่า 3,000 เอเคอร์ใน 1 เดือน และ 36,000 เอเคอร์ต่อปี ฟังดูดีนี่ แต่มันยังช้าไปนะเพราะที่รกร้างเฟิร์ดมีขนาดกว้างใหญ่มาก

 

ลิงค์ตัดสินใจที่จะรับหุ่นเชิดเวทมนตร์เอาไว้แล้วรอดูผลการทำงานของมัน ถ้าเกิดว่าเขาพอใจกับผลงานของมัน เขาก็จะสั่งมันมาเพิ่มอีก

 

“มันตรงตามที่ผมต้องการเลยหล่ะ” ในที่สุดเขาก็พูดกับนักเวทย์ฝึกหัด “ช่วยส่งคำขอบคุณของผมไปให้มาสเตอร์วิสมัลเลอร์ด้วยนะ เขาได้ช่วยผมแก้ปัญหาอันยิ่งใหญ่”

 

 

ดูจากมานาและท่าทีของเขา ดูเหมือนว่าชายคนนี้จะเป็นนักเวทย์ฝึกหัดระดับกลางและเป็นคนที่ไม่ค่อยโดดเด่นในสถาบัน พอเขาได้ยินคำตอบของลิงค์ นักเวทย์ฝึกหัดก็โค้งทำความเคารพแบบนักเวทย์ให้กับลิงค์

 

 

“พวกเรารู้สึกยินดีและเป็นเกียรติที่ได้ช่วยเหลือท่านครับ จอมเวทย์ลิงค์” เขาพูด “ในเมื่อท่านพึงพอใจกับหุ่นเชิดเวทมนตร์ตัวนี้ กระผมก็ขอตัวกลับสถาบันก่อนนะครับ”

 

 

“เดี๋ยวก่อน” ลิงค์ตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว “ฉันวางแผนที่จะสร้างหอคอยเวทมนตร์ขนาดใหญ่บนที่ดินของฉัน แล้วฉันก็ได้เตรียมเหรียญทองที่จำเป็นเอาไว้หมดแล้ว ช่วยนำข่าวนี้กลับไปที่สถาบันอีสโควฟด้วยนะ”

 

ถึงแม้ว่าลิซเฒ่าแวนซ์จะแนะนำให้เขาไปขอความช่วยเหลือจากไฮเอลฟ์ในเรื่องการสร้างหอคอยเวทมนตร์ แต่ลิงค์ก็คงจะต้องขอไม่เห็นด้วยกับเขาในเรื่องนี้ ซึ่งนั่นเป็นเพราะแวนซ์นั้นมองตรงเข้าไปที่ปัญหาในมุมมองของนักวิชาการ  ในขณะที่ลิงค์นั้นไม่ได้เป็นแค่นักเวทย์เท่านั้น แต่เขายังเป็นลอร์ดผู้ปกครองที่ดินอีกด้วย

 

ด้วยความที่เขาได้รับการฝึกฝนมาจากสถาบันเวทมนตร์อีสโควฟและได้รับชื่อเสียงมาจากที่นั่น และหนำซ้ำเขายังเป็นผู้ที่ถูกพิจารณาให้เป็นอาจารย์ใหญ่ในอนาคตอีกด้วย  เขาไม่สามารถไปขอให้คนอื่นมาช่วยเขาในตอนที่เขาคิดสร้างหอคอยเวทมนตร์ของตัวเองได้ ถ้าเขาทำแบบนั้น มันก็เหมือนกับว่าเขาได้ตัดสายสัมพันธ์กับสถาบันออกไป

 

ไม่เพียงแค่นั้น ความสัมพันธ์ของเขากับสถาบันอาจจะแย่ลงเพราะเรื่องนี้ด้วย

 

ลิงค์ไม่สามารถสูญเสียพรรคพวกอันแข็งแกร่งอย่างสถาบันเวทมนตร์อีสโควฟไปได้

 

แต่ถ้าให้พูดตรงๆ ไฮเอลฟ์นั้นมีความเข้าใจในเวทมนตร์อย่างลึกซึ้งจริงๆ และความสามารถในการสร้างหอคอยเวทมนตร์ของพวกเขาก็ไร้ที่ติ แล้วลิงค์ควรจะทำเช่นไรหล่ะ?

 

 

ลิงค์คิดว่าหนทางที่ดีที่สุดที่เขาจะทำในเรื่องนี้ก็คือปล่อยให้สถาบันเวทมนตร์อีสโควฟช่วยเขาในการสร้างโครงสร้างหลักของหอคอยเวทมนตร์ยักษ์แต่ให้เหลือหลายๆห้องเอาไว้สำหรับการต่อเติมและอัพเกรดในอนาคต จากนั้นในซักวันหนึ่ง เขาก็จะหาโอกาสในการขอความช่วยเหลือจากไฮเอลฟ์ให้มาปรับแต่งหอคอยเวทมนตร์ของเขา

 

นี่คือสิ่งที่ลอร์ดฉลาดๆมักทำกัน

 

ในขณะเดียวกัน พอพวกเขาได้ยินข่าวที่ว่าลิงค์จะสร้างหอคอยเวทมนตร์ขนาดใหญ่ สายตาของนักเวทย์ฝึกหัดก็เป็นประกายไปด้วยความอิจฉาและความชื่นชมในขณะที่เอเลีร์ยดนั้นแสดงความเคารพอันลึกซึ้งให้กับความสำเร็จของเพื่อนของเขา

 

 

การสร้างหอคอยเวทมนตร์ขนาดใหญ่เป็นของตัวเองนั้นเป็นความฝันอันยิ่งใหญ่ของนักเวทย์ทุกคน!

 

“ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ท่านจอมเวทย์ลิงค์” นักเวทย์ฝึกหัดพูด”ผมจะรีบนำข่าวนี้กลับไปที่สถาบันในทันทีครับ”

 

“ดี” ลิงค์ตอบ “นี่ของตอบแทนของนายนะ” จากนั้นลิงค์ก็ยื่นถุงเหรียญให้กับจอมเวทย์ฝึกหัด

 

นักเวทย์ฝึกหัดรู้ได้ในทันทีที่เขารับถุงเหรียญว่ามันมีเงินอย่างน้อย 20 เหรียญทองอยู่ในนั้น นี่มันมากกว่าที่เขาตรากตรำทำงานในหอคอยเวทมนตร์ตลอดหนึ่งเดือนเสียอีก! เขารู้สึกขอบคุณลิงค์จากก้นบึ้งของหัวใจและรีบกลับไปที่สถาบันอีสโควฟในทันที

 

“บอกกับนักเวทย์คาร์ริโด้ด้วยว่าฉันอยากจะพบกับเขา” ลิงค์สั่งผู้คุ้มกันที่อยู่ข้างๆ

 

 

“รับทราบครับ นายท่าน” ผู้คุ้มกันพูด จากนั้นเขาก็รีบหันหลังกลับและรีบวิ่งไปหานักเวทย์

 

ไม่นานนัก คาร์ริโด้ก็มาถึง

 

“นี่คือหุ่นเชิดเวทมนตร์ไถดิน” ลิงค์บอกกับคาร์ริโด้พร้อมกับชี้ไปทางหุ่นเชิดเวทมนตร์ด้วย “มันสามารถไถลึกลงไปในดินได้ถึง 5 ฟุต และการสั่งการมันก็ง่ายมาก พามันไปยังพื้นที่ราบที่อยู่ด้านใต้ของเทือกเขามอดไหม้แล้วทดสอบประสิทธิภาพของมันซะ”

 

“รับทราบครับ นายท่าน” คาร์ริโด้ตอบ เขาเดินวนรอบหุ่นเชิดเวทมนตร์ก่อนรอบนึงเพื่อที่จะทำความเข้าใจเบื้องต้น เกี่ยวกับการสั่งการหุ่นเชิด จากนั้นเขาก็เปิดใช้งานมันแล้วพามันไปด้วย

 

จากนั้นลิงค์ก็ว่างพอที่จะคุยกับเอเลียร์ด ที่กำลังรอเขาอยู่ข้างๆ

 

“ขอโทษที่ทำให้รอนะ” เขาพูด “เข้าไปข้างในกันเถอะ”

 

“ไม่มีปัญหาหรอกลิงค์” เอเลียร์ดตอบ “นายก็ยุ่งอยู่ตลอดแหล่ะ แม้กระทั่งตอนที่นายอยู่ในสถาบัน ฉันชินกับมันไปแล้ว”

 

จากนั้นพวกเขาก็พูดคุยสัพเพเหระกันพร้อมกับเดินไปยังกระท่อมไม้ ทันใดนั้นเอง เอเลียร์ดก็สังเกตุเห็นผู้หญิงผมดำที่มีบรรยากาศอันน่าดึงดูดเดินออกมาจากกระท่อม

 

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครหรอ?” เขาถามด้วยความตกใจอย่างมาก

 

 

เซลีนอาศัยอยู่ที่นี่โดยแกล้งทำตัวเป็นนักเวทย์ฝึกหัดของลิงค์ แต่ออร่าอันเป็นเอกลักษณ์และลักษณะภายนอกของเธอก็ได้ทำให้เธอนั้นแตกต่างจากคนอื่นๆ ดังนั้นเธอจึงเป็นจุดสังเกตุในทันทีที่เธอปรากฏตัว

 

 

พอสังเกตเห็นว่าเซลีนได้สวมสร้อยคอพรางตัวเอาไว้อยู่ ลิงค์ก็ไม่ต้องกังวลว่าเอเลียร์ดจะสังเกตเห็นอะไรแปลกๆเกี่ยวกับตัวเซลีน

 

“เธอชื่อเซลีน ฟลังดร์” ลิงค์พูดด้วยรอยยิ้ม “เธอเป็น…เพื่อนที่ดีของฉัน แล้วเธอก็อาศัยอยู่ที่นี่เพื่อที่จะเรียนเวทมนตร์กับฉัน”

 

“เพื่อน…ที่ดีของนายงั้นหรอ?” เอเลียร์ดพูดด้วยความสับสน จากนั้นเขาก็สังเกตเห็นความเป็นประกายในดวงตาของลิงค์และนั่นก็ยิ่งทำให้เขาตกใจเข้าไปใหญ่ เขาคิดมาโดยตลอดว่าเพื่อนของเขานั้นไม่สนใจในตัวผู้หญิง แต่ดูเหมือนว่าเขาแค่ยังไม่พบคนที่ใช่เท่านั้นเอง!

 

 

“อ้อออ ฉันเข้าใจแล้ว ลิงค์” เขาตอบพร้อมกับการหัวเราะ เขาไม่พูดถึงเรื่องนี้อีกต่อแล้วกลับไปคุยกับลิงค์เกี่ยวกับเรื่องเวทมนตร์อย่างที่พวกเขาทำกันเป็นประจำ

 

พอพวกเขาเข้าไปในกระท่อม เอเลียร์ดก็นำสมุดโน้ตเวทมนตร์ของเขาออกมาแล้วปรึกษากับลิงค์เกี่ยวกับคำถามและปัญหาที่เขาพบเจอมาในช่วงนี้ ลิงค์ได้ตอบคำถามและแนะนำเขาอย่างชัดเจนเหมือนกับที่เขาทำมาโดยตลอด แล้วเอเลียร์ดก็ได้ประโยชน์มากมายจากการพูดคุยนี้

 

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว และนักเวทย์ทั้งสองก็ค่อยๆเปลี่ยนหัวข้อการสนทนาของพวกเขาอย่างช้าๆจากเรื่องเวทมนตร์ไปเป็นเรื่องสงครามทางตอนเหนือของอาณาจักรนอร์ตัน ลิงค์รู้ไม่เท่ากับเอเลียร์ดในเรื่องนี้ ดังนั้นโดยพื้นฐานแล้วเขาเพียงแค่นั่งฟังเอเลียร์ดพูดอยู่คนเดียวเกือบตลอดเวลา

 

“อืม ดูเหมือนว่าสงครามเข้าสู่ช่วงติดขัดแล้วนะ” เอเลียร์ดพูด

 

 

“นายหมายความว่ายังไง?” ลิงค์ถามอย่างตั้งใจ  เขายุ่งอยู่กับเรื่องของตัวเองตลอดเวลาจนทำให้เขาไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นทางตอนเหนือเลย

 

 

เอเลียร์ดกลืนน้ำลายแล้วถอยหายใจออกมายาวๆก่อนที่เขาจะตอบ เขาดูเป็นกังวลเรื่องสงครามมากๆ

 

“มีการต่อสู้ครั้งใหญ่เกิดขึ้น 2 ครั้ง มันพึ่งเกิดเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งมันเป็นการต่อสู้ที่รุนแรงและโหดร้ายมาก”เอเลียร์ดเริ่มเล่า “เขาว่ากันมาว่านักรบ 20,000 คนได้ตายไปในการต่อสู้นี้ แม้กระทั่งนักเวทย์สายต่อสู้หลายคนก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส-หลายคนได้เสียแขนขาของพวกเขาไป บางคนก็กลับมาที่สถาบัน และฉันก็ได้ไปเยี่ยมพวกเขามาด้วย พวกเขาหลายคนได้เสียแขนกับขาไป และหนึ่งในพวกเขาก็ถูกตัดคางออก! พวกเขาบอกว่าดาร์กเอลฟ์นักฆ่านั้นพยายามที่จะปาดคอของนักเวทย์ แต่ว่าโชคดีที่เขานั้นก้มหัวลงได้ทันเวลาและหนีเอาชีวิตรอดมาได้…ช่างโหดร้ายอะไรอย่างนี้!”

 

 

เอเลียร์ดส่ายหัวของเขาครั้งแล้วครั้งเล่า ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสงสารและความเสียใจ

 

เพราะทักษะทางด้านเวทมนตร์อันโดดเด่นของเขา ทำให้เขาได้รับการผ่อนผันการเป็นทหารและสามารถจดจ่อกับการเรียนเวทมนตร์ในสถาบันได้ แม้ว่าเขาจะดีใจกับมัน, แต่เขาก็อดรู้สึกผิดไม่ได้ที่เขานั้นได้ซ่อนตัวอยู่ย่างปลอดภัยในขณะที่อาณาจักรกำลังทำสงคราม เพื่อที่จะต่อสู้กับความรู้สึกนั้น เขาจึงทุ่มเทกับการเรียนมากขึ้นกว่าเดิมเพื่อที่จะชดเชยให้ความรู้สึกผิดนี้

 

“นักรบ 20,000 คนตายและยังมีคนบาดเจ็บอีกงั้นหรอ” ลิงค์พูดพร้อมกับขมวดคิ้วแน่น “นี่ก็หมายความว่าอาณาจักรกำลังจะแพ้สงครามหน่ะสิ?”

 

“ก็ไม่เชิงหรอก” เอเลียร์ดตอบ ”มันเหมือนกับแพ้ทั้งสองฝ่ายมากกว่า พวกดาร์กเอลฟ์เองก็ได้รับความสูญเสียไปไม่น้อยเหมือนกัน แต่ว่าในตอนนี้ความแข็งแกร่งของพวกมันเยอะขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ทุกการต่อสู้นั้นเป็นการต่อสู้ที่โหดร้ายและรุนแรง มีคนเสียชีวิตนับไม่ถ้วนและเลือดก็เลอะไปทั่วทุกไมล์ที่พวกเราขึ้นเหนือไป”

 

 

หลังจากนั้น ทั้งสองคนก็ตกอยู่ในความเงียบไปพักนึง

 

“บางทีกษัตริย์น่าจะทำเกินไปหน่อยนะ” ในที่สุดลิงค์ก็พูดออกมา “สิ่งที่ดีที่สุดที่ควรทำในตอนนี้ก็คือการประคองและเสริมพลังให้แนวป้องกัน พวกเราไม่ควรรุดหน้าขึ้นเหนือไปมากกว่านี้”

 

“ถึงมันจะเป็นความจริง” เอเลียร์ดตอบด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น “แต่ตอนนี้เลือดก็ได้หลั่งไปแล้ว ทุกคนมีสิ่งเดียวอยู่ในใจ และนั่นก็คือการฆ่า ลูกบอลได้เริ่มกลิ้งแล้ว และมันก็เป็นเรื่องยากที่จะหยุดมัน ฉันได้ยินมาว่ากองทัพหมกมุ่นอยู่กับความคิดที่ว่าจะขับไล่พวกดาร์กเอลฟ์ให้กลับไปสู่ใต้ดินอันมืดมิดที่พวกมันออกมา การเสนอแนะให้หยุดทั้งหมดจะถูกทำให้เงียบในทันที”

 

หลังจากที่พูดจบ เอเลียร์ดก็ดูเหมือนจะจมอยู่ในความเศร้า

 

 

“ลิงค์, นายไม่รู้หรอว่าช่วงนี้ในเมืองฮอทสปริงเป็นยังไง”เขาพูด “ตอนที่ฉันอยู่ที่นั่น ฉันเห็นชาวเมืองที่เคยถูกกระตุ้นด้วยชัยชนะก่อนหน้านี้กำลังตกใจกับผลของสงครามเมื่อเร็วๆนี้ และตอนนี้ทั้งหมดที่พวกเขาต้องการก็คือการแก้แค้น ขอพูดตามตรงเลยนะลิงค์ ฉันรู้สึกกลัวมากเลย…”

 

ผู้คนนั้นได้ถูกทำให้ตาบอดด้วยความโกรธและพวกเขาก็ไม่ต้องการอะไรนอกจากการหลั่งเลือดให้มากกว่าเดิม นั่นเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดที่สามารถเกิดขึ้นได้เมื่ออาณาจักรอยู่ในช่วงสงคราม

 

เมื่อผู้คนไม่ต้องการสิ่งอื่นนอกจากการหลั่งเลือดของศัตรู สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือพวกเขาจะสู้ไปจนกว่าศัตรูจะตายจนหมดหรือจนกว่าพวกเขาจะตายเท่านั้น และเมื่ออาณาจักรมาถึงจุดนี้ ผู้คนจะมีอาการคุ้มคลั่งจนพวกเขาลืมความรอบคอบในการล่าถอยเพื่อรักษาชีวิตของตัวเอง และนั่นก็ยิ่งทำให้ศัตรูสามารถทะลวงผ่านรอยแตกนั้นมาได้โดยง่าย และมันก็มีโอกาสสูงมากที่ทั้งอาณาจักรจะล่มสลายได้ (หมายเหตุ:อ้างอิงจากประวัติศาสตร์สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ของเยอรมัน)

 

 

ไม่ค่อยจะมีอะไรที่ลิงค์สามารถทำได้กับเรื่องนี้ กองทัพหลวงนั้นเต็มไปด้วยพวกขุนนาง ยิ่งพวกขุนนางแต่ละตระกูลมีอำนาจทางการทหารมากเท่าไหร่ พวกเขาก็จะยิ่งมีพลังมากขึ้นเท่านั้น ในตอนนี้, ลิงค์มีพลังน้อยมากจนเรียกได้ว่าแทบไม่มีเลย ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เขายังไม่ได้มีส่วนร่วมในสงครามทางตอนเหนือเลย ดังนั้นโดยพื้นฐานแล้วเขาจึงไม่มีสิทธ์ที่จะออกสิทธ์ออกเสียงในเรื่องนี้

 

 

สิ่งเดียวที่เขาสามารถทำได้ในตอนนี้ก็คือการพัฒนาความแข็งแกร่งของตัวเองและกองทัพของเขา

 

“เลิกพูดถึงเรื่องนี้กันเถอะ” ลิงค์พูด “ทำไมนายไม่มาอยู่นี่ซักสองสามวันล่ะ? พวกเรายังมีเรื่องให้คุยกันอีกเยอะเลยนะ”

 

ตอนนี้ลิงค์เป็นความภาคภูมิใจของสถาบันอีสโควฟ ดังนั้นจึงเป็นธรรมดา, ที่ทางสถาบันจะให้เรื่องนี้เป็นความสำคัญสูงสุด ซึ่งนั่นคือเหตุผลที่ทำไมในอีก 4 วันถัดมา ทางสถาบันถึงได้ส่งทีมก่อสร้างหอคอยเวทมนตร์มายังเทือกเขามอดไหม้ ทีมนี้ประกอบไปด้วย จอมเวทย์ 2 คน นักเวทย์ระดับสูง 8 คนและนักเวทย์ระดับกลาง 25 คน

 

ด้วยเหตุนี้ การก่อสร้างหอคอยเวทมนตร์ของลิงค์จึงเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ

Advent of the Archmage

Advent of the Archmage

Type: Author: , ,
เรื่องย่อ ลิงค์เป็นอาร์จเมจที่เก่งที่สุดในทุกๆเซิร์ฟเวอร์ เขาเพิ่งจะโค้นล้มบอสที่แข็งแกร่งที่สุด,เจ้าแห่งความลึก โนโซม่า ด้วยปาร์ตี้ของเขา อย่างไรก็ตาม,แทนที่เขาจะกลับไปที่เมื่อง เขากลับถูกส่งตัวไปที่พื้นที่ลับด้วยพิกเซลCG มันให้ความรู้สึกเหมือนกับสูญญากาศ และภายในนั้นก็ได้มีเสียงที่ยิ่งใหญ่และมากด้วยอำนาจที่เรียกตัวเองว่าพระเจ้าแห่งแสงสว่างดังขึ้น “ลิงค์ เจ้าเต็มใจที่จะเป็นผู้ช่วยชีวิตที่จะดึงโลกแห่งฟิรูแมนออกจากความปั่นป่วนไหม?” ภารกิจที่ยิ่งใหญ่นี้มันอะไรกัน! ถ้ามันเป็นโลกจริง ลิงค์ คงจะปฏิเสธไปในทันที อย่างไรก็ตามเขาก็มีความแน่วแน่ที่จะเป็นฮีโร่ในเกมส์ “จัดไปเลย!” ลิงค์ ตอบอย่างมั่นใจ “ถ้างั้นก็ขอให้เจ้าโชคดี” และนั่นจะเป็นการเริ่มต้นการเดินทางที่เต็มไปด้วย เวทย์มนตร์,มิตรภาพ,การทรยศ,ความรัก และความสิ้นหวังของ ลิงค์ ในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปของฟิรุแมน Link was the top Archmage in the entire server. He had just defeated the strongest boss, the Lord of The Deep, Nozama with his party. However, instead of going back to town, he was transported to a secret location with pixelated CG. It sort of felt like a vacuum, and within it came a glorious and commanding voice that calls himself the God of Light. “Link, would you be willing to be the saviour who will pull the World of Firuman out from the churning abyss?” What a huge mission! If it was in the real world, Link would have rejected it immediately. However, he was bent on being the hero in game. “Bring it on!” Link answered confidently. “Then, best of luck.” And so began Link’s journey of magic, friendship, betrayal, love and despair in the ever changing World of Firuman.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset